Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 233
เมื่อวาห์นตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เฮสเทียก็กลับมา ‘ประจำที่’ บนตัวของเขาเหมือนอย่างเคย
พอลองหันมาด้านข้างดูบ้าง เขาก็เห็นหูของเฟนเรียร์กระตุกหน่อยๆ ก่อนที่เธอจะหันหน้ามาสบตาด้วย
ดูเหมือนว่าเด็กสาวได้เปลี่ยนไปนอนคว่ำโดยทับแขนตัวเองไว้เพื่อป้องกัน ‘เหตุไม่คาดฝัน’ อย่างสุดความสามารถ
ดวงตาสีแดงที่กำลังเปล่งประกายภายในความมืดนั้นส่งผลให้วาห์นยื่นมือออกมาลูบใบหูสีน้ำเงินอย่างเอ็นดู
“…ลงไปรอข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามลงไป”
เฟนเรียร์นำหัวมาถูกับมือของเขาเล็กน้อยก่อนจะกลิ้งตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา
เนื่องจากยังไม่ได้แกะสายรัดออก การเคลื่อนไหวของเฟนเรียร์จึงดูติดขัดแถมเธอยังพยายามทำตัวให้เงียบที่สุดด้วย
วาห์นดีใจที่เห็นเธอ ‘แสดงความเกรงใจ’ ต่อผู้อื่น จากนั้นเขาก็นำลูกแก้วออกมาและเข้าไปในนั้นก่อนจะมีใครรู้ตัว
เวลา 3 วันในลูกแก้วผ่านไปไวเหมือนโกหกและเฟนเรียร์ก็ยังเดินไม่ถึงขอบเตียงเลยด้วยซ้ำเมื่อวาห์นกลับออกมาสู่โลกจริง
ก่อนที่เด็กสาวจะเดินมาถึงประตู เส้นผมของเธอก็ตั้งชันขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนโผล่มาจากด้านข้าง
เธอรู้สึกผ่อนคลายลงเมื่อรู้ว่าเป็นวาห์นที่เข้ามาใกล้เพื่อช่วยถอดสายรัดออกและโยนมันกลับเข้าช่องเก็บของ
ปากของเฟนเรียร์อาจบอกว่า ‘ทนได้’ แต่วาห์นรู้ว่าอารมณ์ของเธอนั้นดีกว่าเดิมมากหลังจากที่มันถูกถอดออก
ทั้งสองลงมาด้านล่างและเตรียมตัวที่จะออกไปข้างนอกด้วยกัน
วาห์นได้หารือเรื่องนี้กับเฮสเทียแล้วและเห็นพ้องต้องกันว่าการช่วยฝึกเฟนเรียร์และจัดการกับความเครียดของเธอนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ
ตอนแรกเฮสเทียต้องการให้เขา ‘พักฟื้น’ ต่อจนครบกำหนด แต่วาห์นก็ยืนกรานว่าเขาหายนานแล้วและไม่หลงเหลือผลข้างเคียงใดๆ ทั้งสิ้นจากตอนที่นอนโคม่า
เธออยากให้เขาเข้ารับการตรวจร่างกายอีกครั้ง วาห์นจึงอธิบายว่าร่างของเขา ‘มีความลับมากมายหลายอย่าง’ และจะรู้สึก ‘ไม่ปลอดภัย’ หากมีคนนอกมายุ่มย่าม
เพื่อคคลายความกังวลของเฮสเทีย วาห์นก็เลยสาธยายจุดกดและกล้ามเนื้อบนร่างกายของเธออย่างละเอียดเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนนั้นมีความรู้ ความเข้าใจ และวิธีดูแลรักษาร่างกายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเหล่าแพทย์ที่อยู่ตามสถานพยาบาล
