Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 227
หลังจากที่วาห์นออกจากออนเซ็น แต่งตัว และเดินมาถึงห้อง เฮสเทียก็มานอนเล่นอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเห็นเขาเข้ามา เธอก็ยิ้มกว้างก่อนจะยกตัวขึ้นจากเตียงและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“จำไว้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายต้องนวดให้เสร็จเลย~!
เห็นประหม่าแบบนี้แต่จริงๆ แล้วฉันไม่เป็นไรหรอก!”
ขณะพูด เฮสเทียก็ชูกำปั้นออกมาด้านหน้าราวกับกำลังชาร์จพลังเพื่อรวบรวมความกล้า
พอเห็นวาห์นหัวเราะและเดินมาที่เตียงก่อนจะคลานเข้ามาหา ความกล้าเมื่อกี้นี้ก็แทบหล่นหายไปเกือบหมด
จากมุมมองของเฮสเทีย ภาพที่เด็กหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆ
เธอสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นเร็วขึ้นจนเริ่มหายใจลำบาก
“…อย่าห่วงไปเลย ฉันไม่ทำร้ายเธอหรอก
นี่เป็นการนวดเพื่อสลายความตึงเครียดในร่างกายที่เธอสะสมเอาไว้
กล้ามเนื้อของเธอจะถูกทำให้ผ่อนคลายมากเป็นพิเศษ แต่พวกมันจะกลับมาเป็นปกติหลังจบขั้นตอนสุดท้ายซึ่งจะทำให้เธอรู้สึกสดชื่นมาก”
เฮสเทียพยักหน้าให้ก่อนจะนอนคว่ำลงกับเตียง
“โอเค ฉันพร้อมแล้ว… รอบนี้ไม่มีหนีแน่นอน!”
วาห์นยิ้มขณะหยิบหมอนมาวางไว้บนขาของเทพตัวเล็กเพื่อไม่ให้รู้สึกตะหงิดๆ แบบรอบที่แล้ว
เฮสเทียเริ่มมองแบบแปลกๆ จนเขาต้องรีบอธิบายให้ฟัง
“ฉันอาจต้องขึ้นไปนั่งบนนั้นน่ะ… ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกกลัว”
ดูเหมือนเฮสเทียอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็หันกลับไปและเริ่มหายใจเป็นจังหวะเพื่อสงบจิตใจลง
วาห์นขึ้นไปนั่งโดยทิ้งน้ำหนักบางส่วนลงที่ขาของเฮสเทียและเริ่มจากการนวดตรงข้างเอวก่อนเป็นอันดับแรก
มันต่างจากครั้งที่แล้วเพราะเธอไม่ได้แสดงท่าทางหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
คราวนี้ออร่าของเฮสเทียเริ่มสลับกันไปมาระหว่างสีโทนอุ่นๆ หลายอย่างโดยมีสีม่วงโผล่ออกมาบ้างเป็นครั้งคราว
(TL: รู้สึกดีแต่ว่ายังมีกล้าๆ กลัวๆ อยู่บ้าง)
พอถึงตอนที่วาห์นเลื่อนขึ้นไปจัดการกับกล้ามเนื้อส่วนบน ออร่าของเธอก็เริ่ม ‘ลุกไหม้’ ราวกับเปลวเพลิงโดยที่เจ้าตัวยังไม่มีทีท่าว่าจะห้ามปรามการกระทำดังของเขา
รอยยิ้มเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวาห์นเมื่อเห็นว่าเธอพยายามมากแค่ไหน เขาจึงตัดสินใจนวดแบบจริงจังยิ่งขึ้นเพื่อทำให้มันเป็นประสบการณ์ที่เฮสเทียจะไม่มีวันลืมได้ลง
พลังงานสีขาวจากฝ่ามือค่อยๆ เข้ามารวมตัวกันจนเกิดประกายไฟเล็กน้อย ก่อนที่วาห์นจะวางมันลงบนแผ่นหลังส่วนล่าง
เขารู้สึกได้ถึงการกระตุกของกล้ามเนื้อขณะใช้มือลากผ่านตามแนวสันหลังไปจนถึงกล้ามเนื้อตรงส่วนคอก่อนจะกดนิ้วโป้งลงที่กล้ามเนื้อบริเวณส่วนหัวไหล่ทั้งสองข้าง
