Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 20
หลังจากพักผ่อนไปไม่กี่ชั่วโมง วาห์นก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงจากการแจ้งเตือนภายในหัวของเขา
//มิลาน ยูเอล: ความสนใจ – 1//
วาห์นรู้สึกสับสนเล็กน้อยและเรียกบันทึกระบบขึ้นมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นในขณะที่เขาหลับไป
//บันทึกระบบ//
//มิลาน ยูเอล: ความชื่นชอบ +1//
//มิลาน ยูเอล: ความสนใจ – 1//
//มิลาน ยูเอล: ความสนใจ +1//
//มิลาน ยูเอล: ความสนใจ – 1//
//มิลาน ยูเอล: ความสนใจ – 1//
(“นี่คงเป็นรายละเอียดเพิ่มเติมที่พี่สาวพูดถึงในตอนที่เราไปแตะออร่าของคนอื่นและใช้ ‘ดูค่าความชื่นชอบ’ สินะ ดูเหมือนมันจะแจ้งเราทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่เราไม่ได้อยู่ใกล้กันล่ะ”)
(*เหตุผลง่ายมากเลยนะ วาห์น ลองนึกภาพถ้าเธอโกรธใครสักคนมากๆ แต่จากที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน ความโกรธของเธอก็จะลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไปและเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง มันก็อาจจะหายไปทั้งหมดเลย*)
วาห์นรู้สึกเหมือนโดนน้ำเย็นสาดหน้าหลังจากฟังคำอธิบายของพี่สาว (“พี่กำลังจะบอกว่าความคิดและความรู้สึกของผู้คนจะเปลี่ยนไปตามการพบปะ เวลา และปัจจัยอื่นๆ งั้นเหรอ?”)
(*ถูกต้องแล้ว แต่เธอควรจำไว้ว่าความรู้สึกของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างก็ตอบสนองในแบบที่คาดเดาไม่ได้ และปัจจัยเรื่องเวลาอาจทำให้ความรู้สึกบางอย่างดีขึ้นหรือแย่ลง*)
เขาพอจะเข้าใจในสิ่งที่พี่สาวบอกอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่กับแม่ แต่ความรักที่เขามีต่อเธอนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป นอกเหนือจากเรื่องต่างๆ ที่พบเจอใน ‘เรคคอร์ด’ แล้ว นั่นถือว่าเป็นเรื่องหลักที่เป็นแรงผลักดันให้กับเขา
*เสียงท้องร้อง~*
เมื่อได้ยินเสียงประท้วงจากท้องของเขา วาห์นจึงรีบออกจากห้องและล็อกประตูอย่างรวดเร็ว แม้เขาจะไม่ได้ทิ้งของมีค่าไว้ข้างใน แต่เขาก็รู้สึกดีกับการที่ได้มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง แถมยังสามารถล็อกมันเองกับมือเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปได้
เมื่อลงมาข้างล่าง เขาก็พบเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังเสิร์ฟอาหารให้แขกคนอื่นอย่างช่ำชอง เมื่อสังเกตเห็นเขา เธอก็เริ่มถอยห่างออกไปก่อนที่จะพูดว่า “แม่ฉันบอกว่านายก็เป็นแขกล่ะ~เมี๊ยว แล้วก็เตือนไม่ให้นายมาจับหูหรือหางด้วยนะ~เมี๊ยว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กสาวพูด ลูกค้ารอบๆ ต่างหัวเราะกันลั่น
“ฮ่าๆ จัดการเขาให้อยู่หมัดเลยนะแม่หนู นายเองก็อย่าเอามือไปซุกซนมากนักล่ะ!” ชายคนหนึ่งพูดด้วยเสียงนุ่มลึก
“ใช่แล้ว บอกเขาไปแบบนั้นแหละ จิม! ห้ามเอามือสกปรกมาแตะทีน่าน้อยของพวกเรานะ!” เพื่อนของจิมร้องบอกพร้อมกับชูแก้วเบียร์
