Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 24
วาห์นตื่นขึ้นตอนตี 2 เพราะเมื่อวานเขาหลับเร็วผิดเวลา เนื่องจากการสำรวจดันเจี้ยนของเขายังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร เขาจึงอยากกลับไปที่นั่นโดยเร็วที่สุด เขาอาจสามารถสังหารทุกอย่างในขณะที่เดินทางผ่านชั้น 2 แต่เพราะตอนนั้นเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาจึงอยากเรียนรู้และเข้าใจ [จิตแห่งราชัน] ให้มากกว่านี้
เขาออกจากห้องพยาบาลซึ่งทางกิลด์ได้ออกใบเรียกเก็บเงินจำนวน 20,000 วาลิสและเขาจะต้องทำการชำระมันภายใน 30 วัน แม้มันจะเป็นจำนวนที่มากกว่าที่เขาเคยมี แต่เขาก็ไม่กังวลเรื่องการหาเงินมาเพิ่มมากนัก เงิน 20,000 วาลิสยังดูน้อยกว่าแต้ม 1,000,000 OP ที่เขาต้องใช้ในการทำภารกิจซะอีก…
ห้องพยาบาลตั้งอยู่ที่ชั้นแรกของหอคอยบาเบลและเปิดให้บริการในรูปแบบของการประสานงานกับทางกิลด์ พวกเขาจะดูแลนักผจญภัยคนใดก็ตามที่ได้รับการช่วยเหลือหรือแม้แต่ขายโพชั่นและไอเท็มต่างๆ เพื่อช่วยให้การสำรวจดันเจี้ยนนั้นลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งก็หมายความว่าตัวห้องพยาบาลตั้งอยู่ค่อนข้างใกล้กับทางเข้าของดันเจี้ยนชั้นที่ 1 ดังนั้นวาห์นจึงไม่ต้องเดินไปไหนไกลหากเขาต้องการลงไปที่นั่นอีกครั้ง
ขณะที่เขาเดินผ่านบูธลงทะเบียนใกล้กับทางเข้า ใบหน้าอันคุ้นเคยก็ดึงดูดความสนใจของเขา เขาเห็นนิโคลัสจ้องเขม็งมาด้วยสีหน้าดุดัน เนื่องจากนิโคลัสกำลังพูดคุยกับนักผจญภัยคนอื่นอยู่ และวาห์นเองก็ไม่อยากถูกตักเตือนเช่นกัน เขาจึงก้มหัวขอโทษเล็กน้อยก่อนจะรีบลงบันไดไป เขารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาที่แผ่นหลังหลังในขณะที่ความเย็นคลืบคลานลงไปตรงกระดูกสันหลังและทำให้เขาสั่นเล็กน้อย
วาห์นไปตามทางที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ‘เส้นทางของมือใหม่’ บนแผนที่ของเขาและเดินต่อตามเส้นทางที่ตนเคยสำรวจไปก่อนหน้านี้ เขาหยุดการทำแผนที่ส่วนที่เหลือไว้ชั่วคราวเพราะอยากลองรับมือกับมอนสเตอร์ในชั้นที่ 2 อีกครั้ง
ในขณะที่กำลังลงบันได เขาก็พบว่าม่านล่องหนที่ขวางไม่ให้เขาเข้าสู่ชั้นสามนั้นหายไปแล้ว วาห์นห้ามใจตัวเองไม่ให้ทดสอบอะไรเพิ่มและทำตามแผนเดิม ตอนนี้เขาได้มาอยู่หน้าประตูทางเข้าชั้นที่ 2 แล้วและก็เดินเข้าไป
เขาพบว่าอัตราการเกิดของมอนสเตอร์ในชั้นนี้สูงกว่าชั้นก่อนเล็กน้อย เนื่องจากเส้นทางจะเริ่มแตกแขนงออกหลังจากผ่านทางเดินหลักเข้ามา สถานการณ์ที่นักผจญภัยจะได้มาเจอกันในดันเจี้ยนจึงเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก พูดอีกอย่างก็คือแม้จะมีมอนสเตอร์อยู่มากมายแต่วาห์นก็ต้องสู้กับพวกมันตามลำพัง
เขาสวมใส่ดาบลงในช่องอุปกรณ์หลักและเปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] ในใจ เขารู้สึกถึงพลังงานที่เอ่อล้นออกมาจากส่วนท้องและขยายไปยังทุกส่วนของร่างกาย ความรู้สึกสงบคล้ายกับตอนที่เขาใช้สกิล [ต้านทานความเจ็บปวด] แพร่กระจายออกมาจากจิตใจและเขารู้สึกได้ถึงพลังที่มองไม่เห็นกำลังแผ่ขยายออกไปรอบตัว เขาสัมผัสได้ลางๆ ว่านี่คือ ‘เขตแดน’ ของเขาและพวกโคโบลด์ในบริเวณใกล้เคียงดูเหมือนกำลังลังเลที่จะเข้ามาใกล้เขาภายในระยะ 20 เมตร
เพราะไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเต็มใจที่จะเข้ามาใกล้ วาห์นจึงใช้โอกาสนี้ตรวจสอบและดูว่าค่าสถานะของเขามีการเปลี่ยนแปลงขณะที่สกิลนี้ถูกใช้งานอยู่หรือไม่ โชคไม่ดีที่ค่าทั้งหมดยังคงเหมือนเดิม แต่วาห์นก็ค้นพบว่าเส้นรูปกรวยที่แสดงถึงการมองเห็นของเขาภายในแผนที่ บัดนี้มันกลายเป็นวงกลมขนาดใหญ่รอบตัวเขา
วงกลมกระจายตัวออกไปจากตำแหน่งของวาห์นเป็นระยะ 21.8 เมตร และเขาเริ่มตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่อยู่ภายในรัศมีนั้นจะถูกพิกัดไว้บนแผนที่ ตราบเท่าที่สกิลยังทำงานอยู่ เขาจะสามารถติดตามมอนสเตอร์ได้แม้พวกมันจะอยู่ข้างหลังเขาก็ตาม เนื่องจากคุณสมบัติทางจิตวิญญาณของเขตแดน มันสามารถผ่านวัตถุที่เป็นของแข็งและทำให้เขามองเห็นรายละเอียดของทางเดินที่อยู่อีกฝั่งของกำแพงได้
วาห์นเดินไปยังโคโบลด์ที่อยู่ใกล้สุดและเริ่มส่งพลังเข้าไปในตัวดาบ เขาประหลาดใจที่เห็นว่าอักษรรูนนั้นเรืองแสงออกมาทันที แต่ไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพราะค่าพลังเวทมนตร์ที่มากกว่าเดิมหรือเป็นผลมาจากสกิล [จิตแห่งราชัน]
เมื่อดาบในมือเริ่มเบาลง เขาก็พุ่งเข้าหาโคโบลด์ที่ดูเหมือนกำลังลังเลว่าจะสู้หรือไม่สู้ดี มันลงไปยืนแบบสี่ขาและพยายามพุ่งเข้าใส่วาห์นคล้ายกับที่เข้าเจอในการเผชิญหน้าครั้งแรก แต่ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้วาห์นสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของมันได้อย่างง่ายดายเนื่องจากค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นของเขา เขาสามารถสกัดเส้นทางการวิ่งของมันได้อย่างไม่ยากเย็นและฟันออกไปตรงส่วนเอวจนตัวของมันขาดครึ่ง
การตายของพรรคพวกตัวแรกราวกับเป็นสัญญาณบอกเริ่ม โคโบลด์สี่ตัวที่เหลือต่างเริ่มพุ่งเข้าใส่วาห์นและแม้จะไม่ได้ดูแผนที่ย่อ แต่เขาก็รู้สึกถึงตำแหน่งของพวกมันได้ลางๆ
วาห์นเริ่มลองใช้ฟุตเวิร์คของเขาเพื่อหลบโคโบลด์ที่พุ่งเข้าโดยไม่ถอยหนีออกไป เขารู้สึกว่าพวกมันสามารถเปลี่ยนทิศทางการวิ่งได้อย่างรวดเร็วแต่ไม่อาจทำมันอย่างต่อเนื่องได้ จากการใช้การผสมผสานระหว่างความว่องไวและการโจมตีกวาดด้านล่างทำให้วาห์นล้มโคโบลด์สามตัวที่เหลือลงได้
โคโบลด์ตัวสุดท้ายดูเหมือนจะยอมจำนนต่อแรงกดดันจากการเผชิญหน้ากับวาห์นเพียงลำพังและทรุดตัวลง มันก้มหัวลงกับพื้นและพยายามซ่อนดวงตาโดยใช้อุ้งเท้าที่ผิดรูปร่างของมัน
วาห์นตระหนักว่าเมื่อโคโบลด์ตัวอื่นกลายเป็นผุยผงหมดแล้ว เขตแดนของเขาดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่โคโบลด์ตัวสุดท้าย มันไม่สามารถทนต่อแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากความต่างชั้นได้ มันจึงตัดสินใจยอมแพ้แทนที่จะสู้ต่อ
วาห์นสัมผัสได้ว่าโคโบลด์ตัวนี้พยายามสร้างการเชื่อมโยงกับเขาผ่านทาง [จิตแห่งราชัน]
เขารู้ว่าหากตัวเองต้องการ มอนสเตอร์ที่อยู่ต่อหน้าก็จะกลายมาเป็นลูกน้องและทำตามคำสั่งของเขา
