Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 234
หลังจากดูแลเฟนเรียร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว วาห์นก็เดินทางไปที่ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ พร้อมกันกับริว
เฟนเรียร์เองก็อยากตามไปด้วย แต่วาห์นรู้ว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับสถานที่ที่มีคนอยู่เยอะ
หลังจากเกลี้ยกล่อมอยู่พักหนึ่ง วาห์นก็โน้มน้าวให้เธออยู่บ้านเพื่อ ‘ปกป้อง’ เฮสเทียได้สำเร็จ
นั่นทำให้เทพตัวเล็กอดไปทานข้าวกับเหล่าเด็กๆ ของแฟมิเลียแต่เธอก็เห็นด้วยว่าตอนนี้เฟนเรียร์ยังไม่พร้อมจริงๆ
วาห์นสัญญาว่าจะพาทั้งสองออกไปเที่ยวในอนาคตและได้ทิ้งของเซ่นไหว้ไว้ให้มากมาย (ขนม วัตถุดิบจากดันเจี้ยน โลหะ)
การเดินทางของทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความเงียบเพราะริวเองก็เป็นคนที่เงียบอยู่แล้ว เธอเงียบเสียจนวาห์นไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี
วาห์นคิดว่าเธอเป็นคนสวยมากและมีบุคลิกที่สงบเงียบ แต่เขาในตอนนี้นั้นอยากจะหยุดเรื่อง ‘รักๆ ใคร่’ เอาไว้ชั่วคราว
ไม่เพียงแค่เรื่องหยุดการรุกคืบของเฮสเทียเท่านั้น แต่ช่วงนี้เขาแทบไม่ได้คุยกับสาวๆ คนไหนเลยเพราะอยากทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเฮเฟสตัสโดยเร็วที่สุด
การฝึกในลูกแก้วทำให้สกิลของเขาก้าวหน้าไปมาก แต่มันก็ยังไม่ถึงขั้นพัฒนาไปเป็น [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] อยู่ดี
แม้จะเดินด้วยท่าทางเรื่อยเปื่อย แต่จริงๆ แล้วริวนั้นให้ความสนใจกับวาห์นอยู่ตลอดแถมยังรู้สึกตื่นเต้นมากเลย
เนื่องจากอยู่ใกล้กันมาก เธอจึงเริ่มฟุ้งซ่านจนถึงขั้นอยากเดินจับมือกับเด็กหนุ่ม แต่สุดท้ายก็เกิดกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกไป
ซีลอาจทั้งเชียร์และเกลี้ยกล่อมจนเธอมาถึงจุดๆ นี้ แต่ริวนั้นไม่มั่นใจเลยว่าจะไปต่อยังไงดี
เธอรู้ดีว่าวาห์นนั้นมีผู้หญิงรายล้อมมากมายซึ่งบางคนก็เป็นคนที่เธอรู้จักดีด้วย แถมช่วงนี้เขายังต้องจัดการกับปัญหาชีวิตอีกหลายอย่าง…
ตอนนี้พวกเขาได้มาอยู่แฟมิเลียเดียวกันแล้ว ริวจึงอยากหาโอกาสที่จะใกล้ชิดกับวาห์นให้มากขึ้นแต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
หลังจากที่เอลฟ์สาวแอบถอนหายใจเบาๆ วาห์นก็หันมาหาทั้งๆ ที่เธอค่อนข้างมั่นใจว่าเขาไม่มีทางได้ยินเสียงเมื่อกี้แน่นอน
เด็กหนุ่มยิ้มให้ขณะยื่นมือมาจับมือของเธอไว้ราวกับอ่านใจออก
หัวใจของริวพองโตขึ้น แต่เธอก็แค่ยิ้มเล็กน้อยขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่อยู่ข้างร้าน
แม้พวกเขาจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากนัก แต่ริวก็พอรู้ว่าวาห์นนั้น ‘อ่าน’ ความรู้สึกของคนอื่นได้แม่นยำมาก
เธอรู้สึกดีใจมากที่เขายื่นมือมาจับโดยที่ตัวเองไม่ต้อง (และไม่กล้า) เอ่ยปาก มันทำให้ริวนึกถึงครั้งแรกที่พวกเขาพบกันและการที่วาห์นเข้าหาเธออย่างง่ายดาย…
ในส่วนของวาห์นนั้น เขาได้ยินการแจ้งเตือนในหัวและสังเกตเห็นว่าออร่าของริวที่กำลังสั่นไหวและเริ่มเปลี่ยนเป็นเฉดสีชมพูจางๆ
ถึงจะไม่ได้มองแบบตรงๆ วาห์นก็รู้สึกได้ว่าออร่าของเธอกำลังเข้าหาตนเป็นครั้งคราวจนเริ่มเข้าใจว่านั่นบ่งบอกถึง ‘ความลังเล’
พอจำได้ว่าริวให้ความสำคัญกับการ ‘จับมือ’ วาห์นจึงตัดสินใจหันมาหาทันทีที่ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ และจับมือของเธอไว้
สีหน้าของเอลฟ์สาวที่ดูดีขึ้นบวกกับการจับมือตอบทำให้วาห์นรู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วและเริ่มเดินต่ออย่างสบายๆ จนกระทั่งทั้งสองมาถึงข้างร้าน
“ขอบใจนะที่เดินมากับฉันจงถึงร้าน… นายจะทานมื้อกลางวันที่นี่เลยหรือเปล่า?”
