Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 271
เพราะใกล้ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว วาห์นจึงมุ่งหน้าไปทางห้องครัวและพบกับมิลาน ทีน่า เอมิรุ และมาเอมิที่กำลังเตรียมอาหารกันอยู่
เขาแค่ยิ้มๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนมองมาและพูดขึ้น
“วันนี้ฉันจะช่วยด้วยนะ”
วาห์นยื่นมือออกไปลูบหัวและใบหูของทีน่าที่ทำหน้าหงอยๆ พร้อมกับผสานพลังงานอบอุ่นเข้าไปในฝ่ามือ
เด็กสาวเอียงศีรษะตามการเคลื่อนไหวของมือพลางเงยหน้ามาดูวาห์นที่กำลังใช้อีกมือหยิบผักขึ้นมาและเริ่มหั่นมันอย่างชำนาญ
มิลานยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกลับไปทำความสะอาดผักอย่างอื่นและส่งต่อไปให้วาห์นหั่น
วาห์นใช้มีดกวาดส่วนที่หั่นแล้วไปทางทีน่าและเธอก็เริ่มจัดพวกมันใส่จานอย่างสวยงาม
เอมิรุและมาเอมิเฝ้ามองทุกอย่างจากด้านข้างขณะกำลังปอกเปลือกมันฝรั่งและแสดงสีหน้าอิจฉาเมื่อเห็นทีน่า ‘ได้รับความเอ็นดู’ จากวาห์น
พวกเธอเคยได้ยินเรื่อง ‘ความสามารถ’ ของเขามาบ้างแล้วและอยากรู้ว่ามันจริงแท้แค่ไหน
ทว่าในฐานะสาวใช้ การจะให้พวกเธอเข้าหาวาห์นก่อนนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่สาวใช้บ้านไหนเขาทำกัน
ทั้งคู่เคยแอบฝันและถึงขั้นแอบหวังนิดๆ ว่าวาห์นจะเข้ามาหาในคืนแรกด้วยซ้ำ
ตั้งแต่ที่ถูกช่วยออกมา สองฝาแฝดก็เกิดอาการเพ้อเล็กน้อยว่าจะได้อยู่กับผู้ที่ให้ความช่วยเหลืออย่างมีความสุข (พื้นหลังสีชมพูติดประกายพร้อมดอกไม้)
นี่เป็นเรื่องที่ทั้งสองไม่เคยบอกใครมาก่อน ว่าความฝันของพวกเธอก็คือการย้ายมาอยู่ในเมืองเพื่อหลีกหนีชีวิตจำเจจองบ้านเกิด
การได้เป็นสาวใช้ของเด็กหนุ่มรูปหล่อแถมยังร่ำรวยอีกนั้น ถ้าไม่เรียกว่าโชคดีๆ สุดก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว
และถึงจะไม่ได้เป็นภรรยาของเขา แต่พวกเธอก็ยังมีไม้เด็ดอย่าง ‘การบริการแบบแพ็คคู่’ เก็บซ่อนไว้อยู่อีก
วาห์นนั้นแสดงความเมตตาต่อพวกเธอมาโดยตลอด แถมยังมอบเงินใช้จ่ายให้อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งสองจึงอยากใกล้ชิดเขามากกว่าเดิม
เพราะถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้หญิง วิธีดึงดูดให้เขามาสนใจนี่มัน… ต่อให้คิดอีกห้าวัน สิบวันก็ยังคิดไม่ออก
ไม่ใช่ว่าพวกเธอดูถูกหน้าตาตัวเอง แต่คนรักของวาห์นนั้นยังมีเทพธิดารวมอยู่ด้วย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองจะเทียบเคียงได้เลย
นอกจากนั้นยังมีอุปสรรคที่มีชื่อว่า ‘รุ่นพี่เฟนเรียร์’ ซึ่งสัญชาตญาณต่างกรีดร้องบอกทั้งสองว่าถ้าเล่นตุกติกเมื่อไหร่ เป็นต้องโดน ‘เขมือบ’ แน่นอน