วาห์นไม่รู้ว่าจะพูดตอบยังไงดี เขาจ้องมองเด็กสาวที่ดูเหมือนจะหวาดกลัวเขามากและสังเกตว่าออร่าของเธอเป็นสีม่วงอ่อน แม้เขาอยากลอง ‘สัมผัส’ เธอเพื่อดูค่าความชื่นชอบ แต่คิดว่าตอนนี้คงจะไม่ใช่เวลาที่ดีเท่าไหร่
เขารู้สึกยอมแพ้และโบกมือทักทายผู้เป็นเจ้าของโรงแรงที่ดูจะเพลิดเพลินไปกับความลำบากใจของเขาก่อนเดินออกไปจากโรงแรม
//มิลาน ยูเอล: ความสนใจ + 5//
//มิลาน ยูเอล: ความชื่นชอบ + 2//
เมื่อเห็นการแจ้งเตือนนี้ เขาก็แทบจะสะดุดล้มซึ่งทำให้เสียงหัวเราะในโรงแรงดังขึ้นมาอีกรอบ
//มิลาน ยูเอล: ความชื่นชอบ + 1//
เขาเดินออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะถามทางจากคนแถวนั้น คืนนี้เขาตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมชมสถานที่ยอดนิยมแห่งหนึ่งในมังงะ ‘เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม’ (Hostess of Fertility) นั่นคือที่ที่เบลล์ได้พบกับ ‘ซีล โฟลว่า’ สาวงามผู้มีเรือนผมสีเงิน และนั่นยังเป็นที่ทำงานของ ‘ริว ไลอ้อน’ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครที่เขาโปรดปราน เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้พวกเธอจะทำงานที่นั่นหรือยัง แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลองไปดูสักครั้ง เขาจำได้ว่ามันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเนื่องจากพนักงานทุกคนเป็นหญิงสาวสวยและอาหารก็สุดยอดมากๆ
หลังจากเดินอีกเกือบครึ่งชั่วโมง วาห์นก็มาถึงร้าน ‘เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม’ มันมีขนาดใกล้เคียงกับสำนักงานของกิลด์และยังเป็นอาคารแบบสามชั้นที่ดูเหมือนจะสามารถรองรับแขกหลายร้อยคนได้อย่างสบาย วาห์นได้กลิ่นหอมน่าเย้ายวนหลุดออกมาจากประตูทางเข้าที่เปิดออกเล็กน้อย มันเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่กลิ่นอาหารได้เข้ายึดประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาเอาไว้
*เสียงท้องร้องที่ดังกว่าครั้งไหนๆ *
ด้วยความคาดหวังที่เพิ่มขึ้น เขาเดินผ่านประตูและได้รับการต้อนรับทันที
“ยินดีต้อนรับสู่เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อมนะ~เมี๊ยว คืนนี้คุณจะทานมื้อเย็นที่นี่เลยหรือเปล่าคะ~?”
วาห์นมองไปที่เสียงนั้นและเห็นมนุษย์แมวที่มีเรือนผมสีดำและดวงตาสีเขียวยิ้มให้เขาด้วยสายตาที่แหลมคม เธอมีรูปร่างบอบบางและสูงประมาณ 158 ซม. แต่ก็ยังสูงกว่าเขาเล็กน้อย ออร่าของเธอเป็นสีเหลืองและล้อมรอบด้วยสีชมพูจางๆ
(TL: ผู้เขียนได้เปลี่ยนข้อมูลส่วนสูงจากการใช้ เมตร เป็น เซนติเมตร แทน ตอนนี้วาห์นสูงประมาณ 150 ซม. นะครับ)
“เมี๊ยว~? จ้องแบบนี้คงไม่ค่อยดีนะคะคุณลูกค้า~” ดูเหมือนว่าเธอกำลังเตือนสติเขาอยู่ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็กว้างขึ้นจนทำให้ดวงตาของเธอแทบปิด
วาห์นหลุดจากอาการมึนงงและพยักหน้าอย่างสุภาพก่อนจะพูด “ต้องขอโทษด้วยนะครับ และใช่แล้ว ผมอยากทานมื้อเย็นที่นี่เลย ผมได้ยินเรื่องดีๆ เกี่ยวกับร้านนี้และอยากมาลองด้วยตัวเองสักครั้ง”
ในขณะพาเขาไปยังบริเวณใกล้บาร์ เธอก็อดที่จะถามไม่ได้ “นายได้ยินเรื่องอะไรมาบ้างเหรอ~ เมี๊ยว?”
