Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 223
เมื่อวาห์นตื่นขึ้นเพื่อเตรียมเข้าสู่ลูกแก้ว เขาก็ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น
น่าจะมีช่วงๆ หนึ่งที่เฮสเทียเกิดละเมอและพลิกตัวนอนหงายแทน
เป็นครั้งแรกเลยที่มีผู้หญิงมานอนกับเขาด้วยท่าพิสดารแบบนี้ แถมวาห์นยังได้เห็นวิวดีๆ เป็นของแถม… โดยเฉพาะตรงส่วนที่ [แซฟไฟร์สตาร์] พำนักอยู่
เขาดึงผ้าห่มขึ้นเพื่อปกปิดร่างกายของเธอไว้ ก่อนจะขยับมาด้านข้างอย่างช้าๆ และปล่อยให้ร่างเล็กกลิ้งลงไปเองโดยไม่ทำให้ตื่น
แต่แล้วทุกอย่างที่ทำไปก็ไร้ค่า เพราะดูเหมือนเฮสเทียจะไม่ยอมง่ายๆ และละเมอคลานกลับขึ้นไปอีกครั้ง… คราวนี้เป็นแบบนอนคว่ำและยังเอาแขนมากอดเขาไว้อย่างแน่นหนา
หากไม่ใช่เพราะออร่านิ่งสงบกับน้ำลายที่ไหลออกจากปากไม่หยุด วาห์นคงไม่เชื่อแน่ว่าเธอกำลังหลับอยู่จริงๆ
จากความรู้เกี่ยวกับร่างกายที่ศึกษามา เขาสามารถตรวจจับชีพจรและจังหวะลมหายใจได้อย่างแม่นยำเพื่อเป็นการยืนยันอีกชั้นว่าเทพตัวแสบไม่ได้เล่นละครตบตา
วาห์นสรุปได้อย่างเดียวว่านี่อาจเป็น ‘สัญชาตญาณเสาะหาความอบอุ่นแม้ร่างกายจะไม่ได้สติ’ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดูจะไร้ทางเยียวยาแล้ว
สุดท้ายเขาก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากลูบหัวเธออย่างยอมแพ้ก่อนจะเพ่งจิตเข้าสู่ลูกแก้ว
—
ภายในนั้น วาห์นได้สร้างแผ่นตราสัญลักษณ์ที่จะนำไปตกแต่งหน้าบ้านและตราขนาดเล็กสำหรับสมาชิกในอนาคต
เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันตกไปอยู่ในมือของคนอื่น วาห์นจึงซื้อกำไลข้อมือจากระบบและนำตราที่ทำไปติดไว้ด้านบน
ขั้นตอนนี้ทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่มีทางถูกขโมยหรือโดนสับเปลี่ยนโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัวแน่นอน
เพราะเพลินไปหน่อย วาห์นเลยทำกำไลออกมามากกว่า 20 ชุดและเกือบต้องให้เอวาไป 1 ชุดเมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
แต่แทนที่จะให้กำไล วาห์นตัดสินใจซื้อบางอย่างจากระบบที่ดูเหมาะสมกับเธอมากกว่า
ผลที่ออกมาก็คือปิ่นปักผมรูปดอกลิลลี่สีขาว 5 กลีบและมีสีทองประดับอยู่ตรงกลาง
พอติดมันเข้ากับผมสีทองยาวสลวยเรียบร้อยแล้ว วาห์นก็รู้สึกเหมือนค่าความชื่นชอบของตัวเองที่มีต่อเอวานั้นเพิ่มขึ้นมาอีก 5 แต้ม
เพื่อเป็นการ ‘ขอบคุณ’ หญิงสาวจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในช่วงนอนพัก ไปกับการตอบแทนเขาอย่าง ‘นุ่มนวล’
เมื่อวาห์นหนีกลับออกมาที่โลกจริง เขาก็เกือบหลุดขำเพราะความน่ารักของแวมไพร์ตัวน้อย
หากไม่ใช่เพราะมีเฮสเทียหลับอยู่ด้านบน เขาก็คงจะหัวเราะออกมาแล้ว
ราวกับว่าเฮสเทียจะ ‘สัมผัส’ ถึงบางอย่างได้ เธอเริ่มบิดตัวไปมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นและสบตากับเขาอย่างสะลึมสะลือ
วาห์นยิ้มเมื่อเห็นสีหน้า ‘เพิ่งตื่น’ ที่ยังไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่นัก