วาห์นพยักหน้าก่อนที่ริวจะพูดต่อ
“งั้นรอตรงนี้เดี๋ยวนะ ฉันขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
เขาพยักหน้าอีกครั้งและยืนรออยู่ด้านนอกขณะที่ริวเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
วาห์นไม่แน่ใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้น ‘ก้าวหน้า’ ไปถึงขั้นไหนแล้ว แต่อย่างน้อยเขาก็ถือว่าริวเป็นสมาชิกใน ‘ครอบครัว’ นับตั้งแต่ที่เธอเข้าร่วมแฟมิเลียเดียวกัน
หลังจากที่ริวกลับออกมาด้านนอก วาห์นก็เดินออกไปโดยมีเธอตามหลังมาติดๆ
ทั้งสองกลายเป็นที่ดึงดูดสายตาของเหล่าลูกค้าหลังจากที่เดินเข้ามาในร้าน แต่แน่นอนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะทั้งคู่ไม่ได้จับไม้จับมือกันจนเป็นที่ผิดสังเกต
วาห์นนั้นเป็นคนที่เหล่าขาประจำ ‘รู้จักกันดี’ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในร่างปกติหรือร่างพยัคฆ์ขาวก็ตาม
มีหนุ่มๆ ขาประจำหลายคนที่มาที่นี่โดยมีจุดประสงค์เพื่อจีบเหล่าสาวๆ โดยเฉพาะ และเนื่องจากวาห์นคือคนที่พวกเธอให้ความสนใจเป็นพิเศษ เขาจึงกลายเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับหลายๆ คนไปโดยปริยาย
ส่วนหน้าที่สาวเสิร์ฟของวันนี้นั้นก็เป็นตาของริวเช่นกัน
ทันทีที่เข้ามาในบูธส่วนตัว วาห์นก็เริ่มกล่าวขอโทษและอธิบายให้ทีน่ากับมิลานฟังว่าตนหายไปไหนมา
จริงอยู่ที่ซีลคงบอกพวกเธอไปแล้ว แต่วาห์นก็คิดว่าเขาควรพูดกับทั้งสองอีกครั้งเป็นการส่วนตัว
เมื่อพวกเธอได้ยินว่าเขามี ‘มอนสเตอร์’ ตัวใหม่ ทีน่าก็รู้สึกตื่นเต้นสุดๆ เพราะเธอนั้นชอบฟาฟเนียร์มาก
ถึงตอนนี้จะจบเรื่องไปแล้ว แต่ทีน่าก็รู้ว่าวาห์นคงสั่งให้มันมาตามปกป้องเธอกับแม่แน่นอน
ในช่วงที่ไม่มีใครเห็น เธอก็มักจะเรียกหาและโยนอาหารให้เจ้ามังกรอยู่เป็นประจำ
หลังทานอาหารกันเสร็จ วาห์นก็แยกกับคู่แม่ลูกและสัญญาว่าจะพาเฟนเรียร์มาด้วยหลังจากที่เธอ ‘สงบ’ มากกว่านี้อีกหน่อย
พอเหลือกันอยู่แค่สองคนในบูธ ริวก็มายืนอยู่ข้างๆ วาห์นพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
วาห์นอ่านริวแทบไม่ออกเลยเนื่องจากปกติเธอก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้ามากมายอะไรนัก แต่เขาก็พอเข้าใจว่าเธอกำลัง ‘ให้กำลังใจ’ ในแบบของตัวเองอยู่
“ขอบใจนะริว ฉันดีใจที่เธอมาเข้าร่วมแฟมิเลียของเรา… จากนี้ไปเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ ตกลงไหม?” วาห์นเอ่ยอย่างสุภาพ
ในระหว่างที่พูด เขาก็ยื่นมือออกไปประคองมือขวาของริวอย่างนุ่มนวล
ริวยิ้มนิดๆ พลางจ้องไปยังมือที่โดนจับขณะเอ่ยตอบ
“อื้ม… วาห์น”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในขณะที่เธอพูดชื่อของเขา วาห์นสังเกตเห็นว่าริวนั้นหน้าแดงมากกว่าครั้งไหนๆ
