Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 19
ณ คาเฟ่ที่ตั้งอยู่ด้านนอกของที่ทำการกิลด์แห่งโอราริโอ้ หญิงสาวที่ดูงดงามกำลังนั่งมองไปที่เหล่านักผจญภัยที่กำลังทำธุระของตนอย่างเหม่อลอย ผู้ที่นั่งตรงข้ามเธอคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีท่าทางดุดันและพยายามอย่างมากเพื่อทำให้หญิงสาวหันมาสนใจ
หญิงสาวถอนหายใจข้างใน ขณะฟังเรื่องปัญญาอ่อนของคนโง่เง่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ เธอเริ่มสงสัยว่าทำไมถึงยอมให้เขามากับเธอตั้งแต่แรก ในฐานะเทพ รูปร่างของเขาเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล แต่หลังจากเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มเบื่อหน่ายกับมัน
ในขณะที่เจ้าคนโง่เง่ายังพูดต่อไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เธอก็มองไปที่เหล่านักผจญภัย การเฟ้นหาเหล่าผู้ที่มีความสามารถนั้นกลายเป็นสิ่งที่เธอทำเพื่อฆ่าเวลา และบ่อยครั้งที่เธอใช้เวลาว่างไปกับการสังเกตผู้ที่เข้าและออกจากสถานที่แห่งนั้น
เธอมักจะชื่นชมในรูปลักษณ์ภายนอกของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างกันอย่างไร้ที่สิ้นสุดเพราะมันไม่เหมือนกับรูปลักษณ์ภายนอกของเทพที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
สำหรับเธอแล้ว พวกเขาคือความตื่นเต้นอย่างเดียวในชีวิตของเธอ เธอมักจะชอบเหล่าผู้ที่มีจิตวิญญาณพิเศษซึ่งแฝงเร้นไปด้วยศักยภาพและการเติบโตที่ไม่อาจคาดเดาได้
เธอเริ่มไม่พอใจเป็นอย่างมากกับสหายที่อยู่ข้างกายและเริ่มเมินเขาอย่างสิ้นเชิง ขณะที่เธอกำลังจะไล่เขาออกไปและหยุดงานอดิเรกของเธอในวันนี้ เธอสังเกตเห็นความผิดปกติอยู่ภายในฝูงชน
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเทียบกับฝูงชนที่ใส่ชุดหลากสีแล้ว นับว่าเขาเป็นที่สะดุดตาอย่างมากในขณะที่กำลังเดินไปตามถนนซึ่งสวนทางกับฝูงชนอย่างสิ้นเชิง
ปกติแล้วเธอคงไม่สนใจคนที่ดูแปลกประหลาดกว่าคนอื่นเพียงเล็กน้อย ขาดทั้งไหวพริบและสามัญสำนึก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดวงตาของเธอกลับจ้องมองตามเด็กหนุ่มไป
เทพหนุ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม เขามองตามสายตาของเทพสาวที่ตนพยายามเอาอกเอาใจและสังเกตเห็นเด็กสกปรกๆ ที่เพิ่งจะย่างเข้าสู่วัยรุ่น เด็กหนุ่มสวมใส่เสื้อคลุมสีดำซึ่งดูเหมือนจะดูดซับแสง ในขณะที่เสื้อผ้าส่วนที่เหลือช่างไร้รสนิยมและดูสกปรกมอมแมม
เขามองไปยังเทพสาวและลองพูดกับเธอดู “ชุดของเจ้าเด็กนั่นดู… น่าสนใจมากนักเหรอ? ผมสงสัยเหลือเกินว่าเขากล้าใส่ชุดโง่เง่าแบบนั้นมาเดินกลางฝูงชนได้ยังไง หรือบางทีเด็กนั่นอาจจะอยากเป็นตัวตลก?” เขาหัวเราะให้กับสิ่งที่ตัวเองพูด
เมื่อได้ยินเสียงไม่พึงประสงค์ เทพสาวก็ไหวตัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองเทพหนุ่มอย่างดูถูก
“นายกลับไปได้ ฉันเริ่มเบื่อที่จะคุยกับนายแล้ว บางทีนายน่าจะประเมินตัวเองก่อนที่จะพูดถึงคนอื่นนะ”