“อรุณสวัสดิ์นะ เฮสเทีย…” เขาพูดพลางยื่นมือออกมาลูบผมอย่างเอ็นดู
คำพูดนั่นทำให้เฮสเทียยิ้มเช่นกัน… ก่อนจะนำหัวมาพักที่มือของเขาและทำท่าเหมือนจะกลับไปนอนต่อ
วาห์นอึ้งจนพูดไม่ออกเพราะเธอกำลังกอดแขนขวาของเขาและทำให้มันตั้งขึ้นเพื่อใช้หนุนแทนหมอน
ไม่กี่อึดใจต่อมา เขาก็เห็นว่าเธอกลับไปหลับต่อได้จริงๆ
เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะนำศีรษะของเธอกลับมาวางไว้บนตัวอีกครั้ง
ดูเหมือนเทพสาวจะเกลียดช่วงเช้าแบบเข้าไส้ วาห์นก็เลยปล่อยให้เธอนอนต่อขณะที่ตัวเองเริ่มจัดช่องเก็บของและเตรียมพร้อมรับวันใหม่
นี่คือวันเสาร์ซึ่งเป็นวันที่พวกสาวๆ จัดเตรียมงานฉลองวันเกิดให้กับเขา
วาห์นไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอกับอะไรบ้าง อย่างเดียวที่รู้ก็คือต้องไปที่คาเฟ่แห่งเดิมก่อน 10 โมงเช้า (คาเฟ่ที่ไปรอเฮสเทีย)
ยังมีเวลาอีกเกือบ 5 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานัด ดังนั้นวาห์นเลยปล่อยให้เฮสเทียหลับต่อ
—
พอถึงช่วง 8 โมงเช้า เฮสเทียก็ตื่นขึ้นเองโดยมีวาห์นคอยเช็ดน้ำลายให้ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้นานแล้ว
เธอดูเขินๆ ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนและมีท่าทางร่าเริงตามประสาคนได้นอนเต็มอิ่ม
วาห์นเตือนเฮสเทียเกี่ยวกับงานฉลองที่จะมีขึ้นเพื่อกันเธอลืม
เทพตัวเล็กดูกระฉับกระเฉงกว่าเดิมและเข้ามากอดแขนของเขาเอาไว้
“อาจจะช้าไปหน่อย แต่สุขสันต์วันเกิดนะวาห์น~!”
พอจัดแจงทุกอย่างเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกจากบ้านและมุ่งหน้ามาที่คาเฟ่
เฮสเทียนั้นดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเข้าของวันเกิดเสียอีก ไม่นานมันก็ลามมาถึงวาห์นและทำให้เขาพลอยตื่นเต้นไปด้วย
แทนที่จะปล่อยให้วาห์นเดินนำตามปกติ วันนี้เฮสเทียกลับเป็นฝ่ายจูงแขนนำทาง… โดยที่วอกแวกและแวะข้างทางเป็นครั้งคราวเท่านั้นเอง (TL: สมาธิสั้น ชอบแวะดูนั่นนี่)
วาห์นหัวเราะทุกครั้งที่เธอหยุดเดินเพื่อสัมผัสกับสิ่งใหม่ๆ พร้อมคอยอธิบายข้อสงสัยให้ฟังอย่างใจเย็น
ผ่านไปไม่นาน เฮสเทียก็จะ ‘นึกขึ้นมาได้เอง’ และพยายามเร่งฝีเท้ากว่าเดิม
พวกเขามาถึงคาเฟ่ก่อนเวลานัดหมายประมาณครึ่งชั่วโมง ทว่ากลับมีหลายคนเดินทางมาถึงก่อนซึ่งทำให้วาห์นรู้สึกอบอุ่นใจมาก
เพราะเฮเฟสตัสเป็นคนประสานงานครั้งนี้ด้วยตัวเอง ทุกๆ คนที่ใกล้ชิดกับวาห์นจึงมาร่วมกันกันอย่างพร้อมเพรียง
นั่นรวมถึงบางคนที่ทำให้เขาต้องแปลกใจและรู้สึกยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง
“โย่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
คนที่เข้ามาทักทายเขาเป็นคนแรกก็คือเวลฟ์ เด็กหนุ่มผมสีแดงที่วาห์นไม่เห็นหน้ามาพักใหญ่ๆ
เขาเดินมาข้างหน้าพลางยื่นมือออกไปจับมือของเวลฟ์และทักทายกลับ
“เวลฟ์ นายเป็นไงบ้าง งานวิจัยก้าวหน้าไปถึงไหนแล้วล่ะ?”
