Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 274
ในจังหวะที่โลกิเริ่มจูบวาห์น เฮสเทียนั้นได้แต่มองน้ำตาเล็ดขณะลูบตรงจุดที่โดนหยิก
“…โลกิ ไหนบอกว่าจะไม่ตีกันแล้วงัยยย!?”
หลังจากดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอีกพักหนึ่ง โลกิก็ถอนปากออกและมองข้ามไหล่ของวาห์นลงมา
“ก็เห็นอ้อนนักอ้อนหนา ตอนแรกว่าจะแค่ลูบๆ… แต่สุดท้ายทนไม่ไหวก็เลยหยิกเข้าซะเลย~
ฉันให้สัญญาก็ได้ว่าจะไม่ทำอีก… (หันไปหาวาห์น) นอกจากว่านายจะไม่ว่าอะไรนะ…”
วาห์นทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับ
“ฉันอยากให้พวกเธอสนิทกันมากกว่านี้นะ แต่ต้องไม่ใช่แบบแกล้งกันไปมา… เอาจริงๆ เรื่องความสัมพันธ์ของผู้หญิงด้วยกันฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก
เพื่อนผู้ชายที่สนิทก็มีไม่เยอะ เลยไม่รู้ว่าคนปกติเขาทำกันยังไงนี่สิ… ฮื่มมมม”
โลกิได้ยินแบบนั้นแล้วก็เริ่มนึกอะไรสนุกๆ ออก
เธอปล่อยมือจากวาห์นและเข้าไปหาเฮสเทียที่นั่งอยู่บนโซฟาแทน
เฮสเทียที่ยังงงๆ เริ่มเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกได้อีกฝ่ายกำลังขยำหน้าอกของเธอแบบมันมือ
“เอามือออกไปเลยน้าาา ยัยเทพกอริลล่า~!” เฮสเทียพยายามเหวี่ยงเท้าไปมาเพื่อเตะอีกฝ่าย แต่โลกิก็แค่หลบลงมานั่งข้างๆ ก่อนจะเข้าจูบเธอแทน
ตอนนี้แม้แต่วาห์นเองก็ต้องเบิกตากว้างให้กับภาพที่เห็นโดยไม่รู้ว่าควรเข้าไปห้ามดีหรือปล่อยไปดี
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้หญิงจูบกันต่อหน้า สมองของเขาจึงช็อตไปชั่วขณะ แถมมันยังให้ความรู้สึกที่แปลกมากเลยด้วย
เฮสเทียพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่อาจต้านทานมือและลิ้น ‘ที่มากประสบการณ์’ ของเทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์ได้นานนัก
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็เริ่มปิดตาและเผยสีหน้าแดงก่ำจนกระทั่งอีกฝ่ายยอมถอนปากออกไปเอง
โลกิจ้องเข้าไปในดวงตาอันเปียกชื้นของเฮสเทียพร้อมกับกระซิบเบาๆ
“มาสนิทกันให้มากกว่าเดิมดีกว่าน่า~… ยังไงเราก็ ‘รัก’ ผู้ชายคนเดียวกันนี่นะ”
เฮสเทียกัดฟันเล็กน้อยพลางหันไปด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่ามามั่วนิ่มหน่อยเลย! คนที่ฉันรักมีแค่วาห์นคนเดียวเท่านั้นนะ…”
ความเขินอายของเฮสเทียยิ่งทำให้บางอย่างในตัวโลกิถูกปลุกขึ้นมา พร้อมกับที่เธอใช้มือประคองใบหน้าได้รูปและพยายามเข้าจูบอีกครั้ง แต่กลับโดนวาห์นเข้ามาดึงหางม้าจากด้านหลังเพื่อห้ามไว้เสียก่อน
ถึงมันจะเป็นฉากที่ดูเย้ายวนมาก แต่คำพูดของเฮสเทียก็ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าควรจะหยุดทุกอย่างเอาไว้
โลกิ(แกล้ง)ร้องเสียงหลงและตบมือของวาห์นเบาๆ
“ยอมแล้ววว ยอมแล้วจ้า จับผมของผู้หญิงแบบนี้มันไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลยนะ~!”
