Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 203
หลังจากที่ทั้งสามมาถึงห้องอาหาร นาซ่ากับลิลลี่ก็มุ่งหน้าเข้าครัวขณะที่วาห์นเดินไปรอตรงโต๊ะ
แม้ว่าจะเสนอตัวแล้ว แต่สาวๆ ก็ดึงดันว่าเขาควรผ่อนคลายและปล่อยให้พวกเธอจัดการเอง
สำหรับลิลลี่กับนาซ่านั้น นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
วาห์นยอมรับข้อเสนอของทั้งสองก่อนจะมานั่งลงที่โต๊ะและเอนกายจ้องมองเพดานอย่างเรื่อยเปื่อย
เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องอะไรเป็นพิเศษและแค่ปล่อยให้จิตใจล่องลอยไปเรื่อยๆ
วาห์นปิดตาลงและพยายามฟังเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวผ่านความสามารถในการตรวจจับออร่าและดูว่าคนอื่นกำลังทำอะไรกันอยู่
เขาเห็นลิลลี่กับนาซ่าที่มีออร่าสีเหลืองซึ่งของลิลลี่นั้นจะออกชมพูหน่อยๆ ทว่าของนาซ่ากลับเป็นสีฟ้าสดใส
ถัดไปอีก วาห์นก็จะเห็นออร่าของพวกเด็กๆ ซึ่งดูเหมือนทุกคนน่าจะตื่นกันหมดแล้ว
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุด แต่พวกเด็กหนุ่มก็กำลังออกกำลังกายแบบเบาๆ ขณะที่พวกเด็กผู้หญิงกำลังนั่งล้อมวงจับเข่าคุยกันอย่างออกรส
วาห์นปล่อยให้พลังเขตแดนขยายออกไปอย่างช้าๆ ซึ่งต่างจากการใช้งานอย่างรวดเร็วในแบบปกติ
เขาพยายามสัมผัสและวาดภาพโลกที่อยู่นอกระยะสายตาพร้อมกับปล่อยพลังออกไปเรื่อยๆ ซึ่งมันได้เลยออกจากตัวบ้านไปแล้ว
แม้จะยังไม่ชัดเจนนัก แต่วาห์นก็สามารถตรวจจับรูปแบบของสิ่งที่มีและไม่มีชีวิตในเขตแดนได้อย่างครบถ้วนและละเอียดยิ่งกว่าประสาทสัมผัสแบบปกติอยู่หลายเท่า
จากการเติบโตทางจิตและพลังวิญญาณ ตอนนี้พลังเขตแดนของเขาขยายไปได้ไกลถึง 314 เมตร และถลำเข้าไปถึงรั้วบ้านของสึบากิแล้ว
คนที่เดินผ่านไปมาแถวนั้นไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเข้ามาอยู่ในพลังเขตแดนของเด็กหนุ่มเช่นกัน
—
วาห์นนั้นจำพวกที่ทรมานมิลานและการที่เขาใช้ [เอ็นคิดู] เพื่อสังหารพวกมันได้เป็นอย่างดี
แม้ตอนนั้นจะไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความโกรธ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกผิดหวังกับการกระทำของตัวเองแทน
ไม่ใช่เพราะที่ไปฆ่าพวกมัน แต่เป็นเพราะทำแบบมันดูง่ายดายเกินไป
เป็นไปได้ว่าพวกมันคงไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำก่อนที่จะตายอย่างรวดเร็วเพราะวาห์นเล็งตรงไปที่หัวแบบเน้นๆ
เขารู้สึกว่าถ้าคนพวกนี้ถูกตัดสินโทษตามปกติ มิลานก็อาจจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
เธออาจต้องการล้างแค้นด้วยมือของตัวเองด้วย แต่วาห์นกลับขว้างโอกาสนั้นทิ้งไปเพราะอยากช่วยเธอให้เร็วที่สุด
ถึงรู้ว่าเธออาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก… แต่ตอนนี้วาห์นรู้สึกว่าตัวเองกำลังฟุ้งซ่านเพราะเหตุการณ์นั้นสงบลงแล้ว
พอตระหนักว่าความคิดของตัวเองเริ่มจะแปลกๆ วาห์นก็ถอนหายใจก่อนจะเอาแขนมาทาบที่ดวงตาเพื่อบังแสงจากหินเวทมนตร์บนเพดาน