ยิ่งเขายืนคิดอยู่นานเท่าไหร่ เจ้าโคโบลด์ก็ยิ่งตัวสั่นมากขึ้นเท่านั้น เขาเกือบจะรู้สึกสงสารมัน แต่ก็เปลี่ยนใจเพราะก่อนหน้านี้มันพยายามที่จะฆ่าเขา
ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน วาห์นก็คิดหาประโยชน์จากการรับโคโบลด์มาเป็นลูกน้องไม่ได้เลย
มันเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในดันเจี้ยนและเขายังไม่เห็นทางที่จะดูแลมันได้หากนำมันออกไปข้างนอก
ราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เจ้าโคโบลด์จึงเริ่มแผ่ราบไปกับพื้น ครู่ต่อมามันกลายเป็นผุยผงเพราะทนต่อแรงกดดันของเขตแดนไม่ไหว
เมื่อหยิบคริสตัลขึ้นมา วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดเล็กน้อย แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่จริงๆ เขาจะปล่อยมันไปเพราะมันยอมแพ้แล้วก็ได้ วาห์นถอนหายใจขณะรวบรวมคริสตัลที่เหลือและเดินทางลึกเข้าไปในชั้นที่สอง
ในระหว่างทาง เขาคอยฆ่าก็อบลินและโคโบลด์ทุกที่โผล่ออกมา มอนสเตอร์กลุ่มไหนที่มีจำนวนน้อยกว่าสามตัวจะถูกจัดการแบบเรียบง่าย กลุ่มที่มีจำนวนมากกว่านั้นค่อนข้างที่จะเป็นอุปสรรค แต่เมื่อความชำนาญในการใช้ [จิตแห่งราชัน] เพิ่มขึ้น ทุกอย่างมันก็ง่ายตามไปหมด เขารู้แล้วว่าการใช้สกิลนี้เพ่งไปที่มอนสเตอร์เพียงตัวเดียวจะทำให้มันชะงักไปชั่วครู่และไม่สามารถขยับตัวได้ เขาสามารถใช้จังหวะนั้นเพื่อปลิดชีพมันได้อย่างง่ายดาย
สองชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงบันไดที่นำไปสู่ดันเจี้ยนชั้นต่อไป เขาตัดสินใจพักสักเล็กน้อยก่อนจะลงไปต่อ เนื่องจากเขาใช้ [จิตแห่งราชัน] อยู่ตลอดเวลา เขาจึงดื่มโพชั่นฟื้นฟูมานา (100OP) และรอให้อาการปวดหัวดีขึ้น
เขาตรวจสอบของที่ได้มาในระหว่างนี้ เขาได้รับคริสตัลทั้งหมด 73 ก้อน: จากโคโบลด์ 51 ก้อน และจากก็อบลิน 22 ก้อน ด้วยค่าเฉลี่ยที่ก้อนละ 15-20 OP เขาน่าจะได้มาประมาณ 1,100 OP นี่ยังไม่รวบ ‘ไอเท็มดรอป’ ที่กำลังถูกวิเคราะห์อยู่ในช่องเก็บของซึ่งน่าจะเพิ่มจำนวน OP ที่ได้เป็น 1,200-1,300 แต้ม
วาห์นประหลาดใจที่พบว่าเขาได้รับ OP กว่า 1,000 แต้มภายในระยะเวลาเพียงสองชั่วโมง นั่นมันเกือบจะเป็นหนึ่งในสี่ของแต้ม OP ทั้งหมดที่เขาได้รับ (ไม่นับรางวัลภารกิจ) จากตลอดระยะเวลาเจ็ดเดือนภายในป่า! ด้วยความเร็วขนาดนี้ เขาจะสามารถเก็บสะสมแต้ม 1,000,000 OP เพื่อสำเร็จภารกิจได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ วาห์นก็แยกคริสตัลออกเป็นสองกองที่มีจำนวนเท่าๆ กันภายในช่องเก็บของ เขายังต้องแลกเปลี่ยนคริสตัลบางส่วนกับทางกิลด์เพื่อหาค่าครองชีพเพิ่ม และตั้งใจว่าจะแวะไปที่ ‘เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม’ ทุกครั้งที่มีโอกาส
เมื่อนึกถึงอาหารที่เขาได้ทานครั้งที่แล้ว วาห์นรู้สึกถึงความหิวโหยและความคาดหวังจากท้องน้อยๆ ของเขา เขาเอาเนื้อตากแห้งจากช่องเก็บของออกมาเคี้ยวเล่น วาห์นมีความคิดที่จะเกลี้ยกล่อมมามามีอาจนกว่าเธอจะยอมให้เขาเก็บอาหารไว้ในนี้ แม้เขาจะรู้ว่าการเปิดเผยเรื่องช่องเก็บของเป็นเรื่องที่อันตราย แต่เขาก็อดคิดเรื่องนี้ไม่ได้…
