Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 239
หลังจากได้ยินคำพูดของวาห์น ริวก็ลูบหัวของเขาอย่างเอ็นดูก่อนจะถอยหลังออกมา
วาห์นหันกลับมาประสานตาด้วยขณะที่ริวคลายริบบิ้นผ้ากันเปื้อนออกและปล่อยให้มันตกลงไปบนพื้น
เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่ม ริวจึงยิ้มนิดๆ
“อย่าห่วงเลย ฉันเตรียมใจมาแล้ว วันนี้ฉันจะดูแลนายเองนะ”
วาห์นสูดหายใจแรงๆ ขณะจ้องมองริวถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น
กระดุมของชุดเดรสแขนยาวสีเขียวถูกกลัดออกทีละเม็ด จากนั้นริวก็ค่อยๆ ปลดชุดออกจากบ่า
เนื่องจากวันนี้พวกเขาไม่ได้ไปเข้าดันเจี้ยน ริวจึงสวมยกทรงสีเหลืองอ่อนที่ดูเรียบๆ ไม่หวือหวามากนัก
บางทีเธอคงไม่มีแผนจะทำอะไรแบบนี้ตั้งแต่แรก เพราะกางเกงในเชือกของริวนั้นเป็นสีพีชซึ่งดูไม่เข้าคู่กับท่อนบนเลย
วาห์นอาจเคยเห็นเรือนร่างของเอลฟ์สาวมาบ้างมาแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นสภาพเปลือยเปล่าของเธอแบบเต็มๆ
วาห์นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังแม้ว่าภายในใจจะยังเศร้าอยู่ก็ตาม
หลังจากเอื้อมมือไปด้านหลังอยู่ครู่หนึ่ง ริวก็ปลดตะขอออกได้สำเร็จและเผยให้เห็นเนินอกขาวเนียนที่แอบซ่อนอยู่ข้างใน
เขารู้สึกว่าทรวดทรงของเธอดูใหญ่กว่าที่คาดไว้มาก พวกมันดูซีดกว่าสีผิวของเธอเล็กน้อยและที่ยอดบนสุดก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยจุดสีชมพูอ่อน
ในส่วนถัดไป ริวเริ่มลังเลเล็กน้อยจนกระทั่งวาห์นมองเข้าไปดวงตาสีฟ้าและพูดขึ้น
“ริว ฉันว่า-”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ริวก็ดึงเชือกที่อยู่ด้านข้างกางเกงในและปล่อยให้มันร่วงลงไปกองรวมอยู่กับเสื้อผ้าชิ้นอื่น
วาห์นกำลังจะบอกว่าเธอไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ แต่คำพูดส่วนที่เหลือก็หดหายไปเมื่อเขาได้เห็นจุดซ่อนเร้นที่ริวไม่เคยให้ชายคนใดได้เห็นมาก่อน
ต่างจากเส้นผมสีเขียว เส้นขนส่วนล่างของริวนั้นมีสีทองซึ่งทำให้วาห์นเกือบหลุดปากถามด้วยความสงสัย
เพราะเธอไม่เคยอ่านสายตาของเขาพลาด ริวจึงเป็นฝ่ายตอบขึ้นมาเอง
“ตอนนั้นฉันย้อมผมเพื่อซ่อนตัวน่ะ… แต่มาตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วมั้ง
นายชอบแบบไหนมากกว่ากัน สีเขียวหรือสีทอง?”
