Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 243
หลังจากพยายามกล่อมเฟนเรียร์อยู่นาน วาห์นก็บอกลาทั้งสี่สาวและออกจากคฤหาสน์ฮาร์ธเพื่อเดินทางไปที่โรงหลอมของเฮเฟสตัส
ตอนนี้ลางสังหรณ์ที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีได้จางหายไปเกือบหมดแล้ว แต่วาห์นก็ยังค่อนข้างระวังตัวและใช้พลังเขตแดนแบบเต็มกำลังเพื่อตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงทุกตารางนิ้ว
เพราะอยู่ในร่างพยัคฆ์ขาว เขาก็เลยถือโอกาสนี้จดจำกลิ่นของฮารุฮิเมะไปด้วยเลย เผื่อว่าเดินไปเดินมาแล้วอาจโชคดีจับกลิ่นที่คล้ายกับลาเวนเดอร์ของเธอได้
เนื่องจากเดินทางแบบไม่รีบร้อนและคอยจับตามองบริเวณรอบๆ อยู่ตลอด วาห์นก็เลยมาถึงโรงหลอมหลังผ่านไปประมาณ 30 นาที
มันเป็นความรู้สึกที่ไม่หนักหน่วงเท่ากับเมื่อคืน แต่ยิ่งวาห์นเข้าไปใกล้โรงหลอม ความตื่นเต้นและความอบอุ่นในใจก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกหากวาห์นเพ่งสมาธิไปที่สัมผัสเชื่อมโยงของทั้งสอง ดูเหมือนว่าตอนนี้เฮเฟสตัสเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากเขาเท่าไหร่
พอเอื้อมมือไปเปิดประตู วาห์นก็พบว่ามันถูกล็อกแม้จะอยู่ในช่วงเวลาเปิดทำการ
รอยยิ้มของเด็กหนุ่มดูกว้างกว่าเดิม เพราะสำหรับเขาแล้วนี่ถือเป็นสัญญาณที่ดี
วาห์นเริ่มใช้พลังเขตแดนตรวจสอบพื้นที่รอบๆ และพบว่าในโรงหลอมมีเพียงแค่เฮเฟสตัสคนเดียว และเธอก็กำลังออกมารับเขาที่ประตูแล้วด้วย
ภายนอกโรงหลอมนั้นยังมีคนอยู่เยอะพอสมควร ส่วนใหญ่ก็คือหน่วยรักษาความปลอดภัยและคนเดินสัญจรไปมาอีกเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นวาห์นก็ตรวจสอบออร่าของทุกคนเพื่อความแน่ใจอีกรอบ พอดีกับที่ประตูของโรงหลอมถูกแง้มออกและเผยให้เห็นสีหน้าเขินๆ ของเฮเฟสตัส
วาห์นยิ้มให้กับเทพสาวโดยที่ไม่ได้ไปแตะต้องประตูหรือพยายามเปิดมันออก
“อรุณสวัสดิ์นะ เฮเฟสตัส”
เฮเฟสตัสเปิดประตูออกด้วยความโล่งใจพลางกอดแขนไว้ใต้ทรวงอก
“รีบเข้ามาเร็วๆ เลย ชักช้าเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก” (TL: ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคุณนายเคลียร์งานแล้วหรือชิ่งปิดร้านหนีลูกค้า)
วาห์นรีบเข้ามาข้างในทันที… ก่อนจะได้ยินเสียงปิดประตูอย่างรวดเร็วและลั่นกุญแจอย่างแน่นหนา
ความสงสัยทำให้เด็กหนุ่มอดถามขึ้นไม่ได้
“เอ่อ… มีเรื่องอะ-”
แต่ก่อนจะได้พูดต่อจนจบ เฮเฟสตัสก็โน้มตัวมาข้างหน้าและเริ่มจูบอย่างดูดดื่ม
ตอนแรกวาห์นตั้งตัวไม่ทันและเกือบหงายหลังล้มลงไปแล้ว โชคดีที่เขาตั้งตัวได้ก่อนจะเริ่มกอดเทพสาวกลับไปด้วยความแรงไม่แพ้กัน
วาห์นพบว่าร่างกายของเธอนั้นร้อนมาก แม้แต่ลิ้นที่กำลังรุกรานริมฝีปากของเขาเองก็ด้วย
