Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 205
ตอนที่ 205 เตรียมย้ายบ้าน 1/2
วาห์นตอบคำถามเกี่ยวกับ [มาโตรชก้าแห่งความอุดมสมบูรณ์] อย่างสุดความสามารถ รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามันเป็นไอเท็มแบบใช้ครั้งเดียวด้วย
เขาไม่ได้บอกแบบเจาะจงว่าไปเอาไอเท็มชิ้นนี้มาจากไหน แต่อ้างว่ามันปรากฏขึ้นมาในดวงวิญญาณของตัวเองแบบเดียวกับ [เอ็นคิดู] เพราะ ‘เดอะพาธ’ และระบบร้านค้านั้นเป็นส่วนหนึ่งของของเขา ซึ่งแม้แต่โลกิเองก็บอกไม่ได้ว่าวาห์นพูดจริงมากแค่ไหน
พวกเธอเชื่อว่ามันต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของวาห์นแน่นอน และโลกิยังคาดเดาว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับชีวิตหรือผู้คน แต่เป็น ‘พลังศักดิ์สิทธิ์แห่งการสร้าง’ เนื่องจากวาห์นมักจะได้รับไอเท็มที่เกี่ยวข้องกับความปรารถนาของตัวเอง
เรื่องนี้ทำให้เกิดการสนทนากันอย่างเคร่งเครียดและยาวนานจนสรุปกันได้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของวาห์นนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับ การสร้าง ความอุดมสมบูรณ์ และไฟ
ถึงจะงงงๆ ตรง ‘ความอุดมสมบูรณ์’ แต่โลกิก็อธิบายว่าเขาดูมีความตั้งใจแบบแปลกๆ ในการ ‘ทำ’ หรือ ‘ช่วย’ ให้คนอื่นตั้งครรภ์
เพราะพวกเธอคิดว่าวาห์นมีความเป็นเทพเป็นเทพถึงสามในสี่ นั่นหมายความว่าแม้จะไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็ยังส่งผลต่อการตัดสินใจของเขาในระดับจิตใต้สำนึก
วาห์นไม่รู้จะปฏิเสธเรื่องนี้ยังไงดี และท้ายสุดเขาก็ต้องเออออตามพวกเธอและเข้ารับตำแหล่ง ‘ลูกครึ่งเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์’ แบบจำยอม
สำหรับพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งการสร้างนั้นเป็นเพราะความสามารถในการ ‘สร้าง’ ไอเท็มได้ตามต้องการ เช่นเดียวกับความสามารถในการตั้งชื่อและวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตแบบฟาฟเนียร์
เรื่องพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวกับไฟนั้นอธิบายได้ง่ายมาก เพราะวาห์นมีทั้ง [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] และ [โพรมีธีอุส]
การที่ ‘เพลิงนิรันดร์’ ของเฮเฟสตัสยอมติดตามวาห์นแบบสมัครใจก็เป็นข้อยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดเช่นกัน
แม้เฮเฟสตัสจะแย้งว่าวาห์นอาจมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวกับการหลอมสร้าง แต่มันก็ถูกตัดออกไป เพราะนั่นน่าจะเป็นผลพวงมาจาก ‘การสร้าง’ มากกว่า
หลังจาก ‘สรุป’ เรื่องนี้กันได้แล้ว ทุกอย่างก็กลับสู่ภาวะปกติเว้นก็แต่สึบากิที่ดูเงียบไปและลิลลี่ที่เกือบหายใจไม่ออกตายเพราะนาซ่า
ตอนที่จับลิลลี่เอาไว้ นาซ่านั้นเผลอไปปิดทั้งปากและจมูกเพราะมัวแต่ตั้งใจฟังการสนทนาจนลืมตัว
ถึงอยากจะอยู่เคียงข้างวาห์นในอนาคต แต่เรื่องการมีลูกก็ไม่เคยอยู่ในหัวของเธอเลยจนกระทั่งวาห์นพูดมันออกมา
ถ้าเขาเป็นลูกครึ่งเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์จริงๆ นาซ่าก็กังวลว่าเธออาจท้องตั้งแต่ครั้งแรกที่ทั้งสองได้ทำกิจกรรมยามค่ำคืนร่วมกัน
เธอตัดสินใจว่าจะพยายามใกล้ชิดกับทีโอน่าและไอส์ให้มากกว่าเดิมขณะคอยสังเกต ‘การเปลี่ยนแปลง’ บนร่างกายของทั้งสองในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
วาห์นได้รับข้อมูลใหม่มาว่าเฮสเทียนั้นต้องเตรียมตัวเพื่อทำพิธีต่างๆ รวมถึงการเข้าพิธีสาบานก่อนจะจุติลงมายังโลกมนุษย์
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน เธอจะลงมาถึงที่นี่ในอีก 3 วันข้างหน้าและวาห์นนั้นค่อนข้างตื่นเต้นเพราะในที่สุดก็จะได้พบกับเธอแล้ว
ตัวละครในมังงะที่วาห์นชื่นชอบมากที่สุดคือเฮสเทีย เอน่า และเบลล์ ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ครั้งนี้มาก
ตั้งแต่ที่โตขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยวในห้องทดลอง วาห์นก็จินตนาการอยู่เสมอว่าจะเป็นยังไงนะถ้าเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของเฮสเทียแฟมิเลีย?
แม้ว่าเบลล์จะสร้างปัญหาอยู่เกือบตลอด (TL: ทั้งทางตรงและทางอ้อม) แต่เฮสเทียก็พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาช่วยสนับสนุนแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเทพธิดาจอมขี้เกียจก็ตาม
วาห์นนั้นจำเรื่องการชดใช้ค่าสั่งทำอาวุธของเบลล์ได้เป็นอย่างดี
แม้เฮสเทียจะรับงานพิเศษอีกหลายอย่างที่ทำให้เธอต้องเดินทางไปทั่วเมือง แต่เทพสาวก็ยังกลับมาต้อนรับเบลล์ที่บ้านได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เมื่อหัวข้อสนทนาต่างๆ เริ่มมาถึงทางตัน บรรยากาศในห้องก็ดูเงียบเหงาลงมากก่อนที่เฮเฟสตัสจะหันไปมองหญิงสาวที่นั่งเงียบมาตลอด
เอน่านั้นมาถึงพร้อมกับคนอื่นๆ และกำลังนั่งอยู่ด้านข้างขณะถือเอกสารจากทางกิลด์ที่ระบุเรื่องการลงโทษไว้อย่างละเอียด
ในฐานะพนักงานคนหนึ่งของกิลด์ เธอเองก็รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและเริ่มไตร่ตรองทุกอย่างตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว
แม้วาห์นจะเปรยเรื่องการตั้งครรภ์ แต่สีหน้าของเธอกลับดูดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เนื่องจากเธอนิ่งเงียบและไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น วาห์นจึงได้แต่เหลือบมองด้วยสีหน้ากังวลเป็นระยะจนเอลฟ์สาวยิ้มตอบแบบเศร้าๆ
ในฐานะผู้ที่ต้องมาดูแลและสังเกตการณ์เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เอน่านั้นกำลังคิดที่จะลาออกหลังเรื่องนี้จบลงอยู่เหมือนกัน
หากไม่ใช่เพราะวาห์นขอไว้ เธอก็คงจะทำแบบนั้นไปแล้ว
พอเห็นสายตาของเฮเฟสตัส เอน่าก็ตรวจสอบรายละเอียดในเอกสารอีกครั้งก่อนจะให้วาห์นประทับรอยเลือดลงไปและทำให้พวกมันเกิดการเผาไหม้ทันที
เปลวเพลิงบางส่วนนั้นพุ่งเข้าไปในหน้าอกของวาห์น ในขณะที่ส่วนอื่นๆ กลับสลายหายไปในอากาศ
ด้วยการใช้สัมผัสทางวิญญาณ วาห์นสังเกตเห็นเปลวเพลิงในดวงวิญญาณพร้อมกับที่มันเคลื่อนที่เข้ามาอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง
แม้จะสามารถสลายมันได้ทุกเมื่อ แต่วาห์นก็ยอมให้มันอยู่แบบนั้นไปก่อน
เมื่อเปลวเพลิงหายไปหมด เอน่าก็ถอนหายใจอย่างเศร้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นเป็นครั้งแรก
“ฉันขอโทษนะ วาห์น…”
วาห์นส่ายหัวขณะลูบใบหน้าของเธออย่างใกล้ชิด
“เรื่องแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องที่ต้องย้ายไปแฟมิเลียใหม่ก็ดูไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อครบกำหนด 1 ปี ระดับแฟมิเลียของฉันก็น่าจะเพิ่มขึ้นมามากควรเลย
เห็นไหมว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีผลร้ายแรงต่ออนาคตของฉันเท่าไหร่เลยนะ”
เอน่ายิ้มให้กับคำพูดของเด็กหนุ่มขณะเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกอบอุ่นตรงพวงแก้ม
เธอไม่ได้เจอวาห์นเลยนับตั้งแต่ได้หมั้นกัน แต่เขาก็ดูเติบโตขึ้นมากเหลือเกิน
เอน่าเริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองอาจใจร้อนในเรื่องนี้เกินไป เพราะวาห์นดูคิดวิเคราะห์เรื่องต่างๆ ได้ดีกว่าเดิมมาก
