Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 211
หลังจากได้เห็นความปรารถนาในหัวใจของโลกิ วาห์นก็นั่งเงียบไปกว่าหนึ่งชั่วโมงขณะกำลังเรียบเรียงทุกอย่างที่ได้เห็น
เมื่อไหร่ก็ตามที่ใช้ [ความปรารถนาของหัวใจ] มันจะไม่เพียงแค่แสดงความทรงจำของคนๆ นั้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้เขาได้สัมผัสกับความคิดและอารมณ์ของพวกเธอในตอนนั้นด้วย
แม้แต่ตอนที่ใช้ลูกแก้วของเฮเฟสตัสก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่อาจฟื้นสติได้ทันทีเนื่องจากต้องสัมผัสกับ ‘ความโดดเดี่ยว’ ที่ยืดยาวมานานหลายล้านปี
ถึงจะคาดไว้แล้วว่าโลกิคงได้รับความเจ็บปวดมายาวนานไม่แพ้กัน แต่วาห์นก็ต้องตกตะลึงไปกับชีวิตของเธอ
เฮเฟสตัสไม่ชอบการสร้างสิ่งของต่างๆ แต่แผลใจส่วนใหญ่ของเธอนั้นเกี่ยวพันกับใบหน้าผิดรูปและความปรารถนาที่จะมีใครสักคน
ทว่าโลกิกลับต้องทนทุกข์เพราะการมีอยู่ของตัวเอง เนื่องจากพลังศักดิ์สิทธิ์บังคับให้เธอต้องวางแผนและสร้างความวุ่นวายอย่างไม่หยุดหย่อน
เธอไม่สามารถเชื่อใจใครแม้แต่กระทั่งตัวเอง ซึ่งนั่นก็ทำให้เทพสาวรู้สึกเกลียดตัวเองด้วย
หากไม่ใช่เพราะความกลัวที่จะต้องหายไปและความปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งพลังศักดิ์สิทธิ์ โลกิก็คงจะยอมดับสูญไปนานแล้ว
เช่นเดียวกัคราวของเฮเฟสตัส วาห์นไม่อาจเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้เลยว่ามันลำบากขนาดไหนที่ต้องใช้ชีวิตแบบนี้
เขาใช้ชีวิตเพียง 14 ปีในฐานะนักโทษผู้สิ้นหวังที่ไร้ทางหลบหนี แม้แต่จะฆ่าตัวตายก็ทำไม่ได้
แต่โลกินั้นใช้เวลาหลายล้านปีในฐานะนักโทษที่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ตัวเองรังเกียจ
เธอไร้ซึ่งเพื่อนแท้และได้แต่สร้างความบาดหมางกับคนที่หวังเข้ามาใกล้ชิด
แม้จะเป็นการรู้สึกเห็นใจที่แปลกหน่อยๆ แต่วาห์นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเทพสาวถึงไม่ชอบขี้หน้าเฮสเทียนัก
เนื่องจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเฮสเทียเกี่ยวข้องกับเตาไฟ สถาปัตยกรรม และบ้านเรือน มันเกือบจะเป็นการรับประกันว่าความทุกข์หรือความโดดเดี่ยวใดๆ ที่เธอประสบนั้นจะได้รับการบรรเทาหรือเบาบางลงแน่นอน
สิ่งที่เฮสเทียต้องทำก็แค่เป็นผู้สังเกตการณ์ที่คอยให้คำแนะนำและช่วยเหลือในขณะที่คนอื่นทำงานส่วนใหญ่แทน
พอได้ไตร่ตรองเรื่องนี้ วาห์นก็เริ่มตระหนักแล้วว่าทำไมเฮสเทียถึงถูกเรียกว่าเทพธิดาจอมขี้เกียจ
วาห์นเริ่มจินตนาการจากมุมมองของโลกิตอนที่เธอรู้ว่าเขาจะเข้าร่วมกับเฮสเทียแฟมิเลีย… มันดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันทีว่าทำไมเธอถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าวาห์นจะปฏิบัติกับเฮสเทียแตกต่างไปจากเดิม เพราะบุคลิกของเธอนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่วาห์นชอบอยู่แล้ว