วาห์ตอบไปแบบไม่ทันคิด “พวกเขาบอกว่าที่นี่มีทั้งสาวสวยและอาหารก็ชั้นหนึ่งเลย” หลังจากที่หลุดคำพูดออกไป เขาก็รู้สึกขนลุกไปถึงกระดูกสันหลัง
“สาวน่ารักงั้นเหรอ~เมี๊ยว? นั่นรวมถึงฉันด้วยหรือเปล่านะ” เธอแสดงสีหน้าขี้เล่นออกมามากกว่าเดิมในขณะที่ใช้นิ้วจิ้มตรงคางและและเอียงหัวเล็กน้อย
วาห์นเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกได้ถึงอันตรายที่แผ่ออกมาจากสายตานั่นขณะที่เขาเห็นว่าออร่าของเธอมีสีเข้มขึ้น
เขากลืนน้ำลายก่อนยิ้มให้ “นะ…แน่นอนสิครับ”
เมื่อได้ยินคำตอบของเขา มนุษย์แมวแสนซนก็โน้มตัวเข้าหาเขาด้วยรอยยิ้มที่แสนอันตราย “โอ้ แล้วฉันสวยที่ตรงไหนน้า~เมี๊ยว” เธออดไม่ได้ที่จะหยอกล้อกับเด็กหนุ่มอีกหน่อย
ความคิดในหัวของวาห์นหมุนไปมาอย่างรวดเร็วในขณะที่เธอขยับเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาเรื่อยๆ เมื่อเธออยู่ห่างจากเขาไม่ถึงหนึ่งคืบ เขาก็โพล่งสิ่งแรกที่พอจะนึกออก “เรือนผมและหูของเธอน่ารักมากเลยล่ะ!”
หญิงสาวดูนิ่งไปครู่หนึ่งและวาห์นสังเกตเห็นว่าใบหูบนหัวของเธอเริ่มสั่นไปมา ออร่าที่เปล่งออกมาจากร่างของเธอเริ่มผันผวนเล็กน้อย วาห์นนึกว่าอาจทำให้เธอขุ่นเคืองใจ เขาจึงคิดจะขอโทษเมื่อเธอขัดจังหวะเขาเสียก่อน
“ฉันชื่อ โคลอี้ โลโล่ แล้วนายล่ะ~เมี๊ยว?”
วาห์นสังเกตเห็นดวงตาของเธอดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยแสงที่ดู ‘ชั่วร้าย’ ราวกับว่าเขากำลังถูกบังคับให้ตอบ “ชื่อของผมเหรอ? ผมวาห์น เมสัน”
“วาห์น เมสัน~? นายอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ วาห์น~?” ดูจากท่าทางของเธอราวกับว่ากำลังสอบสวนเขาอยู่เลย
ขณะที่เขากำลังเตรียมคำตอบอยู่นั้น ก็มีเสียงอื่นตัดเข้ามาจากอีกฟากหนึ่งของบาร์ “โคลอี้ เธอทำให้เด็กนั่นกลัวใหญ่แล้วนะ รับออร์เดอร์ของเขาแล้วกลับไปทำงาน ไม่งั้นฉันจะให้คนอื่นมาดูแลเขาแทน!”