(“ถ้าเวทคลังเก็บของสามารถถนอมอายุของไอเท็มได้ เราก็คงไม่ต้องมาคิดหาวิธีปกปิดเรื่องช่องเก็บของแล้ว!”) นั่นคือข้อแตกต่างที่ใหญ่มากระหว่างช่องเก็บของของวาห์นและเวทคลังเก็บของ ช่องเก็บของของเขาสามารถหยุดเวลาของวัตถุและเก็บรักษามันไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่เวทคลังเก็บของจะยืดอายุของวัตถุได้ชั่วคราวเท่านั้น
หลังจากพักไปประมาณยี่สิบนาที มานาของวาห์นก็กลับมาเต็มอีกครั้ง เขาเดินต่อไปยังชั้นสามและเปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] แม้เขาจะห่วงเรื่องการพึ่งพาสกิลนี้มากเกินไป แต่เขาก็อยากจะคุ้นเคยกับมันให้เร็วที่สุด ถึงมันจะไม่ได้เพิ่มค่าสถานะเลย แต่การรับรู้ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้เขาสามารถพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเขาต่อสู้ได้นานเท่าไหร่ การปรับร่างกายให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจพบในการต่อสู้ก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น เขาคาดว่าถ้าต้องต่อสู้กับกลุ่มมอนสเตอร์ประมาณ 4-5 ตัว เขาน่าจะกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดายแม้จะไม่ได้ใช้สกิลนี้ก็ตาม
ทางเข้าของชั้นที่สามเปิดออกไปสู่พื้นที่กว้างโดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 50 ม. ตามผนังจะมีอุโมงค์ประมาณยี่สิบแห่งที่จะนำไปสู่ดันเจี้ยนชั้นต่อไป วาห์นรู้ว่าเขาอาจต้องตรวจสอบอุโมงค์หลายแห่งหากต้องการไปต่อ… แต่ก่อนอื่นเขาต้องจัดการกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน
เพราะห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าปกติ มันจึงเต็มไปด้วยโคโบลด์ถึง 19 ตัว เขารู้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก แต่ก็น่าจะเอาชนะภายใต้สถานการณ์นี้ได้ หากโคโบลด์เป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องกังวลล่ะก็นะ
เขามองเห็นกิ้งก่าขนาดใหญ่สามตัวที่อยู่ท่ามกลางฝูงโคโบลด์ พวกมันยาวประมาณ 2-3 เมตรและถูกปกคลุมด้วยผิวหนังที่เป็นตุ่มๆ จำนวนมากพร้อมส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายเกล็ด วาห์นจำพวกมันจากหนังสือที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้ได้ พวกมันมีชื่อว่า ‘ดันเจี้ยนลิซาร์ด’ และถูกขนานนามว่าเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสี่ชั้นแรก
เนื่องจากมอนสเตอร์กลุ่มนี้มีจำนวนเยอะมาก พวกมันจึงไม่ถูก [จิตแห่งราชัน] ยับยั้งการเคลื่อนไหว วาห์นตัดสินใจว่าการถอยกลับคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่เขาก็หยุดนิ่งไปหลังคิดอะไรออก “บ้าจริง นี่เราลืมมันไปได้ยังไงเนี่ย!”
หลังก่นด่าตัวเองเสร็จ วาห์นก็เปลี่ยนเอาดาบออกและสวมใส่ธนูเวทมนตร์ที่เคยใช้ลอบสังหารหัวหน้าเผ่าก็อบลินมาแล้ว เขาขึ้นลูกศรที่มีบางอย่างติดอยู่ด้วย หลังจากเล็งไปยังกิ้งก่าตัวที่ใกล้ที่สุดแล้ว เขาก็ปล่อยลูกศรออกไป…
—————