Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 237
เพราะนี่คือไอเท็มที่วาห์นลงทุนลงแรงไปแบบทุ่มสุดตัว เขาเลยรู้สึกลังเลเมื่อถึงเวลาตั้งชื่อ
มันไม่ใช่วัตถุงดงามที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้พบเห็น มันไม่ได้ถูกประดับหรือตกแต่งตามแบบเครื่องประดับชั้นสูงที่วาห์นเคยเจอ
มันดูคล้ายกับแหวนเกลี้ยงธรรมดา… ทั้งๆ ที่โครงสร้างภายในนั้นละเอียดอ่อนเกินกว่าใครจะคาดคิด
เรียกได้ว่าเป็น ‘ผลงานชิ้นเอก’ ที่ดูธรรมดาที่สุดที่เขาเคยสร้างมา
วาห์นรู้สึกสองจิตสองใจว่าจะตั้งชื่อให้มันตอนนี้เลย หรือจะรอใช้ [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] ในภายหลัง…
ขณะพลิกแหวนในมือไปมา วาห์นก็เริ่มลูบมันอย่างรักใคร่และนึกถึงเรื่องที่เคยคิดไว้ก่อนหน้านี้
เนื่องจากต้องการหาทางปิดผนึกพลังศักดิ์สิทธิ์ของทวยเทพ วาห์นเคยคิดเล่นๆ ที่จะใส่คุณสมบัติของ [เอ็นคิดู] เข้าไปในตัวแหวน
แต่แล้วพี่สาวก็มาทำลายฝันและบอกกับเด็กหนุ่มว่า ‘ถ้าอยากทำแบบนั้น ตัวไอเท็มก็ต้องมีระดับเท่ากับความสามารถดังกล่าวด้วย ในกรณีนี้ก็คือระดับ SSS’
ตอนนี้วาห์นสามารถสร้างไอเด็มระดับ S ได้แล้ว แต่ถ้าจะให้เป็นระดับ SS ก็คงต้องใช้โชคช่วยเพียงอย่างเดียว
ส่วนระดับ SSS นั้นไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ยังทำไม่ได้แน่นอน
ที่จริงวาห์นนึกชื่อดีๆ ออกแล้ว แต่เขากลับยังคงลังเลอยู่เช่นเดิม
เนื่องจากแหวนวงนี้ถือกำเนิดจากสัญญาที่เขาให้ไว้กับเฮเฟสตัส วาห์นเลยอยากตั้งชื่อให้มันว่า ‘คำสัญญา’
ต่อไปไอเท็มชิ้นนี้ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้งสองระลึกถึงช่วงเวลาก่อนที่จะได้แต่งงานกัน
ที่เขายังลังเลอยู่ก็เพราะว่าถึงฝ่ายหญิงสาวจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ตัวแหวนก็ยังดูธรรมดาไปอยู่ดี
ก่อนหน้านี้เขาได้มอบแหวนทับทิมสวยงามในช่วงพิธีหมั้นไปแล้ว ถ้าเอาไปเทียบกับวงนั้น มันก็…
ในช่วงที่กำลังคิดหนัก วาห์นก็เผลอทำมันหลุดจากมือและตกลงไปบนโต๊ะ
แทนที่จะเด้งหรือกลิ้งหนีไปแบบในละครทีวี ตัวแหวนกลับหยุดนิ่งทันทีที่สัมผัสกับพื้นผิวเรียบๆ
วาห์นยื่นนิ้วออกไปสัมผัสมันและเริ่มรู้สึกทึ่งกับผลงานของตัวเองอีกครั้งผ่านการใช้ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง]
พอนึกขึ้นได้ว่าเฮเฟสตัสเองก็มี ‘นัยน์ตาเทพ’ วาห์นเลยรู้ว่าเธอต้องเข้าใจความซับซ้อนของแหวนวงนี้อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย…
ความคิดนั้นทำให้เขายิ้มออกมาได้ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาและเริ่มกระซิบอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังคุยกับคนรักของตัวเอง
“…นับจากนี้และตลอดไป ชื่อของเจ้าคือ [คำสัญญา]
ขอสวดภาวนาต่อหน้าสิ่งที่ปกครองบัญญัติแห่งการตั้งชื่อทั้งปวง…
โปรดปกปักรักษาผู้ที่สวมแหวนวงนี้จากภัยอันตรายทั้งปวงด้วยเถิด…”
