Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 236
สองสามวันจากนั้นจนถึงช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ วาห์นได้ใช้เวลาในโลกจริงและในลูกแก้วตามปกติ
เขาเริ่มรู้สึกว่ายิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ ช่วงเวลาในโลกจริงก็ยิ่งดู ‘ห่างไกล’ ออกไปเรื่อยๆ
สาเหตุหลักน่าจะมาจากการที่เขาใช้เวลาอยู่ในโลกจริงน้อยมากเมื่อเทียบกับเวลาในลูกแก้ว
(TL: 1 วันในโลกจริง + 6 วันในลูกแก้ว เท่ากับว่า 1 วันของคนธรรมดา = 7 วันของวาห์น)
แม้แรกๆ ผลกระทบจะยังไม่เด่นชัดเท่าไหร่นัก แต่วาห์นก็รู้สึกว่ามันยากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะจดจ่อไปกับเรื่องบางเรื่อง
เหตุการณ์เริ่มหนักข้อขึ้นเมื่อวาห์นสัญญาว่าจะออกไปซื้อของกับเฮสเทียและเฟนเรียร์ แต่พอหลังออกจากลูกแล้วเขาก็ดันลืมเรื่องนี้ไปซะสนิท
เพราะเขาดู ‘ยุ่ง’ เหมือนอย่างเคย เทพตัวเล็กจึงปล่อยให้เด็กหนุ่มทำงานตามปกติโดยที่เธอกับเฟนเรียร์ก็มานั่งอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่ถือสาหาความ
แน่นอนว่าวาห์นรู้สึกแย่มากเมื่อเฮสเทียพูดเรื่องนี้อีกครั้งหลังจบวันไปแล้ว
เธอไม่ใช่คนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกถึงความผิดปกตินี้ แม้แต่พวกสาวๆ จาก ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ เองก็เริ่มระแคะระคายขึ้นมาบ้างหลังได้ยิน ‘คำบอกเล่า’ ของริว
เพราะช่วงนี้ริวได้ใช้เวลากับวาห์นมากที่สุดในหมู่สาวๆ ของร้าน เธอจึงกลายมาเป็นเสาหลักคู่กันกับซีล
หน้าที่หลักๆ ของเธอก็คือดูแลวาห์นและคอยเป็นหูเป็นตาหากพบสิ่งผิดปกติ
ไม่นานเรื่องดังกล่าวก็แพร่กระจายออกไปทั่ว ‘เครือข่าย’ จนทุกคนเริ่มรู้สึกเป็นกังวล
แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คน ‘หลงๆ ลืมๆ’ หรือ ‘เครียดจนเกินไป’ ตามที่พวกเธอบอก แต่วาห์นก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงดี
สุดท้ายเขาก็ต้องยอมเผยความลับเรื่องลูกแก้วและความเหลื่อมล้ำของเวลาขณะอยู่ในนั้น
วาห์นเคยพูดถึงมันเมื่อนานมาแล้ว (TL: เคยพูดกับผู้หญิงบางคนว่าใช้มันฝึกวิชา) แต่การอยู่ข้างในเป็นเวลา 6 วันต่อ 1 วันในโลกจริงนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยบอกใครมากก่อน
พอทุกคนรู้ถึงความจริงข้อนี้ ความกังวลต่างๆ ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นจนถึงขั้นที่เฮเฟสตัสต้องออกหน้าเพื่อขอให้วาห์นหยุดใช้ลูกแก้วเพราะมันจะทำให้สถาพจิตใจของเขาย่ำแย่ลงกว่าเดิม
เธอรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นเขา ‘เคร่งเครียด’ ไปกับการเร่งพัฒนาฝีมือเพียงเพราะต้องการ ‘จัดการ’ กับปัญหาในโลกจริง
หลายคนรู้สึกเป็นห่วงวาห์นตั้งแต่ตอนเกิดเหตุการณ์ลักพาตัวแล้ว แต่เป็นเพราะลูกแก้วนี่เองที่ทำให้สภาพจิตใจของเขา ‘ฟื้นตัว’ ได้เร็วกว่าใครจะคาดคิด
เอน่าเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มากที่สุดเพราะตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมจู่ๆ วาห์นถึงได้ ‘เติบโต’ ขึ้นอย่างรวดเร็วและดู ‘ผิดปกติ’ น้อยลงกว่าแต่ก่อน
แต่ไม่ว่าใครจะบอกกล่าวหรือพูดเกลี้ยกล่อมยังไง วาห์นก็ยังยืนกรานหนักแน่นว่าเขาจะไม่ยอมหยุดใช้ลูกแก้วเพราะไม่อยากทอดทิ้งเอวารวมถึงสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะเรียน ‘มาเกียเอเรเบีย’ จากเธอด้วย
‘เครือข่ายสาวๆ’ ถึงกับสั่นคลอนไปหมดเมื่อพวกเธอรู้ว่าวาห์นมี ‘ผู้หญิงอีกคน’ (แม้จะเป็นเพียงชิ้นส่วนความทรงจำก็ตาม)
พวกเธอพบว่าถึงเอวาจะไม่ใช่ ‘คนจริงๆ’ แต่วาห์นก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอมากกว่าทุกคนในโลกจริงรวมกันเสียอีก!