เทพหนุ่มรู้สึกโมโหจากถูกตำหนิ เขายืนขึ้นก่อนที่จะสวนกลับไป “เฟรย่า อย่าคิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐกว่าคนอื่นแค่เพราะแฟมิเลียของเธอใหญ่กว่านิดหน่อยเอง เราทุกคนไม่ได้มี ‘สิทธิประโยชน์’ ที่มอบให้เด็กของเราในแบบที่เธอให้ได้หรอกนะ”
ประกายแสงฉายออกมาจากดวงตาของเฟรย่าขณะที่เธอจ้องมอง ‘หนอนแมลง’ เบื้องหน้าเธอ “เห? นายพูดเหมือนกับว่าตัวเองไม่อยากได้ ‘สิทธิประโยชน์’ นั่นเลยใช่ไหม นายคงจะรู้สึกต่ำต้อยมากเพราะมนุษย์สามารถลิ้มรสบางอย่างที่นายคงไม่มีวันจะได้ลอง”
“น-น-นี่เธอ! เธอกล้าดูถูกกันขนาดนี้เลยเหรอ!?” เขาตะโกน
เฟรย่ามองตรงเข้าไปในดวงตาของเขาและรออีกหลายอึดใจก่อนจะพูดต่อ “นายอยากได้ ‘สงคราม’ แทนไหมล่ะ?”
เทพหนุ่มหยุดคำพูดทุกอย่างที่กำลังจะออกมาจากลำคอของเขาทันที เขาจ้องเข้าไปในดวงตาของเฟรย่าและเห็นแววจริงจังที่อยู่ภายใน เขาโค้งเล็กน้อยให้กับเธอด้วยท่าทางอ่อนน้อมที่สุดขณะที่เหงื่อเย็นๆ เริ่มไหลลงมาตามแผ่นหลังของเขา
“ผมพูดมากไปหน่อย ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมขอตัวไปทำเรื่องอื่นก่อน” เขาออกจากบูธส่วนตัวในทันทีโดยไม่รอฟังคำตอบจากเฟรย่า อย่างเดียวที่คิดได้ในตอนนั้นคือหลบหนีจากสายตากดดันที่อยู่ด้านหลังของเขา
เฟรย่ายังคงมองไปที่เขาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเขาออกจากห้องไป เธอจดจำอย่างขึ้นใจว่าจะให้ออตตาร์ทำให้เหล่าเด็กๆ ของเทพผู้โง่เขลาบางคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในอนาคตอันใกล้
เธอหันกลับไปที่หน้าต่างและมองหาตัวเด็กหนุ่มที่ดึงดูดสายตาของเธอ หลังจากผ่านไปประมาณ 2 นาที ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้และเตรียมที่จะกลับ เธอไม่อาจเข้าใจได้ว่าอะไรในตัวเด็กหนุ่มคนนั้นที่ดึงดูดสายตาของเธอ แต่เธอตัดสินใจว่าหากได้มาเจอกันอีกในอนาคต เธอจะต้องหาสาเหตุนั้นให้เจอให้ได้
ขณะเดียวกันนั้นเอง วาห์นยังคงเดินตรงไปทางหอคอยบาเบลเรื่อยๆ จากนั้นอีกประมาณ 20 นาที เขาก็มาถึงพื้นที่ที่ดูเหมือนจะเป็นทั้งเขตที่อยู่อาศัยและย่านตลาด เมื่อคิดถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีสินค้าไหลเข้าออกบ่อยๆ และอยู่ใกล้กับกิลด์ด้วย วาห์นจึงตัดสินใจเข้าไปยังโรงแรมที่อยู่ใกล้เคียงที่มีชื่อว่า ‘ฮาร์ธเอ็มเบรส’
เมื่อเข้าสู่โรงแรม วาห์นก็ดึงดูดความสนใจของเด็กสาวสวมเครื่องแบบที่น่าจะอายุประมาณ 10 ขวบ เธอมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มซึ่งถูกผูกแยกกันเป็นสองข้างอย่างและดูมีชีวิตชีวา ลักษณะเด่นที่สุดก็คือหูแมวที่กระดิกอย่างสนุกสนานอยู่บนหัวของเธอ หูแมวช่วยขับเน้นใบหน้าที่ดูธรรมดาของเด็กสาวซึ่งยังมีแก้มที่ยุ้ยแบบเด็กๆ ให้ดูโดดเด่นขึ้นมาก
เด็กสาวมองตรงไปที่วาห์นด้วยดวงตาสีทองขนาดใหญ่และตะโกนออกมา “ยินดีต้อนรับค่าาาาาาาาาาาาา~! คุณต้องการที่จะพักค้างคืนที่นี่หรือเปล่าคะ~? หรือว่าต้องการที่จะสั่งอาหารคะ~เมี๊ยว?”