คำถามนั่นทำให้วาห์นหันมาประสานกับดวงตาสีฟ้าของริวและสังเกตเห็นออร่าที่ดูนิ่งสงบแม้ว่าเธอจะไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นและอยู่ห่างจากเขาไปเพียงเมตรเดียว
วาห์นขบคิดอยู่ครู่หนึ่งโดยนึกภาพริวที่มีผมสีทอง พอไตร่ตรองเสร็จแล้ว เขาจึงให้คำตอบแบบตรงไปตรงมา
“ฉันชอบทั้งสองแบบนั่นแหละ ถ้าเธอชอบผมสีเขียว งั้นเธอก็ควรเก็บมันไว้ แต่ถ้าชอบสีเดิมมากกว่า ฉันว่ามันก็ดูเหมาะดีนะ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ภาพลักษณ์แบบไหนที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากกว่ากัน…”
ริวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบเสื้อผ้าทุกชิ้นขึ้นมาพับเก็บในขณะที่วาห์นจ้องมองการกระทำทุกอย่างของเธอ
เขารู้สึกชินกับการชมเธอและเป็นฝ่ายที่พูดอยู่คนเดียวมาสักพักแล้ว
ปฏิสัมพันธ์ของทั้งคู่มักจบลงด้วยการที่ริวน้อมรับคำติชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นเธอก็จะทำตัวตามปกติจนกระทั่งพวกเขาเริ่มบทสนทนาใหม่
วาห์นคิดว่าบุคคลิกของเธอดูออกไปทางแนวของ ‘ผู้ฟัง’ เสียมากกว่า
ทว่าถึงริวจะเป็นคนเงียบขรึมยังไง แต่เขาก็รู้ดีว่าภายในนั้นยังมีความอ่อนโยนแอบแฝงอยู่
เมื่อรวมกับรูปร่างหน้าตาของเธอ วาห์นคิดว่าริวเป็นคนที่น่าสนใจและเป็นผู้หญิงสาวที่งดงามมาก…
ความคิดของตัวเองทำให้วาห์นต้องขมวดคิ้วก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
เธอมีรูปร่างสมส่วน แม้บั้นท้ายจะเล็กไปนิด แต่เรียวขานั่นก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของเขาอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนหนึ่งก็เพราะ ‘กางเกงขาสั้น’ ที่เธอใส่เป็นประจำ… จะว่าไปแล้วกางเกงนั่นก็สั้นพอๆ กับตัวที่โลกิใส่เลย
แม้จะไม่ได้ถามเรื่องนี้ แต่ริวก็เป็นฝ่ายบอกเขาเองว่ามันทำให้เธอเคลื่อนไหวได้สะดวกที่สุด
เพราะรูปแบบการต่อสู้ของเธอนั้นเน้นไปที่ความเร็ว วาห์นจึงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ‘แค่เรื่องเพิ่มความเร็วนี่ พวกผู้หญิงถึงกับยอมนุ่งสั้นห่มสั้นกันเลยเหรอ?’
—————
สนับสนุน.นิยายอย่างถูกต้องได้ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่วาห์นลองใส่กางเกวแนวเดียวกัน
เขาพบว่ามันรัดรูปมากเสียจนทำให้การเคลื่อนไหวช้ากว่าเดิมด้วยซ้ำ
‘บางทีอาจเป็นเพราะความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงก็ได้’ นั่นคือข้อสรุปเดียวที่เขาได้จากการทดสอบครั้งนั้น
ส่วนตัวแล้ววาห์นชอบสวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ มากกว่า และไม่มีครั้งไหนเลยที่พวกมันมาขวางหรือทำให้เขารู้สึกติดขัด
ขณะที่คิดอะไรไปเรื่อย ริวก็เดินมายืนข้างๆ และเฝ้ารอเขาอยู่
วาห์นตื่นจากห้วงความคิดและจ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเปลี่ยนไปสบตาด้วย
