Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 255
หลังคิดแผนเสร็จ วาห์นก็แอบเข้าไปไหนนั้นโดยหลบหลีกการตรวจจับต่างๆ ด้วยความระมัดระวัง
เขาได้เสียงนอนกรนเล็ดลอดออกมาจากหลายๆ ห้อง แต่ว่าบางห้องก็ยังไม่เสร็จศึกกันและห้ำหั่นกันต่อไปแบบลืมวันลืมคืน
วาห์นทำจิตใจให้สงบและค่อยๆ เดินหน้าต่อโดยกางเขตแดนอำพรางแบบเต็มกำลัง
ในที่สุดเขาก็มาถึงโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ติดกับห้องของฮารุฮิเมะ
และที่หน้าห้องของเธอ สาวชาวอเมซอนคนนั้นก็ยังนั่งเฝ้าอยู่แบบเดิม
พอเห็นชายสวมผ้าคลุมสีเทาเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวก็ยืนขึ้นและเอียงหัวด้วยความสงสัย
“หืมม~? ถ้าเป็นลูกค้าล่ะก็ ฉันคงต้องขอให้คุณถอดผ้าคลุมออกก่อนนะคะ
หลบซ่อนใบหน้าแบบนั้น ถือว่าผิดกฎของทางเราค่ะ”
วาห์นไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเลิกส่วนที่คลุมหน้าขึ้นและเผยให้เห็นเรือนผมสีขาว หูเสือ และดวงตาสีฟ้า
เมื่อเห็นใบหน้าของเขา คิ้วของหญิงสาวชาวอเมซอนก็เลิกขึ้นก่อนจะพูดต่อ
“อ้าว นายเองเหรอ?”
วาห์นส่งยิ้มกลับไปให้เธอ
“เรื่องวันก่อนต้องขอโทษด้วยนะ”
ถึงออร่าของอเมซอนสาวจะดูรุนแรงกว่าเดิม แต่วาห์นสังเกตเห็นว่ามันยังไม่ถึงขั้น ‘เป็นศัตรูกัน’
เธอยังคงยิ้มยั่วยวนไม่ต่างจากตอนที่เจอกันครั้งแรก
“โห? นี่มาง้อฉันถึงที่นี่เลยเหรอ~”
ก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินออกมาหา วาห์นก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามไว้ก่อน
“ที่ฉันมานี่เพราะเรื่องอื่นน่ะ…”
ก่อนจะได้พูดต่อ หญิงสาวก็เริ่มหัวเราะ
“ชายปริศนาที่เฝ้าตามหาฮารุฮิเมะไปทั่วก็คือวาห์น เมสันผู้โด่งดังนี่เอง… มาเล่นเป็นฮีโร่ถึงที่นี่เลยงั้นสิ?”
คิ้วของวาห์นขมวดเข้าหากันพร้อมกับใบหน้าที่ดูดุดันยิ่งขึ้น
ก่อนจะได้ถามกลับ อเมซอนสาวก็อธิบายต่อ
“ข้อมูลของนายนี่มีน้อยมากเลยนะ แต่มันก็ไม่ได้ลับสุดยอดขนาดนั้น
เรื่องที่แปลงร่างได้ นายเป็นคนประกาศออกมาเองไม่ใช่เหรอ~? (TL: ตอนที่ 84)
แล้วคิดว่าในเมืองมีเผ่ามนุษย์เสืออยู่กี่คนกันล่ะ แถมที่เป็นเสือขาวตาสีฟ้าก็เห็นจะมีแต่นายนี่แหละ…”
หลังจากนึกตามสิ่งที่เธอเล่า วาห์นก็ตระหนักว่าเขาไม่เคยพยายามซ่อนเรื่องพวกนี้แบบจริงๆ จังๆ เลย
“แล้วเธอจะมาหยุดฉันหรือเปล่า?”
หญิงสาวหรี่ตาเล็กลงขณะใช้มือลูบปุ่มที่เอาไว้ปลดช่วงล่างออก
“ก็ขึ้นอยู่กับว่า… นายคิดจะทำอะไรล่ะมั้ง~?