ราวกับว่าคนตรงหน้าสัมผัสความคิดของเธอได้ เพราะวาห์นนำมืออีกข้างมาโอบรอบเอวไว้ก่อนจะดึงเธอเข้ามาจูบทันที
ดวงตาของเอน่าเบิกกว้างไปกับการแสดงความใกล้ชิดแบบไม่ทันตั้งตัวและพยายามตบไหล่เพื่อให้เด็กหนุ่มปล่อยเธอ
แย่หน่อยที่วาห์นใช้มือขวาจับศีรษะของหญิงสาวไว้ขณะรั้งเอวบางให้มาอยู่ใกล้กว่าเดิมและจูบต่ออีกหลายวินาที
เมื่อเห็นว่าทั้งใบหน้าและใบหูของอีกฝ่ายได้กลายมาเป็นสีแดงแบบเสมอกันแล้ว วาห์นก็ถอนจูบและพูดกับเธอเบาๆ
“จำไว้นะเอน่า ฉันเป็นฉันในวันนี้ได้ก็เพราะเธอ
ตั้งแต่วันที่เราได้หมั้นกัน ชีวิตของฉันก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก”
ก่อนหน้านี้นั้นวาห์นสังเกตเห็นว่าออร่าของเอน่าเริ่มสั่นคลอนขณะที่ค่าความชื่นชอบจะค่อยๆ ลดลงเล็กน้อย
เพราะกลัวว่าเอลฟ์สาวอาจกำลังเสียใจที่ได้มารู้จักกับเขา วาห์นจึงพยายามพิจารณาเรื่องต่างๆ จากมุมมองของเธอก่อนจะตัดสินใจเข้าจูบ
แม้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในตอนแรก แต่ช่วงท้ายของการจูบนั้น ค่าความชื่นชอบของเธอก็เพิ่มขึ้นเป็น 88 แต้ม
เมื่อเขาพูดให้กำลังใจเธอต่อ มันก็เพิ่มขึ้นอีกจนไปหยุดอยู่ที่ 93 แต้ม
เพราะเอน่าตัดสินใจแล้วว่าแต่งงานกับเขาในอนาคต วาห์นจึงไม่อยากให้เธอมาเสียใจในภายหลัง
เขาไม่รู้ว่าเธอไม่เคยมีความตั้งใจที่จะเป็นฝ่ายบอกเลิกและแค่รู้สึกน้อยใจที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้วาห์นมากนัก
ถึงยังแต่งงานกับเขาและช่วยจัดการเรื่องในบ้านให้ แต่เธอก็ค่อนข้างเศร้าที่เห็นวาห์นเติบโตเร็วว่าที่คิดไว้
ตอนที่ทั้งคู่ตกลงแต่งงานกันนั้น เธอตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ในฐานะพี่สาวให้มากกว่าการเป็นภรรยาเสียอีก
หลังถูกจูบและได้ฟังคำพูดเมื่อกี้นี้ เอน่าจึงตระหนักว่าวาห์นเองก็ห่วงเรื่องสภาพจิตใจของเธอเช่นกัน
ขณะกำลังจะเข้าไปจูบตอบด้วยความดีใจ เอน่าก็สังเกตเห็นร่างเล็กๆ จากมุมสายตาที่กำลัง ‘จ้อง’ มาหา
แม้จะไม่ถึงขั้น ‘มุ่งร้าย’ แต่สายตานั่นก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ
จากช่วงเวลาที่วาห์นเข้าจูบเอน่า ลิลลี่ก็อยากจะแลกที่กับเอลฟ์สาวที่ดูลังเลเหลือเกิน
ถึงจะพลาดโอกาสเข้าร่วมวงสนทนาตอนที่ทุกคนกำลังคุยเรื่องตั้งครรภ์ แต่ลิลลี่ก็รู้สึกเหมือนเพิ่งรอดตายแบบหวุดหวิด
เพราะได้ยินสิ่งที่วาห์นพูดกับโลกิ เธอจึงรู้สึกโล่งอกที่ไม่ได้เป็นคนพูดอะไรทำนองนั้นออกไป
เมื่อทุกอย่างสงบลงแล้ว เรื่องน่าหดหู่อย่างต่อไปของวันนี้ก็คือมองดูวาห์นถอดเสื้อขณะที่เฮเฟสตัสเตรียมนำตราสัญลักษณ์ออกจากแผ่นหลังของเขา
มือของเทพสาวสั่นไปตลอดกระบวนการและวาห์นต้องปลอบเธอเกือบสิบนาที
ดูเหมือนเฮเฟสตัสจะทำใจไม่ได้จนกระทั่งเขาต้องมากระซิบข้างหูว่าก่อนครบกำหนด 1 ปี เธอจะต้องได้อุ้มลูกแน่นอน
พอตราสัญลักษณ์ถูกลบออกไปแล้ว วาห์นก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้สูญเสียส่วนหนึ่งของตัวเอง แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเป็นอิสระอยู่บ้าง
เพราะรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานกับเฮเฟสตัสขณะยังอยู่ในแฟมิเลียของเธอ ตอนนี้เขาจึงสามารถเข้าหาเทพสาวได้แบบไร้ข้อกังขา
แม้จะยังไม่ได้สร้างไอเท็มระดับ S เพื่อทำตามสัญญา แต่วาห์นคาดว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์หน้า
ตอนนี้ก็หมดเรื่องแล้ว เฮเฟสตัส โลกิ และเอน่าจึงต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
ก่อนจะออกจากบ้าน วาห์นก็โอบกอดทั้งสามในแบบต่างๆ
การกอดกับเฮเฟสตัสนั้นดูแนบแน่นและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก
ของเอน่าดูออกจะ ‘ไร้เดียงสา’ และสงวนท่าที
โลกินั้นพยายามจะเนียนเข้ามาจูบ เธอก็เลยโดน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ไปเล็กน้อยจนต้องยอมล่าถอยแต่โดยดี
วาห์นออกไปส่งพวกเธอที่ด้านหน้าพร้อมกับอนูบิส นานู สึบากิ ลิลลี่ และนาซ่า
เนื่องจากอนูบิสแฟมิเลียเองก็อยู่ภายใต้เงื่อนใขของโอรานอสเช่นกัน อนูบิสจึงไม่สามารถติดตามวาห์นไปด้วยได้
นานูนั้นอยากไปกับเขา แต่วาห์นก็ขอให้เธอดูแลเด็กๆ คนอื่นจนกว่าสถานการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น
เนื่องจากเด็กสาวมีความสามารถในการตีเหล็ก วาห์นจึงอยากให้เธอเข้าร่วมกับเฮเฟสตัสแฟมิเลียในอนาคต
เขาสัญญาว่าจะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราวและจะส่งข้อมูลเรื่องที่อยู่ใหม่ทันทีที่สามารถทำได้
เมื่อระยะเวลา 1 ปีสิ้นสุดลง เขาก็ตกปากรับคำว่าจะให้อนูบิสแฟมิเลียย้ายเข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันอีกครั้ง
มันเป็นความตั้งใจของเขาที่ต้องการทำให้เฮสเทียแฟมิเลียมีลักษณะการทำงานที่คล้ายกับแอสเทรียแฟมิเลีย
เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบวกกับการพูดคุยกับหลายๆ คน และบทเรียนจากโคลอี้กับเอวา วาห์น จึงอยากสร้างองค์กรที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านการสำรวจดันเจี้ยนและการรักษาความสงบ
ถึงยังไม่รู้แน่ชัดว่าต้องทำยังไงบ้าง แต่วาห์นตั้งใจว่าจะไปปรึกษากับโคลอี้และริวเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
เขาจะไม่พยายามจัดการทุกอย่างตามลำพังและอยากเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในหมู่คนรอบตัวให้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากวาห์นไม่เคยถูกผูกมัดหรือได้สัมผัสกับธรรมเนียมต่างๆ ของแฟมิเลีย เขาจึงอยากช่วยเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่พันธมิตรและสร้างศูนย์กลางให้ทุกคนสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานร่วมกันได้อย่างไม่ติดขัด
เขายังต้องพิจารณาเรื่องความปลอดภัยและวิธีการรับมือกับเหล่าเทพและเทพธิดาต่างๆ ในอนาคตด้วย
เพราะเมื่อเรื่องของ [เอ็นคิดู] ถูกเปิดเผย วาห์นคงได้รับแขกแบบไม่ได้หยุดพัก
แม้จะมีแต่เรื่องหนักหน่วงให้คิด แต่วาห์นก็รู้สึกมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องราบรื่น
ถ้าเขาได้รับการสนับสนุนจากเทพจำนวนมากและสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับทางกิลด์ เฮสเทียแฟมิเลียก็อาจกลายเป็นองค์กรใหญ่โตไม่แพ้องค์กรอื่นๆ ในเมือง