เฮเฟสตัสรุกหนักจนเขาต้องก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ ราวกับว่าเธอกำลังพยายามดันเขาไปที่ห้องทำงานส่วนตัว
พอเห็นว่าเป็นแบบนั้น วาห์นก็เลยรู้สึกกล้าขึ้นและอุ้มเธอแบบเจ้าหญิงเพื่อประหยัดเวลา
ในระหว่างที่โดนอุ้ม เฮเฟสตัสก็ไม่ยอมอยู่เฉย เธอโอบแขนรอบคอของเขาและเริ่มโลมเลียตรงกระดูกไหปลาร้าอย่างเอร็ดอร่อย
ทักษะการทรงตัวของวาห์นนั้นต้องบอกว่าสึบากิฝึกมาดีมาก ไม่งั้นทั้งสองก็อาจจะ ‘กลิ้งตกอยู่แถวข้างทาง’ แทน
พอเดินมาถึงหน้าประตู วาห์นสังเหตุเห็นว่าเฮเฟสตัสเปิดมันทิ้งไว้ครึ่งหนึ่ง เขาก็เลยหันข้างเข้าไปโดยไม่ต้องวางเธอลง
เฮเฟสตัสเฝ้ามองวาห์นปิดประตูและล็อกมันอย่างแน่นหน้าด้วยสีหน้าแดงจัด เหงื่อของเธอเริ่มไหลออกมาไม่หยุด แถมดวงตาก็ดันพร่าเลือนทันทีที่สบตากับดวงตาสีน้ำทะเล
วาห์นโน้มหัวมาข้างหน้าเพื่อจูบเธอต่อ แต่เฮเฟสตัสกลับหันหน้าหนีและวางมือไว้บนตำแหน่งหัวใจของเขาแทน
“ไปที่โซฟาเถอะ… เราต้องคุยกันก่อน…” เธอเอ่ยเสียงเบา
วาห์นรู้สึกงงๆ แต่ก็พยักหน้าและทำตามที่เธอบอก
แม้เทพสาวจะพยายามดิ้นให้หลุดจากการถูกอุ้ม แต่วาห์นก็ไม่ได้สนใจและนั่งลงไปทั้งแบบนั้นเลย
เจอแบบนี้เข้าไป เฮเฟสตัสก็เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“แบบนี้มันออกจะ… คุยกันลำบากนะ
มีหลายเรื่องที่ฉันอยากให้นายรู้ก่อนที่เราจะไปไกลกว่านี้”
เพราะวาห์นไม่อยากทำให้เฮเฟสตัสอึดอัดจนเกินไป และไม่อยากแสดงความร้อนใจออกมา เขาก็เลยนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะแนบหน้าผากไปกับหน้าผากของเธอ
เขาเชื่อมั่นในความผูกพันที่ทั้งสองต่างมีให้กันและรู้ว่าเธอต้องสัมผัสมันได้อย่างแน่นอน
จากนั้นวาห์นก็ปล่อยให้เธอลงมานั่งข้างๆ โดยทิ้งระยะออกมาเล็กน้อย
แม้ใบหน้าจะยังร้อนผ่าวเช่นเดิม แต่เฮเฟสตัสก็แสดงสีหน้าจริงจังซึ่งวาห์นมองออกว่าเธอกำลังรู้สึกลังเลอยู่
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เธอก็ถอนหายใจอย่างเจ็บปวดและเริ่มพูดต่อ
“วาห์น… ฉันอยากให้รู้ไว้ว่า… ว่า…”
วาห์นยกมือขวาขึ้นมาลูบใบหน้าของเทพธิดาผู้เป็นที่รักก่อนจะลากมันไปตามเรือนผมสีแดงที่นุ่มยิ่งกว่าไหมชั้นดี
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ได้โปรดบอกฉันมาเถอะว่าอะไรกำลังกวนใจเธอ ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอด… ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม”
เฮเฟสตัสหลับตาลงพลางยกมือขึ้นมาประสานเข้ากับมือของวาห์น ความอบอุ่นที่มือนั่นทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นและพูดต่อไปได้
“ถึงกายเนื้อนี่จะเป็นร่างของสาวพรหมจรรย์… แต่นายก็ไม่ใช่คนแรกของฉันหรอกนะ
ฉันอยากให้นายรู้เรื่องราวในอดีต… อยากให้นายรู้เรื่องความอ่อนแอของฉัน… ความโดดเดี่ยวที่ฉันสัมผัสมานานแสนนาน…”