ทุกครั้งที่มือของเขาขยับมือ ออร่าของเฮสเทียก็จะสั่นไหวตามจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมอยู่เลย
วาห์นค่อยๆ เปลี่ยนการวางมือและใช้มันกระตุ้นจุดรวมประสาททั้งเจ็ดตามแนวสันหลัง เริ่มตั้งแต่ที่ส่วนคอ ไล่ลงมายังแผ่นหลัง ก่อนจะมาจบลงตรงปลายกระดูกก้นกบที่เป็นจุดเชื่อมต่อของกล้ามเนื้อตรงส่วนนั้น
เขาเกือบจะนวดต่อลงไปอีกหน่อยแล้ว แต่ก็นึกขึ้นมาได้พอดีว่าจะไม่นวดส่วนที่ดู ‘อันตรายเกินไป’ นัก… อย่างน้อยก็ในตอนนี้
เข็มพลังงานค่อยๆ ก่อตัวขึ้นตรงปลายนิ้วก่อนที่วาห์นจะฝังมันลงตามจุดต่างๆ เพื่อคลายกล้ามเนื้อให้มากขึ้นไปอีกระดับ
ตามปกติแล้ว นี่เป็นช่วงที่พวกสาวๆ จะ ‘ละลายไปกับเตียง’ และเฮสเทียเองก็มีอาการไม่ต่างไปจากคนอื่นในขณะที่ร่างกายของเธอเริ่มเข้าสู่สภาพผ่อนคลายถึงขีดสุด
เพราะเฮสเทียเป็นคนชอบนอนน้ำลายไหล วาห์นไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้จะเกิดการ ‘เขื่อนแตก’ โดยที่เจ้าตัวยังคงเหม่อลอยแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว
ร่างกายของเธอไม่ได้กระตุกเหมือนตอนที่เขานวดให้เฮเฟสตัส อนูบิส หรือแม้กระทั่งโลกิ และ วาห์นรู้สึกสงสัยมากว่าอะไรทำให้การตอบสนองเฮสเทียนั้นต่างไปจากคนอื่น
ออร่าสีชมพูสุกสว่างนั้นบ่งบอกว่าพวกสาวๆ รู้สึกตื่นเต้นมากในระหว่างการนวด ทว่าเฮสเทียกลับเป็นคนเดียวที่ตอบสนองออกมาได้ตรงตามข้อมูลที่เขาศึกษามา
นี่เป็นการนวดที่ถูกออกแบบมาเพื่อคลายความตึงเครียด ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เสริมความงาม และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดภายในร่างกาย
วาห์นคิดมาเสมอว่าตัวเองนวดผิดวิธีมาโดยตลอด เพราะพวกสาวๆ มีปฏิกิริยาแตกต่างจากที่อธิบายไว้ในคู่มือของ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า]
ตอนนี้เฮสเทียกลับแสดงท่าทางที่ ‘ถูกต้อง’ วาห์นก็เลยไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น
เขาสงสัยว่าอาจเป็นเพราะคนอื่นต่าง ‘รู้สึกคาดหวังบางอย่าง’ ต่อตัวเขา หรืออาจเพราะพวกเธอ ‘มีประสบการณ์’ ซึ่งต่างไปจากเฮสเทียที่ยังบริสุทธิ์อยู่
วาห์นสรุปคร่าวๆ ว่า ‘สภาวะผ่อนคลาย’ ในความคิดของแต่ละคนนั้นอาจจะไม่เหมือนกันและตัดสินใจทดสอบเรื่องนี้เพิ่มเติมในอนาคต
เนื่องจาก [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] คือหนึ่งในสกิลที่มีประโยชน์เป็นอันดับต้นๆ วาห์นจึงต้องทำความเข้าใจกับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ครึ่งชั่วโมงนับจากตอนเริ่มนวด เฮสเทียก็หลับไปด้วยสีหน้า ‘เหม่อลอย’ พร้อมกับออร่าสีทองปนชมพูที่ดูนิ่งสงบ
เธอไม่ได้ ‘กระตุกอย่างรุนแรง’ ตามที่เขาคาดไว้ แต่กลับมีท่าทางผ่อนคลายมากและดูมีน้ำมีนวลขึ้นอีกเป็นกอง
ผิวของเฮสเทียกลายเป็นสีขาวอมชมพูและมีเสน่ห์มากจนวาห์นรู้สึกโล่งใจที่เธอหลับไปแล้วและไม่ได้ตื่นขึ้นมาทำอะไรที่ ‘เป็นอันตราย’ แบบตอนอาบน้ำกันอยู่