เขาคิดว่าตัวเองยังต้องการประสบการณ์มากกว่านี้หากอยากวิเคราะห์ปัญหาในปัจจุบันรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น
การหมกมุ่นอยู่กับแง่คิดด้านลบนั้นเป็นสิ่งเหมือนกับสัญชาตญาณของเขาเพราะมันเป็นสิ่งที่วาห์นมักทำอยู่บ่อยครั้งตอนถูกทดลอง
เด็กหนุ่มตัดสินใจว่าจะนึกถึงเรื่องดีๆ ให้มากขึ้นและจะพยายามไม่ไปกังวลกับเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
ช่างน่าประหลาดใจเพราะความคิดดีๆ อย่างแรกที่เข้ามาในใจของเขาก็คือภาพของตัวเองกำลังนั่งเล่นกับเฮเฟสตัสที่อยู่ในสภาพใกล้คลอด
รอยยิ้มเริ่มกลับมาที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มขณะที่เขาจินตนาการเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ
เพราะเฮเฟสตัสและเอน่าเป็น ‘ภรรยา’ ของเขา สักวันพวกเธอก็จะต้องมีลูกๆ ให้เขาแน่นอน
พอจินตนาการถึงลูกครึ่งเอลฟ์ที่ถูกแกล้งอยู่เสมอกำลังเลี้ยงดูลูกของเขาเอง วาห์นก็เกือบจะหลุดขำเสียงดัง
เขานึกภาพว่าตัวเองกำลังไล่งับหูจนเธอเขินหน้าแดงขณะพยายามให้นมลูกชายไปพร้อมๆ กัน
วาห์นเริ่มวาดฝันเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นๆ และทันใดนั้น ภาพของทีโอน่าที่กำลังฝึกการต่อสู้กับลูกสาวตัวน้อยก็ลอยขึ้นมาให้เห็น
สำหรับไอส์นั้น เธอจะต้องเป็นคุณแม่ที่ใจดีมากและอ่านหนังสือให้พวกลูกๆ ฟังอยู่ในสวนซึ่งดูไม่ต่างจากที่แม่ของเธอเคยทำให้
เพราะอนูบิสกับโลกิเองก็อยากมีลูก วาห์นจึงจินตนาภาพของอนูบิสที่กำลังเล่นกับเชียนโธรปน้อยที่มีผมสีดำ แต่แล้วเขาก็ฉุกคิดขึ้นเป็นครั้งแรกว่าลูกๆ ของเขาบางคนอาจจะไม่ใช่ ‘เผ่ามนุษย์’
สำหรับโลกิและลูกของเธอนั้น… อย่าว่าแต่มีลูกเลย เพราะเขายังนึกภาพที่เทพธิดาแสนกลท้องไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
พอนึกภาพที่เธอกำลัง ‘แสดงความรักใคร่’ ผ่านดวงตาที่หรี่จนแทบจะปิด… วาห์นก็รู้สึกแปลกๆ แทน
เขาส่ายหัวเพื่อล้างความคิดนั่นออกไปก่อนจะเริ่มนึกภาพนาซ่าที่กำลังอุ้มลูกอย่างทนุถนอม
ด้วยเหตุผลบางอย่าง วาห์นรู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นคุณแม่ที่เอาใจใส่และสามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างดีเยี่ยม
หลังจากนั้นวาห์นก็ต้องดับจินตนาการของตัวเองลงเมื่อภาพของลิลลี่ที่กำลังอุ้มท้องเริ่มหลุดลอยเข้ามาในหัว
แม้ภาพที่โลกิตั้งครรภ์นั้นจะค่อนข้างน่ากลัว แต่พอนึกถึงลิลลี่ที่สูงเพียง 110 ซม. ในสภาพใกล้คลอดก็ทำเอาวาห์นรู้สึกถึงอันตรายในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ไม่ใช่ว่าเขามีอคติกับเผ่าพลูม แต่เพราะวาห์นคิดอยู่เสมอว่าลิลลี่นั้นเป็นคนที่อยากปกป้องและทำให้นึกภาพเธอเลี้ยงดูลูกไม่ออกเลย
วาห์นค่อยๆ ลุกขึ้นและตัดสินใจว่าอยากจะพบกับสาวชาวพลูมที่ท้องใกล้คลอดดูสักครั้งเพื่อจะได้จินตนาการเรื่องนี้ถูก
