Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 249
เช้าวันต่อมา วาห์นตื่นขึ้นท่ามกลางอ้อมกอดของเฮสเทียและเฟนเรียร์ ทีน่าเองก็นอนอยู่ข้างๆ เฟนเรียร์โดยมีมิลานนอนประกบอีกฝั่ง
วาห์นรู้สึกสบายตัวมากและติดขี้เกียจนิดๆ ขณะโอบเอวของเฮสเทียไว้ในอ้อมแขน
เรื่องที่เจอมาเมื่อวานทำให้เขาไม่ได้ใช้เวลากับเธอเหมือนอย่างเคย แต่ในทางกลับกัน เฮสเทียดันเป็นฝ่ายที่ต้องมาดูแลเขาตลอดช่วงหัวค่ำแทน
พอนึกถึงสัญญาที่เทพตัวเล็กเคยให้ไว้ว่า ‘เหนื่อก็กลับมาพัก ฉันจะรออยู่นี่เสมอ’ วาห์นก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก
นี่เป็นช่วงสุดสัปดาห์ พวกเขาจึงไม่ได้ไปลงดันเจี้ยนกัน แถมวาห์นก็มีแผนอื่นในใจอยู่แล้วด้วย
ทุกคนทานอาหารร่วมกันก่อนที่วาห์นจะเตรียมตัวออกไปข้างนอกท่ามกลางสายหมอกยามเช้า
นี่ก็ย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว ภายในเมืองจึงเต็มไปด้วยหมอกซึ่งทำให้เขาอำพรางตัวได้สะดวกขึ้น
วาห์นฝากให้เฮสเทียส่งข่าวไปทางเครือข่ายพร้อมกับกอดอำลาสาวๆ แต่ละคนจนครบ
ขณะกลับมาพักเมื่อคืน วาห์นก็คิดหาวิธีใหม่ๆ เพื่อสืบหาเบาะแสอยู่ตลอด
ด้วยการใช้ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] วาห์นสามารถไล่หาหญิงสาวที่มีลักษณะคล้ายฮารุฮิเมะไปตามตึกเลยก็ได้
มันอาจดูเป็นการบุกรุกความเป็นส่วนตัวไปสักหน่อย แต่วาห์นคิดว่านี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเสี่ยงน้อยที่สุดแล้ว… แถมเขาก็ไม่ต้องลงไปเดินตามถนนด้วย
อีกทางเลือกหนึ่งก็คือปลอมตัวเข้าไปหาข่าวผ่านคนกลางจากที่ต่างๆ และนำข้อมูลมาเทียบกัน
แต่งานนี้จะใช้ร่างพยัคฆ์ขาวไม่ได้เพราะมันสะดุดตาเกินไป
วาห์นต้องใช้ [แปลงโฉมพันหน้า] เพื่อเปลี่ยนหูและงอกหางให้ใกล้เคียงกับเผ่าพันธุ์ทั่วไปที่อาศัยอยู่ในเมืองแทน แถมเขายังใช้สกิลนี้เพื่อเปลี่ยนสีผมตัวเองได้ด้วย
ข้อเสียของวิธีนี้จากตามที่โคลอี้สอนไปเมื่อวานก็คือ ทันทีที่เขาเริ่มขุดคุ้ยข้อมูล เรื่องนี้ก็อาจจะไปเข้าหูคนอื่น หรือไม่ก็ถูกเก็บเป็นข้อมูลเพื่อใช้ซื้อขายกันอีกต่อ
เหล่านักค้าข้อมูลนั้นชอบเฝ้าติดตามลูกค้าบางคน นั่นก็เพราะมีโอกาสที่พวกเขาจะได้ผลประโยชน์มากกว่าเดิม (TL: จากการแบล็คเมล)
แม้วาห์นจะปลอมตัวจนไม่มีใครจำได้ แต่การถามคำถามน่าสงสัย หรือถามแบบไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้เขาถูกเพ่ลเล็งได้เช่นกัน