“ถ้านายยังมัวนั่งอยู่แบบนี้ เราก็อาบน้ำไม่ได้สิ” ริวอธิบาย
วาห์นถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นและเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างใจเย็น
เขารู้มานานแล้วว่าตัวเองติดนิสัยวิเคราะห์เรื่องต่างๆ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่มันเกิดขึ้น
เฉกเช่นในอดีต ตอนนี้เด็กหนุ่มก็ต้องให้ผู้หญิงอีกคนมาคอยอยู่ข้างๆ เพราะเขาขาดทั้งอารมณ์และความปรารถนาที่จะผลักดันตัวเอง…
วาห์นถอนหายใจยาวๆ และลงไปนั่งต่อโดยที่ยังถอดชุดไม่เสร็จ
เขายกมือขึ้นมากุมหัวและพูดเสียงต่ำ
“ขอเวลาอีกเดี๋ยวนะ… เดี๋ยวฉันตามไป”
ริวจ้องมองท่าทางน่าสงสารของคนที่อยู่ตรงหน้าและค่อยๆ ยื่นมือออกมา แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจกะทันหันและชักมันกลับ
ริวพูดทิ้งทวนสั้นๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
“ไม่ต้องรีบนะ… วาห์น”
ถึงจะรู้ว่าเธอไม่ได้หันมามองแล้ว แต่วาห์นก็พยักหน้าและนั่งเงียบๆ ต่ออีกหน่อย
พอริวเดินหายลับเข้าไปในออนเซ็น วาห์นก็มองไปที่ประตูด้วยสีหน้าเศร้าๆ ขณะนึกย้อนถึงสิ่งที่เอลฟ์สาวพยายามทำเพื่อเขาในช่วงที่ผ่านมา
ถึงจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น วาห์นกลับรู้สึกเหมือนกำลังเอาเปรียบเธอและต่อให้ไม่ใช่ เขาก็ยังรู้สึกโมโหตัวเองอยู่ดี
ที่จริงวาห์นเองก็ชอบริว แต่การที่เขาไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้ทั้งๆ ที่เธอทำอะไรเพื่อเขามามากมาย… เขารู้สึกไม่คู่ควรกับเธอเลย
วาห์นอยากปฏิบัติกับเธอให้ดีและใกล้ชิดกว่านี้ แต่สภาพจิตใจในตอนนี้ของเขานั้นเต็มไปด้วยความสับสน วุ่นวาย และปัญหาเรื่องเดิมๆ
ภายใต้บรรยากาศเงียบเชียบ จู่ๆ ก็มีเสียงๆ หนึ่งพูดขึ้น
(*ชอบเธอเข้าแล้วใช่ไหมล่ะ?*)
วาห์นตอบในใจทันทีโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้น
(“ก็ชอบน่ะสิ… แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรทำอะไรเลย
ทั้งๆ ที่ใกล้จะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเฮเฟสตัสได้อยู่แล้ว แต่ผม-”)
ก่อนจะได้พูดจนจบ พี่สาวก็ขัดขึ้นเสียก่อน
(*แต่ก็แปลกอยู่นะ… จากที่ฉันดูในระบบ เธอก็สำเร็จภารกิจ [ความปรารถนาของหัวใจ] แล้วนี่*)
ราวกับจะยืนยันให้เห็นกันชัดๆ การแจ้งเตือนดังกล่าวก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆ ที่วาห์นไม่ได้เป็นคนเรียกดู
วาห์นนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเริ่มพูดด้วยเสียงของตัวเอง
“แต่… เธออยากมีลูก …แล้วก็-”
เป็นอีกครั้งเขาโดนพี่สาวขัดจังหวะ
(*ความคาดหวังของเธอมันผิดไปนิดๆ นะ
ถึงจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเฮเฟสตัสโดยตรง แต่ฉันเองยังบอกได้เลยว่าสิ่งเดียวที่เธอปรารถนาจริงๆ ก็คือการได้อยู่กับเธอนะวาห์น