วาห์นตกเข้าสู่ภวังค์อย่างสมบูรณ์ขณะที่เขาจ้องตรงไปที่หูทั้งสองข้างบนส่วนหัวของเด็กสาวที่กำลังขยับไปมา แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นของจริงและเคยเห็นหญิงสาวที่มีหูกระต่ายจากระยะไกลมาแล้ว แต่เขาก็ยังตื่นตาตื่นใจกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าอยู่ดี เขาไม่อาจละสายตาไปจากหูทั้งสองข้างได้….(“อ๊ะ มันขยับอีกแล้ว!”)
เด็กสาวเริ่มถอยห่างออกมาเพราะสายตาของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอ แม้ว่าเธอจะสัมผัสถึงอันตรายจากการมองของเขาไม่ได้ แต่มันก็ทำให้เธออึดอัดเป็นอย่างมาก
“แม่จ๋าาาา มีลูกค้าที่อยากคุยกะแม่นะ~เมี๊ยว!” เธอตะโกนออกมาก่อนจะวิ่งไปที่ห้องด้านหลัง
วาห์นมองต่ำลองขณะที่เห็นเด็กสาววิ่งหนีไป ตามที่เขาคาดไว้ เมื่อเด็กสาวหันหลัง สิ่งที่อยู่ข้างหลังเธอก็คือหางที่โผล่ออกมาจากริบบิ้นตรงส่วนเอวบนชุดเครื่องแบบของเธอ ขณะที่เขามองเด็กสาววิ่งหายเข้าไปในห้องด้านหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจถึงการมีอยู่ของหูและหางแมวบนโลกใบนี้ เขาอยากรู้มากว่ามันติดกับตัวในสภาพแบบไหน และหากเด็กสาวคนนั้นยังอยู่ เขาคงถามเธอไปแล้ว
ผ่านไปไม่นานก็มีหญิงสาวที่ดูคล้ายเด็กคนนั้นเดินผ่านออกมาจากประตู พวกเธอมีลักษณะที่คล้ายกันมาก แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นดูเป็นผู้ใหญ่กว่า
เธอสูงประมาณ 1.7 เมตร และมีรูปร่างแข็งแรงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้เธอจะสวมใส่เครื่องแบบสีฟ้าคล้ายกับชุดเมดอยู่ก็ตาม วาห์นปล่อยให้สายตาเคลื่อนไปตามตัวหญิงสาวก่อนที่จะเปลี่ยนไปสนใจหน้าอกของเธอซึ่งมีขนาดพอประมาณและมองเห็นได้ชัดเจน
เขาจ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปมองที่ส่วนหัวเพื่อสังเกตหูของเธอ ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น เขาก็เห็นออร่าที่ออกมาจากร่างของเธอ มันเป็นการผสมกันระหว่างสีส้มและสีแดงคล้ายกับเปลวไฟอ่อนๆ แม้เขาจะไม่เข้าใจถึงความหมายของแต่ละสี แต่เขาพอดูออกว่าเธอคงจะโกรธเขาเพราะ ‘เปลวไฟ’ กำลังสั่นไหวไปมา
หลังจากที่ ‘ทีน่า’ บุตรสาวของเธอบอกเรื่องผู้ชายประหลาดที่เพิ่งมาถึง หญิงสาวนาม ‘มิลัน ยูเอล’ จึงออกมาจากห้องครัว ในตอนที่เธอก้าวผ่านประตูออกมานั้นเอง เธอก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองของเด็กหนุ่มตรงหน้า ในฐานะที่เป็นผู้หญิงและเจ้าของโรงแรม เธอมีความรู้สึกที่ไวต่อสายตาจ้องมองของผู้อื่นเป็นอย่างมาก เธอสังเกตเห็นความสนใจที่อยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่ม และยังไม่อยากที่จะกล่าวสั่งสอนเขา จนกระทั่งดวงตานั่นเริ่มลดต่ำลงมาที่หน้าอกของเธอ…