พวกเธอรู้สึกกลัวสายตาสีแดงสว่างนั่นขึ้นสมองเลย ถึงอีกฝ่ายจะดูเด็กกว่ามากก็ตาม
หลังจากเตรียมอาหารกันเสร็จแล้ว ทั้งห้าก็นำพวกมันออกไปเสิร์ฟให้กับคนอื่นๆ ที่รออยู่
เกิดการสลับที่นั่งกันเล็กน้อยโดยฮารุฮิเมะเปลี่ยนมานั่งตรงที่ของริว หรือก็คือข้างๆ วาห์นนั่นเอง
เฮสเทียยังคงปักหลักอยู่ตรงด้านขวาเช่นเดิม ส่วนเพรเซียนั้นได้ยึดเอาที่นั่งฝั่งตรงข้ามไว้เรียบร้อยแล้ว
จากค่าความชื่นชอบที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วาห์นรู้ว่าแกะสาวคงมี ‘ความคิดบางอย่าง’… แต่นั่นก็ถือเป็นเรื่องของอนาคตไปก่อนละกัน
ตอนนี้เขามีเรื่องให้คิดตั้งเยอะแยะ และการมีผู้หญิงเพิ่มมาอีกคนนั้นไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน… ที่จริง ถ้ามองว่ามันไม่ใช่ปัญหาซะก็สิ้นเรื่อง
เขาคงแค่วางเงื่อนไขแบบเดียวกับฮารุฮิเมะ ลิลลี่ และผู้หญิงคนอื่นๆ ไปก่อน
ที่เหลือก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
ในระหว่างทานอาหารกลางวัน พวกสาวๆ ก็คุยฟุ้งเรื่องของที่ไปซื้อกันมา ส่วนวาห์นที่ยังรู้สึกสงสัยจนต้องแอบหันมามองแบบเนียนๆ ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าฮารุฮิเมะนั้นใส่เสื้อผ้า ‘ครบถ้วน’
ตอนนี้เรนาร์ดสาวกำลังแนบชิดติดกับตัวของเขาโดยนำหางมาพันรอบเอว แต่เธอก็ยังคงรักษาท่าทางสง่างามไว้เช่นเดิมขณะรับประทานอาหารและพูดคุยกับคนอื่นอย่างสุภาพ
วาห์นเห็นว่าเฮสเทียทำตัวแปลกๆ แต่เธอก็ตอบกลับมาว่าไม่มีอะไรหลังจากถูกถามตรงๆ
เทพตัวเล็กแค่หัวเราะแห้งๆ และพึมพำบางอย่างที่เบาจนเขาไม่ได้ยิน
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เฮสเทียหยุดเข้ามาอ้อนและขอให้เขาป้อนอาหารให้ทาน
นับเป็นภาพที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าขอให้เขาทำแบบเดียวกัน
ส่วนผู้กล้าที่แท้จริงอย่างเฟนเรียร์นั้นก็มีมิลานมาคอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้อยู่แล้ว เธอจึงไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่
อุ้งมือของเผ่าวานากานดร์ทำให้การจับช้อนส้อมยากกว่าคนปกติหลายเท่า
เพื่อรักษามารยาทบนโต๊ะอาหาร เฟนเรียร์จึงมักจะทานสิ่งที่คนอื่นป้อนให้แทน
ถ้ามิลานกับทีน่าไม่อยู่ วาห์นก็จะเป็นคนรับหน้าที่นี้เอง
หลังจากทานกันเสร็จแล้ว ริวก็ถามขึ้น
“วาห์น คิดไว้หรือยังว่าช่วงบ่ายจะทำอะไร?”
วาห์นรู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนอะไรไว้จริงๆ นั่นแหละ
“ยังเลยนะ เธอมีธุระอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?”