ถ้ามาในฐานะลูกค้า ฉันก็ยินดีที่จะดูแลนายเอง แต่ถ้าคิดแตะต้องฮารุฮิเมะ… คงปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้”
วาห์นขมวดคิ้วพลางถามต่อ
“เธอเป็นอะไรกับฮารุฮิเมะกันแน่? ท่าทางก็เหมือนกับจะเป็นห่วงเธอมาก แต่ฉันเห็นสภาพของฮารุฮิเมะแล้ว… แบบนี้เขาไม่เรียกว่า ‘ปกป้อง’ หรอกนะ”
รอยยิ้มของอเมซอนสาวเหือดหายไปในทันทีและถูกแทนที่ด้วยสีหน้าจริงจังแทน
“ฉันกำลังปกป้องเธออยู่… นายไม่รู้อะไรแล้วอย่ามาพูดดีกว่า
ถ้าทำได้ ฉันก็คงพาเธอออกไปจากที่นี่นานแล้ว”
วาห์นชักกรงเล็บออกมาและถามต่อด้วยน้ำเสียงแบบเดียวกัน
“ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยฮารุฮิเมะ ขอถามอีกทีนะ เธอจะมาขวางฉันหรือเปล่า?”
ต่อให้อิชทาร์สัมผัสได้ว่ามีคนบุกเข้ามา วาห์นก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากเร่งมือให้เร็วขึ้น
ชายหนุ่มสงสัยจริงๆ ว่าเทพสาวคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงทิ้งคนเฝ้าฮารุฮิเมะไว้แค่คนเดียว
อเมซอนสาวถามกลับด้วยสีหน้าเกี้ยวกราด
“นายคิดว่าตัวเองมุ่งมั่นพอที่จะปกป้องฮารุฮิเมะได้ตลอดงั้นเหรอ!? ทำไมฉันฝากเธอไว้กับนายด้วย!?”
วาห์นบีบอัดพลังเขตแดนและใช้มันกดดันเธอแทนคำตอบ
กว่าร่างกายของเธอจะกลับมาขยับได้ในอีก 2-3 วินาทีถัดมา [เอ็นคิดู] ก็มาพันอยู่รอบแขนขาเรียบร้อยแล้ว ตามมาด้วยกรงเล็บของวาห์นที่จ่ออยู่ตรงหน้าท้อง
อเมซอนสาวมองเขาด้วยสีหน้าตื่นตกใจหลังจากพบว่าตัวเองไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย
ไม่ว่าจะออกแรงมากแค่ไหน ห่วงโซ่ทุกข้อก็ยังคงอยู่ที่เดิม
เธอมองลงไปหาวาห์นและกำลังจะอ้าปากด่าเขาอยู่รอมร่อ แต่ก่อนจะได้ส่งเสียงออกไป ความร้อนมหาศาลก็พุ่งผ่านร่างกายจนกล้ามเนื้อส่วนล่างใช้การไม่ได้
โซ่ที่พันอยู่รอบขาถูกคลายออก ก่อนที่มันจะค่อยๆ ลดระดับลงมาจนเธอตกอยู่ในท่าคุกเข่ากับพื้น
วางฝ่ามือลงบนศีรษะของเธอและพูดอย่างชัดเจน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งที่เคยพูดหรือให้สัญญาไปแล้ว
ไม่สำคัญว่ามันจะลำบากหรือยากเย็นแค่ไหน เพื่อคนที่ฉันห่วงใย วาห์น เมสันขอยอมตายดีกว่ายอมถอยหนี”
พูดเสร็จแล้ววาห์นก็เริ่มอัดออร่าของตัวเองเข้าไปในตัวหญิงสาวเพื่อกำจัดพลังงานแปลกปลอมบางอย่างที่อยู่ในตัวเธอ
ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างขณะที่เธอกัดฟันแน่นเพื่อต้านทานพลังที่อีกฝ่ายส่งมาแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า
ผ่านไปอีกหลายวินาที หญิงสาวก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงนั้นหดหายไปหมด
ภายในจิตใจก็ว่างเปล่าราวกับมีบางอย่างขาดหายไป ทว่าภายในความว่างเปล่านั้น เธอกลับรู้สึกเหมือน ‘ได้เป็นอิสระ’ ราวกับโซ่ตรวนที่ฝังอยู่จิตใจมานานได้ถูกปลดออกจนหมด
ในขณะเดียวกัน โซ่สีทองที่พันแขนและลำตัวก็ถูกปลดออกเช่นกัน ก่อนที่ชายหนุ่มตรงหน้าจะเข้ามาช่วยพยุงให้เธอนอนกับพื้น
“เธอไม่ใช่คนเดียวที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคนอื่นนะ ตอนนี้หัวก็น่าจะโล่งขึ้นแล้ว ต่อไปอยากทำอะไรก็ทำเถอะ… แค่อย่ามาขวางฉันก็พอ”