เด็กหนุ่มโบกมือไปทางคริสตัลเวทมนตร์เพื่อหรี่แสงไฟในห้องก่อนจะลงมานอนข้างๆ เธอและหลับไปเช่นกัน
อาจเป็นเพราะความผ่อนคลายจากการนวด เทพตัวเล็กก็เลยไม่ได้คลานขึ้นมาบนตัวเขาแบบคืนก่อนๆ
แต่พอเวลาล่วงเลยมาจนเกือบตี 4 ซึ่งเป็นช่วงที่วาห์นใกล้จะตื่นนอน อะไรบางอย่างก็คลานขึ้นมาบนแผงอกของเขาและทำการ ‘ยึดที่คืน’
การกระทำนั่นเรียกให้วาห์นตื่นขึ้นและได้แต่หัวเราะในใจขณะลูบผมของ ‘เจ้าที่’ เบาๆ
เขาอยู่แบบนั้นไปจนถึงตี 5 ซึ่งเป็นเวลาที่ต้องเข้าไปในลูกแก้ว
—
ภายในนั้น วาห์นขอให้เอวาช่วยทดลองเรื่อง [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เล็กน้อย… แต่ก็ปาเข้าไปถึง 4 ชั่วโมงโดยเธอให้คำแนะนำและบอกความรู้สึกที่ได้จากเทคนิคต่างๆ อย่างละเอียด
เอวานั้นมีร่างกายที่แทบจะต้านทานสกิลนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เธอจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการช่วยเขาพัฒนาและปรับปรุง [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า]
…เพราะยังไงซะ เธอก็เป็นคนที่ทำให้ระดับของมันพัฒนาขึ้นมาถึงระดับ S ตั้งแต่แรก
ช่วงเวลา 3 วันในลูกแก้วจนเกือบจะถึงตอนที่ต้องกลับออกมาโลกจริง วาห์นพร่ำฝึกวิชาอย่างหนักเพื่อพัฒนาสกิล [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก]
พอวิธีการผลิตไอเท็มจำนวนมากเริ่มเห็นผลน้อยลง วาห์นเลยอยากลองสร้างไอเท็มคุณภาพสูงดูสักชิ้นเพื่อผลักดันให้ตัวเองหลุดจากสภาพคอขวดในตอนนี้
นอกเหนือจากนั้นแล้ว วาห์นยังได้เตรียมพื้นที่สำหรับเหตุการณ์สำคัญที่รอคอยมาพักใหญ่ๆ แล้ว
อีกประมาณ 5 ชั่วโมง คูลดาวน์ของ [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] ก็จะหมดลง และถึงเวลาที่วาห์นจะใช้มันเพื่อตั้งชื่อให้กับเจ้า (ไร้นาม) ผู้โชคร้าย… ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว มันนี่แหละคือลูกน้องคนแรกของเขา
วาห์นผสานพลังเข้าในคริสตัลพร้อมกับเรียก (ไร้นาม) ออกมาและพยายามอธิบายให้มันฟังว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นโดยมีเอวายืนดูอยู่ข้างๆ
แวมไพร์สาวไม่ค่อยชอบ (ไร้นาม) เท่าไหร่นัก แต่วาห์นสัญญาว่ามันจะดู ‘น่ารัก’ ขึ้นแบบผิดหูผิดตาจนเธอเริ่มรู้สึกสนใจหน่อยๆ
เธอยังต้องการสังเกตและทำความเข้าใจกับสกิล [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] ที่ดู ‘ผิดธรรมชาติ’ ไปจากปกติด้วย (หากวิเคราะห์เอาจากข้อมูลที่เธอรู้และหนังสือของใบนี้ที่วาห์นเป็นคนให้ไว้)
วาห์นลูบหัวของ (ไร้นาม) และอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับถ่ายทอดเจตนาของเขาผ่านสายสัมพันธ์ที่ทั้งสองมีให้กัน
“จากนี้ไปแกจะเติบโตขึ้นอีกเยอะเลยนะ
แกจะไม่ต้องโดนดูถู- เอ่อ… โดนดุ แล้วก็จะได้ร่างใหม่ที่ดีกว่าเดิมด้วย
เข้าใจที่พูดหรือเปล่า?”
แม้ว่าท้ายสุดแล้วทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับเขา แต่วาห์นก็ยังอยากได้ ‘คำยืนยัน’ จาก (ไร้นาม) ก่อนจะลงมือเดินหน้าต่อ
ฟาฟเนียร์อาจไม่ถือสาอะไร แต่วาห์นก็ยังรู้สึกอึดอัดหน่อยๆ หลังจากได้ลูกน้องแบบอนูบิสซึ่งมีทั้งหลักการ แนวคิด และสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้เอง
(ไร้นาม) ดูจะไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่มันพอรู้ว่าวาห์นกำลังหยิบยื่นโอกาสซึ่งหาได้ยากยิ่งที่อาจเปลี่ยนชะตาของมันไปตลอดกาล
ครั้งแรกที่ยอมก้มหัวให้วาห์นนั้นเป็นเพราะความรักตัวกลัวตาย แต่หลังจากนั้นมา ‘เจ้านาย’ ก็ปฏิบัติกับมันอย่างดีแม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก
เพราะต้องอยู่กับ ‘คนเย็นชา’ อย่างเอวา สำหรับ (ไร้นาม) แล้ววาห์นคือเบอร์หนึ่ง
เพื่อตอบสนองต่อเจตนาของผู้เป็นนาย มันจึง ‘แสยะยิ้ม’ ออกมาอย่างดีที่สุดและปล่อยลมหายใจพร้อมด้วยเสียง ‘ฮื่อ’ ออกมาหนึ่งที
คนร้อยคนที่ได้กลิ่นนี้คงอยากจะสำลักมันออกมาแน่นอน แต่วาห์นกลับกล้ำกลืนมันลงไปและยิ้มให้โดยไม่แสดงออกทางสีหน้าขณะลูบหัวของมันต่อ
เขาพยายามฝึกเรื่องการแสดงออกทางสีหน้ามาโดยตลอดซึ่งครั้งนี้มันก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
พอได้รับการยินยอมจาก (ไร้นาม) แล้ว วาห์นก็ยิ้มนิดๆ ก่อนจะวางมือไว้บนหน้าผากของมันและเปิดใช้สกิล [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา]
จากมุมมองของเธอนั้น เอวารู้สึกได้ว่าอนุภาคเวทมนตร์ในอากาศกำลังมาบรรจบกันซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้
ตอนนี้เธอได้แต่หรี่ตามองและพยายามบันทึกปรากฏการณ์ทุกอย่างลงในสมองแบบละเอียดยิบ
—————
สนับสนุนนิยายอย่าง.ถูกต้องได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
วาห์นหลับตาลงและยืนยันชื่อที่เขาต้องการมอบให้ (ไร้นาม) พร้อมกับเพ่งจิตขอให้มัน ‘น่ารัก’ เป็นอย่างแรก… และตามมาติดๆ ด้วย ‘แต่ก็ต้องแข็งแกร่งด้วยนะ’
เขาลืมตามองใบหน้าที่ดูคาดหวังของ (ไร้นาม) และพูดด้วยเสียงอันทรงพลังจนมิติว่างเปล่ารอบตัวเริ่มสั่นสะเทือน
“นับจากนี้ไป… นามของเจ้า… คือเฟนเรียร์!”