เมื่อเสียงนั้นพูดจบ โคลอี้ก็กลับไปแสดงท่าทางแบบเป็นการเป็นงานและโค้งคำนับให้วาห์นเล็กน้อย “ยกโทษให้ฉันด้วยนะ~เมี๊ยว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกดดันนายเลย ฉันแค่อดใจไม่ไหวเท่านั้นเองล่ะ~ เมี๊ยว”
ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น วาห์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะสั่งอาหารกับโคลอี้ ขณะที่เธอเดินผ่านไปเพื่อส่งออเดอร์ให้ทางห้องครัว เธอก็แอบส่ายหางของเธอมาถูกมือเขาอย่างลับๆ
วาห์นรู้สึกถึงสัมผัสอันนุ่มนวลอย่างไม่คาดคิด เขามองไปทางเธอและเห็นเธอขยิบตาให้ก่อนที่จะหันกลับไป
//โคลอี้ โลโล่: ความชื่นชอบ + 7//
//โคลอี้ โลโล่: ความสนใจ + 11//
เมื่อเขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนภายในหัว วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนกำลังเดินผ่านทุ่งระเบิดที่เขาจำไม่ได้ว่าฝังระเบิดไว้ตรงไหนบ้าง
ผู้หญิงที่กล่าวตักเตือนโคลอี้เมื่อกี้นี้เห็นสีหน้าเขาและเดินเข้ามาหา
“อย่าไปยอมเธอมากนะไอ้หนู บางทีเธอก็เป็นแบบนั้นกับเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่า เธอต้องกล้าๆ หน่อย ไม่งั้นในอนาคตจะถูกคนอื่นจะเอาเปรียบได้”
วาห์นพยักให้และมองขณะที่เธอเดินกลับไปดูแลลูกค้าที่บาร์ แม้เธอจะดูต่างไปจากในมังงะ แต่เขาก็จำเธอได้ทันที เธอคือ ‘มีอา แกรนเด้’ ผู้เป็นเจ้าของ ‘เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม’ เธอสูงประมาณ 180 ซม. และมีสัดส่วนที่บ่งบอกอายุของเธอ เธอมีผมและดวงตาสีน้ำตาลซึ่งทั้งสองอย่างดูราวกับจะเปล่งประกายไปกับแสงในร้าน แม้วาห์นจะรู้ว่าเธอกำลังย่างเข้าวัยห้าสิบแล้ว แต่เธอก็แฝงไปด้วยความเยาว์วัย เนื่องจากความลับที่ว่าเธอเป็นหนึ่งในไม่คนในเมืองที่ได้เข้าสู่เลเวล 6
ในขณะที่เขากำลังรออาหารอยู่ เขาก็เริ่มมองไปรอบๆ เพื่อดูว่าจะสามารถจำคนอื่นได้หรือเปล่า แม้ว่าเขาจะไม่พบซีลหรือริว แต่เขาก็เห็น ‘อาเนีย ฟรอมเมล’ และ ‘ลูนัวร์ เฟาสต์’ พวกเธอทั้งคู่กำลังเดินไปรอบๆ ในชุดพนักงานเสิร์ฟและวาห์นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นพวกเธอพูดคุยกับลูกค้าคนอื่นๆ
“มองเพลินเลยนะ~เมี๊ยว?”
“อืมมม” วาห์นพยักหน้ารับก่อนจะสะดุ้งเมือนโดนไฟดูดและหันไปหาผู้พูด
โคลอี้กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ พร้อมกับอาหารและจ้องมองขณะที่เขาสอดส่องไปรอบๆ ร้าน แม้เธอจะคิดมันดูตลกในตอนแรก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อเขาไม่สังเกตเห็นเธอเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เมื่อเห็นว่า ‘มามามีอา’ กำลังยุ่งกับลูกค้าคนอื่น เธอจึงตัดสินใจ ‘ลงโทษ’ วาห์นจากการไม่สนใจเธอ
โคลอี้วางอาหารของเขาลงบนบาร์ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ด้านซ้ายของเขาซึ่งเป็นจุดบอดเล็กน้อยเว้นแต่ว่ามามามีอาจะมองตรงมาทางนี้ เธอหันไปหาวาห์นพร้อมกับยิ้มกว้างก่อนที่จะผายมือไปที่จานของเขา