วาห์นลุกขึ้นยืนอีกครั้งหลังจากขับพลังงานสีชมพูน่าขยะแขยงออกไปจากร่างของหญิงสาวจนหมด
เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจว่ามันคืออะไร แต่สัญชาตญาณกำลังร้องเตือนว่านั่นคือพลังศักดิ์สิทธิ์แห่ง ‘มนต์เสน่ห์’ ที่อิชทาร์ใช้ควบคุมหญิงสาวตรงหน้า
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้เป็นห่วงฮารุฮิเมะมากแต่กลับปล่อยให้เธอทนทุกข์อยู่ที่นี่ต่อโดยไม่ทำอะไรเลย
เหตุผลเดียวที่วาห์นนึกออกก็คือเธอกำลังถูกพลังบางอย่างครอบงำจิตใจ แต่ถึงจะโดน ‘มนต์เสน่ห์’ เข้าไป เธอก็ยังมีสติอยู่บ้างและคอยอยู่ใกล้ๆ ฮารุฮิเมะเสมอ
คนที่สะกดเธอไว้คงจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้และบิดเบือนความคิดจาก ‘เฝ้าปกป้อง’ ให้เห็น ‘เฝ้าไม่ให้หนีไปไหน’ แทน
เป็นเรื่องน่าเศร้าจริงๆ แต่นับว่าจิตใจของหญิงสาวนั้นแข็งแกร่งมากเพราะป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่โดนเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์
อเมซอนสาวเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าสับสน
“เอ๋ ได้ยังไงกัน? ไม่น่าเป็นไปได้เลย…”
วาห์นมองกลับลงมาพร้อมรอยยิ้มมั่นใจ
“เรื่องที่คนอื่นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เคยสนใจอยู่แล้ว
พยายามทำให้ดีที่สุด ผลจะเป็นยังไงต่อไปก็ค่อยมาคิดทีหลัง… แล้วนี่เธอยังจะขวางฉันอยู่หรือเปล่า?”
เป็นเวลาหลายวินาทีที่หญิงสาวมองวาห์นราวกับว่าเขาเป็นตัวอะไรสักอย่างที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของโลกใบนี้
เธอพอมองออกว่าชายหนุ่มอ่อนแอกว่าตัวเองเล็กน้อย แต่เขากลับเอาชนะเธอได้ง่ายๆ ภายในเวลาไม่กี่วินาที แถมเธอยังไม่มีโอกาสได้ใช้สกิลอะไรออกมาเลยนะ!
ตอนนี้เขาทำให้เธออ่อนแอจนแม้แต่ยืนยังยืนไม่ไหวเลย หนำซ้ำยังสลายมนต์เสน่ห์ที่อิชทาร์ร่ายไว้ออกไปได้ด้วย
อย่าว่าแต่ปกป้องฮารุฮิเมะเลย ตอนนี้เธอยังปกป้องตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ
‘อย่างน้อยผลที่ออกมาก็ไม่ได้แย่ไปซะหมดนี่นะ’ หญิงสาวคิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“ชื่อของฉันคือไอช่า… ไอช่า เบลก้า… ได้โปรดปกป้องฮารุฮิเมะด้วยนะ
ตอนนี้ฉันจะเชื่อใจนายไปก่อน เดี๋ยวจะช่วยถ่วงเวลาให้สักพัก”
วาห์นพยักหน้าก่อนจะวาง ‘โพชั่นฟื้นพละกำลังชั้นสูง’ ไว้บนพื้นเพื่อให้ไอช่ากลับมาขยับตัวได้อีกครั้ง
หลังโดนจัดไปชุดใหญ่ ออร่าของเธอก็สงบลงกว่าเดิมมากจนเขาค่อนข้างวางใจ
ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของฮารุฮิเมะ วาห์นก็พึมพำออกมาเบาๆ
“เราทุกคนต่างมีเส้นทางเป็นของตัวเอง… อย่าเลือกทางที่ทำให้คนอื่นเสียใจอีกเลย
อิชทาร์ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก อีกเดี๋ยวเธอนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายโดนจัดการเสียเอง…”
พูดเสร็จวาห์นก็เปิดประตูและเข้าไปในห้องโดยไม่รอฟังคำตอบ
เขาสัมผัสได้ว่าไอช่าหยิบโพชั่นขึ้นจากพื้นก่อนจะเดินไปตามห้องโถงด้วยจิตใจที่ฮึกเหิมกว่าเดิมมาก