แม้เวลฟ์จะยังยิ้มอยู่ แต่วาห์นก็เห็นมุมปากของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่า ‘งานวิจัย’
เวลฟ์ถอนหายใจก่อนจะกุมมือไว้ข้างหน้าและก้มหัวลงต่ำ
“…ขอคทาอีกอันได้ไหมเพื่อน!?
ฉันทำอันเก่าพังไปแล้วล่ะ ช่วงนี้งานก็เลยไม่คืบหน้าเลย!”
วาห์นหัวเราะก่อนจะโบกมือและนำคทา [ฟื้นฟู] อีกอันออกมา
เขาส่งมันให้กับเวลฟ์ที่กำลังทำหน้าซาบซึ้งก่อนที่เสียงๆ หนึ่งจะเข้ามาทำลายช่วงเวลาของ ‘หนุ่มๆ’
“เวลฟ์ ไอ้เด็กน้อย มาขอของจากเจ้าของวันเกิดแบบนี้นี่ใช่สมองส่วนไหนคิดฮะ~!?”
เจ้าของเสียงดังกล่าวก็คือสึบากินั่นเอง
เธอสวมเสื้อสีขาวและม่วงตามแบบฉบับชาวตะวันออกที่เปิดตรงช่วงกลางลำตัว
แม้จะเป็นชุดเปิดเผยเช่นกัน แต่มันก็ดูเป็นทางการกว่าชุดปกติของเธออยู่บ้าง
เวลฟ์เริ่มทำหน้าเชิงขอโทษให้วาห์นก่อนจะหันไปฟาดฟันกับหญิงสาวตาเดียว
“สนใจแต่เรื่องของตัวเองเถอะยัยแก่ วาห์นเป็นหุ้นส่วนในงานวิจัยของฉัน เขาก็เลยถาม-”
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เวลฟ์ได้พูดก่อนจะโดนสึบากิคว้าหัวและได้ตั๋วฟรีลงไปกินฝุ่นบนพื้น
“เรียกใครว่ายัยแก่นะ หา!? นับวันจะยิ่งลามปามขึ้นทุกทีนะ…ไอ้หนู”
แม้เวลฟ์จะปากกล้าและบางครั้งก็ถึงขั้น ‘ก้าวร้าว’ แต่เขาก็เป็นเพียงแค่นักผจญภัยเลเวล 1 ซึ่งยังห่างชั้นกับสึบากิอยู่หลายเท่าตัว
วาห์นไม่รู้ว่าสหายของตนไปเอาความบ้าบิ่นมาจากไหนถึงได้กล้าปากเสียใส่สึบากิแบบซึ่งหน้า เพราะเป็นที่รู้กันดีกว่าความหัวรุนแรงของเธอนั้นไม่เป็นสองรองใคร
เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม วาห์นจึงเดินออกไปและวางมือบนไหล่ของเธอ
“อย่าคิดมากเลย ไม่ว่าคนอื่นจะพูดยังไง แต่เธอก็ยังสวยอยู่ดีนั่นแหละ”
ตาของสึบากิพลันเบิกกว้างและปล่อยให้วาห์นช่วยเวลฟ์ขึ้นมาจากพื้นโดยที่เธอไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปากห้ามแต่อย่างใด
วาห์นช่วยเวลฟ์ปัดฝุ่นขณะพูดอย่างตรงไปตรงมา
“วันหลังอย่าพูดเรื่องอายุกับผู้หญิงอีกเลยนะ…”
วาห์นเกือบหลุดออกไปแล้วว่าแม้แต่เฮเฟสตัสที่เวลฟ์เคยแอบชอบเองก็มีอายุหลายล้านปี แต่พอคิดไปคิดมาเขาก็เปลี่ยนใจเสียก่อน
ราวกับว่าเวลฟ์จะปะติดปะต่อบางอย่างได้จากท่าทางของเด็กหนุ่ม เขาถอนหายใจก่อนจะวางมือลงบนไหล่ของวาห์นและพูดสั้นๆ
“ดูแลเธอให้ดีล่ะ…”