พอพูดจบ วาห์นก็รู้สึกได้ถึงพลังงานที่มากจนน่าเหลือเชื่อจากบรรยากาศรอบตัว
ในขณะเดียวกันนั้นเอง พลังก็เริ่มไหลทะลักออกจากร่างของเด็กหนุ่มราวกับเขื่อนแตก
ขนสีเทาบนร่างของเฟนเรียร์เริ่มตั้งชันและดูเข้มขึ้น อีกทั้งยังมีพลังงานบางอย่างที่กำลังขยายออกมาจากร่างของมัน
จู่ๆ แสงทรงกลมสีน้ำเงินเข้มก็ระเบิดออกมาจนดูคล้ายกับดวงอาทิตย์สีน้ำเงินขนาดเล็ก
ขณะที่ค่าความทนทานของเขากำลังรับภาระอย่างหนัก วาห์นก็เห็นร่างสลัวๆ ปรากฏออกมาจากทรงกลมดังกล่าว
ร่างนั่นดูสูงหลายเมตรและมีดวงตาสีแดงสดที่สามารถตัดผ่านแสงสีฟ้าออกมาได้อย่างชัดเจน จากนั้นเสียงหอนของมันก็พุ่งทะลุขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านบน
อากาศภายในลูกแก้วเริ่มเกิดรอยร้าวจนเอวาต้องใช้พลังเพื่อรักษาสภาพของมิตินี้เอาไว้
เธอรู้สึกประหลาดใจกับออร่าน่าเกรงขามซึ่งออกมาจากร่างที่กำลังคำรามกู่ก้องไปทั่ว
แม้จะสิ้นเสียงไปแล้ว แต่เธอก็เห็นคลื่นพลังงานบางอย่างซึ่งคล้ายกับตอนที่วาห์นพยายามทำลายลูกแก้วในอดีต
วาห์นเองก็มองเห็นอนุภาคเวทมนตร์ในอากาศและกำลังคิดแบบเดียวกันกับเธอไม่ผิดเพี้ยน
เขายังมองออกด้วยว่าพลังที่เธอใช้ออกไปนั้นกำลังเกิดรอยร้าวเมื่อเจอกับคลื่นพลังจาก ‘ดวงอาทิตย์’ สีฟ้า
น่าแปลกที่พลังงานระลอกหลังนี้ไม่ส่งผลกับร่างกายของวาห์นเลยแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับตอนที่สร้าง [เลวาไทน์] เพราะดูเหมือนเขาจะเป็นข้อยกเว้นเดียวจากหายนะที่กำลังเกิดขึ้นรอบๆ ตัว
อย่างเดียวที่วาห์นรู้สึกอยู่ตอนนี้ก็คือความโล่งใจที่ไม่ได้ตั้งชื่อเฟนเรียร์ในโลกจริง…
(TL: ถ้าไม่มีเอวาที่เป็นสิ่งมีชีวิตระดับ 5 มาคอยหยุดเอาไว้ เผลอๆ โลกดันมาจิอาจจะแตกเอาได้)
ผ่านไปเกือบสิบนาที ร่างเงาก็เริ่มสงบลงพร้อมกับที่มันค่อยๆ ดูดกลืนพลังงานจากทรงกลมเข้าไปในร่างกาย
วาห์นและเอวาต่างถอนหายใจโล่งอกเมื่อคลื่นพลังงานถูกหยุดลงเพราะร่างนั่นหันไปให้ความสนใจกับการดูดซับพลังงานแทน
เอวาหันมาหาวาห์นโดยที่ยังคงให้ความสนใจกับร่างสีน้ำเงินซึ่งกำลังหดเล็กลงเรื่อยๆ
“ลูกแก้วคงทนพลังงานระดับนี้อีกครั้งไม่ไหวแล้วนะ
ถ้านายจะเล่น ‘ตั้งชื่อ’ รอบหน้าล่ะก็… เชิญไปเล่นข้างนอกนู่น
โชคดีแค่ไหนแล้วที่รอบนี้มิติไม่แตกสลาย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นนายก็ลืมเรื่องเรียนมาเกียเอเรเบียไปได้เลย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก
วาห์นพยักหน้าและรับฟังทุกคำอย่างตั้งใจ