จากหนังสือที่เขาอ่านมา พลูมนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีลูกได้ง่าย ท้องง่าย แถมยังมีทีละหลายๆ คนด้วย
การตั้งครรภ์ของเผ่านี้จะใช้เวลาประมาณหกเดือนเท่านั้น และพวกเด็กๆ ยังเติบโตได้เร็วกว่าเผ่าพันธุ์อื่นๆ มาก
ถึงจะไม่ได้สูงหรือมีร่างกายแข็งแกร่ง แต่พลูมส่วนใหญ่จะมีร่างกายที่เติบโตเต็มที่ตั้งแต่อายุสิบปีและจะไม่เปลี่ยนไปมากนักจนกว่าจะถึงช่วงหกสิบปีปลายๆ
นั่นก็หมายความว่าลิลลี่จะไม่เปลี่ยนไปมากกว่านี้อีกแล้ว ซึ่งข้อแตกต่างเดียวที่วาห์นพอมองออกก็คือตอนนี้เธอดูสุขภาพดีและแข็งแรงกว่าในมังงะมาก
ลิลลี่ในมังงะนั้นดูขาดสารอาหารและมีร่างกายที่อ่อนแอซึ่งต่างลิลลี่ของเขาที่ดูมีชีวิตชีวามาก
ผิวพรรณของเธอดูเปล่งปลั่งแถมยังได้เพิ่มน้ำหนักตัวขึ้นมาอีกหน่อยจนไม่ได้ดูผอมแห้งแรงน้อยอีกแล้ว
เนื่องจากเธอมักจะสวมเสื้อผ้าแบบโชว์หน้าท้อง วาห์นจึงสังเกตเห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องของเธอเป็นบางครั้งหากมีแสงมากพอ
การฝึกฝนของลิลลี่นั้นเน้นหนักไปที่ความแข็งแกร่งทางกายภาพและความยืดหยุ่นของร่างกาย เธอจึงมีร่างที่เพรียว สมส่วน และค่อนข้างทะมัดทะแมง
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น วาห์นก็ตรวจพบกลุ่มออร่าที่เขาคุ้นเคยกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
มีออร่าสามจุดที่ดูใหญ่กว่าคนทั่วไป วาห์นจึงเดาได้ว่าน่าจะเป็นเฮเฟสตัส โลกิ และอนูบิส
ส่วนออร่าขนาดเล็กที่ส่องแสงอย่างเป็นมิตรก็น่าจะเป็นเอน่ากับสึบากิหากวิเคราะห์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
มีโอกาสที่ออร่าสองจุดนั้นจะเป็นทีโอน่ากับไอส์ แต่วาห์นไม่คิดว่าทั้งสองจะมาเยี่ยมเร็วแบบนี้เพราะเพิ่งจากกันไปเมื่อคืน
แล้วก็ตามที่คาดไว้ไม่มีผิด ทั้งห้าคนที่มาก็คือ เฮเฟสตัส โลกิ อนูบิส สึบากิ และ เอน่านั่นเอง
วาห์นสังเกตเห็นทันทีว่าพวกเธอดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักโดยเฉพาะโลกิที่ดูโมโหมาก
ใบหน้าของเฮเฟสตัสนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าทันทีที่เห็นวาห์น ขณะที่เอน่าเองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
อนูบิสเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักหากดูแค่สีหน้า แต่วาห์นเห็นว่าออร่าของเธอเองก็ดูวุ่นวายอยู่บ้าง
คนที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดดูเหมือนจะเป็นสึบากิ แต่สีหน้าจริงจังของเธอนั้นทำให้วาห์นรู้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่นอน
วาห์นลุกขึ้นทักทายทุกคนขณะที่เฮเฟสตัสเดินมาข้างหน้าและส่ง [เลวาไทน์] คืนให้ก่อนจะเข้าสวมกอดเขาทันที
วาห์นเก็บ [เลวาไทน์] แทบไม่ทันและเอื้อมมือไปโอบรอบๆ ขณะพักหน้าไว้บนทรวงอกคู่งาม
เขาได้แต่นึกในใจว่าวิธีปลอบแบบนี้นั้นคล้ายกับวิธีที่เอวาใช้มากเลย
วาห์นเริ่มสงสัยว่ามันเป็นอาจเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิงที่มีหน้าอกขนาดใหญ่หรือเปล่านะ?