“เอาไปสิ~ ทานได้เลยนะ~เมี๊ยว”
วาห์นรู้สึกได้ว่าขนที่หลังคอของตนกำลังลุกขึ้น เขายิ้มขณะยกส้อมขึ้นและมองไปที่จาน แม้ว่าอาหารจะไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ เขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่านี่คืออาหารมื้อสุดท้ายของตัวเอง…
วาห์นเริ่มม้วนเส้นสปาเก็ตตี้อย่างช้าๆ เขาเริ่มนำมันใส่ปากแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจมูกของเขาสูดกลิ่นของอาหารจานนี้เข้าไป เขารู้สึกผ่อนคลายจากเรื่องก่อนหน้านี้ และอดไม่ได้ที่จะหลับตาพร้อมสูดดมกลิ่นหอมอันเข้มข้น หลังจากสูดดมเข้าไปหลายครั้ง วาห์นก็นำอาหารเข้าปากและลิ้นของเขาก็ถูกจู่โจมจากสมุนไพรและเครื่องเทศหลากชนิด
เขาเกือบจะรู้สึกเหมือนวิญญาณตัวเองกำลังลอยออกจากร่างและใกล้จะได้ย้ายไปอยู่อีกโลกหนึ่ง เขาลิ้มรสทุกจังหวะในขณะที่เคี้ยวเส้นสปาเก็ตตี้อันเหนียวแน่นและซอสเนื้อหมักเครื่องเทศอย่างช้าๆ เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าอาหารจะมีรสชาติที่ดีขนาดนี้
ในชีวิตที่ผ่านมา เขาเคยได้รับแต่อาหารเสริมวิตามินและของเหลวที่ผสมสารอาหารเท่านั้น
นับตั้งแต่ที่มาถึงในโลกนี้ เขามีโอกาสได้ลองชิมผักและผลไม้ป่าหลากหลายชนิดรวมถึงเนื้อสัตว์ที่ล่าเองกับมือ เขาเข้าใจผิดมาตลอดว่ารสชาติธรรมดาๆ ของเนื้อสัตว์ที่เขาย่างนั้นคือสุดยอดแล้ว เพราะมันมีรสชาติดีกว่าสิ่งที่เขาได้รับในห้องทดลอง…
“เอ่อ~ ทำไมนายต้องร้องไห้ด้วยล่ะ~เมี๊ยว? นี่ฉันเล่นแรงไปเหรอ”
เมื่อได้ยินเสียงที่ดูกังวล วาห์นก็มองไปที่โคลอี้และเห็นสีหน้าเชิงขอโทษบนใบหน้าเธอขณะที่กำลังจ้องมองเขา เขาเอื้อมมือไปแตะที่ใบหน้าของตัวเองและพบว่าเขากำลังร้องไห้ให้กับรสชาติอาหาร
เขาเขินอายจนได้แต่มองไปทางอื่นและกล่าวว่า “ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก อาหารมันอร่อยมากจนผม…”
โคลอี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพบว่ามามามีอากำลังมองมาทางนี้ซึ่งทำให้เธอตกใจเล็กน้อย แทนที่จะพูดอะไรต่อ มีอาเพียงแค่ชูนิ้วโป้งให้อย่างเงียบๆ และโบกไม้โบกมือให้เธอกลับไปทำงานต่อ
วาห์นนั่งทานต่อหลังจากที่โคลอี้ลุกไปแล้วแถมยังสั่งมาเพิ่มจานด้วย หลังจากทานจานที่สองหมดและจ่ายค่าอาหารแล้ว เขาก็เตรียมที่จะกลับ ระหว่างทางที่เขากำลังเดินออกไป โคลอี้ก็มาส่งเขาและให้เขาสัญญาว่าจะกลับมาในช่วงกะทำงานของเธออีก
ระหว่างทางกลับบ้าน เขาเพิ่งจำได้ว่ามีการแจ้งเตือนก่อนหน้านี้และตัดสินใจดูค่าความชื่นชอบของโคลอี้
‘ดูค่าความชื่นชอบ’ โคลอี้ โลโล่ {[ความชื่นชอบ: 64[รู้สึกสนใจ], ความสนใจ:71[ปรารถนาจะลูบไล้]}
เมื่อเห็นค่าความสนใจ วาห์นก็รู้สึกถึงเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลออกมาเป็นครั้งที่ 10 ตั้งแต่เมื่อตอนเย็นเห็นจะได้
แล้วไอ้ ‘ปรารถนาจะลูบไล้’ นี่มันคืออะไรกันนะ?
ขณะที่วาห์นครุ่นคิดถึงความหมายของมัน เขาก็กลับมาถึงห้องและล้มตัวนอนด้วยความเหนื่อยล้า
—————