ถึงจะอ้างได้ว่าเวลาส่วนใหญ่นั้นหมดไปกับการพัฒนาฝีมือ แต่วาห์นก็บอกทุกอย่างไปแบบหมดเปลือก (รวมถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับเอวา) เพราะเขาไม่อยากเก็บมันไว้เป็นความลับอีกแล้ว
นั่นส่งผลให้ความสัมพันธ์ในโลกจริงของวาห์นนั้น ‘มีความหมาย’ มากขึ้น โดยที่แต่ละวันก็จะมีสาวๆ หลายคนแวะเวียนมาหาเขาและเล่นกับเฟนเรียร์ด้วย
เด็กสาวได้กลายมาเป็นดาวเด่นของแฟมิเลียและสาวๆ หลายคนก็รู้สึกชื่นชอบเธอมาก… โดยเฉพาะโลกิ
เมื่อโลกิรู้ว่าสภาพจิตใจของเฟนเรียร์นั้นเป็นเหมือน ‘กระดาษเปล่าๆ ที่พร้อมให้คนมาขีดเขียน’ และเธอยังมี ‘ศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด’ เทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์ก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายจนกระทั่งโดนวาห์นกำราบด้วยการสับเข้าที่กลางหัว
ยังดีที่แม้โลกิจะชอบเฟนเรียร์มาก แต่ดูเหมือนเฟนเรียร์จะไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่และพยายามหลบหน้าทุกครั้งที่ทำได้
อีกหนึ่งเรื่องที่เปลี่ยนไปก็คือ หลังจากที่พวกเธอรู้ว่าวาห์นสามารถถ่ายโอนสิ่งของเข้าไปในลูกแก้วเพื่อฝึกฝีมือในนั้นได้ เขาจึง ‘ถูกแบน’ จากการทำงานในโลกจริงไปโดยปริยาย
ในแต่ละวันนั้นจะต้องมีสาวๆ อย่างน้อยหนึ่งคนมาอยู่กับเขาและคอยสอนสั่งเรื่องต่างๆ ให้เฟนเรียร์รู้ด้วย
พอตกช่วงเย็น บางคนถึงขั้นวางแผนจะอยู่ค้างคืนซึ่งก็ทำให้ ‘แผนการร้าย’ ต่างๆ นาๆ ของเฮสเทียเกิดแดงขึ้นมา
พวกเธอค้นพบว่าเทพตัวเล็กได้พัง ‘แนวป้องกัน’ ของวาห์นจนแทบไม่เหลือชิ้นดีและได้รับสิทธิพิเศษมากมายจากเขา อาทิเช่นอาบน้ำด้วยกัน นอนด้วยกัน แล้วก็คอร์สนวดชื่อกระฉ่อนนั่นอีก…
เนื่องจากวาห์นให้ความสนใจกับการพัฒนาเทคนิคการนวดอยู่พอสมควร มันจึงเป็นหนึ่งในหัวข้อที่เขาพูดถึงและ ‘ทดลอง’ กับผู้ที่มาเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง
แม้หลายคนจะรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ในตอนแรก แต่พอวาห์นเริ่มโฆษณาเรื่องนี้ผ่านสาวๆ บางคนในเครือข่าย มันจึงกลายเป็นเรื่องที่ ‘ลองดูสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?’