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาอาจทำให้ฮารุฮิเมะตกที่นั่งบากหรือไม่ก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปจากย่าน
ตัวเลือกสุดท้ายที่คิดออก (นอกเหนือจากการบุกตะลุยแหลกแจกโซ่ไปทั่ว) ก็คือการหาข่าวตามช่องทาง ‘ทั่วไป’
เขาสามารถไปที่ซ่องในฐานะลูกค้าและล้วงเอาข้อมูลจากเจ้าของกิจการหรือไม่ก็พวกเทพและเทพธิดาซึ่งเป็นผู้ดูแลได้โดยตรง
หากแต่งเรื่องว่าอยากเจอกับหญิงสาวเผ่าเรนาร์ด วาห์นก็น่าจะได้ข้อมูลของฮารุฮิเมะโดยที่ไม่มีใครผิดสังเกต
ข้อแม้ก็คือ เขาจะต้องทำตัวเป็นลูกค้าที่ดีมากๆ นั่นหมายความว่าอาจจะต้องฟุ่มเฟือยเสียหน่อย
ดูๆ ไปแล้ววิธีสุดท้ายน่าจะได้ผลเร็วที่สุด แต่มันก็เป็นวิธีที่วาห์นเกลียดที่สุดเช่นกัน
ส่วนเป้าหมายก็คือผับ บาร์ บ่อนการพนัน หรือแม้กระทั่งถามเอาจากคนเมา
การถามจากพวกที่ดื่มหนักๆ นั้นอาจเป็นเรื่องยากสำหรับวาห์นที่ดื่มเหล้ายังไงก็ไม่เมา จะแกล้งเมาก็ทำไม่เป็น แบบนี้ขี้เมาที่ไหนเขาจะอยากคุยด้วยล่ะ
บ่อนพนันเองก็เป็นสถานที่ที่เสี่ยงไม่ใช่เล่น เผลอๆ เขาจะได้สู้กับพวกแก๊งที่คุมบ่อนก่อนจะได้ข่าวด้วยซ้ำ
วาห์นไม่มีเส้นสายและไม่ได้เป็นที่รู้จักในแวดวงด้านมืด ขืนถามอะไรโง่ๆ ออกไปก็คงได้แต่แจกโซ่ในเวลาต่อมา
หลังจากมาถึงย่านโคมแดง วาห์นก็ขึ้นมาอยู่บนอาคารสูง 6 ชั้นขณะนึกไตร่ตรองในใจ
อย่างที่เขาคาดไว้เลย ธุรกิจส่วนใหญ่มักจะปิดให้บริการในช่วงเช้า
จุดที่มีคนเยอะหน่อยก็จะเป็นพวกซ่อง หรือก็คือเหล่าลูกค้าที่เพิ่งตื่นนอนกันนั่นเอง
ถ้าจะลองวิธีค้นหาตามตึกล่ะก็ นี่คงเป็นช่วงที่เหมาะที่สุดแล้ว
—————
ผลงานถูก.ขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
2-3 ชั่วโมงต่อมา วาห์นได้ตรวจสอบอาคารไปหลายแห่งผ่านการใช้พลังเขตแดนและ [ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง]
หากตัวผนังนั้นหนามากหรือตึกมีขนาดใหญ่เกินไป วาห์นก็จะยิ่งต้องใช้พลังเยอะ แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นวิธีที่แทบจะไม่ต้องเสี่ยงเลย
แม้อาคารบางแห่งจะมีทั้งเวทสอดแนมรอบบริเวณ เวทต่อต้านการสอดแนม เวทกันเสียง เวทตรวจจับสกิลอำพรางตัว และหน่วยยามอีกเป็นขโยง แต่ทุกอย่างกลับทำอะไรสกิลของเขาไม่ได้เลย
เป็นเรื่องยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้ที่เวทมนตร์และสกิลทั่วไปจะเอาชนะสกิลแฝงได้