เธอเริ่มโกรธเด็กหนุ่มที่ยังคงจ้องตรงนั้นอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันไปมองตรงส่วนหัวของเธอ (‘นี่เขากำลังมองหูของเราอยู่เหรอ?’) เธอสงสัย เมื่อความคิดเช่นนั้นผ่านเข้ามาในหัวเธอ เธอพบว่าตอนที่สายตาของเขาจ้องมองหูของเธอ สีหน้าของเขาก็เริ่มแข็งทื่อและมีท่าทางสำนึกผิดเล็กน้อย
เธอพูดกับเด็กหนุ่มอย่างใคร่รู้ “อะไรพาเธอมาที่โรงแรมของฉันเหรอ พ่อหนุ่มน้อย?”
วาห์นสังเกตเห็นว่าออร่าที่เหมือนกับเปลวไฟเริ่มจางหายไปและมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวที่เพิ่งจะพูดกับเขา
“ได้โปรดยกโทษให้กับการเสียมารยาทของผมด้วยครับ คุณผู้หญิง ผมเพิ่งจะเข้าเมืองมาในวันนี้เอง และกำลังมองหาที่พักแบบหลายวัน โรงแรมของคุณทำให้ผมสนใจเพราะดูเหมือนมันจะตั้งอยู่บนทำเลที่สะดวกมาก”
มิลานมองไปทางเด็กหนุ่มและประเมินเขาใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าเขาดูเหมือนเหมือนนักเดินทางแต่เธอยังไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถจ่ายค่าห้องและอาหารได้เมื่อดูจากสภาพของเสื้อผ้าที่เขาใส่อยู่
“อย่างนั้นเองเหรอคะ? เอาล่ะ ค่าห้องพักคือ 2100 วาลิสต่อคืนและจ่ายเพิ่มอีก 400 วาลิสสำหรับอาหารและน้ำ เธอสามารถเลือกทานอาหารที่บาร์หรือจะให้เรานำมันไปวางไว้ที่ช่องวางอาหารใกล้กับห้องของเธอก็ได้หากเธอต้องการ”
วาห์นพยักหน้าก่อนถามต่อ “จะเป็นอะไรไหมครับถ้าผมจ่ายแค่ค่าห้อง? พอดีว่าผมวางแผนเรื่องอาหารและน้ำเอาไว้แล้ว”
“ได้สิ แต่เธอห้ามนำอาหารจากข้างนอกเข้ามาภายในโรงแรมตอนช่วงทานอาหารนะ มันจะไม่ดีต่อธุรกิจถ้าลูกค้าคนอื่นเริ่มมีความคิดแบบเดียวกัน” มิลานพยักหน้าและตอบคำถามของเด็กหนุ่ม เธอเดาว่าเขาคงไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายเนื่องจากท่าทางสบายๆ ของเขา “เธอจะพักที่นี่กี่คืนดีล่ะ? ทางเราจะมอบส่วนลด 10% ให้หากเธอพักนานกว่าหนึ่งสัปดาห์”
วาห์นพบว่าส่วนลด 10% จะทำให้เขามีเงินพอที่จะจ่ายค่าเช่าได้ทั้งสัปดาห์ เขาเริ่มประหลาดใจกับความแม่นยำในการมองการณ์ไกลของ ‘เดอะพาธ’ และเขาก็ไม่ได้กังวลที่จะใช้เงินที่มีอยู่ทั้งหมดเช่นเดียวกัน เนื่องจากเขาสามารถหาเงินได้มากขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ดันเจี้ยน
“ผมต้องการจองห้องพักสำหรับหนึ่งสัปดาห์เลยครับ” เขาส่งถุงเงินที่ได้รับจากกิลด์ให้กับเธอ
หลังจากตรวจสอบยืนยันจำนวนเงินที่เขาส่งมาให้แล้ว มิลานก็มองไปยังเด็กหนุ่มที่แอบมองหูและหางของเธอ เธอตรวจสมุดจองห้องพักที่เขาเพิ่งลงชื่อก่อนจะถามขึ้น “ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ วาห์น เมสัน เธอไม่เคยเห็นมนุษย์แมวมาก่อนใช่ไหม?”
