Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 23
วาห์นตื่นขึ้นพร้อมกับจ้องมองเพดานที่ไม่คุ้นเคย เขาหายใจแทบไม่ทันและแขนขาก็หนักราวกับตะกั่ว เขารู้สึกถึงความสงบอันคุ้นเคยจากสกิล ‘ต้านทานความเจ็บปวด (S)’ ซึ่งทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
วาห์นเปิดช่องเก็บของและนำ ‘ถั่วเซียน’ ออกมา ดูจากสภาพร่างกายในปัจจุบันแล้วอาจจะต้องใช้เวลานานเพื่อฟื้นตัวซึ่งเขาคงไม่รอนานขนาดนั้นแน่
หลังจากกิน ‘ถั่วเซียน’ เข้าไป เขารู้สึกว่าร่างกายของตนเริ่มอุ่นขึ้น ความรู้สึกสงบที่ไหลเวียนอยู่ภายในจิตใจของเขาเริ่มจางหายไป ทำให้อาการปวดหัวรุนแรงเข้ามาแทนที่
วาห์นเริ่มนวดขมับเพื่อบรรเทาความปวด (“พี่สาว ทำไมสกิลต้านทานความเจ็บปวดของผมถึงไม่มีผลกับอาการปวดหัวล่ะ? รู้สึกเหมือนสมองขผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เลย”)
(*…*)
เมื่อได้ยินเพียงแค่ ‘ความเงียบ’ วาห์นรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ พี่สาวไม่เคยเงียบแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเริ่มตื่นตระหนกและลืมเรื่องอาการปวดหัวไปชั่วคราว
“พี่สาว? เป็นอะไรไป ทำไมพี่ไม่ตอบผมล่ะ?” เพราะความร้อนรน เขาจึงถามออกไปด้วยเสียงอันดัง นางพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินเสียงของเขาจึงออกไปแจ้งกับคุณหมอถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นนางพยาบาลออกไป วาห์นก็ใจเย็นลงเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นพูดในใจแทน (“ได้โปรดตอบผมทีเถอะ พี่สาว เงียบแบบนี้ผมใจไม่ดีเลยนะ…”)
เสียงถอนหายใจในแบบเนือยๆ ดังขึ้น (*ฉันอยู่นี่วาห์น ฉันแค่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย และคิดว่าน่าจะลงโทษเธอบ้าง*)
วาห์นดีใจมากที่ได้ยินเสียงตอบรับของพี่สาวแต่ก็สับสนหลังได้ยินประโยคหลังที่เธอพูด (“ลงโทษ? ผมทำอะไรผิดไปเหรอพี่สาว?”) เขานึกย้อนไปถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามนึกสักเท่าไหร่ก็หาเหตุผลที่ทำให้พี่สาวโกรธไม่ได้เลย
(*ก็ผิดน่ะสิ! เธอเกือบตายไปแล้วนะ และไม่ว่าฉันจะตะโกนเรียกเท่าไหร่ เธอก็ได้แต่นอนเลือดไหลอยู่ตรงนั้น! แม้ตอนท้ายเธอจะตื่นขึ้นซึ่งทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังไม่สนใจคำแนะนำของฉันและออกไปตีรันฟันแทงต่อ!*)
วาห์นตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่สาวพูด รู้สึกเหมือนเขาจะจำได้ลางๆ ว่าตอนที่กำลังหมดสติไป เขาคิดว่ามีคนกำลังเรียกเขาอยู่ และหลังจากที่ตื่นขึ้นมา สิ่งเดียวที่เขานึกออกก็คือการฆ่าล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า…
เขารู้แล้วว่าการกระทำของตนทำให้พี่สาวเป็นห่วง
(“พี่สาว ผมขอโทษ ผมสัญญาว่าจะไม่เมินพี่อีกแล้ว พี่เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมและผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้พี่ต้องเป็นห่วงขนาดนี้”) วาห์นขอโทษอย่างจริงใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นจากการที่พี่สาวเป็นห่วงเขา
(*ฉันให้อภัยเธอแล้วล่ะวาห์น… แต่ต้องทำให้แน่ใจด้วยว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก*)
วาห์นกำมือแน่นขณะพยักหน้า สีหน้าอันแน่วแน่ฉายอยู่บนใบหน้าของเขาขณะที่มีประกายแสงออกมาจากดวงตา…
บุคคลสองคนเปิดประตูเข้ามา วาห์นจำได้ว่าคนแรกก็คือเอลฟ์ที่เขาเจอก่อนที่จะเข้าดันเจี้ยน เขามีสีหน้าถมึงทึงขณะที่มองตรงไปยังที่ที่วาห์นกำลังนอนอยู่ คนที่สองเป็นหญิงชราที่มีผมสีเงินและดวงตาสีเทา เธอสวมใส่ชุดคลุมยาวสีขาวที่มีกลิ่นยาฟุ้งไปหมด