แม้จะคุยอยู่กับริวสองคน แต่วาห์นสังเกตเห็นว่าทุกคนต่างมองมาทางเขาแบบแปลกๆ อีกแล้ว
ริวพยักหน้าพลางพูดต่อ
“ฉันเคยคุยเรื่องนี้กับเฮสเทียไว้บ้างแล้ว อยากจะขอให้นายช่วยอัพเดทและดูกระดานค่าสถานะของสมาชิกในแฟมิเลียให้หน่อย
เพราะว่านายสามารถดูสกิลที่ซ่อนอยู่ได้ ยิ่งเข้าใจเรื่องศักยภาพของแต่ละคนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีกับทางเราในระยะยาว
นั่นรวมถึงของฉันเองด้วยนะ พอเสร็จแล้วเราจะได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการฝึกตามความเหมาะสม”
วาห์นเลิกคิ้วเล็กน้อยและพยายามนึกภาพตามสิ่งที่ริวพูด
เขาเคยบอกเธอกับเฮสเทียเรื่องสกิลแฝงของฮารุฮิเมะและเน้นย้ำว่าไม่ควรพูดเรื่องนี้ให้เจ้าตัวรู้เพราะมันจะทำให้การปลุกสกิลแฝงยากกว่าเดิม
ต่อให้เขาบอกเจ้าตัวแบบตรงๆ ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นริวล่ะก็ เธอคงแนะแนวทางให้กับคนอื่นได้แน่
ในส่วนของตัวริวนั้น วาห์นคงต้องช่วยแนะแนวเธอเป็นการส่วนตัวโดยไม่พูดอะไรเกินความจำเป็น
ยิ่งคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งน่าสนใจ โดยเฉพาะเหล่าตัวละครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเดิม…
ตอนนี้ยังไงมีใครพูดอะไรออกมา แต่วาห์นสัมผัสได้ว่าบรรยากาศในห้องนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย แถมยังเป็นเพียงไปกี่ครั้งที่พรีเซียละสายตาจากเขาและหันไปมองเฮสเทียแทน
พอเข้าใจว่าหญิงสาวกำลังคิดอะไรอยู่ วาห์นก็พูดดักทางไว้ก่อน
“พรีเซีย เธอยังไม่ต้องห่วงเรื่องเข้าร่วมแฟมิเลียหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ
ตอนนี้ค่อยๆ พักฟื้นร่างกายไปก่อนก็พอ
เธอสามารถอยู่ที่นี่ต่อได้นานเท่าที่ต้องการ ไม่ต้องรีบร้อนแล้วก็ค่อยๆ คิดไปเรื่อยๆ…”
พอเห็นว่าวาห์นพูดด้วย พรีเซียจึงหันกลับมาหาเขาก่อนจะกระซิบตอบเบาๆ
“ถ้า… คุณว่าอย่างนั้น…”
บรรยากาศในห้องทำให้ทีน่ารู้สึกคล้อยตามคนอื่นอยู่เหมือนกัน แต่พอได้ยินสิ่งที่วาห์นคุยกับเพรเซียแล้วก็เลยตัดสินใจเก็บเอาไปคิดก่อน
มิลานเห็นท่าทางนั่นก็เลยลูบหัวลูกสาวเบาๆ
“ไม่เป็นไรนะลูก รอต่ออีกหน่อยก็ได้
จะรับตราสัญลักษณ์ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี เพราะลูกยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าดันเจี้ยน
วาห์นเองก็คงอยากให้ลูกรอไปก่อน ดังนั้นไม่ต้องรีบหรอกนะ”
ทีน่าพยักหน้าแทนคำตอบและกลับไปทานอาหารต่อ
ไม่นานทุกคนก็ทานกันจนเสร็จและเริ่มเก็บจานชามไปล้าง
เพราะนี่เป็นโอกาสเหมาะ วาห์นจึงมอบสายวัดตัวให้กับมิลาน เอมิรุ มาเอมิ และฮารุฮิเมะ
สีหน้าแปลกๆ ของพวกเธอทำให้วาห์นต้องรีบอธิบายเรื่องที่เขาคิดจะทำชุดและอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับทุกคนในอนาคต
จะให้เขาไปวัดเองมันก็ได้อยู่หรอก แต่วาห์นอยากปล่อยให้คนที่มีประสบการณ์เรื่องตัดเย็บจัดการมากกว่า
—
ขณะที่ส่วนใหญ่กำลังง่วนเรื่องวัดตัว วาห์นก็เข้ามารออยู่อีกห้องพร้อมกับเฮสเทียและฮารุฮิเมะ
เพื่อทำให้การตรวจสอบง่ายขึ้น ทุกคน (ยกเว้นมิโคโตะ) จึงเปลี่ยนไปใส่ชุดสีดำขนาดเล็กที่สามารถเปิดส่วนหลังได้แทน
วาห์นคิดว่ามันดูเหมาะมาก แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อพบว่ามันไม่มีช่องให้หางผ่าน… ช่วงล่างนี้โผล่ยับเลย
คู่แฝดนั้นวัดตัวแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้วเพราะต่างมีขนาดเท่ากันเกือบทุกส่วน แฝดอีกคน หรือในกรณีนี้ก็คือมาเอมิ จึงเข้ามาที่ห้องตรวจก่อนใครเพื่อน
เธอนี่แหละที่เป็นคน ‘โชว์ของดี’ ต่อหน้าเขาก่อนจะลงมานั่งหันหลังที่เก้าอี้
วาห์นเห็นหางที่แกว่งไปมาอย่างช้าๆ ซึ่งดูก็รู้ว่าเธอพยายามยั่วเขาอยู่
เพราะตัดสินใจแล้วว่าช่วงนี้ควรละๆ ลงบ้าง ดังนั้นก่อนที่เฮสเทียจะเข้ามาตักเตือนมาเอมิ วาห์นก็เลยยื่นนิ้วชี้ออกไปจี้ตรงปลายหางของเธอเสียก่อน
“…อ้ะ!!”