ทันทีที่วาห์นปล่อยมือ โลกิก็แยกตัวออกไปจากเฮสเทียพลางยิ้มให้เธออย่างแก่นแก้ว
“เอาเถอะๆ ตอนนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้ แต่เดี๋ยวเราได้สนุกกันอีกแน่…”
พอเข้าใจถึงสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อ เฮสเทียก็เริ่มหน้าแดงและก้มหน้าลงกับพื้นซึ่งทำให้วาห์นเข้าใจอะไรบางอย่าง
พอได้ยินว่าโลกิจะมา วาห์นก็เดาว่าเธอคงอยากอยู่ค้างคืนที่นี่ด้วย โดยเฉพาะหลังจากที่คุยเรื่องมีลูกกันไปหยกๆ…
ดวงตาสีน้ำทะเลหรี่เล็กลง ทว่าเป้าหมายของมันกลับไม่ใช่โลกิแต่เป็นเทพธิดาอีกคน
“เฮสเทีย… นี่เธอไปตกลงอะไรกับโลกิไว้ก่อนแล้วเหรอ?”
เทพตัวเล็กเริ่มแสดงอาการเหงื่อตกในขณะที่โลกิกัดนิ้วโป้งของตัวเองด้วยความตื่นเต้น
หลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เฮสเทียก็สารภาพหมดเปลือก
“ฉันคิด… ฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับโลกิเลย เพราะเธอทำอะไรให้ตั้งหลายอย่าง… และ… แล้วฉันก็กลัวที่จะทำเรื่องนี้คนเดียว…” เฮสเทียหายใจแรงขึ้นทุกครั้งที่พูดต่อ
วาห์นนึกถึงคำพูดของเฮสเทียก่อนหน้านี้และเข้าใจว่าเธอคงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะความกลัวในจิตใจของตัวเอง
หากมี ‘อดีตศัตรู’ มาอยู่ด้วย ต่างฝ่ายก็อาจจะยุกันไปมาจนเธอรวบรวมความกล้าได้สำเร็จ
วาห์นจ้องมองเฮสเทียต่อไปจนกระทั่งอีกฝ่ายกลับมาหายใจได้เป็นปกติอีกครั้ง
เขาไม่จำเป็นพูดอะไรเพิ่ม เพราะเจตนาของเธอก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว
หากถอยตอนนี้ เธอก็ต้องกลับไปนอนห้องตัวเองด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่วาห์นกับโลกิกำลัง…
ต่อให้ต้องใช้ข้ออ้างเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกฮึดสู้ จังหวะนี้เฮสเทียก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน
“เรา (วาห์นกับเฮสเทีย) จะได้อยู่ด้วยกันเกือบตลอด ดังนั้นถ้าจะให้ยุติธรรมล่ะก็ โลกิควรจะได้ใช้เวลาอยู่กับนายบ้าง
อีกอย่าง แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องแอบไปคิดวางแผน หรือทำอะไรแปลกๆ ด้วย…”
โลกิรีบพูดเสริมทันที
“ฉันอาจจะทำอะไรแปลกๆ ก็ได้ ถ้าวาห์นสนใจ~
ไม่ต้องมาดูแลทะนุถนอมหรืออะไรกับฉันนั้นหรอก
เพื่อให้ได้สิ่งที่ฉันต้องการแล้ว… จะให้มาเป็นของเล่นหรือทำอะไรก็ได้หมดทุกอย่างเลย…”
วาห์นที่กำลังมองเฮสเทียอย่างจริงจังยังต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดจากปากโลกิ
เทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์พยายามอธิบายแบบจริงจังสุดๆ
“อย่ามองว่ามันแปลกเลย ฉันแค่ไม่อยากเป็น ‘ช้างเท้าหน้า’ ในตอนที่เราอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง
ฉันน่ะรู้จักตัวเองดี ถ้าปล่อยให้ฉันเป็นคนคุมหางเสือล่ะก็ รับรองได้ว่าต้องเลยเถิดไปกันใหญ่
เอาความดิบเถื่อนของนายมาลงที่ฉันได้เต็มที่เลยนะ… เผื่อที่ไว้ให้ยัยอนูบิสอีกคนด้วยละกัน
สาวๆ คนอื่นคงอยากได้อะไรหวานแหววทั่วไป แต่เพื่อ ‘สุขภาพจิต’ ที่ดี บางครั้งนายก็ควรลองอะไรที่มันแปลกออกไปบ้าง
นายอาจจะปิดบังเรื่องนี้จากคนอื่นได้ แต่ว่าฉันรู้ดี… เรื่องความช่างสงสัยของนาย แล้วก็สายตาที่นายใช้มองเวลานวดเสร็จแล้ว…”
วาห์นได้แต่มองตาค้างขณะฟังเรื่องที่โลกิแฉออกมาจนหมด
สาเหตุหลักที่เขาอยากให้มีคนมาคอยคุมก็เพราะไอ้ความ ‘ขี้สงสัย’ นี่แหละ
ถ้าไม่มีใครคอยอธิบายเรื่องบางเรื่องให้ฟัง ป่านนี้วาห์นคงจะมีชีวิตที่ต่างออกไป… รับรองว่าโดนอนูบิสปั่นจนยับแน่นอน
นี่เป็นเรื่องที่วาห์นไม่อยากยอมรับเลย ว่าตัวเองนั้นชอบเฝ้ามองการตอบสนองของพวกสาวๆ ที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง… และเรื่องที่ไม่เคยบอกใครก็คือเงาเล็กๆ ที่ผุดขึ้นในจิตใจหลังจากได้เข้าไปในย่านโคมแดง
พอเห็นสีหน้านั่นแล้วโลกิจึงเริ่มพูดต่อ
“จำตอนที่เราทำข้อตกลงครั้งแรกได้หรือเปล่า?
ฉันบอกไว้ว่านายจะจับฉันแต่งตัวยังไงก็ได้ จะทำอะไรตรงไหนก็ได้หมด
ถ้านายเผลอข้ามเส้นบางอย่างไป ก็ขอให้คนๆ นั้นคือฉัน อย่าไปทำอะไรผู้หญิงหน้าบางพวกนั้นเลย
ฉันน่ะไม่เหมือนพวกเธอหลายๆ คน มีอะไรก็กล้าบอกนายตรงๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในที่สาธารณะ หรือที่ลับตาคนก็ตาม
แล้วก็… นับจากตอนนี้ไป ฉันจะอุทิศตัวให้กับนายแค่คนเดียว… เคยบอกไปแล้วนี่ว่าการมีลูกจะเปลี่ยนทุกอย่างไปหมดเลย นั่นร่วมถึงชีวิตของตัวฉันเองด้วย
อย่างอื่นจะกลายเป็นเรื่องรองทันที… ฉันน่ะ ยอมทำทุกอย่างเพื่อทำให้ความฝันกลายมาเป็นความจริง”
ทั้งวาห์นและเฮสเทียต่างต้องกลืนน้ำลายให้กับความจริงจังและคำพูดของโลกิ
เฮสเทียเริ่มตระหนักแล้วว่าความรู้สึกของตัวเองนั้นดูอ่อนไปเลยเมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นที่อยู่รอบตัววาห์น
การที่เธออยากช่วยกระชับความสัมพันธ์ของวาห์นกับคนอื่นๆ นั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด เพราะขนาดตัวเธอเองยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ อยู่เลย
ส่วนวาห์นนั้น แค่นึกภาพในอนาคตระหว่างตัวเองกับโลกิแบบเล่นๆ ก็ทำให้สมองรู้สึกซู่ซ่าไปหมดแล้ว
จากผู้หญิงทุกคนที่เขารู้จัก โลกิคือคนที่แทบไม่มาวุ่นวายอะไรด้วยเลย แถมยังคอยช่วยตามแก้ปัญหาให้อีก
หากมองแค่มุมนี้มุมเดียว จะเห็นได้ว่าโลกิเป็นหนึ่งในคนที่อุทิศตัวเพื่อเขาเป็นอย่างมาก ต่อให้สาเหตุจะมาจากการที่เธออยากมีลูกด้วยก็ตาม