ขณะที่กำลังพร่ำเพ้ออยู่นั้น ศีรษะของเฮเฟสตัสก็ถูกจับหันและสิ่งที่ตามมาก็คือรสจูบอันแสนคุ้นเคย เป็นรสจูบที่พยายามเข้าระงับความเจ็บปวดของเธออย่างถึงที่สุด
ดวงตาของเฮเฟสตัสเริ่มเบิกกว้างขณะพยายามใช้มือผลัก ‘ผู้รุกราน’ ออกไป ทว่าทุกอย่างที่ทำกลับไร้ผล
สุดท้ายเธอก็ต้องยอมแพ้ให้กับรสจูบและการกอดอย่างแนบแน่นที่ตามมาติดๆ
เป็นเวลาหลายนาทีที่วาห์นเข้าจูบเฮเฟสตัสจนกระทั่งออร่าอันแสนยุ่งเหยิงค่อยๆ สงบลง
หลังจากดูดลิ้นร้อนๆ ต่ออีกหน่อย เขาจึงค่อยๆ ผละออกมาและเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมึนงง ความถวิลหา… และความต้องการอากาศหายใจ
วาห์นเริ่มประคองใบหน้าของเธอไว้ในมืออีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าเดิม
“ทุกอย่างของเธอคือสิ่งสำคัญของฉัน แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ทำให้เธอต้องเจ็บปวด ฉันก็ไม่อยากให้เธอนึกถึงมันอีก
จากนี้ไป ไม่ว่าจะรู้สึกโดดเดี่ยวหรือกังวล เธอก็แค่เรียกหาฉัน… ถึงจะอยู่ไกลแค่ไหน ฉันก็จะมาหาทันที
ไอ้พวกเทพโง่ๆ จากอดีตของเธอมันจะมาสำคัญเท่ากับปัจจุบันของเราและอนาคตที่เรากำลังจะสร้างร่วมกันได้ยังไง”
เฮเฟสตัสยังคงมีท่าทางสะลึมสะลือ ทว่าแต่ละคำพูดของวาห์นก็ตราตรึงเข้าไปในใจโดยที่สมองไม่ต้องลงมาสั่งการเอง
เธอรู้สึกถึงอารมณ์ของเขา ความห่วงใยในน้ำเสียงของเขา ความมั่นคงจากอ้อมกอดของเขา และความรักที่พวกเขาทั้งคู่แบ่งปันให้กัน… ทุกอย่างเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและสะท้อนผ่านร่างกายจนดวงวิญญาณของเธอต้องสั่นสะท้าน
ภาพในอดีตที่ตามหลอกหลอนเฮเฟสตัสมาตลอดค่อยๆ จางหายไปราวกับเรื่องโกหก
อย่างที่วาห์นบอกเลย ว่าเรื่องในอดีตมันไม่สำคัญอีกแล้ว… มันไม่สำคัญเท่ากับตอนนี้ ที่นี่ ที่ที่เธออยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นที่รัก
วาห์นนั้นเป็นเหมือนสถานที่หลบภัยให้กับดวงวิญญาณของเธอ เป็นสิ่งที่คอยขวางกั้นไม่ให้ความรู้สึกแย่ๆ และอดีตอันเลวร้ายหวนกลับมาอีก…
เฮเฟสตัสค่อยๆ แนบศีรษะไปกับแผงอกของเด็กหนุ่ม
ที่จริงแล้วไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ แต่ครั้งนี้เธออยากได้ยินเสียงหัวใจของเขาด้วยหูของตัวเอง
เทพสาวสัมผัสได้ว่า ‘เพลิงนิรันดร์’ ภายในตัวของวาห์นก็กำลังส่งเสียงทักทาย ‘การมาเยี่ยม’ ของเธออยู่
เฮเฟสตัสรู้สึกได้ว่าความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัววาห์นกำลังหลอมรวมเข้ากับความร้อนของเธอเอง และแม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้ ‘รวมกันเป็นหนึ่งเดียว’ แต่ดูเหมือนจะมีหลายๆ อย่างของทั้งคู่ที่แซงหน้าไปก่อนแล้ว
จากนั้นเฮเฟสตัสก็ยกร่างของตัวเองขึ้นและเริ่มถอดกระดุมเสื้อของเขาออกจนกระทั่งวาห์น ‘ถอด’ มันออกผ่านการใช้ระบบเพื่อช่วยเธออีกแรง