มาเอมิถึงกับตกใจจนกระเด็นไปข้างหน้าและหมอบคว่ำลงกับพื้น… ที่นี้ล่ะเห็นกันหมดเลย
หญิงสาวหันกลับมามองใบหน้ายิ้มๆ ของวาห์นด้วยสีหน้าสับสน
“ขอบใจนะที่พยายามทำเพื่อฉัน แต่นี่ไม่ใช่เวลาหรือสถานที่ที่ควรทำอะไรแบบนี้หรอกนะ
ในอนาคตยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ แล้วเธอก็เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานด้วย
เธอกับน้องสาวน่ะพักเรื่องพวกนี้ไปก่อนเถอะ ที่ผ่านมาก็ลำบากมามากแล้วไม่ใช่เหรอ?”
มาเอมิใช้มือนวดตรงโคนหางที่ถูกวาห์นช็อตก่อนจะพยักหน้ารับ
“ค่ะ ท่านวาห์น… ต่อไปฉันจะทำตัวดีแล้วค่ะ”
เธอกลับมานั่งที่เก้าอี้อีกครั้งด้วยท่าทางผิดหวัง… แต่แล้วก็สัมผัสได้ว่ามีพลังงานอบอุ่นบางอย่างไหลผ่านศีรษะไป
ความสับสนหายไปอย่างรวดเร็วหลังจากค้นพบต้นตอของความอบอุ่นนั่น
มาเอมิเกือบจะ ‘แมวคราง’ ออกมาแล้วถ้าวาห์นไม่ได้เอามือออกไปเสียก่อน
“เป็นคำตอบที่น่ารักมาก… เอาล่ะ จะเริ่มแล้วนะ
เธออาจรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานมันก็จะดีขึ้นเอง”
เฮสเทียหันมองวาห์นแบบแปลกๆ แต่เจ้าตัวก็แค่ขยิบตาใส่จนทำให้เธอเป็นฝ่ายเขินแทน
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วาห์นหยดเลือดของตัวเองลงบนแผ่นหลังของมาเอมิในขณะที่อีกสองคนจ้องมองด้วยความสนใจ
ตั้งแต่ที่เห็นมาเอมิถูกวาห์น ‘แหย่’ ฮารุฮิเมะก็เกิดตื่นเต้นขึ้นมาบ้างและเริ่มสงสัยว่าต้องยังไงถึงจะโดนแหย่บ้าง
เรื่องนี้คงต้องคิดอีกพักใหญ่ๆ เลย เพราะนอกจากอยากโดนแหย่แล้ว เธอยังอยากโดนลูบหัวต่อด้วย สงสัยต้องหาคนมาช่วยคิดเพิ่ม…
———————————————————————————-
[[ค่าสถานะ]]
ชื่อ: มาเอมิ เรน
เผ่าพันธุ์: เสือดาวหิมะ
เลเวล 1
พลังโจมตี: I28
ความอดทน: I33
ความแม่นยำ: I13
ความว่องไว: I51
พลังเวท: I18
สกิล: [เจมิไน: สกิลแฝง(ถูกผนึก)]
เวทมนตร์: –
สกิลที่กำลังพัฒนา: –
———————————————————————————-
วาห์นเลิกคิ้วเพราะนึกไม่ถึงว่ามาเอมิเองก็มีสกิลแฝงกับเขาเหมือนกัน แถมนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เห็นนามสกุลของเธอด้วย
“เธอมีนามสกุลว่า ‘เรน’ เหรอ?”