เมื่อคู่เจ้านาย-ลูกน้องเดินออกจากห้อง ดวงตาสีฟ้าใสก็เปิดออกเล็กน้อยขณะจ้องมองดูประตูที่ค่อยๆ ปิดลง
แม้จะเป็นคนที่ ‘หลับได้ตลอด’ แต่เธอก็ไม่อยากเห็นวาห์นหายไปเฉยๆ แบบวันก่อนโดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราว
เฮสเทียอาจห้ามเด็กหนุ่มไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะนิ่งนอนใจโดยไม่ทำอะไรเลย
ขณะที่วาห์นอยู่ในดันเจี้ยนกับเฟนเรียร์ เธอก็เริ่มวางแผนประสานงานกับสาวๆ คนอื่นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับเขา
ตอนนี้วาห์นกำลังโดนจับตามองเป็นพิเศษเพราะเขาถูกจำกัดเรื่องการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มพันธมิตร… แต่ยังไงซะ กฎนั่นก็ครอบคลุมแค่กลุ่มพันธมิตรเท่านั้นนะ…
ภายในดันเจี้ยน วาห์นพยายามเสาะหามอนส์เตอร์กลุ่มเล็กๆ โดยหลีกเลี่ยงฝูงที่ใหญ่เกินไปและต้องเปลี่ยนเส้นทางทุกครั้งที่ตรวจพบออร่าของนักผจญภัยคนอื่น
เหตุผลที่เขาเลือกสู้กับมอนสเตอร์ตัวเดียวหรือกลุ่มเล็กๆ ก็เพราะต้องการสาธิตวิธีสู้และใช้สกิลให้เฟนเรียร์ดูแบบชัดๆ
แม้เฟนเรียร์จะคล่องแคล่วไม่เท่ากับเขา แต่เธอก็มีสัญชาตญาณคอยช่วยในเรื่องการหลบหลีกและมีการใช้อุ้งมือเพื่อเปลี่ยนทิศทางแบบฉับพลันซึ่งคล้ายกับวิธีเพิ่มความเร็วด้วยการลดตัวลงต่ำของวาห์น
มันเป็นการฝึกที่ลำบากมากแต่วาห์นก็อยากให้เฟนเรียร์เรียนรู้วิธีการต่อสู้แบบ ‘ทุกทิศทาง’ และเริ่มสอนเทคนิคการโจมตีระยะประชิดไปหน่อยหนึ่งแล้วด้วย
วาห์นอยากให้เธอคุ้นเคยกับการต่อสู้แบบยืน 2 ขาและเริ่มพัฒนาสกิลสำคัญๆ แทนการใช้วิธีสู้แบบ ‘โคโบลด์’ เหมือนอย่างเคย
การมองดูเธอลงไปยืน 4 ขาและส่ายดุ้กดิ้กไปมานั้นเป็นภาพที่น่ารักไม่หยอก แต่วาห์นรู้ดีกว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปตลอดก็คงไม่ได้
ที่จริงเขาอยากหาครูฝึกผู้หญิงให้กับเฟนเรียร์ด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะได้เรียนวิธีสู้แล้ว เธอจะได้เรียนรู้วิธีปฏิบัติตัวกับสามัญสำนึกของผู้หญิงทั่วไปด้วย (TL: ให้เรียนจากเฮสเทียหมดเลยน่าจะยับ)
ทุกอย่างเป็นไปตามที่เห็นจากวันก่อน เฟนเรียร์นั้นรู้สึกสนุกไปกับการต่อสู้มากหากเธอไม่ได้รับบาดเจ็บจนเกินไป
เด็กสาวจะรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ปราบบางอย่างลงได้
เวลาใช้เทคนิคที่เรียนมาได้สำเร็จ เธอก็จะรีบวิ่งมาหาวาห์นเพื่อพูดประโยคเดิมๆ
“เฟนเรียร์ทำดี ชมเฟนเรียร์สิ!”