แม้จะไม่ได้ใช้ [ผู้ดูแลบันทึกแห่งนภา] แต่แหวนในมือวาห์นก็เปล่งแสงสีทองอร่ามคล้ายกับ [เอ็นคิดู] ของเขา
มันดูราวกับ ‘ไอเท็มศักดิ์สิทธิ์’ และวาห์นยังสัมผัสได้ถึงพลังงานมากมายที่แผ่ออกมาจากอักษรรูนทั้ง 108 ชุด
————————————————————————-
[คำสัญญา] (TL: Promise)
ระดับ: S (ไอเท็มศักดิ์สิทธิ์)
พลังป้องกัน: 0
พลังป้องกันเวท: 0
คุณสมบัติ: ดูรันดัล (ศักดิ์สิทธิ์), สลายเวทมนตร์ (S), สลายพลังโจมตีทางกายภาพ (A), ต้านทานสภาวะผิดปกติสมบูรณ์ (A), พันธะวิญญาณ (ยังไม่มีเจ้าของ)
การใช้งาน: ‘สลายเภทภัยขั้นสูงสุด’: แหกกฎและบัญญัติของโลกเพื่อแปรเปลี่ยนชะตากรรมและสร้างปาฏิหาริย์
(คำเตือน: ไอเท็มจะถูกทำลายหลังใช้ความสามารถนี้)
————————————————————————-
เมื่อมันหยุดส่องแสง [คำสัญญา] ก็เปลี่ยนจากแหวนธรรมดาๆ มาเป็นวงแหวนสีทองอร่ามที่มีอักษรรูนสีขาวสลักอยู่ด้านในและดูศักดิ์สิทธิ์มาก
รูปลักษณ์และพื้นผิวของมันก็ยังคงเกลี้ยงเกลาเหมือนเดิม ทว่าโครงสร้างภายในกลับพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น
ต่อไปในอนาคต แหวนวงนี้จะคอยปกป้องผู้สวมใส่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หลังจากตรวจสอบ [คำสัญญา] เสร็จแล้ว รอยยิ้มของวาห์นก็กว้างขึ้นอีกเมื่อเขาหันไปดูการแจ้งเตือนจากระบบและเห็นว่าสกิล [ช่างตีเหล็ก: S] ของเขาได้พัฒนาไปเป็น [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก: I] เป็นที่เรียบร้อย
อาจเป็นเพียงระดับต่ำสุดของ [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] แต่แน่นอนว่ามันต้องดีกว่าสกิลก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
นี่ถือเป็นจุดสูงสุดสำหรับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ และแม้แต่เทพเองก็อาจมาไม่ถึงจุดๆ นี้หากไม่มีอาร์คานั่มและพลังศักดิ์สิทธิ์คอยช่วย
————————————————————————-
[ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก]
ระดับ: I
ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการสร้างอุปกรณ์สวมใส่และการหล่อหลอมวัตถุดิบ
ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ และเจตจำนงของผู้ใช้จะส่งผลโดยตรงต่อสกิลนี้
การใช้งานเสริม: ‘เสริมแกร่ง’: หลังจากนำอุปกรณ์มาบำรุงรักษา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์เป็นเวลาชั่วคราว
————————————————————————-
แม้ความสามารถโดยรวมจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่อัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นกับความสามารถที่เสริมมาใหม่นั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
มันคล้ายกับวิธีที่ [หินลับคม] เพิ่มพลังโจมตีของอาวุธผ่านการใช้งาน แต่ตอนนี้วาห์นสามารถทำแบบเดียวกันได้ไม่ว่าของชิ้นนั้นจะเป็นอาวุธ ชุดป้องกัน หรือเครื่องประดับก็ตาม