มีอยู่จังหวะหนึ่งที่เขาคิดจะใช้ [เอ็นคิดู] เพื่อผนึกเธอไว้ในดวงวิญญาณของตัวเองและเตรียมเผ่นออกจากที่นี่แล้วด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเขาคงสื่อสารกับเธอในสภาพถูกผนึกอยู่ไม่ได้ ดังนั้นเรื่องเรียนเวทมนตร์ก็คงต้องตกไป รวมไปถึงเวลาฝึกฝนสกิลในลูกแก้ว วัตถุดิบต่างๆ จากโรงหลอม และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนี้ด้วย
หลังผ่านไปอีกสองสามนาที พลังงานจากดวงอาทิตย์ก็หายเข้าไปอยู่ในร่างเล็กๆ ทว่าสมองของวาห์นกลับยังส่งเสียงร้องเตือนไม่หยุด
เอวาที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มแสดงสีหน้าเหมือนกับกำลังจะได้เห็นเรื่องสนุกก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“…อื้ม ออกมาน่ารักจริงๆ ซะด้วยสิ”
จากนั้นเธอก็เริ่มหัวเราะไปทาง ‘เด็กสาวมนุษย์หมาป่าตัวเล็ก’ ที่นั่งแหมะอยู่บนพื้นโดยไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียวและกำลังจ้องมองวาห์นแบบตาไม่กระพริบ
เธอมีผมสีน้ำเงินเข้มที่ดูค่อนข้างแหลมคมกับใบหูขนาดใหญ่ที่งอกออกมาจากด้านข้าง
หางฟูฟ่องของเธอนั้นมีสีน้ำเงินแต่ส่วนปลายกลับเป็นสีขาว
สิ่งที่ทำให้เธอดูต่างไปจากเผ่าเชียนโธรปและเผ่ามนุษย์หมาป่าทั่วไปก็คือส่วนแขนและขาที่เต็มไปด้วยขนสีน้ำเงินเข้ม บวกกับส่วนนิ้วที่ดูคล้ายกับอุ้งเท้าของสัตว์และกรงเล็บซึ่งดูจะเป็นต้นเหตุของเสียงเตือนที่วาห์นได้รับ
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของเธอ นอกเหนือไปจากผิวขาวซีดและสภาพเปลือยเปล่า ก็คือดวงตาสีแดงสดและคมเขี้ยวขนาดใหญ่พอประมาณที่ยื่นออกมาจากปากเล็กน้อย
ขณะที่วาห์นกำลังจ้อง ‘เธอ’ อยู่ เฟนเรียร์เองก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมกับตรวจร่างใหม่ของตัวเองไปด้วย
เธอลองกำและคลายอุ้งมือเล็กๆ ขณะลูบคลำร่างกายส่วนต่างๆ ราวกับกำลังพยายามสร้างความคุ้นเคย
เมื่อเธอพยายาม ‘ตรวจสอบ’ จุดที่อยู่ตรงเป้า วาห์นก็เริ่มกระแอมเสียงดังในขณะที่เอวาหัวเราะร่า
เขานำกางเกงชั้นในกับเสื้อออกมาใส่ให้เด็กสาว แต่ก็ต้องใช้เวลาสองสามนาทีกว่าจะสวมมันเสร็จเพราะคนใส่นั้นไม่ยอมให้ความรวมมือแม้แต่นิดเดียว
“ไม่ เฟนเรียร์ไม่ชอบ ของแปลก ไม่เอา!”
เธอแสดงท่าทีต่อต้านแบบสุดๆ แต่วาห์นก็อธิบายเสียงเข้ม
“เธอต้องใส่ ไม่งั้นจะอยู่กับคนอื่นไม่ได้… แล้วก็ไม่ได้ออกไปจากที่นี่ด้วย”
ดูเหมือน ‘ไม่ได้ออกจากที่นี่’ จะได้ผลดีเกินคาด เพราะดวงตาของเฟนเรียร์เริ่มเปล่งแสงหน่อยๆ ขณะจ้องมองเอวาและพูดจาตะกุกตะกัก
“ไม่เอา! เฟนเรียร์ไป ออกจากนี่ อยู่กับเจ้านาย!”