ตัวอย่างที่เพิ่งจะผ่านมือของเขา (TL: ไม่นับที่เรารู้อยู่แล้ว) ก็มีริว ซีล อาเนีย ลูนัวร์ รวมไปถึงมามามีอาด้วย
วาห์นไม่สนใจอยู่แล้วว่าคนถูกนวดจะเป็นใคร (หรือมีอายุมากขนาดไหน) มามามีอาจึงเอากับเค้าด้วยเช่นกัน
สาวใหญ่แห่ง ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ รู้สึกสงสัยตะหงิดๆ ว่าเรื่องที่พวกเด็กๆ ในร้านชอบคุยนักคุยหนานั้นมันจะดีสักแค่ไหนเชียว
ผลที่ได้ก็คือไหล่ข้างหนึ่งของวาห์นแทบหลุดออกจากตัวหลังโดนเธอตบ (ชมเชย) อยู่หลายครั้ง
การนวดเริ่ม ‘เป็นที่นิยม’ มากขึ้นเมื่อวาห์นอธิบาย ‘ประโยชน์ที่ได้รับ’ เพิ่มเติม
หลักๆ แล้วก็คือช่วยเสริมความงาม ลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ บำรุงสุขภาพและการไหลเวียนของเลือด… ที่จริงหลายคนนั้นหูกระดิกตั้งแต่ได้ยินว่า ‘ช่วยเสริมความงาม’ แล้ว
และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้ทำความรู้จักกับลูนัวร์และสนิทสนมกับมามามีอามากขึ้น
เรื่องดีๆ อีกอย่างที่ตามมาก็คือมามามีอายอมตกลงให้วาห์นใช้บูธได้แบบฟรีๆ หากเขาช่วยทำให้เธอ ‘ผ่อนคลาย’ เป็นครั้งคราว…
—————
สนับสนุน.นิยายอย่างถูกต้องได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
นอกจากพวกสาวๆ ที่ได้เพลิดเพลินไปกับการนวดแล้ว แม้แต่ผู้นวดอย่างวาห์นเองก็เพลิดเพลินไม่แพ้กัน
สำหรับกลุ่มที่ยังเด็กๆ ใสๆ การนวดของวาห์นนั้นจะช่วยลดความเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจได้เป็นอย่างดี
ส่วนกลุ่มที่ ‘เป็นผู้ใหญ่’ การนวดจะช่วยขจัดความตึงเครียดเช่นกัน แต่ที่มากไปกว่านั้น… วาห์นได้ทดสอบจนแน่ใจแล้วว่าผลข้างเคียงอื่นๆ ที่แต่ละคนได้รับจะแตกต่างกันออกไปโดยขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจ, ‘ประสบการณ์’ และความรู้สึก(ที่มีต่อผู้นวด)ในช่วงดังกล่าว
ทว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อย่างเดียวที่วาห์นทำในโลกจริง
เขาใช้เวลาที่เหลือไปกับการเที่ยวชมเมืองโดยมีสาวๆ ไปด้วยครั้งละ 2 คนเป็นอย่างต่ำ
วาห์นเริ่มสนุกไปกับการช้อปปิ้งและเฝ้ามองชุดที่พวกเธอแต่ละคนลองใส่ให้ดูอย่างไม่รู้จักเบื่อ
มันมักจะมีการแข่งขันลับๆ ระหว่างสองสาวที่มาด้วย ซึ่งจุดหมายหลักก็คือใครที่ทำให้เขาสนใจได้มากกว่าจะเป็นผู้ชนะไป
มีบางช่วงที่เขารู้สึกเหมือนเป็น ‘คนแบกของ’ แต่โดยรวมก็ถือว่ามันเป็นกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จมาก… แต่สุดท้ายก็มีแว่วๆ มาว่าบางคนอยากจะไปเดตกับเขาแบบสองต่อสองแทน ‘การไปเที่ยวเป็นกลุ่ม’ แบบนี้