หลังจากปิดงานแล้ว วาห์นก็นำแหวนไปใส่กล่องที่ซื้อมาหมาดๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง
ไม่ใช่ว่าวาห์นรู้สึกเหนื่อยใจกับเรื่องพวกนี้ แต่สาเหตุน่าจะมาจากการที่เขารู้สึกโล่งใจมากกว่า
ยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งเดือนก่อนถึงงานแต่งและเดนาตัสครั้งหน้า แต่วาห์นนั้นรู้สึกกดดันและกลัวมาตลอดว่าเขาจะ ‘ทำไม่ทัน’
พอตะลุยมาถึงเส้นชัยได้สำเร็จ เขาก็เลยรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้นเอง…
—
วาห์นตื่นขึ้นและพบว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียงถัดจากเอวา
เธอวางมือลงบนใบหน้าของเขาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูผ่อนคลาย
“หลังจากที่นายออกไปแล้ว ฉันจะปิดผนึกมิตินี้ชั่วคราวนะ
อีกเดี๋ยวก็ถึงเวลาที่นายต้องฝึกแบบจริงจังแล้ว ฉันเลยต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมไว้ก่อน
ไปใช้เวลาอยู่ในโลกจริงกับยัยหนูพวกนั้นเถอะ…”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่เอวาบอก วาห์นก็ขมวดคิ้วและพยายามที่จะโต้แย้ง แต่แวมไพร์ตัวเล็กก็พูดต่อโดยไม่ปล่อยโอกาสให้เขาเถียง
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะผนึกมิตินี้เอาไว้ให้อยู่ในสภาพหยุดนิ่ง
พอผนึกคลายออก ตัวลูกแก้วก็จะส่องแสงอีกครั้ง… จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ
ฉันจะอยู่ในสภาพจำศีลจนกว่าจะถึงตอนนั้น ดังนั้นนายก็ไม่ต้องร้อนใจนักหรอก”
หลังพูดจบ เอวาก็ขึ้นมาอยู่บนร่างของวาห์นก่อนที่ทั้งสองจะสวมกอดกันอย่างแนบแน่นเพราะคงไม่ได้เจอกันอีกพักใหญ่ๆ
—
ตอนนี้เป็นเวลา 5 โมงเย็นในโลกจริง
วาห์นลืมตาตื่นขึ้นขณะนอนอยู่บนโซฟาโดยมีเฟนเรียร์นอนกอดอยู่ข้างๆ
เขาเห็นว่าเด็กสาวยังคงสวมชุดเมดสุดโปรดที่ซื้อตอนเธอออกไปเที่ยวกับเฮเฟสตัส เอน่า เฮสเทีย และซีล
เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทั้งทางฝั่งมนุษย์และเทพธิดา เฟนเรียร์จึงสงบลงกว่าเดิมมากและเริ่มติดนิสัยใส่ชุดน่ารักๆ เพราะตามความคิดของเธอนั้น ‘ยิ่งดูน่ารัก = ยิ่งมีคนตามใจมากกว่าเดิม’
เวลาอาจผ่านไปเพียง 2-3 วินาทีในโลกจริง แต่เฟนเรียร์ก็เงยหน้าขึ้นมาทักทายเจ้านายเหมือนทุกครั้ง
“วาห์น ยินดีต้อนรับกลับมานะ!”
แม้จะมีปัญหากับบางประโยค แต่เฟนเรียร์ก็พูดจาได้คล่องขึ้นมาก
แถมเธอยังพอเข้าใจด้วยว่าเมื่อวาห์นใช้ลูกแก้ว เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในนั้นเป็นเวลาหลายวัน
ด้วยเหตุนี้ เฟนเรียร์จึงเริ่มติดนิสัย ‘ปกป้อง’ ร่างของผู้เป็นนายและ ‘กล่าวคำต้อนรับ’ ทุกครั้งที่เขาตื่นขึ้น
—————
สนับสนุนนิยายอย่างถูกต้องได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
วาห์นลูบผมของเธอก่อนจะหันไปหาเฮสเทียที่กำลังจิบชาอยู่ด้านข้าง
เมื่อเห็นเขามองมา เฮสเทียจึงยิ้มร่าเริงและพูดขึ้นบ้าง
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ~!”