วาห์นเอียงหัวด้วยความสงสัยแต่แล้วก็นึกออกว่านับตั้งแต่ที่รู้จักกันมา นี่เป็นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นที่เธอเรียกชื่อของเขา
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะยกมือของริวขึ้นมาซึ่งคล้ายกับตอนที่ทักทายกันครั้งแรก (TL: ตอนที่ 160) และจูบที่หลังมือของเธออย่างแผ่วเบา
เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นริวที่ ‘ลอย’ สูงกว่าเดิมเล็กน้อยขณะพยายามเงยหน้าขึ้นเช่นกันเพื่อซ่อนใบหน้าแดงก่ำ
วาห์นหัวเราะสั้นๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ… ริว”
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ในที่สุดริวก็รวบรวมสติได้สำเร็จและพยักหน้าให้กับเขา
“เจอกันพรุ่งนี้นะ… วาห์น”
ถึงยังไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเรื่องสลักสำคัญอะไร แต่วาห์นก็อยากลองไล่นับจำนวนครั้งที่เธอเรียกชื่อของเขาไปเรื่อยๆ ดู
ดูเหมือนริวจะให้ความสำคัญกับมันมาก ดังนั้นเธอคงจะประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเขายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในอนาคต
หลังแยกทางกันแล้วแล้ว วาห์นก็เดินทางกลับคฤหาสน์และเริ่มฝึกวิชาในโรงหลอมลับโดยมีเฮสเทียและเฟนเรียร์คอยดูอยู่ข้างๆ
เฉกเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ เฟนเรียร์นอนเล่นไปมาพร้อมกับเทพตัวเล็กขณะที่ทั้งสองอ่านหนังสือเรื่อยเปื่อย
วาห์นนึกในใจว่าทั้งคู่ดูเข้ากันได้ดีมาก ทว่าเขาไม่มีทางบอกให้เฮสเทียรู้หรอกว่านั่นอาจเป็นเพราะพวกเธอ ‘ไม่ได้คิดอะไรมาก’ หรือ ‘วันๆ ไม่ได้ใช้สมองทำอะไรเลย’ เหมือนกัน
แม้เฟนเรียร์จะสร้างปัญหาหลายอย่าง แต่เธอก็เป็นไม้กันหมาชั้นยอดของเขา เพราะเทพตัวเล็กนั้นนับวันยิ่งจะเก่งกล้ามากขึ้น
นิสัยใจดีและร่าเริงของเฮสเทียเองก็สำคัญสำหรับเฟนเรียร์เช่นกัน จนตอนนี้เด็กสาวเริ่มดูอ่อนโยนขึ้นมาบ้างแล้ว… อย่างน้อยก็ขณะอยู่บ้าน
เมื่อถึงช่วงเข้าสู่ลูกแก้ว วาห์นก็ใช้เวลา 3 วันในนั้นเพื่อศึกษาแบบแปลนอุปกรณ์ต่างๆ จากในหนังสืออย่างตั้งใจ
ไม่นานมานี้เขาเองก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมแม้แต่เทพแห่งการหลอมสร้างอย่างเฮเฟสตัสเองก็ยังต้องทำแบบแปลนก่อนจะเริ่มสร้างไอเท็มขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นอัน
ถึงจะสร้าง ‘ผลงานชิ้นเอก’ ออกมาได้มากมาย แต่วาห์นก็ตระหนักว่าหากต้องการก้าวขึ้นสู่ระดับ [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] เขาจะมานั่งทำอะไรแบบเดิมๆ ไปตลอดไม่ได้
แม้แต่สึบากิซึ่งปกติจะไม่ใช่คนชอบคิดอะไรซับซ้อนก็ยังต้องทำแบบแปลนเช่นกัน ดังนั้นวาห์นจึงมั่นใจว่านี่เป็นวิธีที่เหมาะสมแล้ว
—————