ขณะที่เขาให้ความสนใจกับเรื่องนอกห้อง ร่างของฮารุฮิเมะก็กระตุกเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนฟูกที่เต็มไปด้วยของเหลวน่าขยะแขยง
ชายหนุ่มที่เข้ามาในห้องไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกสะดุ้งสะเทือนหรือจัดแจงเสื้อผ้าให้ดูเข้าที่เลย เธอแค่หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาเช็ดตามร่างกายก่อนจะเดินเข้ามาหา ‘ลูกค้าคนใหม่’
วาห์นจ้องมองการเคลื่อนไหวนั่นด้วยสีหน้าเจ็บปวดและรีบดึงมือก่อนที่ฮารุฮิเมะจะเข้ามาถอดเสื้อผ้าของเขาออก
หญิงสาวแหงนมองด้วยสีหน้าสับสนและถามขึ้นทันที
“ไม่ชอบแบบนี้เหรอคะท่าน? ฉัน… อาจไม่ค่อยมีประการณ์แต่ว่า-”
ก่อนที่ฮารุฮิเมะจะได้พูดจนจบ วาห์นก็วางมือลงบนหูจิ้งจอกนุ่มฟูและเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อขับไล่ความรู้สึกด้านลบออกไป
“ฮารุฮิเมะ ฉันมาเพื่อพาเธอออกไปจากที่นี่ ทาเคมิคาสึจิไหว้วานให้ฉันมาช่วยเธอน่ะ…”
ตอนแรกนั้นฮารุฮิเมะยังรู้สึกงงๆ อยู่บ้าง แต่พอวาห์นเอ่ยชื่อของทาเคมิคาสึจิออกมา เธอก็รู้ทันทีว่าเขามาช่วยจริงๆ
ฮารุฮิเมะไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้จะมาถึง แถมความอบอุ่นจากมือนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกดีและปลอดภัยมากเหลือเกิน
ความเจ็บปวดที่ผ่านมาค่อยๆ สลายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก
ทว่าน้ำตาของฮารุฮิเมะกลับเริ่มซึมออกมาขณะที่เจ้าตัวส่ายหัวช้าๆ
“มันสายเกินไปแล้ว… ฉันไม่คู่ควรที่จะให้ใครมาช่วย ไม่คู่ควรเลยสักนิด
ตอนนี้ฉันเป็นแค่หญิงโสเภณี… เป็นผู้หญิงสกปรกที่ไม่ควรค่าให้ใครมาจดจำ
หากพาฉันออกไปจากที่นี่… คุณก็จะต้องมาลำบากทีหลัง”
แต่ละถ้อยคำที่เธอพูดทำหัวใจของวาห์นรู้สึกเหมือนโดนบีบคั้นอย่างหนัก
เขาส่ายหัวขณะประคองใบหน้าของเธอไว้และมองเข้าไปในดวงตาสีเขียว
“นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เธอเลือกเอง เธอมีสิทธิ์ที่จะเป็นอิสระและไขว่คว้าหาความสุขเหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ
ฉันไม่รู้ว่า 3 ปีที่ผ่านมานั้นเธอมีชีวิตแบบไหน แต่ขอบอกไว้เลยว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงสกปรก” วาห์นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ฮารุฮิเมะจับข้อมือของวาห์นไว้และชักหน้าหนีพร้อมพูดเสียงดังกว่าเดิม
“ไม่ คุณไม่เข้าใจ…”
ก่อนที่เธอจะพูดต่อ วาห์นก็ตัดสินใจชี้แจงบางอย่างเพราะมันอาจทำให้เธอใจเย็นลง
“ฮารุฮิเมะ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอจะคิดยังไงกับเรื่องนี้… แต่ฉันเชี่ยวชาญเรื่องร่างกายของมนุษย์มากกว่าพวกหมอเก่งๆ ในเมืองซะอีก
ฉันขอยืนยันได้เลย… ว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่”
สีหน้าเศร้าโศกสลายหายไปราวกับภาพลวงตาและถูกแทนทีด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“….เอ๋~!!!? จะเป็นไปได้ยังไงกัน!”
เพื่อพิสูจน์เรื่องที่ตัวเองเข้าใจมาตลอด ฮารุฮิเมะหยิบผ้าเช็ดตัวที่เธอเคยเช็ดขึ้นมาถือไว้
“ดูนี่สิคะ ดูของสกปรกพวกนี้สิ!
ทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้ามา ฉันก็จะตื่นขึ้นพร้อมเหลวเหม็นๆ นี่ไง!”
วาห์นคว้าผ้าเช็ดตัวนั่นไว้ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นเถ้าถ่านทันที
“หลังออกจากที่นี่แล้วเราค่อยมาพิสูจน์เรื่องนี้กันอีกทีก็ได้
ที่เธอต้องทำก็แค่ถามเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์หรือไม่ก็ให้ผู้หญิงคนอื่นตรวจสอบให้
แต่ถ้าให้ฉันเดานะ ของเหลวพวกนี้ถูกใช้เพื่อกดดันเธอ แล้วก็ทำให้เธอไม่กล้าคิดหนีออกไปจากที่นี่…”
ดวงตาของฮารุฮิเมะเบิกกว้างขึ้นขณะพยายามไตร่ตรองทุกสิ่งที่วาห์นพูด จากนั้นเธอก็ยกมือขึ้นมาแนบหูของตัวเองพร้อมกับนั่งแหมะลงกับพื้น
“จะเป็นแบบนั้นจริงๆ เหรอ… นี่เราไม่ใช่ผู้หญิงสกปรกหรอกเหรอ?”
ขณะที่หญิงสาวยังตกอยู่ในห้วงความคิด วาห์นก็ลงมานั่งคุกเข่าข้างๆ และช่วยจัดกิโมโนให้ดูเข้าทีเข้าทางมากขึ้น
ฮารุฮิเมะมองเข้าไปในดวงตาสีน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“จริงเหรอคะ? ฉันจะกลับไปมีความสุขได้จริงเหรอ? คุณจะช่วยฉันออกไปจริงๆ ใช่ไหมคะ?”
วาห์นยิ้มให้เธอเล็กน้อยขณะตอบกลับไป
“แน่นอนสิ ต่อให้ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนไม่กล้าคิดหนี แต่ฉันก็จะลากเธอออกไปจากที่นี่อยู่ดี
โลกน่ะไม่ได้มีแค่ห้องเล็กๆ นี่นะ ปล่อยวางเรื่องแย่ๆ ที่เกิดขึ้น แล้วก็ออกไปหาความสุขข้างนอนแทนเถอะ
ไม่ต้องกังวลเรื่องอิชทาร์กับแฟมิเลียของเธออีกแล้ว ปล่อยให้ฉันกับคนอื่นๆ จัดการเรื่องนี้เอง”
คำพูดนั่นทำให้ดวงตาของฮารุฮิเมะแจ่มชัดยิ่งขึ้น พร้อมกับหางจิ้งจอกที่แกว่งกับพื้นไปมา
ครู่ต่อมา ฮารุฮิเมะก็ก้มหัวลงและพูดในสิ่งที่คิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้พูดอีกแล้ว
“ได้โปรดช่วยฉันด้วยนะคะ!”
วาห์นยิ้มให้ก่อนจะลูบหัวของเธออย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก… ไปกันเถอะ มีคนอยากเจอเธอจะแย่อยู่แล้ว
มากับฉัน… ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้วนะ”
พูดจบวาห์นก็อุ้มฮารุฮิเมะขึ้นมาจนเจ้าตัวตกใจเล็กน้อย ไม่นานเธอก็เอาแขนมาคล้องคอของเขาแต่โดยดี
เธอสัมผัสได้ทันทีว่าร่างกายของวาห์นนั้นร้อนมาก ร้อนดั่งเตาไฟกลางบ้านที่ชั่วสร้างความอบอุ่นและขับไล่ความมืดให้ออกไปด้านนอก
ณ วินาทีนี้ ภาพที่ฮารุฮิเมะมองเห็นก็คือผู้กล้าที่อาจหาญเข้ามาช่วยปลดปล่อยเธอจากความทุกข์ทั้งปวง
ตอนนี้วาห์นดูไม่ต่างอะไรจากพวกวีรบุรุษจากนิทานก่อนนอน ส่วนตัวเธอก็เป็นเจ้าหญิงนั่นเอง
หญิงสาวไม่รู้เลยว่าอนาคตจะมีอะไรรออยู่ แต่เธอก็หวังลึกๆ ว่า ‘ความสุขชั่วรันดร์’ อาจอยู่ไม่ไกลเกินไปนัก…