ความสงสัยนั่นทำให้มาเอมิรู้สึกดีใจและเริ่มอธิบายให้ฟัง
“อื้ม ในที่ราบสูงทางตอนเหนือ เราจะใช้นามสกุลตามชื่อเผ่าค่ะ อย่างเช่นสโนว์ ไอซ์ เรน สตอร์ม และสลีต
(TL: สโนว์ ไอซ์ เรน สตอร์ม สลีต = หิมะ น้ำแข็ง น้ำฝน พายุ ลูกเห็บ)
น้องสาวและฉัน พวกเราเคยอยู่เผ่าเรน เป็นเผ่าที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีฝนตกชุกเกือบตลอดทุกวันค่ะ” วาห์นพยักหน้าพลางพูดต่อ
“เป็นนามสกุลที่เหมาะกับเธอมากเลย ขอบใจนะมาเอมิ ที่ให้ฉันดูกระดานค่าสถานะ”
มาเอมิยิ้มแฉ่งก่อนจะโค้งให้วาห์นอย่างสุภาพ… ทว่าผลที่ออกมานั้นกลับไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่นัก
เพราะชุดสีดำค่อยๆ เคลื่อนตัวลงตามแร้งโน้มถ่วง เผยให้เห็นทรวงอกไร้สิ่งปิดบังที่อยู่ภายใน
เขาไม่ค่อยมั่นใจว่ามาเอมิเป็นฝ่ายพลาดเอง หรือเป็นเพราะเธอยังไม่ยอมเลิกนิสัยเดิมๆ กันแน่
ตัวต้นเหตุเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์เบิกบานกว่าเดิม ในขณะที่ฮารุฮิเมะเริ่มหัวเราะเสียงดัง
พอเขาหันไปสบกับดวงตาสีเขียว เธอจึงเปรยออกมา
“ทุกคนที่นี่ดูน่าสนใจทั้งนั้นเลยนะคะ~!”
ก่อนที่วาห์นจะได้ตอบอะไร เฮสเทียก็พูดเสริมทันที
“จะบอกว่าทุกคนชอบใช้ความใจดีของวาห์นให้เป็นประโยชน์ก็คงไม่ผิดนักหรอกนะ
ถึงนายจะอุตส่าห์พูดตักเตือนไปแล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ปล่อยทีเด็ดออกมาในตอนจบอยู่ดี
ถ้าเมื่อกี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ อย่างน้อยๆ เธอก็ต้องพันเทปกาวไว้ข้างในแล้วล่ะ
มาพนันกันหน่อยไหมว่าคนน้องจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า~!?”
ฮารุฮิเมะหัวเราะไปกับคำพูดของเฮสเทียและพยายามพูดต่อ
“น่าทึ่งใช่ไหมล่ะคะ~?
ถ้าคุณวาห์นมีความสามารถไม่พอ เขาก็คงดึงดูดคนได้ไม่มากขนาดนี้
ขนาดพรีเซียที่ไม่ยอมเปิดใจให้คนอื่นยัง ‘จ้องงงง’ ใส่ตลอดเลย
วีรบุรุษก็แบบนี้แหละค่ะ ต้องมีผู้หญิงมาคอยรุมล้อมตลอด”
ราวกับเชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดอย่างจริงจัง ฮารุฮิเมะเผยสีหน้ามีความสุขขณะทำท่าสวดภาวนาให้กับบางอย่างที่มีแต่เธอเท่านั้นที่จะเข้าใจ
แต่แล้วการพนันก็ต้องถูกเลื่อนออกไปก่อน เพราะคนถัดไปที่เข้ามาก็คือมิโคโตะนั่นเอง
เธอสวมกิโมโนสีม่วงแดงพร้อมโอบิสีเลือดที่พันอยู่รอบเอว
สิ่งที่ต่างไปจากปกติก็คือเธอไม่ได้สวมซาราชิ (TL: ผ้าพันหน้าอก) และปล่อยให้เนินเขาขนาดย่อมๆ ออกมาสูดอากาศหายใจข้างนอก
แม้จะมีอายุเพียง 14 ปี แต่ขนาดหน้าอกของเธอก็ปาไปแล้วประมาณคัพ C กลางๆ
หญิงสาวโค้งให้วาห์นเล็กน้อยก่อนจะหันมาสบตากับฮารุฮิเมะแทน
เธอลงไปนั่งเงียบๆ แบบไร้ท่าทางลังเล จากนั้นก็ค่อยๆ ปลดกิโมโนออกและเผยให้เห็นแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่อยู่ภายใน
เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้พูดสักคำ วาห์นจึงกล่าวสั้นๆ ว่ามันอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยก่อนจะลงมือทันที
มิโคโตะพยักหน้าแทนการตอบขณะที่วาห์นหยดเลือดลงไปบนแผ่นหลังของเธอ
ทุกกระดานสถานะที่วาห์นเคยตรวจสอบนั้นมิสกิลแฝงติดมาด้วยตลอดเลย เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคอมโบนี้จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน
———————————————————————————-
[[ค่าสถานะ]]
ชื่อ: ยามาโตะ มิโคโตะ
เผ่าพันธุ์: มนุษย์
เลเวล 2
พลังโจมตี: I75
ความอดทน: I70
ความแม่นยำ: H132
ความว่องไว: H119
พลังเวท: I50
สกิล: [ยาตาโนะคุโรการาสึ:C]
เวทมนตร์: [ฟุตสึโนะมิทามะ:B], [อะพอคคาลิปส์ (TL: วันสิ้นโลก): สกิลแฝง(ถูกผนึก)]
สกิลที่กำลังพัฒนา: [ต้านทานสภาวะผิดปกติ:C]
[ยาตาโนะคุโรการาสึ]
ระดับ: C
การใช้งาน: ตรวจหาศัตรูภายในระยะทำการ เผยตำแหน่งศัตรูที่หลบซ่อนอยู่ ส่งผลกับมอนสเตอร์เท่านั้น และต้องเป็นมอนสเตอร์ที่ผู้ใช้เคยเจอมาแล้ว
ค้นหาพันธมิตร
การใช้งาน: ตรวจหาสมาชิกแฟมิเลียเดียวกันภายในระยะทำการ ส่งผลกับสมาชิกแฟมิเลียเดียวกันเท่านั้น
[ฟุตสึโนะมิทามะ]
ระดับ: B
การใช้งาน: กำหนดพื้นที่เพื่อสร้างสนามแรงโน้มถ่วงพิเศษขึ้น
บทร่าย: ขอสวดวิงวอนแด่ท่าน เทพสงครามผู้พิชิตทุกสิ่ง นำพาข้าจากแดนสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์ ขอจงแบ่งพลังออกมา จากกายาแห่งเทพ สู่กายเนื้อแห่งปุถุชน เฉิดฉายแสงแห่งการชำระล้าง กวัดแกว่งดาบพิทักษ์ธรรม ดาบสยบมาร และดาบแห่งผู้ปกครอง ขอจงมาอยู่เบื้องหน้าข้า ณ บัดนี้ สวรรค์จุติ ครองพิภพ – ชินบุ โทวเซย์
(TL: เป็นบทร่ายจากเนื้อเรื่องเดิมจริงๆ แต่คนแปลไม่มีฉบับแปลไทย ก็เลยต้องแปลเอาเองตามความเหมาะสม ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วย)
[ต้านทานสภาวะผิดปกติ]
ระดับ: C
การใช้งาน: สลายผลของสภาวะผิดปกติ เช่นการติดพิษ โดยประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับระดับสกิล
———————————————————————————-
ดูเหมือนคอมโบของวาห์นจะยังไม่แตก เพราะมิโคโตะเองก็มีสกิลแฝงเหมือนกับคนอื่นเช่นกัน
เพราะยังไม่เคยเห็นเวทมนตร์แรงโน้มถ่วงมาก่อน เขาเลยรู้สึกสนใจอยู่บ้างและอยากเห็นว่ามันจะมีประโยชน์ในการต่อสู้จริงมากแค่ไหน
เรื่องที่เขามองว่าแปลกก็คือทั้งๆ ที่เป็นนักดาบฝีมือดี แต่ค่าสถานะของมิโคโตะนั้นออกจะต่ำไปเล็กน้อย
วาห์นสันนิษฐานว่าเธอคงเน้นหนักไปที่เรื่องการฝึกมากกว่าการลงไปล่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยน ค่าสถานะถึงออกมาเป็นแบบนี้
หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว มิโคโตะก็จัดกิโมโนให้เข้าที่และพูดขึ้นเป็นครั้งแรก
“ถ้ากัปตันไม่ว่าอะไร ฉันขออยู่ดูด้วยได้หรือเปล่าคะ?”