กลุ่มที่ออกไปเดตกับเขานั้นมีจำนวนน้อยกว่ากลุ่มที่มานวดอยู่พอสมควร หลักๆ เลยก็เพราะพวกสาวๆ จากโลกิแฟมิเลียนั้นยังไม่กลับมาจากการสำรวจระยะยาว
นั่นทำให้ทีโอน่า ไอส์ รวมไปถึงทีโอเน่และเลฟิย่าต้องพลาดเรื่องดีๆ ไปหลายอย่าง
วาห์นได้ออกไปเดตกับโคลอี้และซีล ลิลลี่และนาซ่า ซีลและอาเนีย ซีลและริว มิลานและทีน่า เอน่าและเฮสเทีย เฮเฟสตัสและเฮสเทีย และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ได้ออกไปกับสึบากิเพียงคนเดียวด้วย (TL: ดูๆ ไปแล้วเหมือนจะมีคนโกงรอบอยู่นะ)
ช่วงนี้อนูบิสพยายามจัดการและสั่งสอน ‘ฝูง’ อย่างสุดความสามารถ ส่งผลให้คู่เดตในวันนั้นหายไปหนึ่งคน
ในช่วง ‘เดต’ วาห์นได้พาสึบากิไปยังร้านที่คนอื่นๆ เคยพาไป รวมถึงร้านใหม่ๆ ที่เขายังไม่เคยไปด้วย
สึบากิแหย่วาห์นเรื่องที่เขามาทำเหมือนเธอเป็น ‘พวกเด็กสาว’ อยู่หลายครั้งหลายคราว วาห์นก็เลยแก้ลำกลับด้วยการชมรูปร่าง นิสัย และ ‘จิตใจอันดีงาม’ ของเธอออกมาตรงๆ
สึบากิทนฟังต่อไม่ไหว สุดท้ายเธอก็เลยต้องยอมสงบปากสงบคำลงไปก่อน
ในบรรดาผู้หญิงที่สนิทด้วย มีเพียงสึบากิเท่านั้นที่ไม่เคยมาขอนวดเลยนับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาอยู่คฤหาสน์ฮาร์ธ
พอยกเรื่องนี้ขึ้นมาแหย่เธอบ้าง วาห์นก็โดนอัดเต็มๆ ที่ท้องไปหนึ่งทีและต้องจบการเดตลงก่อนเวลาอันควร
หลายครั้งที่วาห์นรู้สึกว่าสึบากินั้นคล้ายกับเอวามาก และนั่นทำให้เขายิ่งอยากทลายแนวป้องกันของเธอลงเพื่อ ‘เอาคืน’ ให้ได้สักวัน
หลังได้สนุกไปกับชีวิตในโลกจริงแล้ว วาห์นก็หันมาตั้งใจคนคว้าและทดสอบเรื่องต่างๆ กับเอวาภายในลูกแก้ว
เขาได้เริ่มโครงการระยะยาวบางอย่างและหมายมั่นว่าต้องทำสำเร็จให้จงได้
จากการค้นคว้า ออกแบบ และคิดทบทวนอยู่หลายวัน วาห์นก็ค่อนข้างมั่นใจว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นจะต้องเป็นไอเท็มระดับ S อย่างแน่นอน
แทนที่จะทุบค้อนต่อไปและค่อยๆ สั่งสม ‘ประสบการณ์’ ทีละนิด วาห์นได้เปลี่ยนไปใช้วิธีการทาง ‘วิทยาศาสตร์’ แทน
ถึงจะใช้ค้อนและเตาหลอมเหมือนเดิม แต่วาห์นก็เพิ่มโรงหลอมขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง
ที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องมือเฉพาะทางหลายอย่าง เช่นเครื่องมือขนาดเล็กพิเศษ และแว่นขยายตั้งโต๊ะที่เอาไว้ใช้ในงานสร้างไอเท็มขนาดเล็ก