แม้จะรู้สึกผิดนิดๆ แต่วาห์นก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องให้การสนับสนุนในเชิงบวกทุกครั้งที่เธอนำความรู้ไปใช้ได้สำเร็จ
ถ้าโดนถามว่าทำไมเขาต้องรู้สึกผิดด้วย… นั่นก็เพราะว่าความรู้เหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาอ่านมาจากหนังสือ ‘วิธีฝึกสุนัขให้เชื่อง’ และ ‘เรื่องลับๆ ของเผ่าเชียนโธรป’
ไม่ใช่ว่าเขาคิดดูถูกเธอ แต่วาห์นเข้าใจว่าความรู้ส่วนใหญ่ของเฟนเรียร์นั้นมาจากตอนที่เธอยังเป็นโคโบลด์ สรุปง่ายๆ ก็คือคล้ายกับทารกเพิ่งหัดเดินใหม่ๆ
ถึงจะดูฉลาดเฉลียวขึ้นมาก แต่การถมความรู้ลงไปในช่วง 12 ปีที่เธอเคยเอาแต่ทำตัวเป็นสุนัขในลูกแก้วนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
ปัญหาใหญ่อีกอย่างก็คือความคาดหวังและวิธีที่วาห์นปฏิบัติด้วยตอนที่ยังเป็นโคโบลด์นั้นได้ฝังรากลึกลงไปในจิตใจของเธออย่างเหนียวแน่น
แม้วาห์นจะพยายามเปลี่ยนแนวความคิดของเธออย่างช้าๆ แต่ก็คงอีกหลายเดือนกว่ามันจะเริ่มเห็นผล
เพื่อป้องกันปัญหายิบย่อยเช่น ‘ทำบ้านเลอะ’ วาห์นเลยต้องค้นหาพื้นที่ปลอดภัยภายในดันเจี้ยนและตั้งอ่างอาบน้ำชั่วคราวให้เฟนเรียร์ใช้หลังเสร็จสิ้นการล่า
วาห์นเห็นด้วยกับเฮสเทียในเรื่องการรักษาความสะอาดและเริ่มฝึกให้เด็กสาวอาบน้ำเองทุกวันโดยไม่ต้องถูกบังคับและไม่ต้องใช้ของกินเกลี้ยกล่อม
โชคดีที่เสื้อผ้าของเฟนเรียร์กันน้ำได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์หากเธอไม่เผลอไปทำให้มันฉีกขาดโดยบังเอิญ นั่นทำให้วาห์นไม่ต้องถอดอะไรออกขณะปล่อยให้เธอเล่นน้ำในอ่างได้อย่างเต็มที่
หลังอาบน้ำเสร็จ วาห์นก็จะช่วยเช็ดตัวและหวีขนให้ก่อนที่ทั้งสองจะกลับขึ้นมาด้านบน
ดูเหมือนเฟนเรียร์จะชอบแปรงที่วาห์นซื้่อจากระบบมากซึ่งนั่นก็เป็นไอเท็มอีกชิ้นที่เขาไม่มีวันบอกใครว่ามันคือ [แปรงสำหรับสุนัข]
ตลอดช่วงที่เขาฝึกตีเหล็ก เฟนเรียร์ก็จะมานอนกลิ้งและส่ายหูไปมาอยู่ข้างๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติ
แม้จะยังยิ้มไม่เป็น แต่วาห์นก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข
เขายังได้ซื้อกระเป๋ามาติดไว้ที่เอวของเธอซึ่งภายในนั้นก็มี [แปรงสำหรับสุนัข] อีกอันบรรจุอยู่
ขณะนำแปรงมาใส่ให้ วาห์นก็สั่งไว้ว่าเฟนเรียร์สามารถขอให้เฮสเทียหรือคนที่เขาไว้ใจมาแปรงขนให้ได้หากเธอทำตัวดี
ไม่ว่าใครก็สามารถใช้ [แปรงสำหรับสุนัข] ได้ เนื่องจากมันไม่ได้เป็นไอเท็มเวทมนตร์หรือมีคุณสมบัติพิเศษแต่อย่างใด
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคฤหาสน์ วาห์นก็ชะงักไปครู่หนึ่งเพราะสัมผัสได้ว่าเฮสเทียไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
เขายิ้มนิดๆ ก่อนจะเริ่มลูบหัวเฟนเรียร์และอธิบายให้เธอฟังว่าพวกเขามีแขก
แม้จะติดปัญหาเรื่องการพบปะกับคนอื่น แต่เฟนเรียร์ก็ยอมตามหลังวาห์นมาเหมือนกับตอนก่อนเจอเฮสเทีย
เนื่องจากผู้ถือ ‘กุญแจ’ ข่ายเวทมนตร์จะรู้ตัวทันทีเมื่อมีคนเข้าออกสถานที่ เฮสเทียก็เลยเดินออกจากห้องสมุดเพื่อมาเตรียมต้อนรับทั้งสองที่โถงทางเดิน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะวาห์น เฟนเรียร์ วันนี้เป็นยังไงบ้าง~?” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงพร้อมรอยยิ้ม
เพราะอยากฝึกเฟนเรียร์ไปในตัว วาห์นเลยตบไหล่ให้เธอเป็นคนตอบแทน
“เฟนเรียร์ทำดี ฆ่าได้เยอะ!”