ทุกครั้งที่ตรวจสอบเสร็จ วาห์นก็จะอัพเดทข้อมูลไปยังระบบแผนที่ก่อนจะเลือกเป้าหมายถัดไป แต่น่าเสียดาย เพราะเมื่อมาถึงตอนที่เหล่าธุรกิจต่างๆ เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งในช่วงบ่าย วาห์นก็ยังไม่พบวี่แววของฮารุฮิเมะเลย
และแล้ววิธีแรกก็ถูกปิดผนึกไปชั่วคราวเนื่องจากจำนวนคนที่มีมากขึ้น
[ดวงตาแห่งการรู้แจ้ง] เป็นสกิลที่ต้องใช้สมาธิสูง ถ้าวาห์นเลื่อนไปเจอฉาก ‘เด็ดๆ’ บ่อยครั้งเข้า สมาธิของเขาก็ต้องแตกกระเจิงเป็นธรรมดา
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขามองเข้าไปในชั้นใต้ดินของอาคารและพบออร่าของเทพอยู่ด้วย
พอตรวจสอบต่ออีกหน่อย วาห์นก็เห็นภาพของเทพหนุ่มถูกมัดอยู่กับสิ่งที่ดูคล้ายไม้กางเขนขณะโดนหญิงสาวรุ่นแม่ที่สวมชุดหนังสีดำ ‘ทำโทษ’…
หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาก็เลยเปลี่ยนแผนและลองหันไปพึ่งพวกพ่อค้าขายข้อมูลแทน
เมื่อเดินมาถึงจุดหมายปลายทาง วาห์นก็เห็นว่าที่นี่มีลูกค้าเข้าออกเยอะเป็นว่าเล่น ดูแล้วคงมีความน่าเชื่อถือในระดับหนึ่ง… หรือไม่ก็เป็นเพราะที่นี่คือส่วนหนึ่งของเครือข่ายขนาดใหญ่กว่า
วาห์นปลดร่างพยัคฆ์ขาวออก ก่อนจะใช้ [แปลงโฉมพันหน้า] เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเผ่ามนุษย์แรคคูนแทน
นอกเหนือจากหูและหางของแรคคูนแล้ว เขายังเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีน้ำตาลเฮเซลนัทด้วย
หลังเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวใหม่หมดและนำหมวกติงลี่มาสวม วาห์นก็เดินเข้าไปด้านในด้วยใบหน้าที่เขาคิดว่านิ่งสุดๆ แล้ว
เพราะโดนพร่ำบอกเป็นรอบที่ล้านว่าตัวเองนั้นมีสีหน้าที่อ่านออกง่าย วาห์นจึงใช้ [จิตแห่งราชัน] ดักเอาไว้ก่อน
เมื่อก้าวเข้าสู่อาคาร สาวพนักงานต้อนรับก็สังเกตเห็นเขาทันที
ชุดพนักงานต้อนรับของที่นี่นั้นเป็นชุดเมดสีน้ำเงินและประดับไปด้วยปลอกคอเล็กๆ
หญิงสาวมีผมและดวงตาสีม่วงลาเวนเดอร์ซึ่งวาห์นบอกได้เลยว่าแม้สีหน้าจะดูสงบและมีความเป็นมืออาชีพ แต่ออร่าของเธอนั้นกลับดูเศร้าสร้อยและอับเฉามาก
เธอเดินเข้ามาใกล้และเริ่มกล่าวต้อนรับวาห์นทันที
“ยินดีต้อนรับนะคะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่ามีใครอ้างอิงที่นี่ให้หรือเปล่าคะ?
ถ้าหากว่าไม่มี คุณลูกค้าประสงค์จะคุยกับตัวแทนของเราโดยเลยหรือเปล่าคะ?”