เขาจำได้ว่าเฮสเทียต้องออกไปทำงานพิเศษแทบตลอดเวลาและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือคนที่เธอห่วงใย… อย่างน้อยก็ตอนอยู่บนโลกมนุษย์
วาห์นอยากทำให้เทพสาวทั้งสองปรองกันมากกว่านี้ในอนาคต เพราะหากสามารถทำให้เฮสเทียรู้สึกเห็นใจโลกิได้ เธอก็อาจจะได้สัมผัสกับการมี ‘เพื่อน’ จริงๆ เสียที
วาห์นยังหวังอีกว่าเมื่อถึงเวลาที่มีลูกด้วยกันกับโลกิ เขาอาจค้นพบหนทางที่จะช่วยแบ่งเบาผลของพลังศักดิ์สิทธิ์และเปลี่ยนมันให้เป็นอย่างอื่นแทน ‘กลอุบาย’ ‘เล่ห์เหลี่ยม’ และ ‘ความวุ่นวาย’
หลังจากสงบสติลงแล้ว วาห์นก็มองดูลูกแก้วสีน้ำเงินเข้มในมือก่อนจะบดขยี้มันทันที
ความรู้สึกว่าเวลาถูกแช่แข็งเริ่มกลับมาอีกเป็นครั้งที่สองของวันนี้ และวาห์นก็เข้าสู่นิมิตของ [ความปรารถนาของหัวใจ] อีกครั้งซึ่งรอบนี่เป็นคราวของโคลอี้บ้าง
—
เมื่อวาห์นตื่นขึ้น เด็กหนุ่มก็รู้ว่ามันคล้ายกับตอนของนานู ทว่าเขากลับมองไม่เห็นโคลอี้เลย
เขามองไปมาเพื่อตรวจสอบชิ้นส่วนภาพที่ลอยอยู่ในอากาศและตระหนักว่าพวกมันคือเหตุการณ์ที่โคลอี้เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้นั่นเอง
เขาเห็นเธอในวัยต่างๆ ตั้งแต่ตอนยังเด็กและกำลังถูกหล่อหลอมให้เป็นนักฆ่า
แม้จะไม่มีเสียง แต่วาห์นก็บอกได้ว่าใครคือเทพธิดาของแฟมิเลียนี้
เธอเป็นเทพธิดาร่างสูงที่มีผมสั้นสีแดงและดวงตาสีดำสนิทที่ดูราวกับกำลังดูดซับแสงทุกอย่าง
เครื่องแต่งกายของเธอประกอบไปด้วยชุดหนังที่มีสายรัดและกระเป๋ามากมาย แถมเธอยังมีมีดสั้นกว่า 10 เล่มเหน็บไว้ในที่ต่างๆ
ดวงตาของเธอดูเย็นชามาก แต่ก็เป็นรอยยิ้มนั่นต่างหากที่ทำให้วาห์นรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่
สายตาที่เทพสาวใช้มองโคลอี้น้อยนั้นคล้ายกับสายตาของคุณหมอคีนลี่ย์ที่เคยจ้องมองเขาในอดีต
มองผิวเผินมันอาจจะดูดี แต่นั่นคือรอยยิ้มของคนที่รู้ว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือตัวเองและคุ้นเคยกับการหลอกใช้ประโยชน์จากผู้อื่น
หากวาห์นไม่รู้มาก่อนว่าพฤติกรรมของเธอเป็นผลมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็… เขาคงกล่าวคำสาบานว่าจะเข้าต่อกรกับเทพธิดาองค์นี้ในอนาคตแน่นอน
เว้นแต่โคลอี้จะเป็นฝ่ายออกปากขอเอง วาห์นอยากให้ความทรงจำของเธอในช่วงเวลานี้จางหายไปเลยมากกว่า…
หลังจากใช้เวลาอยู่นานในมิติมืดมิดซึ่งดูเหมือนจะสั่นสะเทือนในทุกย่างก้าวของเขา วาห์นก็เริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อยและสับสนว่าเขาต้องทำอะไรกันแน่