เขายังฝึกสกิล [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] จนสามารถใช้มันดัดแปลง ทำลาย หรือเลียนแบบวัสดุได้ด้วยการรวบรวมสมาธิและเพ่งจิต
วาห์นได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่าเขาสามารถทำให้วัสดุแปรเปลี่ยนเป็นรูปทรงอะไรก็ได้ดั่งใจนึก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับระดับของสมาธิด้วย
ถึงตอนนี้จะทำอะไรที่ซับซ้อนไม่ได้ แต่แค่การปรับพื้นผิว สลักหรือฝังเพิ่ม และกำหนดลวดลายของวัสดุนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถ
หนึ่งในสิ่งที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ก็คือ ‘การเจาะ’ และ ‘แกะสลัก’ พื้นผิวของวัสดุอย่างแม่นยำ
เพราะเขาสามารถมองเห็นองค์ประกอบและโครงสร้างภายในของวัตถุได้อย่างชัดเจน วาห์นเลยลองเพิ่มความละเอียดของการสลักอักษรรูนให้อยู่ในระดับกล้องจุลทรรศน์
(TL: พูดอีกอย่างก็คือสลักตัวอักษรที่เล็กมากๆ จนตาคนปกติมองไม่เห็นหากไม่ใช้กล้องจุลทรรศน์)
จากช่วงเวลายากลำบากหลายวันที่ต้องค้นคว้าข้อมูลและฝึกการใช้สกิลกับสมาธิ สุดท้ายวาห์นก็สามารถสลักอักษรรูน 108 ชุด (ที่เล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น) ลงไปในไอเท็มได้สำเร็จ
เนื่องจากวัสดุที่วาห์นใช้คืออะดาแมนไทน์บริสุทธิ์ เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะไม่บุบสลายหรือเสื่อมถอยลงเมื่อเวลาผ่านไปแน่นอน
จากอักษรรูนทั้งสิ้น 108 ชุด มี 54 ชุดที่ทำหน้าที่เป็นตัวรักษาเสถียรภาพและเสริมความแข็งแกร่งให้กับชุดอักษรที่เหลือ
วาห์นรู้มานานมากแล้วว่าของที่ดีนั้นจะต้องมีประสิทธิภาพ เรียบง่าย และสมดุลกัน
แรงบันดาลใจของแนวคิดนี้มาจากหอก [ทะลวงจันทรา] ที่เขาเคยสร้างในอดีต (TL: ตอนที่ 144)
โครงการล่าสุดนี้ได้เพิ่มมิติให้กับคำว่า ‘ความเรียบง่าย’ และใช้มันเป็นพื้นฐานก่อนจะวางโครงสร้างอักษรรูนที่สลับซับซ้อนไว้ตรงด้านบน
เวลาทั้งหมดที่ใช้ไปนั้นอยู่ที่ 21 วันในโลกจริง หรือถ้าให้แปลงเป็นเวลาในลูกแก้วก็คือ 119 วัน
วาห์นนั่งทำไอเท็มชิ้นเล็กๆ นี่มาร้อยกว่าวันโดยแทบไม่ได้หยุดพักเลย
สิ่งที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘หยุดพัก’ มากที่สุดก็คือตอนที่เขาสร้างไอเท็มขึ้นมา 2 ชิ้นและตั้งชื่อพวกมันด้วยสกิล [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] ในโลกจริง
(TL: ต้องไปทำในโลกจริงเพราะสกิลนี้โดนเอวาแบนไปแล้ว)
—