วาห์นประหลาดใจกับคำถามนี้และไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป “ใช่ครับ ผมอาศัยอยู่ในป่ากับปู่สองคนและไม่เคยติดต่อกับมนุษย์คนอื่นมาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้”
ดูจากสีหน้าที่ตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม มิลานพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “เป็นแบบนั้นเองเหรอ งั้นวันนี้ฉันจะไม่ว่าอะไร แต่เธอควรจะจำเอาไว้นะว่ามันไม่สุภาพมากที่จะจ้องมองผู้หญิงโดยที่เธอไม่ยินยอม เธอทำให้ลูกสาวของฉันกลัวแทบตาย ทีน่าคิดว่าจะถูกเธอเขมือบเขาไปแล้วซะอีก!” มิลานหัวเราะขณะมองสีหน้าที่ปั่นป่วนขึ้นของเด็กหนุ่ม
วาห์นก้มศีรษะลงพร้อมกับกล่าวคำขอโทษที่จริงใจที่สุด ในขณะที่หญิงสาวกลับหัวเราะออกมา เขาหันไปหาเธอด้วยอาการสับสนขณะที่หญิงสาวบังริมปากของเธอและยังคงหัวเราะคิกคักต่อไปอีกครู่หนึ่ง เขาเห็นออร่ารอบตัวเธอกลายเป็นสีเหลืองและมีสีฟ้าอยู่ตรงขอบนอก
(“อยากรู้จริงๆ เลยว่าสีพวกนี้มันหมายถึงอะไร ตามที่เราพอเข้าใจ ยิ่งสีเข้มขึ้นจะหมายความว่าคนคนนั้นไม่ชอบเรา แต่สีเหลืองกับสีฟ้าฟ้านี่มันคืออะไรกัน?”) วาห์นอดสงสัยไม่ได้ในขณะที่ความคิดแบบคนใจกล้าแล่นเขามาในหัว
“ขอโทษนะครับ คุณ… เอ่อ….”