เขาได้ดูภาพในอดีตของโคลอี้ไปแล้วมากมาย แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน วาห์นก็ไม่เห็นวี่แววร่างเสมือนจริงของโคลอี้เลย
ทว่ากลับบางอย่างจึงเกิดขึ้นทันทีที่เขาหยุดดูภาพเหล่านั้นและนั่งลงบนพื้นเพื่อครุ่นคิดหาทางออก
แม้จะไม่ได้สังเกตเห็นในตอนแรก แต่ไม่นานวาห์นก็เห็นภาพๆ หนึ่งเริ่มพังทลายลงและรู้สึกว่ามันคล้ายกับตอนที่เขาได้ดูความทรงจำของตัวเองหลังเสียชีวิตใหม่ๆ
ยิ่งเขาให้ความสนใจกับภาพนั้นมากเท่าไหร่ พวกมันก็จะยิ่งคงอยู่นานขึ้น แต่ทันทีที่วอกแวก พวกมันก็จะเริ่มแตกสลายกลายเป็นอนุภาคเล็กๆ แทน
วาห์นเริ่มกังวลเพราะเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากภาพทั้งหมดหายไปในขณะที่ตัวเองยังหาโคลอี้ไม่พบ
หากไม่ใช่เพราะเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เขาก็คงตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปแล้ว
เขาได้พูดคุยกับนานูหลังจากดู [ความปรารถนาของหัวใจ] ของเธอจบซึ่งเด็กสาวเองก็จำอดีตทุกอย่างได้ไม่มีผิดเพี้ยน
ดังนั้นวาห์นจึงสันนิษฐานว่าภาพที่เห็นในตอนนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ‘เดอะพาธ’ มากกว่าตัวเจ้าของภาพเอง
หลังจากเวลาผ่านไปอีกนานมากๆ ภาพส่วนใหญ่ก็หยุดทำงานลงซึ่งวาห์นเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับพวกมันนัก
เมื่อถึงตอนที่ทุกอย่างสงบลง มีภาพเหลืออยู่ในมิติเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งเป็นส่วนที่วาห์นไม่ได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้
เขาเริ่มชำเลืองมองเพราะพวกมันไม่ยอมหายไปแบบภาพอื่นๆ
แม้ว่าจะจำคนในภาพไม่ได้ทุกคน แต่วาห์นก็เห็นพวกสาวๆ จาก ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ ที่กำลังพูดคุยกับโคลอี้อย่างสนุกสนาน
มันต่างจากภาพเศร้าๆ ที่ผ่านมาอย่างลิบลับและดูเหมือนว่าภาพที่เหลือก็มีบรรยากาศคล้ายๆ กัน
มีบางส่วนที่เป็นภาพตอนโคลอี้กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ด้วย แต่วาห์นก็เห็นว่ามันเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องการช่วยเหลือคนอื่น
เขายังเห็นเธอกำลังเล่นกับเด็กๆ นอกสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกันกับซีลด้วย
ขณะไล่ดูภาพต่อไป วาห์นก็มาถึงจุดที่ตนเองได้พบกับโคลอี้เมื่อมาที่ร้านเป็นครั้งแรก
มันดูแตกต่างจากภาพอื่นๆ ก่อนหน้านี้ที่มีแสงสีขาวหรือไม่ก็สีฟ้าใส
ภาพที่มีวาห์นอยู่ด้วยนั้นจะมีสีที่อบอุ่นกว่าเช่นสีเหลืองหรือไม่ก็สีส้ม
ในที่สุดเขาก็พบความทรงจำวันแรกที่ตัวเองออกเดตและได้รับประสบการณ์มากมาย… พอได้เห็นกับตาแบบนี้แล้ววาห์นก็ต้องเชื่อว่าตัวเองช่างดูแปลกกว่าชาวบ้านจริงๆ
เขาในอดีตนั้นถึงจะมีหน้าตาเหมือนกับตอนนี้ แต่ก็ดูเหมือนพวกคนจรจัดที่ดูสกปรกมอมแมม
