Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 204
เนื่องจากมีคนมาร่วมทานอาหารเช้ามากกว่าที่คิดไว้ วาห์นจึงตัดสินใจซื้อของจากระบบร้านค้าแทนการทำอาหารแบบทั่วไป และยังซื้อขนมปังหลากหลายชนิดมาให้ทุกคนให้ลิ้มลองพร้อมกับที่ นาซ่า ลิลลี่ และอนูบิสออกไปเตรียมชามาเพิ่ม
ทุกคนพูดคุยกันแบบสบายๆ ในขณะที่โลกิยังคงพูดเรื่อง ‘ความคลั้งไคล้ส่วนตัว’ ของวาห์น
เพราะเธอเสียเปรียบเรื่องช่วงบนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ความรู้ใหม่นี้จึงทำให้เทพสาวรู้สึกดีใจมากกว่าใครๆ
วาห์นอยากจะขัดว่าตนไม่ได้ชอบจุดไหนเป็นพิเศษ แต่พอฉุกคิดได้ว่ามีบางครั้งที่รู้สึกสนใจมันมากจริงๆ ก็เลยกลืนคำพูดลงไป
เขารู้สึกชื่นชอบร่างของผู้หญิงโดยทั่วไป แต่ตอนนี้ทั้งห้องกำลังเต็มไปด้วยสาวๆ หลากหลายแบบและขนาดจนไม่รู้จะอธิบายคำว่า ‘ทั่วไป’ ยังไงดี
แม้ว่าบรรยากาศในห้องจะดูดีขึ้นมากจากการกระทำของเขา แต่วาห์นก็รู้ว่ายังมีเรื่องเครียดที่ต้องมาคุยกันต่อในภายหลัง
เขาไม่ใช่คนเดียวที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ เพราะออร่าของทุกคนในห้องนั้นยังมีการสั่นไหวให้เห็นอยู่เป็นระยะ
คนเดียวที่ดูแปลกกว่าใครเพื่อนก็คือโลกิซึ่งมีออร่าสีแดงนิดๆ จนวาห์นนึกถึงความโกรธของเธอเมื่อตอนที่มาถึงใหม่ๆ
พอจบช่วงอาหารเช้า อนูบิสก็ให้เด็กๆ ออกไปก่อนและหันมาโค้งคำนับให้กับวาห์นอยู่หลายอึดใจ
เพราะเห็นว่าเธอได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเรื่องที่กำลังจะคุยกัน วาห์นจึงลูบหูและผมของเธออย่างใกล้ชิด
จู่ๆ เทพสาวก็เอื้อมมาจับปลอกคอของตัวเองและพูดแบบเศร้าๆ
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น… ฉันจะติดตามนายท่านไปตลอดค่ะ”
วาห์นพยักหน้าให้ก่อนจะสวมกอดและกระซิบตอบเบาๆ
“ขอบใจนะ อนูบิส”
บรรยากาศดีๆ เริ่มทิ้งดิ่งอย่างรวดเร็วโดยคนที่ยังอยู่ในห้องนั้นก็มีวาห์น เฮเฟสตัส โลกิ เอน่า สึบากิ ลิลลี่ และนาซ่า
ตอนแรกนั้นสึบากิพยายามจะออกไปพร้อมกับลิลลี่และนาซ่า แต่สองสาวกลับปฏิเสธเสียงแข็งและไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว
เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับวาห์นแน่นอนและดูจากสีหน้าของแต่ละคนที่มาแล้ว หัวเด็ดตีนขาดยังไงพวกเธอก็จะต้องอยู่ฟังเรื่องนี้ให้ได้
นานูก็อยากจะอยู่ฟังเช่นกัน แต่อนูบิสกลับสั่งให้เธอออกไปพร้อมกับเด็กๆ คนอื่น ขณะที่ตัวอนูบิสเองก็เดินตามไปด้วยเพราะต้องอธิบายสถานการณ์นับจากนี้ไป
เมื่อทุกคนจากอนูบิสแฟมิเลียออกไปหมดแล้ว โลกิก็เริ่มพูดเป็นคนแรก
“เมื่อคืนนี้มีหลายเรื่องเกิดขึ้นมาก ก่อนอื่นเลยก็คือเรื่องสร้างกลุ่มพันธมิตรระหว่างเฮเฟสตัส ทาเคมิคาสึจิ มิอาค อนูบิสและฉันเอง
เรื่องที่สอง พวกเราในฐานะกลุ่มพันธมิตรได้ไปเจรจาโดยตรงกับโอรานอสผู้เป็นหัวหน้าเทพและผู้นำของกิลด์
เขาเป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในเมืองนี้และสิทธิ์ในการคุมกฎและบทลงโทษนั้นขึ้นอยู่กับเขาแต่เพียงผู้เดียว”
วาห์นพยักหน้าก่อนจะถามขึ้น
“เธอกำลังจะพูดเรื่องการตายของลาเวอร์น่าใช่ไหม?”