วาห์นสังเกตเห็นว่าออร่าของหญิงสาวสั่นไหวทันทีที่เธอพูดคำว่า ‘ตัวแทน’ จนเขาอดหรี่ตามองไม่ได้
เขาตระหนักทันทีว่าสถานที่แห่งนี้เองก็ไม่ใช่สถานที่ขายข่าวธรรมดา และรู้สึกเซ็งๆ กับค่ากรรมของตัวเองขึ้นมานิดหน่อย
หลักๆ แล้วนี่เป็นสถานที่เพื่อซื้อขายข้อมูล แต่เบื้องหลังคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มค้าทาสอย่างแน่นอน
จากหญิงสาวตรงหน้า วาห์นระบุได้ว่าเธอมีอายุประมาณ 17-18 ปี และเป็นทาสซึ่งถูกบังคับให้ทำงานที่นี่
สีหน้าของวาห์นไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่หญิงสาวที่ได้รับการฝึกอ่านสีหน้าและภาษากายมาแล้วนั้นรู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่ลูกค้าประจำแน่นอน
ชายหนุ่มคนนี้คงเผลอเดินเข้ามาโดยบังเอิญก่อนจะรู้ตัวว่านี่เป็นสถานที่แบบไหน แถมเขายังออกท่าทางว่า ‘สงสาร’ เธออีก
ดวงตาของเธอเศร้าหมองลงเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเสียงเบา
“รีบออกไปเถอะค่ะ นี่ไม่ใช่ที่ที่คนใจดีแบบคุณควรมานะ…”
ราวกับโชคชะตาเล่นตลก เพราะทันทีที่เธอพูดจบ ชายหนุ่มร่างสูงที่มีผมสีทองและใบหน้าคมเข้มก็เดินออกมาจากประตูด้านหลังพอดี
คนที่อยู่ข้างๆ เขาก็คือชายชราที่แต่งตัวดูมีภูมิฐานและหญิงสาวผมสีน้ำเงินหน้าตาอิดโรยแต่ก็ยังฝืนยิ้มไว้บนใบหน้า
วาห์นยังเห็นด้วยว่าที่ข้อมือของเธอนั้นมีตราสัญลักษณ์แบบเดียวกับที่อยู่บนชุดของชายชรา แค่ดูก็รู้แล้วว่าหญิงสาวคนนั้นพึ่งจะกลายเป็นทาสของเขาแบบสดๆ ร้อนๆ เลย
หลังจากที่ชายผมทองเดินออกมาส่งลูกค้าและ ‘สิ้นค้า’ เสร็จแล้ว เขาก็เผยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพและเดินตรงเข้ามาหาวาห์นกับสาวต้อนรับ
“ทิฟฟานี่ ดูแลลูกค้าดีหรือเปล่า?” เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงสงบ
พอได้ยินชื่อของตัวเอง ทิฟฟานี่ก็โค้งให้และเริ่มอธิบาย
“แขกท่านนี้ไม่มีผู้อ้างอิงค่ะ ฉันกำลังจะส่งเขาไปหานายท่านอยู่พอดี
โปรดยกโทษที่ฉันทำงานล่าช้าด้วยนะคะ ท่านฌอนทัค”
ชายหนุ่มที่มีชื่อว่าฌอนทัคเริ่มเปลี่ยนไปยิ้มแบบเหี้ยมเกรียมขณะโบกมือไล่หญิงสาว
“เดี๋ยวฉันจะจัดการกับเธอในภายหลัง กลับไปประจำที่และไตร่ตรองความผิดของตัวเองได้แล้ว”
หลังจากโค้งให้อีกครั้ง ทิฟฟานี่ก็เดินกลับไปยืนประจำโต๊ะเล็กๆ ขณะที่ออร่าเริ่มกลายเป็นสีม่วงเข้ม (TL: สีม่วง – หวาดกลัว) และดูยุ่งเหยิงไปหมด
เพราะทิฟฟานี่พยายามเตือนเขา ตอนนี้เธอก็เลยโดนทำโทษในภายหลังเนี่ยนะ?