เมื่อเห็นตัวเองสวมเสื้อผ้าและตัดผมทรงใหม่ วาห์นก็เห็นว่าแสงที่เปล่งออกมานั้นกลายเป็นสีชมพูไปชั่วขณะหนึ่ง
ภาพที่เหลือหลังจากนั้นก็เป็นการพูดคุยระหว่างโคลอี้กับคนที่เธอห่วงใยซึ่งมีวาห์นรวมอยู่ในนั้นด้วย
แม้จะอธิบายไม่ได้ว่าทำไม แต่วาห์นรู้สึกมีความสุขขณะจ้องมองทุกอย่างที่เห็น ราวกับตัวเองกำลังสัมผัสกับอารมณ์ของโคลอี้ในเวลานั้นด้วย
และแล้วบางภาพก็เริ่มมีสีชมพูออกมาซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นตอนที่วาห์นคอยตามเอาใจเธออยู่นั่นเอง
เขารู้สึกมีความสุขแปลกๆ ขณะมองดูพวกมันเพราะมั่นใจแล้วว่าโคลอี้นั้นมีความสุขในช่วงเวลาดังกล่าวจริงๆ
ความรักที่เธอมีต่อเด็กหนุ่มและความปรารถนาที่จะถูกตามเอาใจนั้นช่างดูทรงพลังเหลือเกิน แถมวาห์นยังได้ประสบการณ์แปลกประหลาดกับการมองดูใบหน้าของตัวเองจากมุมมองของโคลอี้ด้วย
ที่แปลกก็เพราะเด็กหนุ่มดูหล่อเกินจริงไปมากและดวงตาของเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเอาใจใส่ ห่วงใย และความรักจนมันแทบจะส่งประกายออกมา
ในที่สุดวาห์นก็มาถึงตอนที่โคลอี้เล่าเรื่องราวของเธอภายในอ้อมแขนของเขา
ถึงฉากจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินแบบเศร้าๆ แต่มันก็คอยถูกแทนที่ด้วยสีเหลืองและสีชมพูซึ่งยิ่งเวลาผ่านไป ทั้งสองสีก็ยิ่งเด่นชัดยิ่งขึ้น
วาห์นรู้สึกถึงอารมณ์ทั้งหมดของโคลอี้ในเวลานั้นและยังมีโอกาสแปลกๆ ในการได้สัมผัสกับ ‘ความอบอุ่น’ จากการถูกตัวเองกอดที่ด้านหลังด้วย (TL: แปลอยู่ดีๆ ก็ขนลุกซู่)
ขณะกำลังเพ่งความสนใจไปที่ความรู้สึกนั้นเอง วาห์นก็ตระหนักว่าความรู้สึกนี้ไม่ได้มาจากภาพก่อนจะหันกลับมาและเห็นร่างเปลือยของโคลอี้ที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังพร้อมรอยยิ้มซุกซนเหมือนอย่างเคย
แม้ดวงตาสีน้ำทะเลจะวอกแวกและลดต่ำลงไปชั่วครู่ แต่ในที่สุดมันก็กลับมาจ้องประสานตากับหญิงสาวที่กำลังหัวเราะร่า
เธอชี้ไปทางภาพที่วาห์นดูค้างไว้โดยไม่พูดอะไรจนเขาต้องหันกลับไปมองมัน
จากนั้น ร่างเสมือนของโคลอี้ก็ยื่นมือมาโอบรอบตัวและกอดเขาจากด้านหลัง
เธอวางศีรษะไว้ตรงแผ่นหลังขณะที่เขาดูฉากต่อไปและเริ่มกระซิบเบาๆ
“ฉันไม่สนใจเรื่องอดีตอีกแล้ว… ตราบใดที่ยังได้รับความอบอุ่นแบบนี้
ฉันอยากจะเห็นมัน… อนาคตที่ส่องสว่างจากแสงของนายน่ะ”
วาห์นสดับฟังคำพูดของเธออย่างเงียบๆ ขณะดูถึงตอนที่โคลอี้ขึ้นมานั่งคร่อมหลังเกิดการเข้าใจผิดกัน
มาถึงจุดนี้ ฉากก็กลายเป็นสีแดงอมชมพูและเหลืองซึ่งวาห์นรู้สึกได้ถึงความสุขที่แตกต่างไปจากตอนแรกมาก
ตัวของเขาในความทรงจำดูเหมือนกำลังส่องสว่างไปทั่วในขณะที่โคลอี้เอนตัวเข้ามาใกล้…
เมื่อโคลอี้ที่อยู่ในภาพเริ่มกัดเข้ามาตรงหัวไหล่ ร่างเสมือนของเธอที่กำลังกอดเขาอยู่ก็เริ่มทำแบบเดียวกัน