วาห์นกลืนน้ำลายเป็นครั้งที่สองก่อนจะพูดขึ้นบ้าง
“นี่เธอตั้งใจจะ-”
“ฉันจะท้องก็ต่อเมื่อนายเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง
เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันก่อนฉันก็ไม่ถือ
ที่แน่ๆ คือฉันไม่อยากไปเหยียบเท้าเฮเฟสตัสและแย่งสิทธิ์ในการมีลูกคนแรกของเธอไป
แต่ขอเตือนอะไรไว้อย่างนะ…” โลกิหันไปมองเฮสเทียบ้าง
“ฉันไม่คิดว่าเฮสเทียควรจะมีลูกในเร็วๆ นี้หรอก
ฟังดูเห็นแก่ตัวมาก ฉันรู้ แต่เธอน่ะเหมาะที่จะเลี้ยงลูกให้คนอื่นไปก่อน อย่างน้อยก็ในช่วงแรก
ถ้าเทพธิดาที่ใกล้ชิดนายเกิดท้องพร้อมกันหมด มันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ภายในกลุ่มเกิดเสียสมดุลขึ้นมา
นอกจากนั้นมันอาจทำให้พวกผู้หญิงคนอื่นอยากมีลูกตามไปด้วย เพราะไม่มีใครอยากถูก ‘ทิ้งไว้ข้างหลัง’ หรอก จริงไหม?”
ถึงวาห์นจะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เฮสเทียนั้นกลับรู้สึกต่างออกไป
“ฉันเองก็คิดว่าตอนนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะเหมือนกัน
ฉันไม่อยากนำหน้าคนอื่นไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว แล้วก็ไม่อยากสร้างความบาดหมางเพิ่มด้วย
ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะให้การสนับสนุนวาห์นและดูแลทุกคนในแฟมิเลียเป็นอย่างดี ต่อให้ต้องแลกด้วยการมีลูกเป็นของตัวเองก็เถอะ”
ในอดีตนั้นเฮสเทียไม่เคยคิดเรื่องมีลูกมาก่อนเลย ตอนนี้เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพอมีแล้วจะต้องอะไรยังไงต่อ
คำพูดของเธอทำให้วาห์นนึกถึงเรื่อง ‘ออกกฎเกณฑ์’ ที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้
ตอนนี้อายุตามร่างกายของวาห์นคือ 15 ปี (TL: ถ้านับรวมกับเวลาในลูกแก้วแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 18 ปี) เขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบมีลูกเยอะๆ เพื่อเอาไปทั้งทีมแข่งกีฬาที่ไหน
วาห์นหันไปจูบหน้าผากของเฮสเทียก่อนที่ทั้งสองจะสบตากันอย่างรักใคร่
หากไม่นับเรื่องที่เธอลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาโดยเฉพาะ นี่คงเป็น ‘การเสียสละอันยิ่งใหญ่’ ครั้งแรกของเธอ
ที่จริงเรื่องนี้ทำให้เฮสเทียรู้สึกดีขึ้นอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเธอนั้นให้วาห์นคอยตามดูแลและเอาใจมาโดยตลอด แถมบางครั้งก็สร้างปัญหาให้ด้วย…
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเผลอปล่อยตัวไปตามอารมณ์ โลกิก็โน้มตัวเข้ามาใกล้และจ้องมองด้วยสีหน้าซุกซน
“…โอ้ ตามสบายๆ ไม่ต้องเกรงใจนะ ฉันแค่อยากเห็นตอนพวกนายจูบกันใกล้ๆ แค่นั้นเอง~!