ความรู้สึกเย็นสงบในใจของวาห์นเริ่มแพร่ออกไปทั่วร่างกายอย่างช้าๆ ขณะเดียวกับที่ฌอนทัคกลับมาใช้รอยยิ้มแบบมืออาชีพอีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักนะหนุ่มน้อย ฉันเชื่อว่าเธอมาที่นี่เพื่อซื้อข้อมูลใช่ไหม?… หรือว่าอยากจะคุยเรื่องที่ส่วนตัวกว่านั้นล่ะ?
แต่ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ฌอนทัคผู้นี้ก็ยินดีรับใช้เสมอ
ฉันขอทราบชื่อของเธอหน่อยจะได้ไหม?” ฌอนทัคพูดพลางยื่นมือออกมาให้
หลังจากจดบันทึกในใจว่าจะกลับมาแจกโซ่ที่นี่ในอนาคตแน่นอน วาห์นก็รักษาสีหน้าไว้แบบเดิมและยื่นมือออกไปให้ฌอนทัค
“…ยาชิม่า”
วาห์นคิดไว้ก่อนแล้วว่าแต่ละ ‘ตัวตน’ ที่เขาสร้างขึ้นนั้นควรจะมีชื่อเป็นของตัวเอง
จะบอกว่าโกหกก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะขนาดข้อมูลในระบบยังอัพเดทชื่อของเขาว่าเป็น ‘ยาชิม่า’ เลย ดังนั้นฌอนทัคจึงอ่านไม่ออกว่าเขาโกหกอยู่หรือเปล่า
ชายผมทองยังคงรักษารอยยิ้มไว้แบบเดิมและพาวาห์นไปที่ห้องส่วนตัวเพื่อ ‘สัมภาษณ์’
วาห์นตรวจสอบผนังโดยรอบและพบว่ามีการวางข่ายเวทมนตร์เอาไว้ข้างในด้วย นอกจากนี้ เขายังสัมผัสได้ว่ามีออร่าหลายดวงอยู่ที่ห้องข้างๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นพนักงานหรือไม่ก็ทาสที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย
หลังจากที่ทั้งสองนั่งลง หญิงสาว 3 คนก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมด้วยน้ำชาและของว่างมากมาย
พวกเธอแต่ละคนนั้นดูอ่อนเยาว์ งดงามมาก และมีบางอย่างซึ่งเป็นที่ดึงดูดสายของผู้มอง
มีทั้งสาวลูกครึ่งเอลฟ์สายตาหยาดเยิ้ม สาวเผ่ามนุษย์ร่างเตี้ยพร้อมผมสีน้ำตาลและดูมีชีวิตชีวา และหญิงสาวหน้าคมซึ่งแม้แต่วาห์นเองก็ดูไม่ออกว่าเธอคือเผ่าพันธุ์อะไร
เธอมีผมสีฟ้าซึ่งถูกหวีและถักเปียอย่างเรียบร้อย สิ่งที่เด่นกว่านั้นก็คือเขาเล็กๆ บนหัวและหูมีขนที่ยาวออกไปทางด้านข้าง
อีกอย่างที่ดูเด่นไม่แพ้กันก็คือทรวงอกขนาดใหญ่จนน่าเหลือเชื่อและกระดิ่งซึ่งประดับอยู่ที่คอ
เมื่อเห็นสายตา ‘ประเมิน’ ของวาห์นฌอนทัคก็พูดแบบยิ้มๆ
“ดูท่าจะไม่เคยเห็นเผ่ามนุษย์วัวมาก่อนล่ะสิ?