ฉันจำไม่ได้เลยว่าเฮเฟสตัสเคยพูดว่าอยากมีอะไรด้วยทันทีที่เธอสร้างไอเท็มสำเร็จ
เรื่องมีลูกก็เหมือนกัน ขอตรวจสอบก่อนนะว่าเฮเฟสตัสเคยพูดไว้หรือเปล่าว่าต้องรีบมีทันทีเลย… ก็ไม่นี่นา บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไล่ดูตั้งแต่ตอนเธอเข้าเรคคอร์ดมาใหม่ๆ จนถึงตอนนี้เลยด้วยซ้ำ*)
สิ่งต่อไปที่วาห์นได้ยินก็คือเสียงหัวเราะของพี่สาวที่เฝ้าดูเขานึกย้อนไปถึงเรื่องในอดีต
เขาพยายามระลึกถึงทุกบทสนทนาระหว่างตัวเองกับเฮเฟสตัสและเริ่มเข้าใจสิ่งที่พี่สาวพยายามจะสื่อแล้ว…
พี่สาวพูดเสริมเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาคิดออก
(*จริงอยู่ที่เฮเฟสตัสเป็นคนบอกให้ริวมาช่วย แต่เธอก็ไม่ได้บอกนี่นะว่าริวต้องทำยังไงบ้าง
ทุกอย่างที่เด็กคนนั้นทำ เธอทำไปเพราะการตัดสินใจของตัวเอง
เลิกตีว่าความสัมพันธ์คือภาระได้แล้วนะวาห์น… เก็บกดแบบนี้เรื่อยๆ น่ะ ไม่มีใครเค้าทำกันหรอก… ส่วนใหญ่นะ
เธอคิดว่าทุกคนมาที่นี่ ในคืนนี้เพื่ออะไรล่ะ เพื่อเธอล้วนๆ เลยไม่ใช่เหรอ?*)
วาห์นแหงนหน้าไปมองออร่าของเฮเฟสตัสกับเฮสเทียและนึกขึ้นได้ว่าเรื่องทุกอย่างเริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่เขาออกจากลูกแก้ว
เพราะวาห์นรู้สึกเศร้าที่จะไม่ได้เจอเอวาไปอีกพักใหญ่ๆ ทุกคนก็เลยมาที่นี่เพื่อปลอบใจเขา
แม้แต่เฟนเรียร์ที่ยังไม่สันทัดเรื่องพวกนี้ก็ยังพยายามปลอบเขาเลย
ที่เฮเฟสตัสมาวันนี้ก็เพื่อปลอบวาห์นเช่นกัน แต่เขานี่แหละที่ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปด้วยการนำแหวนออกมาโชว์
ถึงจะมีผู้คนมากมายมาเยี่ยมเพราะเป็นห่วง แต่วาห์นก็เลือกที่จะไม่สนใจ เพียงเพราะต้องการ ‘ทำตามสัญญา’ ที่ให้ไว้กับเฮเฟสตัส
เรื่องน่าขันสุดๆ ก็คือการแจ้งเตือนที่เขาแอบด่ามันในใจนี่แหละ
เพราะมันก็ระบุอยู่ทนโท่ว่าเขาทำสำเร็จแล้ว เฮเฟสตัสหลุดพ้นจากคำสาบานที่เคยทำไว้ในอดีตและสามารถคบกับเขา หรือจะมาอยู่กินด้วยกันอะไรยังไงก็ได้…
เธอจะไปสะสางงานก่อนแล้วค่อยเชิญให้เขาไปหา จะชวนกันไปเที่ยวตอนกลางวันหรือแอบนัดไปกินกันตอนกลางคืนก็ได้ นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเธอและของเขาเช่นกัน
เขาไม่จำเป็นต้องเร่งรีบไปกับทุกอย่าง… แล้วก็ไม่จำเป็นต้องคอยกันท่าคนอื่นมาตั้งแต่แรกแล้ว
พี่สาวพูดเสริมอีกรอบเพื่อทำให้แน่ใจว่าวาห์น ‘ตาสว่าง’ แบบเต็มร้อย
(*ขนาดเอวาเองยังเข้าใจเลยว่าเธอต้องการเวลาผ่อนคลาย สาเหตุหนึ่งที่ผนึกลูกแก้วเอาไว้ก็เพราะอยากให้เธอใช้ชีวิตในโลกจริงได้อย่างเต็มที่นี่แหละ
ช่วงที่ผ่านมาเธอทำงานหนักมากเลย ทั้งๆ ที่น่าจะพักฟื้นยาวๆ หลังตื่นจากอาการโคม่า
เธอไม่ต้องรีบแก้ไขปัญหาทุกอย่างในคราวเดียวหรอก สนุกไปกับชีวิตบ้างก็ได้~!