“วาห์น เมสัน ผมคิดว่าคำแนะนำที่ให้ไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างชัดเจนแล้วนะ หลังจากที่ผมบอกคุณเรื่องที่ต้องเตรียมตัวก่อนจะเข้าดันเจี้ยน ไม่กี่ชั่วโมงจากนั้นคุณก็โชกเลือดกลับมาแล้ว ผมรู้สึกผิดหวังมากจริงๆ” นิโคลัสมองไปทางเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าว่างเปล่าและอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ก่อนที่เขาจะได้ตักเตือนต่อ หญิงชราก็เข้ามาขัดไว้ก่อน
“พอก่อนเถอะ นิโคลัส เด็กคนนี้เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาและอาจรู้สึกสับสนเหมือนกับที่พยาบาลบอก ที่เหลือฉันจะเป็นคนจัดการต่อเอง”
นิโคลัสยอมแพ้ให้กับสายของแพทย์อาวุโสและขอตัวออกไปก่อน เขายืนยันได้ว่าเด็กหนุ่มฟื้นแล้วและจะทำการตักเตือนเด็กหนุ่มต่อในภายหลัง เขาพยักหน้าให้กับแพทย์อาวุโสก่อนขมวดคิ้วไปทางวาห์นขณะเดินออกจากห้อง
วาห์นก้มศีรษะลงเพราะรู้สึกผิดกับสายตาที่นิโคลลัสจ้องมองเขา
เมื่อเห็นสีหน้าและท่าทางของเด็กหนุ่ม หญิงชราก็อดหัวเราะไม่ได้ “เป็นเรื่องดีที่เธอสำนึกผิดนะ เด็กน้อย ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาสฟังคำตำหนิของผู้อื่นหลังจากได้ทำผิดลงไปแล้ว”
วาห์นได้ยินสิ่งที่หญิงชรากล่าวก็พยักหน้าเห็นด้วย เขาตัดสินใจที่จะทำบางอย่างให้กับนิโคลัสเพื่อเป็นการไถ่โทษในอนาคต
หญิงชราพอใจกับการตอบรับของเด็กหนุ่มและพูดแนะนำตัว “ฉันเป็นหมอที่รักษาเธอตอนที่ถูกพามาที่นี่ คนแถวนี้เรียกฉันว่าคุณย่ามาริน เธอจะเรียกฉันแบบนั้นด้วยก็ได้นะ”
วาห์นตัดสินใจที่จะขอบคุณเธอหลังจากที่เธอพูดจบ
“ขอบคุณครับ คุณย่ามาริน ผมต้องขอบคุณจริงๆ สำหรับการช่วยเหลือและจะตอบแทนเรื่องนี้ให้ดีที่สุดเลยครับ…”
คุณย่ามารินโบกมือของตนเพื่อให้เด็กหนุ่มหยุดพูด
“เราค่อยคุยเรื่องการตอบแทนทีหลังเถอะ สิ่งที่ฉันอยากรู้ก็คือทำไมเธอถึงฟื้นได้เร็วขนาดนี้ ด้วยสภาพร่างกายของเธอ เธอควรจะสลบต่ออีกหลายวัน ไม่ใช่แค่สองสามชั่วโมงนะ”
วาห์นใช้เวลาชั่วครู่ในการคิดคำอธิบาย ท่าทางลังเลของวาห์นไม่อาจรอดพ้นสายตาของมารินไปได้ในขณะที่เธอเริ่มหรี่ตา
“ผมมีสกิลติดตัวที่เร่งการฟื้นฟู และพอตื่นขึ้นผมก็ดื่มโพชั่นไปสองสามขวดเพื่อฟื้นฟูค่าพลังชีวิตและค่าพละกำลังแล้ว”
เหมือนรู้ว่าเธอจะถามอะไรต่อ วาห์นก็พึมพำขณะที่ยกแขนขึ้น บนฝ่ามือของเขามีขวดโพชั่นสีแดงใสปรากฏขึ้นซึ่งสร้างความตกใจให้กับคุณย่ามาริน
“เวทคลังเก็บของงั้นเหรอ? หายากจริงๆ….” ดูเหมือนคุณย่าจะคิดอยู่สักครู่ก่อนส่ายหัว
“ฉันจะไม่ถามอะไรเพิ่มแล้ว สิ่งเดียวที่ฉันอยากรู้ก็คือจะช่วยคนไข้ให้ใด้ดีที่สุดได้ยังไง และดูเหมือนว่าเธอจะไม่ต้องการความช่วยเหลือของฉัน”
วาห์นขอบคุณเธออีกครั้ง เขายอมรับคำแนะนำของเธอและจะพักค้างคืนอยู่ที่นี่เผื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนอะไรขึ้นมา
เมื่อเหลือวาห์นอยู่เพียงคนเดียวในห้อง เขาตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้ตรวจสอบสกิลที่เขาได้รับตอนอยู่ในดันเจี้ยน มันคาใจเขามาพักหนึ่งแล้วและต้องการจะรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ เพราะเขาไม่อาจเมินเฉยต่อสกิลที่ทรงพลังขนาดนั้นได้
[‘จิตแห่งราชัน’]
ระดับ: สกิลแฝง (SSS) *สกิลแฝงนั้นไม่สามารถทำการระบุได้ ความพยายามในการระบุมันจะส่งผลให้เกิดแรงโต้กลับ*
[ติดตัว]: ก้าวข้ามขีดจำกัดและขอบเขตทุกอย่าง เพิ่มระดับการเติบโตพื้นฐานตามความมุ่งมั่นของผู้ครอบครองสกิลรวมไปถึงผู้ที่ติดตาม
[การทำงาน]: มีเพียงแค่เหล่าผู้ที่ยืนอยู่เหนือระดับของสิ่งมีชีวิตทั้งมวลจึงจะได้รับ ‘จิตแห่งราชัน’!