เฮเฟสตัสเริ่มใช้นิ้วมือลากผ่านแผงอกเปลือยเปล่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพรมจูบมันด้วยริมฝีปากอวบอิ่ม
สำหรับตอนนี้ วาห์นอยากให้เฮเฟสตัสทำตามใจชอบโดยเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเพื่อที่เธอจะได้คลายความกังวลลง
แทนที่จะโหมใส่อย่างรุนแรง ตอนนี้เขากำลังเชยชมเรือนร่างของเธออย่างแผ่วเบา… แม้ว่าในใจนั้นอยากจะลูบคลำบั้นท้ายได้รูปมากแค่ไหนก็ตาม
วาห์นอาจจะไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ แต่สาวๆ ทุกคนก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าระหว่าง ‘หน้าอก’ กับ ‘บั้นท้าย’ นั้นเขาจะเลือกอะไร
และถ้ามีการจัดอันดับขึ้นมาจริงๆ บั้นท้ายของเฮเฟสตัสก็คงได้ไปอยู่อันดับต้นๆ แน่นอน
แถมเด็กหนุ่มยังรู้มาด้วยว่าเธอแอบไปออกกำลังกายเพิ่มสัดส่วนเพื่อเขาโดยเฉพาะ แบบนี้จะไม่ให้วาห์นทั้งรักทั้งหลงได้ยังไงกัน
เมื่อการรุกคืบของเฮเฟสตัสมาถึงหัวไหล่ของเขา เธอก็หยุดลงท่ามกลางความงุนงงของวาห์น
สัมผัสจากนิ้วมือเรียวบางทำให้เขารู้ทันทีว่าวาเหตุเกิดจากอะไร
“…ฝีมือของโคลอี้น่ะ ถึงจะยังไม่ได้มีอะไรกัน แต่เราก็สารภาพรักกันไปแล้ว…”
เฮเฟสตัสลากนิ้วไปตามรอยกัดต่อไปแบบไม่พูดไม่จา ไม่นานเธอก็เข้ามากระซิบเบาๆ ที่หูของเขา
“ฉันเคยบอกแล้วไงว่านายจะมีผู้หญิงกี่คนก็ได้ แต่ว่า… เห็นแบบนี้แล้วเป็นใครก็ต้องอิจฉาแหละนะ”
จิตใจของวาห์นรู้สึกสั่นๆ เมื่อโดนกระซิบข้างหู
เขาเริ่มสงสัยว่าเฮเฟสตัสเองก็คงอยากฝากอะไรไว้บนร่างกายเหมือนกันล่ะมั้ง?
แต่ก่อนจะได้พูดอะไร เฮเฟสตัสก็เอ่ยต่อ
“ฉันต้องการอะไรที่มากกว่านี้… ต้องเป็นสิ่งที่ไม่เหมือนใคร
แล้วมันก็ไม่ใช่สำหรับนายด้วย เพราะฉันไม่อยากไปแข่งกับคนอื่นๆ… ฉันอยากให้นายทิ้งตราไว้บนตัวของฉันแทน
มันจะต้องเป็นอะไรที่มากลบเรื่องแผลที่ใบหน้าของฉันไปเลย… บางอย่างที่จะอยู่กับฉันไปตลอด… ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน”
—————
สนับสนุนนิยายอย่างถูกต้องได้.ที่: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
พอพูดพบ เฮเฟสตัสก็มานอนนึกอยู่บนลำตัวของวาห์นแบบเงียบๆ ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามขึ้น
“ฉันจำได้ว่าตอนนั้นนายเคยช่วยเรื่องตราสัญลักษณ์ของลิลลี่นี่นา… เราใช้วิธีนั้นประทับตาละกัน…
จะเป็นรูปอะไรก็ได้ ตราบใดที่มันมีความสำคัญกับนาย”
เฮเฟสตัสเริ่มยกตัวขึ้นจากร่างของวาห์น จากนั้นเธอก็ถอดเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกไป
และเพราะรู้อยู่แล้วว่าวาห์นจะมา เธอก็เลยไม่ได้สวมยกทรงตั้งแต่แรก
วาห์นมองเห็นเนินอกสีขาวและ ‘ผลเชอร์รี่’ ที่แต่งแต้มอยู่บนยอดได้อย่างชัดเจน
จริงอยู่ที่เขาเคยเห็นพวกมันมาแล้ว แต่หน้าอกขนาดใหญ่ซึ่งดูไร้ที่ตินั่นก็ทำให้วาห์นรู้สึกทึ่งได้ทุกครั้งไป