แต่พอเห็นว่าวาห์นมีท่าทางแปลกๆ เทพตัวเล็กจึงรีบถามต่อ
“นาย… เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ก่อนที่เขาจะเอ่ยปาก เฮสเทียก็พุ่งเข้ามาใกล้ราวกับกระสุนปืนด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เธอค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกจากใบหน้าของเด็กหนุ่มโดยที่เจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังร้องไห้
หลังจากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในลูกแก้ว เฮสเทียจึงเข้าปลอบวาห์นโดยให้เขานอนหนุนตักขณะที่เธอใช้มือลูบศีรษะอย่างแผ่วเบา
แม้จะไม่เคยพบแวมไพร์ผมทองมาก่อน แต่เฮสเทียก็รู้ว่าเธอคงสำคัญกับวาห์นมาก
การจากลาอย่างกะทันหันคงทำให้เขารู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย
เวลาที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันนั้นอาจดูเยอะกว่าสาวๆ คนอื่น แต่อย่างที่รู้กันว่าวาห์นในช่วงหลังๆ ค่อนข้างจริงจังกับการสร้างไอเท็มมากจนแทบไม่มีเวลาให้เอวาเลย
เฮสเทียมองออกว่าวาห์นกำลังประสบปัญหาทางจิตใจ พูดง่ายๆ ก็คือรู้สึกเหมือน ‘ถูกทอดทิ้ง’
ตามปกติแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้เฮสเทียทำตามใจชอบ ทว่าวาห์นในตอนนี้นั้นได้แต่นอนเงียบขณะกอดเฟนเรียร์ไว้ในอ้อมแขน
เฟนเรียร์เองก็เข้าใจสภาพจิตใจของวาห์นเป็นอย่างดี ตอนนี้เธอกำลังนอนนิ่งและกลายสภาพตัวเองให้เป็น ‘หมอนข้าง’ ขณะปล่อยให้เฮสเทียจัดการส่วนที่เหลือ
หากเฮสเทียหรือวาห์นมองหน้าเด็กสาว ทั้งคู่คงแปลกใจกับดวงตาที่กำลังส่องประกายสีแดงแน่นอน
ตอนนี้เฟนเรียร์ไม่ได้รู้สึกเครียดแบบปกติ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเธออยากช่วยวาห์น แต่สุดท้ายก็คิดหาวิธีดีๆ ไม่ออกเลย
ผ่านไปอีกพักใหญ่ๆ เลยก่อนที่เด็กสาวจะคิดบางอย่างออกพร้อมกับใช้อุ้งมือสะกิดให้เขาปล่อยมือก่อน
วาห์นปล่อยมือจากเฟนเรียร์ด้วยความลังเล ขณะจ้องมองเด็กสาวที่พยายามเอื้มมือไปหยิบกระเป๋าตรงเอว
สำหรับเฟนเรียร์แล้วนี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก แต่สุดท้ายเธอก็นำหวีออกมาจากกระเป๋าได้สำเร็จ
นอกเหนือไปจากการออกล่ามอนเตอร์ การมีคนมาหวีขนให้นั้นคือสิ่งที่เฟนเรียร์ชื่นชอบที่สุดและเชื่อว่าวาห์นเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน
แม้จะเป็นการหวีที่ดูกระท่อนกระแท่นจนวาห์นกับเฮสเทียรู้สึกกังวล แต่เฟนเรียร์ก็พยายามต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ย่อท้อ
ถึงจะมี ‘กรงเล็บที่เจาะได้แทบทุกอย่าง’ มาจ่ออยู่ตรงใบหน้า แต่วาห์นก็ยังรู้สึกตื้นตันอยู่ดี
“ขอบใจนะเฟนเรียร์…”