จากนั้นเฟนเรียร์ก็ปล่อยให้วาห์นสอนวิธีสวมใส่เสื้อผ้าอย่างถูกต้องและโดนสั่งทิ้งท้ายว่าไม่ให้ถอดมันออกนอกจากว่าเขาหรือคนใกล้ชิดจะอนุญาต
ดูเหมือนเฟนเรียร์จะไม่ค่อยเข้าใจคำสั่งเท่าไหร่นัก เพราะเธอเริ่มดึงเสื้อออกจนมันฉีกขาดแทบจะทันที
วาห์นถอนหายใจขณะนำเสื้อตัวใหม่ออกมาและอธิบายว่าเธอจะต้องไม่ทำให้มันเสียหาย ไม่งั้นต่อไปคงจะมีแต่ปัญหาแน่นอน
เขายังสังเกตเห็นด้วยว่าแม้ตัวเสื้อจะทนทานในระดับหนึ่ง แต่กรงเล็บของเธอก็ตัดผ่านไปได้ราวกับว่ามันเป็นกระดาษบางๆ
วาห์นจับอุ้งมือของเธอขึ้นมาพร้อมใช้นิ้วจิ้มที่กรงเล็บและพบว่ามันตัดผ่านผิวหนังไปอย่างง่ายดายโดยไม่สนใจเลยว่าค่าความทนทานของเขาจะสูงมากขนาดไหน
แม้จะไม่ค่อยชอบการสวมใส่เสื้อผ้าเป็นครั้งแรก แต่เฟนเรียร์ก็ยังคงเชื่อฟังคำพูดของวาห์นอยู่บ้าง
เขาลูบหัวและใบหูของเด็กสาวซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าหูของเผ่าเชียนโธรปอยู่พอสมควร
ดูเหมือนเฟนเรียร์จะชอบให้คนลูบแถมยังยกอุ้งมือขึ้นมาจับข้อมือเพื่อที่เขาจะได้ลูบเธอต่อไปเรื่อยๆ ด้วย
แย่หน่อยที่กรงเล็บนั่นบังเอิญไปข่วนแขนเข้าจนวาห์นเลือดไหลออกมาไม่หยุด
เฟนเรียร์ดึงอุ้งมือออกไปในเวลาเดียวกับที่เขาชักมือกลับเช่นกัน
เด็กหนุ่มมองแผลที่แขนของตัวเองด้วยความสนใจและกังวลเล็กน้อย
ขณะกำลังคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้เธอเผลอไปทำร้ายคนอื่นเข้า วาห์นก็ต้องตกตะลึงไปกับภาพที่เห็น
เฟนเรียร์เริ่มลงไปยืนสี่ขาพร้อมกับเลียเลือดบนพื้นจนไม่เหลือเลยสักหยด!
ก่อนที่เขาจะได้ว่ากล่าวตักเตือน เธอก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับดวงตาสีแดงสุกสว่าง
“เจ้านาย หิวแล้ว เฟนเรียร์จะกิน!”
(A/N: ถ้าผู้อ่านสงสัยว่านี่คือเฟนเรียร์ที่มีต้นแบบมาจาก Shadowverse และ Granblue Fantasy ครับ
อ้อ บอกก่อนนะครับว่าเฟนเรียร์จะไม่เข้า ‘ฮาเร็ม’ ในเร็วๆ นี้แน่นอน
อย่างน้อยสุด เธอก็ต้องเติบโตให้มากกว่านี้มากเลย อาจจะอีกสัก 600-700 ตอน
ผมวางไว้แล้วว่าเรื่องจะจบยังไง แต่ข้อเสนอแนะจากผู้อ่านอาจมีผลทำให้ตัวเรื่องเปลี่ยนไปได้ครับ~!)