สีหน้าของโลกิดูนิ่งไปก่อนจะพูดต่อ
“ถูกต้อง ทุกคนรู้ดีว่านายรู้ตัวคนลงมือ และเราก็รู้ด้วยว่านายคงไม่มีทางเปิดเผยเรื่องนี้แน่นอน
เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์รุนแรงยิ่งกว่าเดิม เราก็เลยเจรจาและยื่นข้อต่อรองแกมบังคับกับโอรานอส”
ตอนนี้เฮเฟสตัสกำลังมองวาห์นแบบเศร้าๆ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นบ้าง
“นายจะถูกบังคับให้ออกจากแฟมิเลียของฉันและถูกห้ามไม่ให้เข้าร่วมแฟมิเลียที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม”
คำพูดของเธอทำให้นาซ่าขมวดคิ้วขณะที่ลิลลี่กระแทกมือลงบนโต๊ะและเริ่มโวยวาย
“นั่นไม่ยุติธรรมเลยนะคะ! ทุกอย่างเป็นเพราะเทพธิดางี่เง่านั่นคนเดียวเลย! ทำไมวาห์นตอนโดนลงโทษไปด้วยล่ะ!”
เพราะเธออยู่ถัดจากเขา วาห์นจึงคว้าหางเพื่อให้ลิลลี่นั่งลงเหมือนเดิม
เธอมองหน้าเขาอย่างสับสนขณะที่วาห์นยิ้มให้สั้นๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไป
“พูดต่อเถอะ มันไม่ได้มีแค่นี้ใช่ไหม?”
ลิลลี่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่วาห์นก็ทำให้เธอเงียบลงด้วยการลูบหัวเบาๆ
เหตุผลหลักที่ทำให้พลูมน้อยอารมณ์เสียก็เพราะเธอเพิ่งจะเปลี่ยนแฟมิเลียไปเมื่อเร็วๆ นี้และไม่สามารถตามไปเข้าร่วมแฟมิเลียเดียวกับวาห์นได้จนกว่าจะครบกำหนด 11 เดือน
โลกิหยุดไปชั่วอึดใจก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก เพราะเราได้ยื่นเงื่อนไขต่อรองให้นายสามารถเก็บวัตถุดิบทั้งหมดที่อยู่ในช่องเก็บของเอาไว้ได้
ถึงเราจะต้องบอกโอรานอสเรื่อง ‘เวทคลังเก็บของ’ ของนายก็เถอะ แต่อย่างน้อยนายก็จะมีวัตถุดิบและทรัพย์สินมากพอที่จะซื้อบ้านและห้องทำงานได้แบบสบายๆ
เพราะงั้นเรื่องการหาที่อยู่ใหม่คงจะไม่ยากเย็นอะไรนัก…”
คิ้วของวาห์นกระตุกหน่อย เพราะเขามองออกว่าโลกิดูจะไม่พอใจกับคำพูดของตัวเองเท่าไหร่นัก
จากนั้นเฮเฟสตัสก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทที่เป็นเป็นเทพธิดาแล้ว และเธอก็ตอบตกลงที่จะช่วยเหลือพวกเราด้วย
ถึงนายจะไม่ได้เข้าร่วมกับแฟมิเลียในกลุ่มพันธมิตร แต่เราก็มีความเห็นตรงกันว่านายไม่ควรหยุดอยู่เฉยๆ และน่าจะลองบริหารแฟมิเลียตั้งแต่แรกเริ่มดูบ้าง
‘เธอคนนั้น’ เป็นคนที่นายสามารถเชื่อใจได้แน่นอนแถมยังมีสัมพันธ์ที่ดีกับฉันและโลกิมานานมากเลยด้วย”
ราวกับว่าอยากจะล้บล้างคำพูดของเฮเฟสตัส โลกิจึงเริ่มพ่นไฟทันที
“สัมพันธ์ที่ดีบ้าบออะไรล่ะ! ใครจะอยากรู้จักยัยเทพธิดานมวัวตัวเตี้ยกัน! ถ้าบอกว่าเป็นศัตรูยังดูตรงกว่าเลย~!”