เพราะอนุญาตฮารุฮิเมะไปแล้วคนนึง จะมีเพิ่มมาอีกคนคงไม่เป็นไร
“ตามสบายนะ ถ้าดูเฉยๆ ก็ไม่มีปัญหาหรอก”
มิโคโตะยิ้มตอบ ก่อนจะโค้งอีกครั้งและลงมานั่งข้างๆ ฮารุมิเนะในท่า ‘เซอิซา’ (TL: ท่านั่งสงบของชาวญี่ปุ่น)
แต่เพราะเธอลืมออกไปบอกให้คนอื่นเข้ามาได้ เฮสเทียจึงเป็นฝ่ายลุกออกไปในขณะที่มิโคโตะได้แต่เบิกตากว้างเพราะความผิดพลาดของตัวเอง
พอพยายามที่จะลุกขึ้น วาห์นก็โบกมือห้ามพลางหัวเราะ
“ช่างเถอะ ไหนๆ เฮสเทียก็ลุกไปแล้วนี่นะ
เธอลุกไปตอนนี้มันจะยิ่งแย่กว่าเดิม”
มิโคโตะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เธอก็ยอมนั่งต่อตามที่วาห์นแนะนำ
ฮารุฮิเมะหัวเราะคิกคักจากด้านข้างและหันมากระซิบคุยด้วย
“ไม่ต้องเครียดนะ มิโคโตะ คุณวาห์นไม่ได้สนใจเรื่องความเป็นผู้ดีอะไรขนาดนั้นหรอก
ถึงเขาจะเป็น ‘กัปตัน’ เธอก็ควรทำตัวตามสบายกว่านี้… ถ้าอยากแสดงความภักดีจริงๆ น่ะนะ~!”
มิโคโตะนั้นเป็นพวกหน้าจริงจังทั้งวัน จริงจังถึงขึ้นที่ทำให้คิ้วของเธอแทบจะเอียง 45 องศาเกือบตลอด
ถึงจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดของเพื่อนสาวเท่าไหร่นัก แต่มิโคโตะก็พยักหน้ารับก่อนจะกลับไปนิ่งเงียบและนั่งหลังตรงเหมือนเดิม
ริวนั้นอยากให้วาห์นตรวจสอบเป็นการส่วนตัว คนที่เดินตามหลังเฮสเทียมาก็เลยเป็นเอมิรุซึ่งใส่ชุดแบบเดียวกันกับพี่สาวฝาแฝด
เฮสเทียคอยประกบติดหญิงสาวด้วยสีหน้าคาดหวังและค่อยๆ ยื่นมะเหงกออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะได้โค้งคำนับต่อหน้าวาห์น
“นี่แหนะ~!”
“!”
“มุขนี้พี่เธอน่ะเล่นไปแล้ว! รีบไปนั่งดีๆ เลย
เราจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น”
เอมิรุหันมาทำหน้าเจื่อนใส่จนเฮสเทียต้องพูดต่ออีกนิด
“ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้น
รีบๆ ทำให้เสร็จแล้วจะขอให้วาห์นลูบหัวนิดๆ หน่อยๆ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก”
ราวกับได้ยินคำวิเศษที่รอคอยมานาน เอมิรุรีบลงมานั่งหลังตรงพร้อมกับเอามือพาดตักอย่างว่าง่าย
วาห์นเห็นภาพนี้แล้วยังอดขำขึ้นมาไม่ได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดแบบเดิมๆ
“มันอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวนะ แต่แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นแหละ”
เอมิรุพยักหน้ารับทันที
“ค่ะ ขอแบบด่วนๆ เลยนะคะ ท่านวาห์น!”