ไม่เห็นเหรอว่าทุกคนเค้าเป็นห่วงจะแย่แล้ว?*)
วาห์นถอนหายใจยาวๆ อีกครั้งหลังพี่สาวพูดจบ เป็นการถอนหายใจที่ยาวมาก ราวกับจะลากเอาความเครียดต่างๆ ที่คั่งค้างมานานให้ออกไปด้วย
พี่สาวพูดถูกทุกอย่าง วาห์นทั้งกดดันแหละหักห้ามตัวเองหนักมากเพื่อทำตามสัญญา
ไหนๆ ตอนนี้ก็ทำสำเร็จแล้ว เขาน่าจะเปลี่ยนไปคิดเรื่องการคบหาและสานสัมพันธ์แบบจริงจังมากกว่า
ยังไงพวกเขาทั้งคู่ก็จะได้อยู่ด้วยกันไปตลอด มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมารีบร้อนอะไรนัก
เพราะเฮเฟสตัสเป็นคนที่ลึกซึ้งและใจกว้างมาก เธอถึงขั้นขอให้ผู้หญิงคนอื่นมาปลอบวาห์นแทน เหตุผลแรกก็เพราะครั้งนี้เธอมาปลอบเองไม่ได้ เหตุผลที่สองก็เพราะเธอเชื่อใจผู้หญิงคนอื่นในระดับหนึ่ง และเหตุผลสุดท้าย… เพราะเธอเป็นห่วงวาห์น
วาห์นยืนขึ้นและเริ่มถอดเสื้อผ้าที่เหลือออกขณะนึกถึงผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เขาเคยขอให้พวกเธอ ‘อดทนรอไปก่อน’
เขาอยากไปบอกพวกเธอเสียตอนนี้เลยว่า ‘ไม่ต้องรออีกแล้ว’
ถ้าวาห์นอยากทำให้พวกเธอมีความสุขจริงๆ เขาจะมานั่งทำอะไรแบบนี้อีกไม่ได้เด็ดขาด นั่นรวมถึงการให้สัญญาที่ปิดกั้นอิสระระหว่างเขากับผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วย
เขาเคยคิดไว้นานแล้วว่า ‘มีปัญหาอะไรก็ต้องคุยกัน จะมากจะน้อยไม่สำคัญ’ ดังนั้นการจัดการกับปัญหาด้วยตัวคนเดียวจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ
อีกอย่าง พวกเธอก็สร้าง ‘เครือข่าย’ ขึ้นมากันเองเรียบร้อยแล้วนี่นะ
หลังจากพับเสื้อผ้าสร็จแล้ว วาห์นพบว่าความเศร้าที่ตามรังควานเขามาตั้งแต่ช่วยเย็นค่อยๆ ละลายหายไปเกือบหมด
นั่นทำให้เขายิ้มออกมาได้และเริ่มหันไปทางประตูที่ริวเดินเข้าไป
วาห์นไม่รู้ว่าอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่เขาจะไม่มานั่งรั้งรออีกแล้ว
เด็กหนุ่มเริ่มพูดในใจก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไปด้านใน
(“พี่สาว ขอบคุณมากเลยนะ ต่อไปผมคงต้องคิดเรื่องสร้างครอบครัวแล้วล่ะ… รู้สึกตื่นเต้นจังเลย”)