เวลฟ์เคยคิดว่าวาห์นเป็นคู่แข่งในสนามรัก แต่หลังจากนั้นไม่นานก็พบว่าตนได้แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนามเลยด้วยซ้ำ
ข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวาห์นกับเฮเฟสตัสนั้นเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้ แถมเวลฟ์ยังได้รับคำยืนยันจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้มาแล้ว
แม้จะยังไม่ทราบเรื่องการหมั้น แต่เวลฟ์มั่นใจว่าสัมพันธ์ของทั้งสองคงลึกซึ้งยิ่งกว่าในข่าวลือเสียอีก
พอได้เห็นเฮเฟสตัสแบบปราศจากที่ปิดตา เวลฟ์ก็รู้สึกยอมแพ้และไม่กลับไปคิดเรื่องการตามจีบเทพธิดาที่ตนแอบชอบมานานอีก
วาห์นเข้าใจความหมายที่เวลฟ์ต้องการจะสื่อ เขาพยักหน้าอย่างมั่นใจและตอบกลับไป
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะดูแลทุกคนที่ห่วงใยให้ดีที่สุด”
ถึงอยากจะใช้ ‘เฮเฟสตัส’ แทนคำว่า ‘ทุกคน’ แต่วาห์นก็ไม่อาจทำได้… โดยเฉพาะเมื่อมีสาวๆ คนอื่นอยู่ในบริเวณนั้นด้วย
แม้จะยังไม่ได้เข้ามาทักทายกัน แต่วาห์นก็เห็นทั้งโลกิ เอน่า ทีโอน่า ทีโอน่า ไอส์ เลฟิย่า นาซ่า ลิลลี่ มิลาน ทีน่า อนูบิสพร้อมกับแฟมิเลียของเธอ และคนสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด โคลอี้
หากนับสึบากิกับเฮสเทียเข้าไปด้วย นั่นทำให้สมาชิกที่มางานวันนี้มีทั้งหมด 23 คน เป็นผู้หญิงเสีย 17 คน และผู้ชายอีก 6 คน
นี่เป็นเรื่องที่วาห์นรู้อยู่แล้ว แต่วันนี้คงได้เห็นกันจะๆ เลยว่าเขามีเพื่อผู้ชายน้อยมาก
เพราะฟินน์ แกเร็ธ และเบตไม่ได้มางานด้วย นั่นทำให้เวลฟ์เป็นเพื่อนผู้ชายเพียงคนเดียวของวาห์น เพราะราซุย นัวร์ อาคิล และอาตาร์นั้นเป็นเหมือนลูกศิษย์หรือ ‘สมาชิกในฝูง’ มากกว่าเป็นเพื่อน
หลังจากคุยกันต่ออีกเล็กน้อย วาห์นก็เข้าไปทักทายคนอื่นๆ พร้อมกับเฮสเทีย สึบากิ และเวลฟ์
ดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกดีใจกับถ้อยคำเมื่อกี้นี้ และวาห์นยังได้เข้าไปกอดสาวๆ เกือบทุกคนตรงนั้นซึ่งรวมไปถึงสึบากิและเด็กสาวที่เขาไม่ค่อยได้คุยด้วยอย่างชีโอนและมาอัต
เวลฟ์ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกและเริ่มมองวาห์นราวกับสัตว์ประหลาด
สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหมจนต้องเอนตัวเข้ามากระซิบถาม
“เฮ้ย มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย นี่ฉันตกข่าวอะไรไปหรือเปล่า?”