เฮสเทียยิ้มแย้มขณะตามน้ำและเดินมาลูบหัวเด็กสาว
“ทำดีมาก~! เฟนเรียร์เป็นเด็กดี!”
พอได้รับคำชมเป็นที่เรียบร้อย เฟนเรียร์ก็หันหลังและยื่นอุ้งมือมาตบกระเป๋าที่เอว
“กระเป๋า แปรง!”
เนื่องจากตัวกระเป๋าติดอยู่ตรงหลังสะโพกด้านซ้าย เฟนเรียร์ก็เลยยื่นมันมาทางเฮสเทียและตบกระเป๋าด้วยท่าทาง ‘รีบเร่ง’
พฤติกรรมน่ารักน่าเอ็นดูนั่นทำให้ดวงตาของเฮสเทียส่องประกาย ก่อนที่เธอจะยื่นมือไปหยิบแปรงออกมาจากกระเป๋า
“ฉันจะแปรงขนให้ในระหว่างที่เราเข้าไปคุยกันในห้องสมุด ตกลงไหม~?”
พอทั้งสามเข้าไปในห้อง วาห์นก็ได้พบกับคนที่เขาไม่คาดคิดแต่ก็เข้าใจในทันทีว่าเธอมาทำอะไรที่นี่
เธอสวมเสื้อสีขาว, รองเท้าบูทสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวถึงต้นขา, ถุงมือยาวถึงต้นแขนที่มีสีเดียวกับรองเท้า, กางเกง ‘ข้าสั้น’ สีเขียว และผ้าคลุมสีเขียวลายใบไม้สวยงาม
เรือนผมสีเขียว ดวงตาสีฟ้า กับใบหน้างดงามนั่นดูโดดเด่นไม่ว่าเธอจะสวมชุดแบบตอนนี้หรือชุดสาวเสิร์ฟที่ใส่เป็นประจำทุกวัน
วาห์นจำได้ทันทีว่าหญิงสาวคนนี้ก็คือริวนั่นเอง ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตาและยิ้มให้กันตามมารยาท
—————
สนับสนุนนิยายอย่างถูกต้อง.ได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
อาจเป็นเวลาช่วงสั้นๆ แต่มันก็ทำให้สัมผัสพิเศษของเฮสเทียเริ่มทำงานจนต้องเอ่ยถามออกมาตรงๆ
“…นี่เธอก็เป็นหนึ่งในพวกผู้หญิงที่ชอบวาห์นเหรอ?”