“มิลาน ยูเอลค่ะ ฉันเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้” มิลานเห็นถึงความหวั่นเกรงของเด็กหนุ่ม แต่ความอยากรู้อยากเห็นในแววตาของเขาก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเธอไปได้
“คุณยูเอลครับ ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะขอกัน แต่ว่าผม… เอ่อ… ขอจับหูหน่อยได้ไหมครับ?” แม้เขาจะไม่ทราบเหตุผล แต่วาห์นก็เริ่มประหม่ามากขึ้นในแต่ละคำที่เขาพูดออกไป นอกจากนี้เขายังเห็นถึงออร่าที่ผันผวนเล็กน้อยของมิลาน ตอนนี้สีเหลืองเริ่มโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม
“แหม~ ได้สิ แต่ให้แค่ครั้งเดียวนะ ถ้าหากมีอะไรมากกว่านั้น ฉันจะให้เธอรับผิดชอบด้วยก็แล้วกัน~เมี๊ยว” มิลานรู้สึกขบขันกับท่าทางของวาห์นและอดไม่ได้ที่จะแหย่เขานิดหน่อย
แม้เขาจะไม่มั่นใจถึงความหมายที่เธอบอกว่าจะให้เขารับผิดชอบ แต่เขาก็พอเข้าใจได้ว่ามันคงเป็นสิ่งที่อันตรายมากแน่นอน เขาเอาชนะความกลัวของตัวเองและยื่นมือออกไปขณะที่มิลานก็เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มที่แฝงแววเจ้าเล่ห์ เมื่อมือของเขาสัมผัสกับหู เขาก็สะดุ้งขึ้นเมื่อมันกระดิกอย่างเป็นธรรมชาติ
เขาเริ่มเอื้อมมือออกไปอีกครั้งก่อนที่มิลานจะขัดจังหวะ “แหม~ บอกแล้วไงว่าให้แค่ครั้งเดียว คิคิคิ~” เธอยิ้มขณะมองมือที่ยื่นออกมา
วาห์นรีบดึงมือกลับและกล่าวขอโทษ
“คิคิคิ~ ไม่เป็นไรหรอก วาห์น นี่กุญแจห้องของเธอ ห้องจะยู่บนชั้นสองสุดทางเดินด้านขวานะ เก็บรักษากุญแจของเธอให้ดีล่ะ ไม่งั้นเธอจะต้องเสียค่าธรรมเนียมสำหรับกุญแจและตัวล็อกใหม่~” เธอพอใจกับการตอบรับของเขา และส่งเขาขึ้นไปด้วยรอยยิ้มและโบกมือให้
วาห์นรีบขึ้นบันไดและมุ่งหน้าไปที่ชั้นสอง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเหมือนถูกแกล้ง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง โชคยังดีที่เขาทำตามแผนที่คิดไว้สำเร็จในช่วงเวลาอันสั้น
‘ดูค่าความชื่นชอบ: มิลาน ยูเอล {[ค่าความชื่นชอบ: 53[ค่าความเป็นมิตร], ค่าความสนใจ:59[รู้สึกขี้เล่น]}
วาห์นไม่เข้าใจถึงความหมายที่อยู่เบื้องหลังของตัวเลขหรือการที่มันเกี่ยวข้องกับสีต่างๆ ยังไง ในที่สุดเขาก็มีห้องเป็นของตัวเอง เขาเปิดประตูและมองไปรอบๆ สถานที่ที่เขาจะอยู่อาศัยในอนาคตอันใกล้นี้ มันเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 50 ตารางเมตรซึ่งเล็กกว่าถ้ำของเขามาก มีเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ โต๊ะเขียนหนังสือพร้อมโคมไฟ และพื้นที่แยกขนาดเล็กสำหรับอาบน้ำ
วาห์นนอนลงบนเตียงและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วห้อง แม้ว่าถ้ำของเขาจะไม่หนาวเย็น แต่มันก็ไม่เหมือนกับการอาศัยอยู่ในห้องพักที่มีคนจัดเตรียมให้และได้รับการดูแล
มันเป็นวันที่ยาวนาน ดังนั้นวาห์นจึงเลือกที่จะงีบเล็กน้อยก่อนออกไปทานอาหารค่ำ มีสถานที่หนึ่งที่มักปรากฏอยู่ในมังงะซึ่งเขาอยากจะไปเยี่ยมชม แต่สำหรับตอนนี้ เขามีความสุขที่ได้มีที่พักอาศัยซึ่งล้อมรอบไปด้วยผู้คนน่าสนใจ
เขาเริ่มมองไปยังอนาคต ขณะที่เปลือกตาค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ…
//มิลาน ยูเอล: ค่าความชื่นชอบ + 1//
ขณะที่เสียงเตือนดังขึ้นในหัวของเขา วาห์นก็เข้าสู่ดินแดนในฝันไปแล้ว
—————