เฮเฟสตัสเปลี่ยนไปหันหลังให้และรวบหางม้าออกมาไว้ด้านข้าง (TL: เพิ่งรู้นี่แหละว่ามีหางม้าข้างหลัง นึกว่าผมสั้นมาตลอด)
“เอาตามนี้แหละ…”
ตอนแรกวาห์นอาจรู้สึกไม่แน่ใจนัก แต่ความตื่นเต้นของเขาก็พุ่งสูงขึ้นทันทีที่นิ้วมือได้สัมผัสกับแผ่นหลังของเฮเฟสตัส
ผิวของเธอดูอ่อนเยาว์มาก แต่ภายในกลับแฝงไปด้วยกล้ามเนื้ออันทรงพลัง
เรื่องน่าแปลกก็คือหากเธอไม่ได้ออกแรงหรือพยายามเบ่งกล้าม เฮเฟสตัสก็จะดูหุ่นเพรียวราวกับผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
เมื่อนิ้วของเขาไล่มาถึงจุดล่างสุดของลำตัวที่อยู่ติดกับขอบกางเกงสีดำ มันก็หยุดขยับทันที
เฮเฟสตัสรู้ดีว่าวาห์นชอบร่างกายส่วนนั้นมากขนาดไหน การออกกำลังกายวันละ 2 ชั่วโมงของเธอดูเหมือนจะไม่เสียเปล่าแล้ว
นี่เป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบที่สาวๆ หลายคนไม่มีทางสู้ได้ ดังนั้นเธอจะต้องรักษามันไว้ให้ดีที่สุด
ผ่านไปอีกไม่กี่วินาที เทพสาวก็ตัดสินใจได้
“จัดการเลย…”
วาห์นกลืนน้ำลายอึกใหญ่หลังได้รับคำยืนยันและเริ่มสงบจิตใจของตัวเองลง
เขารู้ว่าในอนาคตคงมีเรื่องให้ตกใจกว่านี้อีกเยอะ แต่การถูกขอให้ประทับตาแบบถาวรลงบนร่างของผู้หญิงที่ตนรักนั้นก็ยังเป็นเรื่องแปลกอยู่ดี
มันเป็นการกระทำที่ปลุกเร้าความตื่นเต้นในใจแต่ก็แฝงไปด้วยความกลัวและกังวลนิดๆ
แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว สิ่งที่เขาคิดจะทำเป็นอย่างสุดท้ายก็คือปฏิเสธความต้องการเธอ
วาห์นปลอบตัวเองด้วยการนึกในใจว่าหากเธอคิดเปลี่ยนใจทีหลัง การใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อลบมันออกก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถ…
วาห์นเริ่มใช้ [พรแห่งอิกดราซิล] เพื่อสร้างตราสัญลักษณ์โดยลอกแบบมาจาพิธีเข้าร่วมแฟมิเลีย
แน่นอนว่าเฮเฟสตัสจะไม่ได้รับพรหรืออะไรทำนองนั้น ทว่าตราสัญลักษณ์นี่มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถลบมันออกได้
เพราะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน วาห์นจึงตัดสินใจใช้ ‘เครื่องหมายของผู้สร้าง’ ของตัวเองและสลักมันไว้ที่ด้านหลังของเฮเฟสตัส หรือก็คือตรงบริเวณกระดูกก้นกบของเธอ
พอสร้างผลงานออกมาเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้วาห์นกลับรู้สึกเขินหนักกว่าคนถูกประทับตราเสียอีก
เมื่อเทพสาวเห็นว่าเขาประทับอะไรลงไป ใบหน้าก็เธอก็ยิ่งแดงหนักกว่าเก่า ก่อนจะสวมกอด ‘เจ้าของตรา’ ไว้ในอ้อมแขน
หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ที่ดูยาวนานเกินจริงได้ผ่านพ้นไปแล้ว เฮเฟสตัสก็เงยหน้าขึ้นมาหาวาห์นและพูดสั้นๆ เพื่อเป็นการกล่าวปิดพิธีตีตรา… และเริ่มต้นพิธีใหม่
“ถ้าอยากเป็นเจ้าของร่างกายที่อยู่ตรงหน้านี่จริงๆ… นายก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ด้วยล่ะ…
ฉัน… อยากมีลูก”