บทบาทของทั้งสามนั้นได้สลับกันอย่างสุดขั้วในช่วงที่เหลือของวัน
ตามปกติแล้ววาห์นจะเป็นคนดูแลทั้งสองด้วยตัวเอง ทว่าตอนนี้พวกเธอกลับเป็นฝ่ายดูแลเขาแทน
เฮสเทีย (ใจกว้าง) ถึงขั้นติดต่อไปทางเครือข่ายและอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนอื่นฟัง
ดังนั้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงตอนหัวค่ำ ที่คฤหาสน์จึงมี ‘แขก’ มาเยี่ยมมากมาย
วาห์นดีใจที่หลายคนรู้สึกเป็นห่วงเขา แต่แล้วความดีใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความวิตกนิดๆ เมื่อแขกคนหนึ่งเดินทางมาถึง…
เพราะในขณะนั้นเธออยู่ใกล้กับตัวคฤหาสน์พอดี ริวจึงเป็นคนแรกๆ ที่มาถึงในชุดสาวเสิร์ฟ
ในฐานะสมาชิกของแฟมิเลีย เอลฟ์สาวได้ทำการ ‘จองห้องนอน’ และย้ายของบางส่วนเข้ามาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชุดก่อนเดินทางมาที่นี่
หลังโดน ‘คอร์สนวดพิเศษ’ ของวาห์นเข้าไป โรคกลัวการถูกสัมผัสของริวก็แทบหายเป็นปลิดทิ้ง… อย่างน้อยก็เฉพาะกับวาห์น
เป็นครั้งแรกที่เธอเสนอตัวให้วาห์นมานอนหนุนตักขณะปล่อยให้เฮสเทียออกไปรอรับแขกคนอื่นและจัดเตรียมอาหารเย็นสำหรับทุกคน
ขณะที่วาห์นกำลังเพลิดเพลินกับตักและการแสดงความใกล้ชิดของริว คู่แม่ลูกมิลานและทีน่าก็เดินทางมาถึงพอดี
ตอนนี้ขนหูและหางของมิลานได้กลับสู่สภาพปกติแล้ว สีหน้าและท่าทางของเธอจึงเต็มไปด้วยความร่าเริงเหมือนครั้งในอดีต
ทีน่าที่ได้รับการสั่งสอนมาจากสาวๆ ของ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ เองก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก… มากเกินไปด้วยซ้ำ
ช่วงหลังๆ ที่วาห์นไปเยี่ยม เธอก็จะคุยกับเขาอย่างออกรสและไม่เข้ามานั่งตัวติดกันเหมือนตอนแรก
ผลเสียที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็คือการที่ทีน่าพยายามแย่งตำแหน่ง ‘วาห์นการ์ด’ กลับคืนมา โดยเฉพาะในตอนที่เขาเริ่มออกไปเดตกับสาวๆ คนอื่น
ทั้งเครือข่ายต้องมาร่วมมือกันเกือบครบทีมถึงจะสยบ ‘ความเกรี้ยวกราด’ ของเธอลงได้
และนั่นก็เป็นสาเหตุจริงๆ ที่ทำให้วาห์นต้องออกไปเดตพร้อมกับผู้หญิง 2 คนเป็นอย่างน้อย
(TL: เพราะถ้าให้ไปแบบสองต่อสองมันจะเสี่ยงเกินไปเหรอ? อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน)
เนื่องจากเฟนเรียร์ชอบทำตัวเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจและขาดความรู้ในเรื่องต่างๆ ทีน่าจึงได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเธออย่างรวดเร็ว
เฟนเรียร์ยังต้องเรียกเธอว่า ‘พี่สาว’ แม้ทีน่าจะตัวเล็กกว่ามาก
เหตุการณ์นั้นทำให้เฟนเรียร์เริ่มเรียกมิลานว่า ‘หม่าม้า’ อยู่พักหนึ่ง แต่แล้วก็มีกลุ่มสาวๆ ที่ไม่ประประสงค์ออกนามหลายคนออกมาค้านเรื่องนี้และสอนเฟนเรียร์เสียใหม่
ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงเป็นปัญหาน่ะเหรอ? ก็เพราะเรื่องที่เฟนเรียร์เคยเรียกวาห์นว่า ‘ปะป๊า’ ในอดีตดันหลุดออกไปยังไงล่ะ…
ทุกคนต่างเฮฮาปาร์ตี้แบบไม่คิดอะไรมาก จนกระทั่งแขกคนสุดท้ายกำลังเดินทางมาถึง
สีหน้าและท่าทางของวาห์นเริ่มดูวิตกกังวลมากจนทุกคนในห้องดูออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เฟนเรียร์รู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะสัมผัสของเธอนั้นดีกว่าเผ่ามนุษย์แมวอย่างมิลานและทีน่าเสียอีก
ทันทีที่ลุกขึ้นและมองไปรอบๆ แสงสีแดงในดวงตาของเด็กสาวก็จางหายไปในทันที ตามมาด้วยเสียงตะโกนดังกึกก้อง
“เฮเฟสตัส~!”
ความรู้สึกของวาห์นและเฟนเรียร์นั้นเชื่อมถึงกันอยู่เกือบตลอด นั่นทำให้เด็กสาวรู้สึกสนิทกับเฮเฟสตัส เอน่า และเฮสเทียมากเป็นพิเศษ
(TL: แต่เอว่านี่คดีเก่าเยอะ ก็เลยโดนเกลียดไปเลย ><) หางของเฟนเรียร์เริ่มส่ายเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะวิ่งออกไปรับเฮเฟสตัสตรงห้องโถง คนอื่นๆ ในห้องเริ่มผ่อนคลายลงและเดินตามเฟนเรียร์ออกไปเช่นกัน “นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” ริวซึ่งอยู่ใกล้วาห์นที่สุดเอ่ยถามขึ้นเบาๆ เธอพอดูออกว่าวาห์นนั้นยังอยู่ในสภาวะตึงเครียดเช่นเดิม วาห์นยิ้มแห้งๆ ก่อนจะถอนหายใจและเริ่มอธิบายให้ฟัง “ไม่มีอะไรมากหรอก… อันที่จริง น่าจะบอกว่าเป็นเรื่องดีมากกว่า” ริวเอียงหัวอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อขณะเฝ้าสังเกตการณ์ต่อไป แม้วาห์นจะไม่ได้พูดด้วย แต่พวกหูดีอย่างมิลานและทีน่าเองก็สงสัยคำพูดของเขาเช่นกัน หลังจากที่เฮเฟสตัสเดินทางมาถึงพร้อมสีหน้าเป็นกังวล เฟนเรียร์ก็พุ่งเข้ามากอดจนเธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากลูบหัวของเด็กสาวอย่างเอ็นดู พอเห็นวาห์น เทพสาวก็แสดงสีหน้าโล่งใจก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะทั้งสองเชื่อมโยงถึงกันผ่าน ‘เพลิงนิรันดร์’ เฮเฟสตัสเลยสัมผัสได้ว่าวาห์นนั้นรู้สึกเศร้ามาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกได้ว่าหัวใจของวาห์นกำลังเต้นเร็วขึ้นแต่สีหน้าก็ยังคงหวาดวิตกเช่นเดิม เฮเฟสตัสพยายามวิเคราะห์หาสาเหตุไปเรื่อยๆ ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ทำให้เด็กหนุ่มเศร้าตั้งแต่ทีแรก เฮสเทียเล่าให้ฟังว่าวาห์นจะใช้ลูกแก้วไม่ได้ไปพักใหญ่ๆ และคงไม่ได้เจอกับ ‘เอวา’ หญิงสาวที่แม้แต่เธอเองก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ในช่วงที่รู้เรื่องนี้ใหม่ๆ เฮเฟสตัสเองก็รู้สึกเศร้าแทนวาห์นและอยากมาอยู่ค้างคืนเพื่อปลอบใจเขา ทว่าในตอนนี้ เธอกลับเพิ่งนึกจุดประสงค์หลักๆ ที่วาห์นเข้าไปในลูกแก้วออก หัวใจของเทพสาวเริ่มเต้นเร็วตามคู่หมั้นของตัวเองไปติดๆ พร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น เธอสัมผัสได้ว่าร่างกายกำลังอัดแน่นไปด้วยความตื่นเต้น วิตกกังวล และหวาดกลัวในเวลาเดียวกันจนตัวสั่นไปหมด วาห์นเห็นความผันผวนในออร่าของเฮเฟสตัสและรู้ว่าเธอคง ‘เข้าใจ’ แล้ว บรรยากาศในห้องโถงเริ่มส่อแววแปลกประหลาดจนทุกคนได้แต่เฝ้ามองวาห์นและเฮเฟสตัสที่ยังคงจ้องกันแบบไม่ขยับไปไหนมาพักใหญ่ๆ พอเห็นว่าอาการของเฮเฟสตัสนั้นยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ วาห์นจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีและดึงกล่องเล็กๆ สีขาวออกมาจากช่องเก็บของ เขาเดินมาข้างหน้าพลางยื่นกล่องออกมาและส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้เธอเปิดมันออก… ตอนนี้หัวใจของเฮเฟสตัสแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว ส่วนสมองเองก็ปิดทำการชั่วคราว สิ่งที่อยู่ในโลกของเธอ ณ ตอนนี้นั้นมีแค่วาห์น ตัวเธอเอง และกล่องเล็กๆ นั่น เฮเฟสตัสยื่นมืออันสั่นเทาออกมาที่กล่องและเปิดมันออกอย่างช้าๆ ภายในนั้นมีของเพียงชิ้นเดียวพำนักอยู่ นั่นก็คือแหวนสีทองที่ดูสว่างไสวยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก แม้จะไม่ได้ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เทพสาวก็รู้ว่าแหวนวงนี้คือสุดยอดผลงานชิ้นเอกที่ล้ำค่าพอๆ กับผลงานอันดับต้นๆ ของตัวเอง ตอนแรกนั้นมือของเธอสั่นเสียจนหยิบแหวนขึ้นมาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่พอหยิบขึ้นมาได้ เฮเฟสตัสก็เผลอทำมันตกออกไปนอกกล่อง ในชั่วพริบตานั้นเอง พลังบางอย่างก็พุ่งผ่านร่างเธอไปในขณะเดียวกับที่วาห์นเข้ามารับมันไว้กลางอากาศ วาห์นใช้ [จิตแห่งราชัน] ด้วยความเร่งรีบเพื่อสงบจิตใจของตัวเองลงขณะพุ่งเข้ามารับแหวน เขาช่วยเฮเฟสตัสถอดถุงมือออกก่อนจะนำแหวนมาสวมไว้ตรงที่ที่แหวนหมั้นเคยประดับอยู่ เพราะต้องทำงานช่างเกือบตลอดเวลา เฮเฟสตัสจึงนำแหวนหมั้นมาใส่สร้อยคอและสวมมันไว้ตลอดเวลา ด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายของ [คำสัญญา] ดูแล้วเธอคงสวมมันได้แม้จะสวมถุงมือทับไว้ก็ตาม หลังจากสวมแหวนจนแน่นดีแล้ว วาห์นก็มองเข้าไปในดวงตาของเฮเฟสตัสและพูดขึ้น “แหวนนี้มีชื่อว่า [คำสัญญา] และเป็นสิ่งที่ถือกำเนิดขึ้นจากคำสาบานของเรา เธอไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกแล้วนะ นับจากนี้และตลอดไป…” ชื่อตอน: ทำตามสัญญา