สนับ.สนุนนิยายอย่างถูกต้องได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
งานนี้เลยต้องให้เอวาซึ่งมีหัวทางด้านการออกแบบมากกว่าเขามาช่วยดูและวิเคราะห์อีกแรง
แวมไพร์สาวไม่เพียงแค่อ่านหนังสือครบหมดทุกเล่มแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วยหนังสือให้ความรู้ทางด้านวิศวกรรม งานช่าง การตีเหล็ก และการออกแบบ แต่เธอยังมีประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนานหลายร้อยปีเป็นของแถมด้วย
ถึงจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่วาห์นก็ดีใจที่มีเธอคอยช่วยและตัดสินใจว่าจะเพิ่ม ‘รางวัล’ ให้เธอในภายหลัง
หลังออกจากลูกแก้ว วาห์นก็ยังคงสร้างไอเอ็มต่อไปจนกระทั่งถึงช่วงเวลาอาหารเย็น
เขาได้คุยกับมิลานและทีน่ามาแล้วว่าช่วงนี้คงต้องขออยู่ทานอาหารเย็นที่คฤหาสน์ไปก่อน
เรื่องน่าหนักใจเริ่มบังเกิดขึ้นซึ่งส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเป็นคน ‘เช็ดตัว’ ให้เฟนเรียร์เมื่อตอนเช้า
เฮสเทียเริ่มใช้ข้ออ้างประมาณว่า ‘วันนี้ยังไม่ได้อาบน้ำกันเลยนี่นะ งั้นเราไปอาบด้วยกันเถอะ’ เพื่อให้วาห์นมาอาบด้วยกัน
เธอยังได้รับแรงสนับสนุนจากเฟนเรียร์ (ชอบให้เจ้านายดูแล) จนวาห์นไม่รู้จะบอกปฏิเสธยังไงดี
สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับท่าไม้ตายอย่าง ‘สายตาลูกหมาขี้อ้อน’ ในตอนท้าย
ความพยายามของสองสาวถือว่าประสบความสำเร็จ แต่วาห์นก็ให้เฮสเทียรับปากด้วยว่าจะ ‘ทำตัวดี’ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการพัฒนาของเฟนเรียร์
เนื่องจากทั้งคู่สนิทกันอย่างรวดเร็ว วาห์นเลยเข้าใจดีว่าเดี๋ยวเฟนเรียร์คงหยิบนิสัยบางอย่างของเฮสเทียมาใช้แน่นอน
แค่ 2 วันที่ได้อยู่ด้วยกัน ตอนนี้เด็กสาวก็เริ่มนอนเล่นไปมาบนโซฟาโดยมี ‘ตัวการ’ คอยตามเอาใจอยู่ตลอด ส่วนวาห์นเองก็ตามใจเธออยู่บ้าง ดังนั้นการที่เฟนเรียร์จะติดนิสัยขี้เกียจตอนพักอยู่บ้านจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
‘อย่างน้อยๆ มันก็เป็นวิธีจัดการกับความเครียดได้ดีในระดับหนึ่งล่ะนะ’ คือสิ่งที่วาห์นหวังไว้ลึกๆ
หลังจากเข้ามาในห้องอาบน้ำ เฟนเรียร์ก็ดูนิ่งไปราวกับกำลังคิดไตร่ตรองอะไรบางอย่าง
หลังจากนำตอนที่เฮสเทียอาบน้ำให้เมื่อคืนกับตอนที่วาห์นเช็ดตัวให้เมื่อเช้ามาเทียบกัน เด็กสาวก็ยื่นฟองน้ำขัดตัวมาทางผู้เป็นนายและเอ่ยเรียบๆ
“เจ้านายอาบให้เฟนเรียร์”
วาห์นรับมันมา แต่แล้วก็ส่งต่อให้กับเฮสเทียที่ยืนอยู่ข้างๆ แทน
“อย่าเห็นแก่ตัวสิเฟนเรียร์ ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าเรื่องนี้ต้องให้เฮสเทียจัดการ”
เฟนเรียร์มองเฮสเทียด้วยสีหน้าบูดบึ้งก่อนจะหันกลับมาหาวาห์น
“เฟนเรียร์อยากให้เจ้านายอาบ! เจ้านายเก่งกว่า!”