วาห์นแอบคิดเล่นๆ ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่นะ ก่อนจะเริ่มหยดเลือดลงไป
สิ่งที่เขาอยากเห็นในรอบนี้ก็คือข้อมูลที่ต่างไปจากของมาเอมิ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะค่าสถานะของเอมิรุนั้นแทบจะลอกแบบกันมาเลย
วาห์นคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากสกิลแฝงที่เหมือนกันของทั้งคู่พลางเริ่มคิดหาวิธีเพื่อปลุกพวกมัน
———————————————————————————-
[[ค่าสถานะ]]
ชื่อ: เอมิรุ เรน
เผ่าพันธุ์: เสือดาวหิมะ
เลเวล 1
พลังโจมตี: I28
ความอดทน: I33
ความแม่นยำ: I13
ความว่องไว: I51
พลังเวท: I18
สกิล: [เจมิไน: สกิลแฝง(ถูกผนึก)]
เวทมนตร์: –
สกิลที่กำลังพัฒนา: –
———————————————————————————-
หลังจากเก็บข้อมูลเรียบร้อย วาห์นก็ทำตามที่เฮสเทียเคยพูดและใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] กับหัวและหูของเอมิรุก่อนจะปล่อยเธอออกไปนอกห้องพร้อมสีหน้าเปี่ยมสุข
หลังจากที่เธอออกไปแล้ว มิโคโตะก็ยืนขึ้นและโค้งให้อย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ กัปตัน ที่ให้ฉันอยู่ดูจนจบ
ฉันรู้ดีว่าไม่ควรมาขออะไรที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
วาห์นส่ายหัวทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“มิโคโตะ คราวหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ
ตอนนี้เราอยู่แฟมิเลียเดียวกันแล้ว และฉันจะปฏิบัติกับทุกคนให้เหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
ถ้ามันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เธอก็ไม่ต้องเคร่งครัดขนาดนั้นหรอก
ส่วนเรื่องที่สำคัญ… เอาไว้ถึงเวลาแล้วฉันบอกจะเอง
ช่วงนี้ถ้าว่างๆ เธอก็อยู่คุยเล่นกับฮารุฮิเมะเถอะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนี่นะ”
ถึงจะตั้งใจฟังสิ่งที่วาห์นพูดแบบคำต่อคำ แต่ดูเหมือนมิโคโตะจะตีความคนละอย่าง เพราะสิ่งต่อไปที่เธอทำก็คือลงไปคุกเข่าข้างเดียวและก้มหัวต่ออีกหลายวินาที
วาห์นเคยอ่านหนังสือจากตะวันออกมาบ้างและรู้ว่านี่เป็นท่าสวามิภักดิ์ต่อ ‘นายเหนือหัว’ ของเหล่านักรบ
เขาได้แต่ถอนหายใจข้างในพลางคิดว่าความจริงจังของมิโคโตะนั้นคงทำให้ชีวิตในอนาคตของเธอลำบากไม่ใช่น้อยๆ เลย
‘…แต่ถ้ายังไม่ถึงขั้นอนูบิสแฟมิเลียก็คงไม่เป็นไรหรอก มั้งนะ?’
จากด้านข้าง ฮารุฮิเมะนั้นกำลังใช้แขนเสื้อปิดปากพลางหัวเราะอย่างต่อเนื่อง
“ทุกคนที่นี่น่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ~! ชักอยากรู้แล้วสิว่าต่อไปจะเป็นยังไงกันน้า~”
หลังจากที่เธอพูดเสร็จ มิโคโตะก็จบพิธีกรรมเล็กๆ ของเธอพอดีก่อนจะพยักหน้าให้วาห์นและเดินออกจากห้องไป
วาห์นสัมผัสได้ว่าเธอกำลังเดินออกไปที่ลานซ้อม ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหญิงสาวคงคิดจะฝึกดาบต่อในช่วงบ่าย
ไม่นานฮารุฮิเมะเองก็โค้งให้กับเขาอย่างสง่างามและเดินออกจากห้องไปเช่นเดียวกัน
วาห์นยิ้มแห้งๆ และพยักหน้าเล็กน้อย เพราะเขาเองก็เห็นว่ามันน่าสนใจจริงๆ นั่นแหละ แต่ก่อนจะได้คิดเรื่องมิโคโตะหรือคนอื่นๆ เขาก็สัมผัสได้ว่าคนใกล้ตัวมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“เฮสเทีย เป็นอะไรหรือเปล่า? นี่เธอดูแปลกไปตั้งแต่ตอนมื้อกลางวันแล้วนะ”
ตอนนี้เฮสเทียดูสงบเสงี่ยมผิดหูผิดตามาก ราวกับมีเรื่องให้คิดหนักตลอดเวลา
ในระหว่างที่วาห์นตรวจค่าสถานะ เทพตัวเล็กก็เอาแต่จ้องออกไปที่ท้องฟ้านอกหน้าต่างเกือบตลอด
หลังจากได้ยินคำถามของวาห์น เฮสเทียก็หันมาสบตาและหัวเราะร่า ก่อนจะสารภาพออกมาตามตรง
“เดี๋ยวคืนนี้โลกิจะมาหาน่ะ… แหะๆ”