ขณะกำลังกอดศีรษะของเด็กหนุ่มอยู่นั้น ดวงตาของเฮเฟสตัสก็เริ่มเปียกชื้นแต่ยังไม่ถึงกับร้องไห้ออกมา
จริงๆ แล้วการเจรจานั้นดำเนินไปได้ด้วยดี แต่การที่วาห์นต้องออกจากแฟมิเลียเร็วกว่าที่คิดไว้นั้นทำให้เธอรู้สึกเศร้าอยู่บ้าง
แม้จะยังไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอก็รู้สึกอยากจะปลอบเขาล่วงหน้าหลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
เธอไม่มีทางรู้เลยว่าวาห์นนั้นได้รับการปลอบประโลมมาเป็นเวลาสามวันเต็มแล้ว ซึ่งทำให้สภาพจิตใจของเขาที่ดีขึ้นมาก
และเพราะเขาไม่ชอบเห็นเธอเศร้า วาห์นจึงตัดสินใจที่จะคลายความตึงเครียดลงด้วยการแหย่เฮเฟสตัสซึ่งก็ไม่ได้ทำมาพักหนึ่งแล้ว
หากนับเวลาที่ไปอยู่ในลูกแก้วด้วย เขาก็ไม่ได้แสดงความใกล้ชิดกับเธอมาเดือนกว่าๆ และแม้ตอนนี้อาจดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่วาห์นก็ตัดสินใจว่าตนต้องทำอะไรสักอย่าง
ขณะที่เธอยังคงมีท่าทางตึงเครียดและกอดศีรษะเขาไว้แบบเดิม วาห์นก็เอื้อมมือไปที่ด้านหลังและจับบั้นท้ายของเฮเฟสตัสอย่างแนบแน่น
เขายังใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ไปเล็กน้อยด้วย ดังนั้นทันทีที่ ‘คว้าหมับ’ ลงไป ความเศร้าของเทพสาวก็บินหนีหายไปในทันทีก่อนที่เธอจะปล่อยเสียงครางเบาๆ อันแสนไพเราะออกมา
พอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็มองหน้าวาห์นแบบไม่อยากจะเชื่อก่อนจะกวาดตาไปมองคนอื่นๆ ในห้องพร้อมใบหน้าที่แดงเกินจะบรรยาย
เธอหันกลับไปหาวาห์นด้วยหน้าตาบึ้งตึงกว่าเดิมก่อนจะสวมกอดเขาไว้อีกครั้งและโวยวายเสียงดัง
“ตาบ้า! นี่ฉันพยายามปลอบนายอยู่นะ!”
ทุกการกระทำของของเฮเฟสตัสได้ลดความตึงเครียดในห้องลงไปมากพอสมควร เนื่องจากทุกคนตระหนักแล้วว่าวาห์นดูดีขึ้นมากตั้งแต่ล่าสุดที่ได้เจอกัน
พวกเธอเดาไว้ว่าด้วยสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ เขาอาจจะจิตตกไปเลยหากได้รู้เรื่องต่อจากนี้
ทุกอย่างนั้นตรงกันข้ามกับที่พวกเธอคิดไว้มาก เพราะดูเหมือนวาห์นจะกลับมาเป็นปกติแล้วแถมยังอาจหาญถึงขั้นไปแหย่เฮเฟสตัสภายใต้บรรยากาศกำลังตึงเครียดสุดๆ
ชั่วอึดใจต่อมา สึบากิก็เริ่มหัวเราะและพูดจาเสียงดัง
“สงสัยรอบนี้ฉันคงไม่ได้อัดนายแล้วสิ! ฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่ฉันคาดไว้อีกนะวาห์น!
นายนี่โตเร็วขึ้นจนดูผิดหูผิดตาเลย~!”
สึบากิยืนเท้าสะเอวและเริ่มหัวเราะอย่างเต็มเสียงจนถึงจุดที่ได้ยินกันทั่วบ้าน
โลกิกำลังจะร่วมวงเพื่อหยอกล้อบ้าง แต่แล้วความสนใจของเธอก็ไปตกอยู่ที่เฮเฟสตัสแทน
“โห~? งั้นวาห์นเป็นประเภทที่ชอบช่วงล่างใหญ่ๆ มากกว่าเหรอ?
ฉันกำลังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมช่วงนี้เธอถึงดูแปลกไป… นี่แอบไปออกกำลังกายเพื่ออัพช่วงล่างมาล่ะสิ เฮเฟสตัส?”