ที่ทางตะวันตกนี่มีให้เห็นได้ทั่วไปนะ แต่ถ้าเป็นโอราริโอ้ก็ออกจะหายากสักหน่อย
เป็นไง อยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้ไหม? ฉันจัดการให้ได้นะ”
วาห์นอยากกัดฟันหนักๆ ก่อนทำอะไรบางอย่างออกไป แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ส่ายหัวพลางยิ้มให้แทน
“ฟังดูน่าสนใจดี แต่ตอนนี้ผมมีสิ่งที่สนใจมากกว่านั้น
พวกเธอทั้ง 3 คนดูงดงามมาก น่าเสียดายที่ผมมีแบบที่ชอบอยู่แล้วครับ”
ฌอนทัคส่งสายตาให้ทั้งสามออกจากห้องไปก่อน และกลับมาถามต่อ
“โห? ฉันยังค่อนข้างมั่นใจนะว่าทางเราต้องมีข้อมูลหรือ..
อะไรก็ตามที่เธอสนใจแน่นอน
เรื่องนี้ขอเอาหัวกับเกียรติของพ่อค้าเป็นประกันเลย แต่แน่นอนว่าทางฝั่งลูกค้าก็ต้องจ่ายไหวด้วย
เพราะนี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเรา ฉันเลยอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้หน่อยน่ะ คุณยาชิม่า
ว่าแต่.. เธอมาจากที่ไหนเหรอ? แล้วก็อะไรนำพาให้เธอมาที่นี่กันล่ะ?
ดวงตาของฌอนทัคเริ่มเปล่งแสงเย็นชาออกมาทั้งๆ ที่ใบหน้ายังคงดูเป็นมิตรเหมือนเดิม
วาห์นเริ่มอธิบายเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย
“ผมเพิ่งย้ายมาโอราริโอ้ได้นานนี้เองครับ
บ้านเกิดของผมคือเมืองท่าที่ชื่อว่า ‘บรี’ และอยู่ให้กลับแนวเกาะอสรพิษ
พอมาถึงที่นี่ ผมก็เข้าสมัครเป็นนักผจญภัยทันที
ผมเพิ่งจะรู้จักกับที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เองครับ
ส่วนสาเหตุที่มาก็เพราะผมกำลังตามหาหญิงสาวเผ่าพันธุ์หนึ่ง
อืมม เป็นเผ่าที่ค่อนข้างหายากน่ะครับ ที่บ้านเกิดของผมก็มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นเอง
ไม่ได้อยากจะโม้นะครับ แต่เรื่องจีบหญิงนี่ผมไม่เคยพลาดเลย
แต่แบบที่ผมต้องการมันหาจากจริงๆ…”
นอกเหนือจากเรื่องที่มาจาก ‘บรี’ แล้ว วาห์นแทบไม่ได้โกหกเลย
เป็นอีกครั้งที่ฌอนทัคบอกไม่ได้ว่าเขาพูดจริงแค่ไหน
จากมุมมองของเขา การที่วาห์นปกปิดสถานที่เกิดนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ครอบครัวที่อยู่ทางนั้นก็จะได้ไม่โดนลูกหลงไปด้วย
เพราะส่วนที่เหลือฟังแล้วน่าจะเป็นความจริง นั่นทำให้วาห์นถูกจัดอยู่ในกลุ่ม ‘ลูกค้าที่ดี’
ฌอนทัคพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ดูเหมือนว่าชะตาของเราจะต้องกันนะ
เธอมีความปรารถนา แล้วฉันก็สามารถจัดหาให้เธอได้ทุกอย่าง
มาลงเรื่องรายละเอียดกันเลยไหม คุณยาชิม่า?”
ฌอนทัคยื่นมือไปหยิบชาที่อยู่บนโต๊ะและชูมันขึ้นราวกับกำลังฉลองความสำเร็จ
และแม้จะตรวจพบสารเคมีบางอย่างในถ้วย วาห์นก็ชูแก้วของตัวเองขึ้นเช่นกัน… ก่อนจะดื่มมันแบบไม่ลังเล