ยิ่งโลกิพูด ออร่าของเธอก็ยิ่งวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ จนวาห์นตระหนักแล้วว่าเธอกำลังพูดถึงใครอยู่
เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“เทพธิดาองค์นี้มีชื่อว่าอะไรเหรอ?”
โลกิขมวดคิ้วเมื่อเห็นปฏิกิริยาของวาห์น ในขณะที่เฮเฟสตัสรู้สึกดีใจที่เขาปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
พอนึกถึงถึงใบหน้าของเพื่อนสนิท เธอก็ตอบคำถามของวาห์น
“ชื่อของเธอคือเฮสเทียและ… เธอออกจะติดขี้เกียจหน่อยๆ
นอกเหนือจากเรื่องนั้น เธอก็เป็นเทพธิดาที่ใจดีมากและปฏิบัติกับฉันอย่างดีด้วย แม้ว่า…”
เมื่อระลึกถึงความหลัง เฮเฟสตัสก็เอื้อมมือไปปิดตาขวาก่อนจะมองไปที่วาห์นด้วยสีหน้า ‘หลงใหล’ สุดๆ
วาห์นยิ้มตอบและนำมือของเธอออกไปขณะจ้องมองตาสีแดงสดข้างนั้นอย่างมีความสุข
เฮเฟสตัสไม่ได้สวมที่ผิดตาตั้งแต่ตอนที่วาห์นรักษาให้ ซึ่งเขารู้สึกว่าเธอนั้นดูงดงามและมีความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาก
ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว โลกิก็พูดขัดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อย่าปล่อยให้เธอหลอกนายได้ง่ายๆ นะวาห์น
เฮสเทียเป็นหนึ่งในเทพธิดาที่ขี้เกียจที่สุดในสวรรค์และพนันได้เลยว่าเธอคงอยากให้นายตามเอาใจอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง~!
สมองของยัยนั่นมันไหลไปรวมกันอยู่ที่หน้าอกหมดแล้ว แถมเธอยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพธิดาหัวกลวงที่ไม่เคยจะทำตัวเหมาะสมสักครั้งเลยด้วย!”
แม้จะรู้มาจากในมังงะแล้ว แต่วาห์นก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับความไม่เป็นมิตรที่โลกิแสดงต่อเฮสเทีย
เขามองเธออย่างสงสัยก่อนจะจำได้ว่าโลกินั้นมีปมด้อยเรื่องขนาดหน้าอกและคงรู้สึกอิจฉาเฮสเทียไม่ใช่น้อยๆ เลย
นอกจากนี้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเฮสเทียยังไม่ค่อยส่งผลกับนิสัยของเธออีกด้วย… อย่างน้อยก็ไม่ถึงขั้นที่ทำให้ความสัมพันธ์กับคนอื่นถูกบิดเบือน
วาห์นรู้ว่าโลกินั้นอิจฉาเฮสเทียมากและเขาก็รู้สึกแย่ไปด้วยเพราะสาเหตุของความขัดแย้งนั่นเป็นสิ่งที่ทั้งสองไม่อาจควบคุมได้
โลกิเห็นสีหน้าที่เด็กหนุ่มมองมาแล้วก็ต้องขมวดคิ้วหน่อยๆ และอยากจะพูดเสริม แต่วาห์นกลับยิ้มและชิงพูดก่อนซึ่งทำเอาเทพธิดาแห่งเล่ห์เหลี่ยมถึงกับใบ้กินไปเลย
“โลกิ ถึงฉันจะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการกระทำบางอย่างของเธอที่เป็นผลมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่โดยรวมแล้วเธอก็เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเลย
มั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย… แล้วก็เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นได้แล้ว
ฉันเชื่อมั่นในตัวเลือกของเฮเฟสตัส แล้วก็เชื่อด้วยว่าเฮสเทียจะต้องเป็นเทพธิดาที่ใจดีและอ่อนโยนแน่นอน
เพราะทุกคนต้องมาทำงานร่วมกันในอนาคต ฉันเลยไม่อยากเห็นพวกเธอมาทะเลาะกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน”