-สร้างเขตแดนที่กดดันเหล่าที่ผู้อ่อนแอกว่าผู้ใช้สกิล ส่งผลในระดับปานกลางกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
เมื่ออ่านคำอธิบายจบ วาห์นก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับโดนฟ้าฝ่า เขารีบตรวจสอบค่าสถานะของตนเพื่อดูว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า
==========================================================
ชื่อ: วาห์น เมสัน
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: ดันมาจิ
-เลเวล:1[+](0)
-พละกำลัง: D604 -> A893
-ความอดทน: E529 -> B714
-ความแม่นยำ: D620 -> B799
-ความว่องไว: E589 -> A811
-พลังเวท: G326 -> SS1124
-ค่าสถานะรวมทั้งหมด: 4241
ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)
ค่ากรรม:704
==========================================================
ค่าสถานะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะพลังเวทซึ่งได้ทะลุเข้าไปในระดับ SS แล้ว หากคนอื่นได้เห็นค่าสถานะของเขาคงจะตกใจมาก! นอกจากเบลล์ผู้ที่ยังไม่ได้เริ่มต้นการเดินทาง ดูเหมือนเขาจะเป็นเลเวล 1 เพียงคนเดียวในเมืองที่มีค่าพลังเวททะลุไปจนถึงระดับ S คนอื่นอาจจะถึงขั้นเป็นลมหากรู้ว่าวาห์นไม่รู้วิธีการร่ายเวทมนตร์เลยด้วยซ้ำ…
ดวงตาของวาห์นยังคงจ้องค้างไปที่ค่าสถานะของตนก่อนจะพบสิ่งผิดปกติ ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณที่อยู่ในระดับ 1 ตั้งแต่ตอนที่เขาได้รับ ‘เดอะพาธ’ มา บัดนี้มันได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2 แล้ว!
หลังจากครุ่นคิดอีกครู่หนึ่ง เขาเดาว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้ค่าพลังเวทเติบโตเกินระดับของคนทั่วไป
ราวกับเป็นการยืนยันทฤษฎีของเขา อาการปวดหัวที่เขาไม่ได้สนใจมาสักพักก็กำเริบขึ้นอีกอย่างรุนแรง ความเครียดทางจิตใจที่เกิดจากการใช้ ‘พลังต้นกำเนิด’ หรือมานาจำนวนมากเกินไปจะสร้างความเจ็บปวดให้กับสมองเป็นอย่างมาก
เขาเคยประสบกับอาการนี้มาแล้วแต่อยู่ในรูปแบบที่เบากว่าในขณะที่เขาทดสอบธนูเวทมนตร์เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน หลังจากทดลองหาค่าความจุของธนูเพื่อหาขีดจำกัดของมัน เขาก็จบลงด้วยการใส่พลังมากเกินไปจนเกือบหมดสติอยู่ที่สนามฝึกยิงธนู เขาใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงก่อนที่จะฟื้นตัวและทำการทดลองต่อไป
วาห์นยังคงดูค่าสถานะและระบบต่างๆ ของตัวเอง เมื่อเขาเปลี่ยนไปดูช่องเก็บของก็อดถอนหายใจไม่ได้
จิตใจของเขาอยู่ในสภาวะพิเศษขณะที่กำลังไล่สังหารมอนสเตอร์ไปทั่วชั้นที่สอง
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ได้เก็บคริสตัลหรือไอเท็มหลังออกจากชั้นแรกเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
(“ดูเหมือนเราจะต้องกลับไปย่างเนื้อกินเองจนกว่าจะหาวาลิสมาเพิ่มได้สินะ”) ขณะกำลังคร่ำครวญกับสถานการณ์ยากจนอยู่ ทันใดนั้นวาห์นก็นึกอะไรดีๆ ออก
(“พี่สาว ร้านค้าให้ผมแลกเปลี่ยนไอเท็มหรืออะไรก็ตามที่มีอยู่บนโลกทุกใบได้ใช่ไหม? งั้นผมขอแลก OP เป็นวาลิสได้หรือเปล่า?”) วาห์นเริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสในการหาเงินแบบสบายๆ ด้วยระบบนี้ เขาอาจไม่ต้องไปที่กิลด์เพื่อแลกเปลี่ยนไอเท็มต่างๆ ในอนาคตแล้วก็ได้