หลังจากใช้สกิล [โพรมีธีอุส] และมอบเมล็ดเปลวเพลิงให้กับลิลลี่และนาซ่า วาห์นก็ถือโอกาสนี้มอบอาวุธให้กับทั้งสองไปด้วยเลย
เพราะนึกถึงสกิลแฝงของลิลลี่ที่ยังไม่ตื่นขึ้น วาห์นจึงสร้างถุงมือเหล็กและตั้งชื่อให้มันว่า [หัตถ์ของแอตลาส]
สำหรับนาซ่าที่ใช้อาวุธหลักเป็นธนูนั้น วาห์นตั้งชื่อให้มันว่า [คันศรอี้] ตามชื่อของลูกศรที่เคยช่วยชีวิตเขาในอดีต
[หัตถ์ของแอตลาส]
ระดับ: S (เวทมนตร์)
ช่อง: 2
พลังป้องกัน: 1014
พลังป้องกันเวท: 1112
คุณสมบัติ: ดูรันดัล (A), พลังของแอตลาส (S), ดูดซับแรงกระแทก (B), ต้านทานสภาวะผิดปกติ (B)
ถุงมือเหล็กที่ถูกสร้างขึ้นจากตำนานของ ‘แอตลาส’ เทพในตำนานโบราณที่แบกสรวงสวรรค์เอาไว้บนบ่า
เพิ่มพลังทางกายภาพอย่างมหาศาลให้กับผู้ใช้
มีโอกาสที่ผู้ใช้จะเข้าใจบัญญัติแห่งดาราศาสตร์ได้ง่ายกว่าเดิม
[คันศรอี้]
ระดับ: S (เวทมนตร์)
ช่อง: 9
พลังโจมตี: 1000
พลังโจมตีเวทมนตร์: 1000
คุณสมบัติ: อี้ (A), ดูรันดัล (S), ดูดซับแรงกระแทก (B), เสริมทัศนวิสัย (B)
คันศรจากตำนานของ ‘อี้’ วีรบุรุษผู้กำราบสุริยะทั้ง 9 ดวงและช่วยเหลือมวลมนุษยชาติให้รอดพ้นจากการถูกเผาทั้งเป็น ธนูคันนี้อัดแน่นไปด้วยพลังบางส่วนจากในตำนานที่เล่าขานกันมา
พอให้ของขวัญเสร็จแล้ว วาห์นก็สวมกอดทั้งสองอย่างแนบแน่นซึ่งก็ไม่ได้น่าแปลกใจนักเพราะเมื่อกี้ก็เพิ่งจะใส่ ‘เมล็ดเปลวเพลิง’ เข้าไปเอง
เพื่อกันไม่ให้เมล็ดเปลวเพลิงทำชุดเป็นรู ทั้งสองก็เลยถอดเสื้อรวมถึงยกทรงออกไปก่อน
แน่นอนว่าสาวใจเด็ดอย่างลิลลี่นั้นต้องขอให้วาห์นใส่เมล็ดจากด้านหน้าอยู่แล้ว ส่วนนาซ่าที่ไม่อยากถอดเสื้อออกตั้งแต่แรก แต่โดนสหายตัวเล็ก ‘เชียร์ไม่หยุด’ ก็เลยต้องประนีประนอมด้วยการขอให้เด็กหนุ่มใส่มันจากตรงแผ่นหลังแทน
วาห์นเพิ่งฉุกคิดได้ว่า ‘ใส่จากด้านหลังก็ได้นี่หว่า!?’ ซึ่งทำให้ฉากที่ตนใส่เมล็ดเปลวเพลิงให้นานูย้อนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
—
วาห์นส่ายหัวแรงๆ หลังจากนึกถึงเรื่องในอดีตและหยิบไอเท็มที่เขาลงแรงไปกว่าร้อยวันขึ้นมาดู
นี่คือแหวนสีทองเกลี้ยงที่ทำจากอะดาแมนไทน์บริสุทธิ์
มันไม่มีลักษณะพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น แถมชื่อในหน้าต่างไอเต็มก็ระบุว่า (ไร้นาม) เพราะวาห์นยังไม่ได้ตั้งให้
จากการตรวจสอบนับครั้งไม่ถ้วน วาห์นยืนยันได้แล้วว่านี่คือไอเท็มระดับ S อย่างไม่ต้องสงสัย
ทันทีที่ตั้งชื่อให้ สกิลของเขาก็จะพัฒนาขึ้นเป็น [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] อย่างแน่นอน