วาห์นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเหลือบมองมาทางเทพตัวเล็กและพูดต่อ
“ถ้าฉันอาบให้เธอ เดี๋ยวก็จะมีเทพธิดาอีกคนมาเออออขอให้อาบให้มั่ง
อย่าดื้อเลยนะ เฟนเรียร์…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฟนเรียร์ก็ลงไปแช่น้ำและเริ่มใช้เล็บขูดกับตัวบ่อพลางใช้ปากเป่าฟองเล่นโดย ‘ไม่สนใจ’ อะไรทั้งสิ้น
ดวงตาของเธอเริ่มเปล่งแสงออกมามากขึ้นเรื่อยๆ จนเฮสเทียต้องเป็นฝ่ายออกหน้าเพื่อแก้ไขสถานการณ์
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ไปอาบให้เฟนเรียร์เถอะ
เธอก็เหมือนเด็กเล็กๆ ที่อยากได้ความรักจากปะป๊าไงล่ะ~”
หูของเฟนเรียร์กระดิกทันทีที่ได้ยินคำพูดนั่น เธอเงยหน้าขึ้นมาหาวาห์นโดยที่ยังคงนั่งเล่นอยู่ในน้ำ
“ปะป๊าอาบให้เฟนเรียร์นะ?”
เป็นอีกครั้งที่วาห์นโดนจู่โจมอย่างหนัก… หนักจนเลือดกำเดาเกือบไหลออกจากจมูก
เขาจ้องมองสายตา ‘ขอร้อง’ ของเฟนเรียร์ก่อนจะหันไปมองเฮสเทียแบบเคืองๆ จนเทพตัวเล็กได้แต่หัวเราะแห้งๆ
วาห์นถอนหายใจหนึ่งเฮือกและลงมาลูบหัวของเฟนเรียร์อย่างอ่อนโยน
“เธอไม่ควรเรียกฉันแบบนั้นนะ… อันที่จริงไม่ต้องเรียกว่าเจ้านายด้วย
จากนี้ไปให้เรียกฉันว่า ‘วาห์น’ เฉยๆ ก็พอ…”
ราวกับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้อยู่แล้ว เฟนเรียร์ตอบกลับไปแทบจะทันที
“วาห์นอาบให้เฟนเรียร์นะ?”
แม้ยังลังเลอยู่บ้าง แต่วาห์นก็รู้สึกเหมือนตนเพิ่งจะรอดตายหวุดหวิดและคงต้องยอมทำตามที่เด็กสาวต้องการไปก่อน
เฟนเรียร์รู้สึกพอใจมากและแสดงออกด้วยการตีน้ำเล่นอย่างมีความสุขขณะที่วาห์นเริ่มขัดตัวให้
เมื่อถูกขัด แปรงขน และล้างน้ำจนสะอาดดีแล้ว เฟนเรียร์ก็ลุกขึ้นท่ามกลางความประหลาดใจของวาห์น
เธอค่อยๆ เดินออกจากบ่อ ลงไปยืน 4 ขา และเริ่มสะบัดไปมาตั้งแต่หัวจรดหางเพื่อทำให้ตัวแห้งมากที่สุด
นั่นเป็นฉากที่ทำให้วาห์นตะลึงค้าง ส่วนเฮสเทียนั้นทำหน้าตื่นๆ เหมือนกับเพิ่งนึกอะไรออก
เธอพูดขึ้นโดยไม่ต้องรอให้เขาเอ่ยถามด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวฉันจะสอนเธอเช็ดตัวเอง… เมื่อคืนลืมไปน่ะ แหะๆ”
วาห์นพยักหน้าแบบนิ่งๆ ขณะที่เขาลงไปแช่น้ำร้อนต่อเพื่อทำให้จิตใจ ‘เย็นลง’
เฟนเรียร์นั้นยังเด็กอยู่มาก ทว่าท่าทางที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอก็ทำให้วาห์นต้องยอมคล้อยตามไม่รู้กี่ครั้งกี่หนแล้ว
การต้องมารับมือและเลี้ยงดูเด็กสาวคนนี้นับวันยิ่งจะยากขึ้นเรื่อยๆ จนเขาไม่แน่ใจว่ามันจะราบรื่นไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า
แม้จะพยายามสงบสติแบบสุดๆ แล้ว… แต่อีกฝ่ายก็ไม่เคยสนใจหรือให้ความร่วมมือเลยสักนิด