(*สามารถทำได้นะวาห์น แต่เธอควรรู้ว่ามันจะมีผลเสียในการทำแบบนั้น อัตราแลกเปลี่ยนจะเท่ากันหมดสำหรับทุกระดับสกุลเงิน เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการทำตัวเงิน แต่มันจะเป็นผลให้เธอสะสมค่ากรรมชั่วตามมูลค่าของเงินที่เธอแลกไป*)
วาห์นแทบทรุดลงกับพื้น แม้เขาจะอยากหาเงินด้วยวิธีสบายๆ แต่ก็ไม่อยากจะแลกกับการได้ค่ากรรมชั่วมาแทน เขาเรียนรู้มาแล้วว่ายิ่งมีค่ากรรมชั่วเยอะ โอกาสเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นในอนาคตก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เป็นไปได้ว่าอาจถึงขั้นที่ทำให้เกิดการโต้กลับจาก ‘กฎ’ ของโลกหากมีค่ากรรมชั่วที่สูงเกินไป
(“ทำไมการสร้างเงินถึงทำให้ค่ากรรมชั่วเพิ่มขึ้นล่ะพี่สาว?”) เพราะวาห์นยังขาดสามัญสำนึกเกี่ยวกับเรื่องเงิน เขาจึงไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันจะเป็นเรื่องเลวร้ายไปได้อย่างไร
(TL: วาห์นไม่เคยซื้อของในชีวิตที่แล้วเลย จำนวนของที่เขาใช้เงินซื้อตราบจนถึงตอนนี้แทบจะนับนิ้วได้!)
(*ธรรมชาติของเงินตรานั้นส่งผลให้เกิดความสมดุลภายในสังคม คุณค่าของเงินจะต้องได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวดจากทางรัฐบาลของประเทศนั้นๆ มิเช่นนั้นอาจจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียสมดุลและส่งผลร้ายไปทั่วทั้งชนชั้นสังคม หากเธอสร้างเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตและนำเงินที่สร้างเข้าสู่ตลาด มันอาจจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อธุรกิจและพลเมืองในอนาคต นี่คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การผลิตเงินใช้เองเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นสาเหตุว่าทำไมการกระทำดังกล่าวถึงไปเพิ่มค่ากรรมชั่ว*)
แม้เขาจะยังไม่เข้าใจแบบถ่องแท้ แต่เขาก็รู้แล้วว่าการผลิตเงินเองนั้นเป็นสิ่งที่ผิด เขาพยายามคิดจากหลายแง่มุม แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ว่าทำไมสิ่งสำคัญซึ่งรักษาสมดุลและกฎระเบียบเอาไว้ถึงถูกควบคุมโดยผู้อื่น
พวกเขาจะรู้ได้ยังไงว่าควรผลิตเงินเพิ่มตอนไหน? และอะไรคือสิ่งที่หยุดยั้งพวกเขาการจากผลิตเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต?
เขาส่ายหัวและล้มตัวลงบนเตียง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาจะต้องหาเงินด้วยตนเองหรือแลกเปลี่ยน OP เป็นไอเท็มเพื่อขายมันในภายหลัง เนื่องจากเขาสามารถซื้อคริสตัลของมอนสเตอร์และไอเท็มดรอปได้จากระบบ เขาสามารถรับภารกิจจากทางกิลด์และใช้ OP เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ทันที…
เมื่อเขาคิดว่าตัวเองเจอช่องโหว่เพื่อเลี่ยงปัญหาได้แล้ว วาห์นจึงเริ่มตกลงสู่ภวังค์แห่งการหลับใหลพร้อมกับรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้า…
(*การแลกเปลี่ยนไอเท็มภายในระบบเพื่อสำเร็จภารกิจจะทำให้เกิดค่ากรรมชั่วเช่นกันนะ…*)
วาห์นหมดสติลงทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของพี่สาว