เพราะรีบเร่งหาคนที่จะมาช่วยดูแลวาห์น เฮสเทียจึงไม่มีเวลาตรวจสอบว่าคนที่มานั้นเป็นใครและมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเด็กหนุ่ม
ข้อมูลที่ได้มาก็คือชื่อของริว เป็นอดีตนักผจญภัยเลเวล 4 และมีความตั้งใจว่าจะเข้าร่วมแฟมิเลียนี้อยู่แล้ว
สมองที่มักจะเอื่อยเฉื่อยเกือบตลอดเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วจนเฮสเทียสรุปออกมาได้ว่าเธอเพิ่งจะ ‘ชักศึกเข้าบ้าน’ เพราะความเลินเล่อของตัวเอง
อาจจะมองแทบไม่ออกแต่ทั้งวาห์นและเฮสเทียก็เห็นสีแดงจางๆ บนใบหน้าของริวขณะที่เธอก้มตัวเล็กน้อยเพื่อยืนยันคำพูดของเทพตัวเล็ก
ตาของวาห์นเบิกกว้างเพราะถึงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว (จากระบบ) แต่เขาก็ไม่คิดว่าเอลฟ์สาวจะออกมายอมรับแบบตรงๆ
ในตอนนี้นั้นวาห์นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าริวมักจะจับเข่าคุยเรื่องของเขากับทั้งซีลและโคลอี้หลังเลิกงานเป็นประจำทุกวัน
นับตั้งแต่ที่ริวพยายามมาช่วยวาห์นในเหตุการณ์ครั้งล่าสุดแต่กลับ ‘ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง’ เธอก็อยากใกล้ชิดเขามากขึ้น
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เธออยากเข้าร่วมเฮสเทียแฟมิเลียเช่นกัน
เมื่อซีลเข้ามาคุยและอธิบายเรื่องนี้ในตอนเช้า ริวก็ตกปากรับคำหลังโดนหญิงสาวผมเทา ‘เชียร์’ และ ‘ปั่น’ มานิดๆ หน่อยๆ
หลังจากเตือนตัวเองในใจว่าต้องไปซักถามเอลฟ์สาวเพิ่มเติมในภายหลัง เฮสเทียก็นั่งลงบนโซฟาและเริ่มแปรงขนให้เฟนเรียร์ขณะที่พวกเขาหารือกัน
ริวได้คุยเรื่องนี้กับมามามีอา (โดยมีซีลคอยช่วย) มาแล้วและในระหว่างที่วาห์นอยู่ในดันเจี้ยนนั้นเธอก็ทำพิธีเข้าร่วมแฟมิเลียเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย
เธอบอกคร่าวๆ ว่ายังไม่ได้ลาออกจากการเป็นสาวเสิร์ฟและจะกลับไปช่วยงานในช่วงที่วาห์นหยุดพักหรือไม่ได้เข้าดันเจี้ยน
แต่เพื่อ ‘ความแฟร์’ ริวจะกลับไปนอนที่หอพักหญิงเหมือนเดิมและจะไม่ย้ายออกจนกว่ามิลานกับทีน่าจะย้ายมาอยู่นี่
เธอยังได้ทำพิธีสาบานเป็นการส่วนตัวว่าจะคอยปกป้องคู่แม่ลูกในช่วงที่วาห์นไม่ว่างหรือต้องออกไปทำธุระข้างนอกเป็นเวลานานๆ แล้วด้วย
ถึงวาห์นจะบอกเธอเรื่องฟาฟเนียร์ แต่ริวก็ส่ายหัวก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“วาห์น นายต้องเข้าใจไว้ด้วยนะว่าในบางสถานการณ์ การใช้มังกรอาจดูเกินความจำเป็นและทำให้เรื่องเลยเถิดไปกันใหญ่”
ที่ผ่านมานั้นวาห์นกังวลเรื่องความปลอดภัยของมิลานกับทีน่ามากเสียจนไม่ได้คำนึงถึงเรื่องอื่นๆ เลย
ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าสิ่งที่เธอพูดมานั้นถูกต้องแต่ก็ยังยืนกรานจะให้ฟาฟเนียร์อยู่แบบนั้นไปก่อน
เนื่องจากสามารถสื่อสารผ่านการเชื่อมโยงทางจิตได้ วาห์นเลยเรียกหาฟาฟเนียร์โดยให้มันโผล่ออกมาแต่หัวหลังจากที่เขาสร้างเงามืดบนพื้น (TL: ฟาฟเนียร์ใช้เงามือเป็นสื่อกลางในการเดินทาง)