เพราะโลกินั้นชอบเรื่องทำนองนี้อยู่แล้วและมักคบหากับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เธอจึงรับรู้การเปลี่ยนแปลงบนเรือนร่างของสาวๆ ได้อย่างรวดเร็ว… แม้ว่ามันจะดูเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
ร่างกายของเฮเฟสตัสเริ่มแข็งทื่อทันทีที่คำพูดของโลกิหลุดออกมา แถมเธอยังไม่สามารถโต้กลับไปได้แม้แต่คำเดียว
เพราะวาห์นเคยออกปากชมนักชมหนา เทพสาวก็เลยใช้เวลา 1 ชั่วโมงในตอนเข้าและตอนบ่ายไปกับการออกกำลังกายแบบเน้นช่วงล่างให้มันดูดียิ่งกว่าเดิม
แม้จะไม่ได้คิดอะไรมากเพราะไม่เคยนึกฝันว่าจะมีคนอื่นมาสังเกตเห็นเรื่องนี้นอกเหนือไปจากวาห์น แต่การได้ยินใครบางคนมาชี้บอกกันต่อหน้านั้นก็ส่งผลกระทบกับเธออยู่ไม่ใช่น้อยๆ เลย
วาห์นเองก็ได้ยินคำพูดของโลกิและยังคงนวดเฟ้น ‘จุดน่าสงสัย’ ต่อไปเรื่อยๆ ขณะเพ่งสมาธิไปที่สัมผัสตรงนิ้วมือ
เขาใส่แรงบีบมากขึ้นและตระหนักว่ามันให้สัมผัสที่แนบแน่นกว่าเมื่อก่อนมาก
การกระทำของวาห์นทำให้เฮเฟสตัสใส่แรงกอดที่ศีรษะให้แน่นขึ้นไปอีกจนเขาได้แต่พูดแบบอู้อี้
“ดีกว่าเดิมเยอะเลย… ขอบใจนะ เฮเฟสตัส”
เนื่องจากรู้แล้วว่าเธอพยายามมากแค่ไหน วาห์นจึงอยากขอบคุณเธอเบาๆ จากใจจริงแม้จะหายใจแทบไม่ออกอยู่แล้วก็ตาม
เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในห้องนั้นเป็นเผ่าเชียนโธรปหรือมีประสาทการได้ยินที่ไวมาก ทุกคนยกเว้นสึบากิกับโลกิจึงได้ยินคำพูดของวาห์นแบบเต็มสองหู
ใบหน้าของเฮเฟสตัสในตอนนี้แทบจะแดงแข่งกับสีผมของเธอเอง ขณะที่อนูบิสเริ่มหัวเราะแบบผู้ดีแต่หางกลับส่ายไปมาอย่างรวดเร็ว
สาวๆ บางคนยังถึงขั้นใช้มือตรวจสอบช่วงล่างของตัวเองจนมีสีหน้าเศร้าไปตามๆ กัน ซึ่งวาห์นถือว่ายังโชคดีมากที่ไม่ทันได้เห็นภาพดังกล่าว
ลิลลี่เป็นหนึ่งในพวกที่เข้า ‘ตรวจสอบ’ ตัวเองเช่นกัน และกำลังคิดที่จะพัฒนาสกิลเวทมนตร์ของตนจนถึงจุดที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาได้ดั่งใจนึก
ราวกับเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นในหัวของลิลลี่ เพราะจู่ๆ เธอก็มองไปทางสึบากิซึ่งยืนดูทุกอย่างอยู่ข้างๆ พร้อมฉายรอยยิ้มกว้าง
สึบากิสังเกตเห็นสายตาของลิลลี่รวมถึงท่าทางแปลกๆ ของผู้หญิงในห้องจนเกิดความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น? นี่ฉันพลาดอะไรไปหรือเปล่า?”