พอได้ยินคำพูดของวาห์นแล้วทุกคนในห้องก็พลอยเงียบไปด้วย หลักๆ เลยก็เพราะการที่มีคนพูดจนโลกิเงียบลงได้นั้นเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากเสียยิ่งกว่ายาก
เทพธิดาแห่งความเจ้าเล่ห์ดูเหมือนกำลังรู้สึกขัดแย้งภายใจอย่างรุนแรงขณะที่ปากของเธอนั้นเปิดปิดไม่หยุด
ในที่สุดเธอมองไปทางเฮเฟสตัสก่อนจะแสดงสีหน้าจริงจัง
“ฉันจะพยายามไม่ไปหาเรื่องเฮสเทียก่อนก็แล้วกัน แต่นายต้องรับประกันด้วยนะว่าฉันจะตั้งท้องต่อจากเฮเฟสตัส
ฉันไม่อยากเห็นคนที่ทะเลาะกันมาเป็นพันๆ ปีมาชิงตัดหน้าไปก่อน…”
เนื่องจากพวกเขาทำพิธีสาบานกันแล้วว่าโลกิจะไม่สามารถ ‘กดดัน’ วาห์นเรื่องมีลูกได้ เฮเฟสตัสจึงขมวดคิ้วและพยายามพูดบางอย่าง แต่วาห์นกลับชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ฉันคงจะสัญญาเรื่องใหญ่แบบนี้ที่อาจส่งผลกับการตัดสินใจอีกหลายอย่างต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้หรอกนะ
ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าจะมีลูกกับเธอแน่นอนหลังจากที่เฮเฟสตัสท้อง แต่ฉันรับประกันไม่ได้หรอกว่าเธอจะเป็นคนที่สอง
ฉันทำนายอนาคตไม่ได้และยิ่งไปสัญญามากเท่าไหร่ การตัดสินใจเรื่องต่างๆ ก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก
ข้อร้องล่ะ โลกิ อดทนต่ออีกหน่อยและขอให้เชื่อมั่นว่าฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดเมื่อเวลานั้นมาถึง”
เฮเฟสตัสมีสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะหันไปถามโลกิ
“นี่ไปตกลงกันมาแล้วเหรอ?”
โลกิหลุดออกมาจากห้วงความคิดเมื่อได้ยินคำถามเฮเฟสตัสและตอบอย่างจริงจัง
“วาห์นให้ฉันลองผลของ [เอ็นคิดู] แล้ว และเราก็ทำข้อตกลงกันในระหว่างที่พลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันถูกผนึกเอาไว้
ฉันไม่ได้กดดันเขาโดยตรง และนั่นก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดคำสัญญาของเราด้วย”
การพูดคุยเรื่องตั้งท้องและมีลูกนั้นทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ เริ่มแปรปรวน
ลิลลี่เองก็พยายามจะกระโดดเข้าไปรวมวงสนทนาด้วยแต่กลับถูกนาซ่าปิดปากไว้อย่างแน่นหนา
วาห์นพูดต่อจากที่โลกิพูดค้างไว้
“โลกิสอนฉันเกี่ยวกับอิทธิพลของพลังศักดิ์สิทธิ์ และนั่นก็คือเหตุผลที่ฉันรู้สึกเห็นใจสถานการณ์ของเทพและเทพธิดาบางองค์มาก
ที่ฉันลังเลเรื่องของลาเวอร์น่าก็เพราะแบบนี้แหละ ถึงอยากจะลงมือเองแต่สุดท้ายก็…
ส่วนเรื่องการตั้งครรภ์น่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะลองหาทางออกเพิ่มเติม
ไม่ใช่แค่สำหรับเทพหรือเทพธิดาเท่านั้น… ฉันอยากช่วยพวกภูตและพวกลูกครึ่งด้วย”
ขณะที่พูด วาห์นก็หันไปทางสาวๆ หลายคนในห้องซึ่งรวมถึงสึบากิเช่นกัน
ราวกับคิดอะไรบางอย่างออก เพราะจู่ๆ สึบากิก็ยกนิ้วขึ้นก่อนจะชี้ไปที่ตัวเองและถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ
“ที่นายจะบอกก็คือ… อยากมาเสกเด็กเข้าท้องฉันด้วยเหรอ?”