วาห์นแนะนำเจ้ามังกรยักษ์ให้ริวได้รู้จักและบอกให้มันเชื่อฟังการตัดสินใจของเธอก่อนจะทำอะไรลงไป
ในกรณีที่ทั้งริวและตัวเขาไม่ได้อยู่ด้วย วาห์นจะให้ฟาฟเนียร์เป็นฝ่ายตัดสินใจเอง สรุปแบบง่ายๆ ก็คือ ‘จะทำยังไงก็ได้ แต่มิลานกับทีน่าต้องปลอดภัย’
เฮสเทียร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นหัวมังกรโผล่ออกมาจากพรมแบบไม่ทันตั้งตัวซึ่งต่างจากริวและเฟนเรียร์ที่ยังคงสีหน้าไว้แบบเดิม
ริวนั้นถึงขั้นโค้งคำนับฟาฟเนียร์ก่อนจะกล่าวทักทาย
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะ ต่อไปก็ฝากด้วยล่ะ”
ฟาฟเนียร์ไม่สนใจเสียงกรีดร้องของเฮสเทียแม้แต่น้อย
มันพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงแบบเด็กๆ ที่ทำเอาเทพตัวเล็กตะลึงจนร้องต่อไม่ออก
(*ได้สิ~! เหล่าคนรักของนายท่าน ฉันจะปกป้องเอง!*)
เมื่อได้ยินคำพูดที่ราวกับจะเหมารวมเธอเข้าไปใน ‘เหล่าคนรักของนายท่าน’ ด้วย ใบหน้าของริวก็เริ่มแดงอีกครั้งและตามมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
วาห์นเฝ้ามองการพูดคุยของทั้งสองและพยายามประมวลผลว่าต่อไปเขาควรปฏิบัติกับเอลฟ์สาวคนนี้ยังไงดี
แม้จะไม่ได้พูดอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอก็ ‘ยืนยัน’ แล้วว่ารู้สึกบางอย่างกับเขา ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกเรื่องที่วาห์นต้องเก็บไปคิดเป็นการบ้าน
ในระหว่างที่คนอื่นๆ พูดคุยหารือกัน เฟนเรียร์ก็ยังคงแทะ [เอ็นคิดู] ขณะนอนเล่นไปมาบนตักของเฮสเทียแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
ผ่านไปไม่นาน เฟนเรียร์ก็มองมาที่ใบหน้า ‘ตื่นตกใจ’ ของเฮสเทียก่อนจะพึมพำเบาๆ
“แปรง เฟนเรียร์ต้องการ!”
เมื่อได้ยินคำพูดนั่น เฮสเทียก็หัวเราะแห้งๆ และเริ่มสางขนที่หางเฟนเรียร์ต่อ
เมื่อรู้สึกพึงพอใจแล้ว เฟนเรียร์ก็หลับตาลงและกลับไปนอนเล่นต่อแบบไม่สนใจใครเช่นเดิม
หลังจากที่ฟาฟเนียร์จมหายไปในเงามืด ริวก็หันมาทางเฟนเรียร์ด้วยสีหน้าสงสัยพร้อมกับดวงตาเปล่งประกาย
วาห์นรู้ทันทีว่าเธอคิดอะไรอยู่เพราะท่าทางของเฟนเรียร์ในตอนนี้นั้นน่ารักมากจนสาวๆ คนไหนมาเห็นก็คงอยากเข้ามาลูบหรือเล่นด้วย
เขาจึงรีบแนะนำให้ทั้งสองรู้จักก่อนที่เด็กสาวจะเผลอหลับไปเสียก่อน
ถึงจะไม่อาจทำลาย ‘มาดนิ่งๆ’ ของเธอลงได้ แต่ริวก็ลูบหัวของเฟนเรียร์อย่างเอ็นดูไปหลายครั้ง
ดูเฟนเรียร์เองจะไม่ได้ติดใจอะไรนักแถมยังรู้สึกดีใจเสียอีกที่มีคนมาตามใจเพิ่ม
เด็กสาวอาจไม่เอ่ยมันออกมาเป็นคำพูด แต่เธอเริ่มที่จะเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าทุกคนที่เจ้านายแนะนำให้รู้จักล้วนแต่เป็นคนดี… เว้นก็แต่แวมไพร์ผมทอง ‘น่ากลัว’ คนนั้นคนเดียว
ชื่อตอน: ริว ไลอ้อน เข้าร่วมแฟมิเลีย