เพราะข่าวลือเกี่ยวกับทีโอน่ากับไอส์นั้นก็ดังไม่แพ้เฮเฟสตัส วาห์นจึงเริ่มอธิบายความสัมพันธ์ของเขากับคนที่เหลือแบบสั้นๆ โดยข้ามรายละเอียดส่วนใหญ่ไป
แน่นอนว่ามีบางคนที่ ‘หูไว’ มากและต่อไปกระซิบเบาแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์
พวกเธอต่างแสดงสีหน้าดีใจเมื่อถูกวาห์นพูดถึง ถึงแม้ว่าสิ่งที่อธิบายไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของตัวเวลฟ์เอง
สีหน้าของเวลฟ์หลังฟังคำอธิบายจนจบนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เหลือเชื่อ และจริงจังจนถึงขั้นที่เขาต้องถามเสียงดังเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง
“นี่นายจะบอกฉันว่าสาวๆ เกือบทุกคนที่นี่ยกเว้นพวกเด็กตัวกะเปี๊ยกบางคน… พวกเธอเป็นผู้หญิงของนายหมดเลยเหรอ!?”
แน่นอนว่าลิลลี่ นานู กับทีน่าย่อมต้องไม่พอใจเมื่อได้ยินแบบนั้นพร้อมกับลุกฮือขึ้นและตะโกนพร้อมกัน
“““ไอ้เจ้าบ้า ว่าใครเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกฮะ!?”””
เวลฟ์ยิ่งทำหน้าแปลกกว่าเดิมซึ่งแม้แต่วาห์นเองก็อ่านไม่ออกแล้วว่าสหายผมแดงกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว
เขาเลี่ยงไม่มองหน้า ‘เด็กสาว’ ทั้งสามและหันไปถามวาห์นอีกครั้ง
“…เด็กตัวกะเปี๊ยกพวกนี้ก็ด้วยเหรอ?”
คำถามนั่นสร้างเสียงหัวเราะไปทั่ว… จะเว้นก็แต่พวก ‘เด็กตัวกะเปี๊ยก’ ที่โดนกล่าวถึงเท่านั้น
ทั้งสามจ้องมองเวลฟ์ด้วยสายตาทิ่มแทงราวกับอยากจะควักลิ้นของเขาออกมาดูเล่น
แม้แต่ทีน่าซึ่งเป็นเด็กสาวว่านอนสอนง่ายที่สุดก็ยังเห็นเวลฟ์เป็นศัตรูคู่อาฆาต
เวลฟ์รู้สึกถึงสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมาบวกกับสีหน้าที่ยากจะหยั่งถึงของสหาย
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์น่าเหนื่อยใจโดยที่ไม่มีโอกาสเตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย
เขารู้แค่เรื่องที่ถูกเชิญมาวันนี้เพื่อฉลองวันเกิดของวาห์น แต่กลับไม่มีใครหมายเหตุให้เลยว่าผู้หญิงที่มางานส่วนใหญ่นั้นถ้าไม่ใช่ผู้หญิงของ ‘เจ้าของวันเกิด’ ก็ต้องเป็น ‘ว่าที่’ ของมันล้วนๆ!
แม้แต่รักครั้งแรกของเขาเองก็อยู่ในกลุ่มที่ว่านี่ด้วย…
อย่างเดียวที่คิดได้ในเวลานั้นก็คือ ‘ไอ้หมอนี่มันจะขิงกันไปถึงไหน!?’
แต่ไม่ว่าเวลฟ์จะคิดหรือรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน วาห์นก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีและคอยสนับสนุนงานของเขา
แทนที่จะรู้สึกหงุดหงิดต่อไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาเลยพยายามปรับความคิดเสียใหม่
สุดท้ายเวลฟ์ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่และแสดงสีหน้าเคารพนิดๆ ออกมาแทน