คำพูดของเธอทำให้ทุกคนในห้องมีสีหน้าแปลกๆ รวมถึงวาห์นที่อยากจะเอาหน้าไปโขกโต๊ะซะเหลือเกิน
เขาตอบเธอกลับอย่างเหนื่อยล้า
“ฉันต้องการหาวิธีแก้ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปทำอะไรเอง หรือใช้ [เอ็นคิดู] เข้าช่วย
ฉันคนเดียวจะมาไล่ช่วยแบบทีละคนจนหมดได้ยังไงกัน… ถ้าเป็นแบบนั้นเรื่องอื่นๆ ก็คงไม่ต้องทำกันแล้วสิ”
แต่ขณะที่พูด วาห์นก็เริ่มนึกภาพว่ามันจะเป็นยังไงนะหากสึบากิอุ้มลูกของเขาด้วย
น่าแปลกเพราะเขารู้สึกว่าเธอน่าจะเป็นคุณแม่ที่ดีจากการที่หญิงสาวดูแลเขาและลิลลี่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง…
ความคิดนั่นทำให้วาห์นเปลี่ยนประโยคต่อไปที่จะพูดกับเธอ
“…แต่ฉันคิดว่า …เธอเองก็น่าจะเป็นแม่ที่ดีนะ”
คำพูดของเด็กหนุ่มทำให้ผิวสีน้ำตาลเปล่งปลั่งของสึบากิแดงขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เธอหรี่ตาและยิ้มให้กับวาห์น
สึบากิเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนผิดธรรมชาติมากๆ
“วาห์น นายไม่ต้องพยายามช่วยไปซะทุกคนหรอก
ฉันยอมรับเรื่องชีวิตของตัวเองไปแล้วและไม่รู้สึกเสียใจหรือติดค้างอะไรอีก”
ถึงคำพูดของเธอจะฟังดูเรียบๆ และมีสีหน้าแบบเดิม แต่วาห์นก็สังเกตเห็นว่าออร่าของสึบากิกำลังแปรปรวนหนักเมื่อเธอพูดถึง ‘ยอมรับชีวิตของตัวเอง’
เพราะเธอจัดอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุมากหน่อย สถานะของสึบากิจึงคล้ายกับมิลานมาก
แม้วาห์นจะรู้สึกใกล้ชิดและอยากเข้าหาพวกเธอ แต่ต่างก็คิดต่อต้านเพราะรู้สึกเป็นห่วงตัวเด็กหนุ่มเอง
คิ้วของวาห์นเริ่มขมวดหนักกว่าเดิมขณะจ้องมองสึบากิด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและพูดอย่างหนักแน่น
“เรื่องนี้ฉันคงเออออตามไม่ได้หรอกนะ ถึงเธอจะพยายามซ่อนมันไว้ แต่ฉันมองออกว่าแม้แต่เธอก็ยังไม่เชื่อคำพูดของตัวเองเลย
ถ้าเธออยากมีลูกแต่ยังหาคนช่วยไม่ได้… ฉันก็ยินดีที่จะรับหน้าที่นั้นไว้เอง
ส่วนเรื่องตั้งท้อง ถึงจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวแต่ฉันก็เตรียมไว้บ้างแล้ว”
หลังจากที่เขาพูดจบ ทั้งห้องก็พลันเงียบสนิทขณะที่ต่างมองวาห์นอย่างเหลือเชื่อเพราะเขากำลังพูดเรื่องที่ ‘แทบเป็นไปไม่ได้’ จนราวกับว่ามันเป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย
แม้แต่สึบากิเองก็รู้สึกตะลึงกับคำพูดนั่นจนไปต่อไม่ถูก
แม้จะชอบหยอกล้อวาห์น และถึงขั้นคิดจะลงไปเล่นด้วยหากเด็กหนุ่มรู้สึกสนใจในตัวเธอ แต่สึบากิก็ไม่เคยคาดคิดไปถึงเรื่องตั้งท้องเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอเคยลองและล้มเหลวในอดีตมานับครั้งไม่ถ้วนจนเลิกหวังที่จะมีลูกไปแล้ว
เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มที่มีอายุห่างกันกว่ายี่สิบปีมาประกาศ ‘อย่างมั่นใจ’ ว่าเขาสามารถทำให้เธอท้องได้แน่นอน สึบากิก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อ
เมื่อคิดว่าที่ทุกคนเงียบเพราะคำพูดของเขาดูน่าเหลือเชื่อเกินไป วาห์นจึงนำ [มาโตรชก้าแห่งความอุดมสมบูรณ์] ออกมาวางไว้บนโต๊ะ
เขาเริ่มอธิบายทันที
“นี่เป็นไอเท็มพิเศษที่สามารถสร้างตราประทับบนครรภ์ซึ่งจะเป็นการรับประกันว่าถ้า (กระแอม) ภายในระยะเวลา 8 ชั่วโมงหลังประทับตราล่ะก็… ท้องแน่นอน
ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะมีผลกับเทพธิดาและภูติหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นลูกครึ่งคนแคระล่ะก็… สบายหายห่วง
ดวงตาของสึบากินั้นเริ่มเพ่งมองไปทาง ‘ตุ๊กตา’ แปลกๆ ที่วาห์นนำมาวางไว้บนโต๊ะ
มันดูเหมือนสาวท้วมตัวเล็กๆ และเธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาพูดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
เมื่อคิดว่าเขาแค่พยายาม ‘ปลอบใจ’ สึบากิก็ยิ้มและหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยิบ [มาโตรชก้าแห่งความอุดมสมบูรณ์] ขึ้นมาเพื่อเป็นการหยอกล้อวาห์น
เธอมองไปที่ส่วนล่างและสังเกตเห็นตราประทับรูปวงกลมซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับเด็กทารกอยู่ข้างใน
“นายกำลังบอกว่าถ้าประทับไอ้ตรานี่ไว้ที่ท้อง ฉันจะท้องหากไปมีอะไรภายใน 8 ชั่วโมงงั้นเหรอ?”
ประกายแสงบางอย่างลอยผ่านดวงตาของสึบากิก่อนที่เธอจะขยับมือเพื่อประทับมันลงไปบนท้องของตัวเอง
วาห์นเห็นการเคลื่อนไหวนั่นก่อนที่พลังเขตแดนของเขาจะระเบิดออกแบบสุดแรงเกิดและพุ่งเข้าไปแย่ง [มาโตรชก้าแห่งความอุดมสมบูรณ์] มาในขณะที่มันอยู่ห่างจากท้องของหญิงสาวไปประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร
การกระทำของเขาทำให้สึบากิเกิดความรู้สึกแปลกๆ ในใจขณะถามขึ้นแบบไม่ค่อยจะเชื่อ
“เดี๋ยวนะ… ที่พูดมาทั้งหมดนั่น… เรื่องจริงเหรอ?”
เมื่อเห็นเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผากของวาห์น โลกิก็เป็นฝ่ายตอบให้แทน
“เธอน่าจะรู้อยู่แล้วนะว่าวาห์นไม่ใช่คนที่จะพูดเรื่องแบบนี้เล่นๆ แค่ดูหน้าก็รู้แล้วว่าพูดจริงไม่จริง
คิดเหรอว่าหมอนี่จะโกหกใครเป็น
ถ้าเขาบอกว่า ‘รับประกันได้ว่าท้องแน่นอน’ ก็รู้ไว้เลยว่ามันทำได้แน่ๆ
คำถามที่ฉันอยากรู้ก็คือ… นายไปเอาของแบบนี้มาจากไหนกันแน่?”
ก่อนที่วาห์นจะได้ตอบ เฮเฟสตัสก็เริ่มโวยบ้าง
“เราไม่ได้จะมาคุยเรื่องการตั้งครรภ์กับการทำลูกกันนะ!
เราควรจะคุยกันเรื่องการเจรจาเมื่อคืนและหาทางช่วยวาห์นสิ!”
คำพูดนั่นทำให้ทุกคนนิ่งเงียบไปอีกหลายวินาทีขณะที่เฮฟาสตัสปรับลมหายใจ
ตลอดช่วงเวลาแห่งความเงียบนั้น เธอเองก็จ้องมองมาที่ [มาโตรชก้าแห่งความอุดมสมบูรณ์] ในมือของวาห์นและอดถามขึ้นมาไม่ได้
“…ไอเท็มนี้ใช้ได้กี่ครั้งเหรอ?”