แต่มันช่างต่างไปจากความเจ็บปวดที่เขาได้สัมผัสในโลกจริงเหลือเกิน
วาห์นสัมผัสได้ถึงความสุขอันล้นหลามของโคลอี้จากในภาพและจากร่างที่อยู่ด้านหลัง
ทุกอย่างดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่หญิงสาวทรุดลงกับเตียงหลังโดนกอดและถูกจูบอย่างร้อนแรง
วาห์นสังเกตเห็นว่าภายในช่วงเวลาสั้นๆ สีของภาพได้เปลี่ยนเป็นสีม่วงที่ดูโกลาหล ก่อนจะได้ยินเสียงคล้ายกระจกแตกจากมิติรอบตัว
ออร่าสีม่วงที่ดูวุ่นวายนั้นหายไปและถูกแทนที่ด้วยสีทองประกายซึ่งแฝงไปด้วยสีชมพูและสีเหลืองแห่งความสุขที่รุนแรงมากกว่าเดิม
วาห์นตระหนักว่าแสงนั่นมาจากร่างของเขาภายในความทรงจำของโคลอี้นั่นเอง
มันทำให้เขารู้สึกปลอดภัยมาก… ปลอดภัยยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในชีวิต
เขารู้สึกได้ว่าร่างเสมือนกำลังกอดรัดแน่นขึ้นเรื่อนๆ จนถึงตอนที่เขาสวมกอดเธอในความทรงจำ
มิติสีดำรอบๆ เริ่มพังทลายลงจนเห็นได้อย่างชัดเจน แต่วาห์นก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเลยเพราะกำลังเพลิดเพลินไปกับภาพที่โคลอี้กำลังกอดเขาในความทรงจำและการถูกร่างเสมือนของเธอกอดในลักษณะเดียวกัน
ร่างเสมือนกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“รู้สึกได้ใช่ไหม… เราปลอบใจซึ่งกันและกัน มีความสุขเหมือนๆ กัน
แสงสว่างของนายขับไล่ความมืดภายในใจของฉันออกไปหมดแล้ว… ดังนั้นห้ามปล่อยมือเด็ดขาดเลยนะ ฉันจะได้ไม่กลับไปหลงทางอีกไง”
เมื่อคำพูดนั่นจบลง วาห์นก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องทำงานของตัวเอง
เขาได้ยินเสียงแจ้งเตือนในหัวแต่ก็ยังไม่ไปสนใจมันขณะครุ่นคิดกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น
หลังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง อารมณ์ของเขาก็เริ่มคงที่ก่อนจะมองเข้าไปในระบบเพื่อยืนยันข้อสงสัยของตัวเอง
เขารู้สึกว่าพื้นที่สีดำซึ่งอัดแน่นไปด้วยความทรงจำนั้นจะปรากฏออกมาเมื่อตัวเองได้ทำตาม [ความปรารถนาของหัวใจ] ของคนๆ นั้นสำเร็จและก็ได้รับการยืนยันจากระบบทันที
//[ความปรารถนาของหัวใจ: โคลอี้ โลโล่] สำเร็จแล้ว ปลดล็อคค่า ‘ความรัก’ แล้ว//
[โคลอี้ โลโล่] ค่าความรัก 148(อุทิศตัว)
//สายใยผูกพันถูกเชื่อมต่อเข้ากับ [โคลอี้ โลโล่]//
//เริ่มต้นภารกิจเสริม//
[ภารกิจ: ความรับผิดชอบของหัวหน้าครอบครัว, ทำซ้ำได้]
ระดับ: B – SS
เป้าหมาย: ทำให้โคลอี้ โลโล่ตั้งครรภ์ (0) ดูให้แน่ใจว่าการทำคลอดเป็นไปได้ด้วยดี; จำนวนเด็กในปัจจุบัน (0)
รางวัล: 100,000 OP, 1x [ผู้พิทักษ์:(ไร้นาม)]
เงื่อนไขความล้มเหลว: เสียชีวิต, โคลอี้ โลโล่เสียชีวิต, (ไร้นาม) เด็กเสียชีวิต
ผลจากความล้มเหลว: กรรมชั่ว 200 (0)