โลกิดูเหมือนจะเริ่มเข้าใจบางอย่างเช่นกัน เพราะเธออาจเป็นคนที่เฉียบคมที่สุดในห้องนี้แล้ว
เธอเพิ่งเห็นวาห์นบีบเฟ้นบั้นท้ายของเฮเฟสตัสอีกครั้งก่อนจะพึมพำบางอย่างที่ทำให้คนส่วนใหญ่ในห้องมีปฏิกิริยาแปลกๆ
เมื่อลิลลี่มองสึบากิด้วยสายตา ‘ดุดัน’ โลกิก็เชื่อมจุดต่างๆ เข้าด้วยกันก่อนจะหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์และหันไปพูดกับสึบากิ
“ฉันคิดว่าเด็กนั่นคงอิจฉาที่เธอมีก้นใหญ่ที่สุดในห้องนี้ล่ะมั้ง~? ระวังไว้ให้ดีเถอะ ถ้าวาห์นใช้มือ-”
พอโลกิพูดถึงมือของวาห์น เธอก็นึกถึง ‘การนวด’ จากตอนก่อนหน้านี้จนทำหน้าไม่ถูกไปหลายอึดใจก่อนจะกลับมาจริงจังอีกครั้งและพูดต่อ
“เธอต้องระวังตัวให้ดีนะสึบากิ ถ้าวาห์นได้จับมันล่ะก็… เดี๋ยวจะเดินไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต”
เพราะจำได้ว่าตนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะเพราะกล้ามเนื้อถูกทำให้ผ่อนคลาย หากวาห์นเกิดจริงจังขึ้นมาจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ขณะกำลัง ‘นวด’ ให้ใครสักคน คนๆ นั้นอาจเดินไม่ได้ไปอีกพักใหญ่ๆ เลย
น้ำเสียง ‘จริงจัง’ ผิดวิสัยของโลกิทำเอาทุกคนในห้อง รวมถึงวาห์นและเฮเฟสตัส ต่างมองดูเธอแบบแปลกๆ
วาห์นยกมือขึ้นจากบั้นท้ายของเฮเฟสตัสขณะเพิ่งนึกได้ว่าเคยคิดจะแกล้งสึบากิให้หนักกว่าเดิม
เขาเปลี่ยนมือให้กลายเป็นกรงเล็บพร้อมเปล่งพลังออกมาก่อนจะพูดอย่างมั่นใจ
“ถ้าเป็นเรื่องการนวดล่ะก็ รับรองว่าฉันจะไม่เสียแต้มให้เธอแน่นอน”
คำพูดของวาห์นทำให้สาวๆ ในห้องมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งความรู้สึกหวาดกลัว ตื่นเต้น คาดหวัง หรือแม้แต่อยากรู้อยากเห็น
สึบากิเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขณะนึกถึงการโจมตี ‘ปิดท้าย’ ของเด็กหนุ่มจากเมื่อวันก่อน
มันทำให้กระดูกสันหลังของเธอสั่นสะท้านอย่างแท้จริงจนเกิดความชื้นเล็กน้อยตรงผ้าเตี่ยวที่ใส่อยู่ในขณะนั้น
พอนึกถึงการนวดแบบครบทุกสัดส่วน แม้แต่เธอก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่รอดได้นานนัก
ทว่าสึบากิก็ไม่ใช่ประเภทที่ถอยหนีจากคำท้าทาย โดยเฉพาะคำท้าจากคนที่เคยเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง
สิ่งเดียวที่หญิงสาวทำได้ก็คือตอบกลับด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
“ถ้านายคิดว่าทำแล้วจะได้เปรียบล่ะก็ เข้ามาลองดูสิ แต่เตรียมเจ็บตัวไว้ด้วยล่ะ~!”
เทพธิดาทั้งสามต่างจ้องมองสึบากิราวกับว่าเธอเพิ่งจะตัดชีวิตตัวเองให้สั้นลง
พวกเธอต่างได้ ‘ลิ้มรส’ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] มากันถ้วนหน้าแล้ว และคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าหากโดนเข้าไป… ก็ปิดเกมได้เลย
ถึงสึบากิจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าพวกเทพธิดา แต่เธอก็ยังเป็นมนุษย์และมีคุณสมบัติต้านทานที่ต่ำกว่ามาก
ดังนั้นหากเทพธิดายังทนไม่ได้ แล้วมนุษย์จะไปเหลืออะไร?
วาห์นจ้องมองสายตามั่นใจของสึบากิและรู้สึกว่าเปลวไฟแห่งการแข่งขันของตัวเองได้ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง
นับตั้งแต่ที่ได้ขัดเกลาฝีมือกับเอวา เขาก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนที่สามารถทนการนวดแบบจริงจังเหลืออยู่อีก
วาห์นตอบด้วยน้ำเสียงจริงจังที่ไม่ต่างไปจากของสึบากิ
“ฉันว่าใกล้เวลาได้ทำแต้มเพื่อตีเสมอแล้วล่ะ”