หลังกล่าวอำลาสาวๆ ที่เหลือ วาห์นก็ (ถูกบังคับให้) กอดพวกเธอเช่นกัน
ลิลลี่และนาซ่าเองก็อยากออกไปกับเขาด้วย แต่ตอนนี้วาห์นต้องการเวลาส่วนตัวเพื่อคิดเรื่องที่จะทำต่อจากนี้
นอกจากนี้เขายังอยากไปเยี่ยมมิลานและทีน่าที่ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ เป็นการส่วนตัวด้วย
สึบากิเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขาและเข้ามาตัดบทของทั้งสองไปโดยปริยาย
พอถึงช่วงมหกรรมการกอด วาห์นก็เริ่มจากอนูบิสโดยลูบหูของเธอไปพร้อมๆ กัน
นานูได้รับการกอดที่คล้ายกับเทพธิดาของตัวเอง แต่เด็กสาวยังเอาหัวมาถูกับมือของเขาแบบรุนแรงเป็นพิเศษด้วย
นาซ่านั้นค่อนข้างสงวนท่าที แต่วาห์นก็จูบเธอแบบสั้นๆ ก่อนจะลูบหูอย่างเอ็นดู
เมื่อเห็นหางที่กำลังส่ายไปมา เขาก็ยิ้มให้ขณะจูบเธอเป็นรอบที่สอง
พอมาถึงตาของลิลลี่ เธอแค่ทำตัวน่ารักและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
ตอนนี้เธอยังคงอยู่ในร่างเสือและส่งสายตาออดอ้อนแบบสุดๆ
วาห์นกอดพลางลูบหูและหัวของเธออย่างอ่อนโยนก่อนจะตัดสินใจมอบจูบแบบสั้นๆ ที่ริมฝีปากให้เป็นของแถม
หญิงสาวยิ้มหน้าบานเพราะนี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่วาห์นเป็นฝ่ายจูบเธอเอง
สึบากิกำลังยืนกอดอกอยู่ด้านข้างขณะเฝ้ามองทุกอย่างแบบยิ้มๆ
ดูเหมือนหญิงสาวไม่คิดที่จะเข้าร่วมมหกรรมครั้งนี้ด้วย แต่วาห์นเองก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่ายๆ โดยเฉพาะหลังจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
เมื่อเขาเข้าไปกอดเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สึบากิก็หัวเราะก่อนจะสนองคืนแบบแรงๆ
วาห์นเพลิดเพลินกับความเจ็บปวดซึ่งห่างหายไปนานและเลื่อนมือลงมาจับที่เอวของเธอแบบหลวมๆ
ขณะที่หญิงสาวกำลังจะปล่อยมือและกล่าวคำอำลา วาห์นก็ใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] แบบเต็มกำลังพร้อมลากมือผ่านแผ่นหลังและจบลงตรงบั้นท้ายซึ่งขึ้นชื่อว่า ‘ใหญ่ที่สุดในขณะนี้’
ตาของสึบากิพลันเบิกกว้างก่อนที่เธอจะสูญเสียพละกำลังตรงร่างกายส่วนล่างและส่วนขาจนต้องกอดหัวของวาห์นไว้เพื่อไม่ให้ล้มลงกับพื้น
วาห์นใช้โอกาสที่เธอ ‘มอบให้’ เพื่อนวดเฟ้นแบบเฉพาะจุดอย่างช่ำชอง
เนื่องจากสึบากิมักสวมใส่ชุดแบบเปิดเผย ส่วนหลังของเธอจึงเปิดกว้างให้วาห์นลงมือได้อย่างไม่ติดขัด
หลังจากนั้นไม่นาน แรงของเธอก็ค่อยๆ กลับมาอีกครั้งจนวาห์นรู้สึกถึงแรงดึงมหาศาลจนหัวแทบจะหลุดจากบ่า
เขาสลับพลังงานจากแบบผ่อนคลายไปเป็นแบบกระตุ้นและเริ่มกดตรงเส้นประสาทเพื่อกระตุ้นให้พวกมันกลับมาใช้งานได้ดั่งเดิม
สึบากิต้องทนดูร่างกายตัวเองกระตุกไปมาอีกหลายครั้งก่อนจะค่อยๆ กลับมาขยับขาได้
เธอรีบหนีออกจากเงื้อมมือของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าว
วาห์นได้แต่ยิ้มๆ และยกมือขึ้นซึ่งคล้ายกับตอนก่อนหน้านี้
ขณะที่ดขาพูดนั้นแสงสีขาวก็ไหลออกมาจากฝ่ามือไม่หยุด
“6,148 ต่อ 26
ยังเหลืออีก 6,122 ครั้งนะ กว่าแต้มเราจะเท่ากัน”