แต่ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยตรงไหนล่ะก็ หันมาถามได้เลยน้า~”
เฮสเทียเขินจนหน้าแดงและเผลอผลักหน้าอกของวาห์นซึ่งทำให้เขาก้าวไปสะดุดกับโต๊ะเตี้ยและเซออกไปด้านข้าง
แต่ก็คล้ายกับครั้งที่แล้ว วาห์นใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อกลับมาทรงตัวอยู่ตรงอีกฟากของห้องทันที
เฮสเทียและโลกินั้นยื่นมือออกไปพร้อมกัน แต่กับคว้าได้เพียงแค่อากาศในขณะที่วาห์นโผล่ไปอยู่อีกที่แทน
เพราะไม่ใช่นักสู้และไม่มีเบรคเหนือมนุษย์แบบคนอื่นๆ พวกเธอจึงเข้าประสานงากันเองอย่างจังและพากันล้มไปทางโต๊ะเตี้ยที่อยู่กลางห้อง
แต่ก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้น วาห์นก็ย้ายเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเข้าไปในช่องเก็บของและก้าวเข้าไปรับทั้งสองไว้ในอ้อมแขน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกินเวลาเพียง 2 วินาทีเท่านั้น แต่เหตุการณ์ในห้องกลับเปลี่ยนไปอย่างน่าใจหาย
เพราะได้โอบเอวในขณะที่ใบหน้าของทั้งคู่กำลังซบอยู่กับแผงอก วาห์นเลยอยากแกล้งโลกินิดๆ และอยากลงโทษเฮสเทียที่ทำให้วุ่นวายกันหมด
เขาออกแรงเล็กน้อยและเปลี่ยนไปคว้าแก้มก้นด้านซ้ายของโลกิไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็หันไปขยำมาร์ชเมลโล่นิ่มๆ ตรงแก้มก้นด้านขวาของเฮสเทีย
ตอนนี้พวกเธอกำลังทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดมาที่เขาอยู่แล้ว วาห์นก็เลย ‘ยก’ ทั้งสองขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของวาห์น เฮสเทียที่ช่วงนี้ออกจะขวัญอ่อนสุดๆ ก็เริ่มตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมทันที ทว่าโลกิกลับมีท่าทางไม่ต่างจากเดิมนักและเข้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
“แบบนี้มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เราไม่ต้องลงไปทานข้าวเย็นก่อนเหรอ?”
คำพูดนั่นทำให้วาห์นต้องยอมปล่อยพวกเธอไป ก่อนจะเริ่มวางเฟอร์นิเจอร์กลับเข้าที่
พอวางเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถามขึ้นอีกเป็นครั้งสุดท้าย
“เฮสเทีย เธอแน่ใจแล้วใช่ไหม?”
เทพตัวเล็กที่พยายามสงบจิตใจของตัวเองหันกลับมาสะดุ้งอีกรอบก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด
“เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วไง อย่ามาถามอะไรซ้ำๆ ซากๆ สิ!
นายนั่นแหละควรจะดีใจและซาบซึ้งที่จะได้ครั้งแรกของฉันไปนะ~!
ฉันอุตส่าห์รักษามันมาตั้ง…”
เฮเสเทียเกือบหลุดปากบอกอายุของตัวเองออกมาอยู่แล้ว แต่ก็กลับลำทันเสียก่อน
“…ตั้งนานมากแล้วนะ! ต่อไปต้องทำดีกับฉันให้มากๆ ล่ะ ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่แบบสงบๆ~!”
วาห์นรู้ดีว่าเฮสเทียนั้นคือหนึ่งในสามเทพธิดาพรหมจรรย์ประจำแพนธีออนตะวันตก ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเธอไม่ได้พูดเล่นแน่นอน
“เชื่อใจฉันเถอะเฮสเทีย ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเด็ดขาด!”
แต่ดันผิดคาด… เพราะฝ่าเท้าของอีกฝ่ายกลับพุ่งใส่บั้นท้ายของวาห์นทันที
“แค่นี้ฉันก็เสียใจจะตายอยู่แล้ว เจ้าเด็กบ้า~!
ไว้เดี๋ยวจะเรียกมาทำโทษทีหลังให้สาสมเลย!”
ก่อนที่วาห์นจะฟื้นตัวขึ้นจากพื้น เฮสเทียก็หันไปชี้นิ้วและโวยใส่โลกิต่อ
“ตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะ โลกิ ดังนั้นถ้ามาแหย่ฉันอีกล่ะก็… ต่อไปอย่าหวังเลยว่าจะได้มีเวลาสองต่อสองกับวาห์น!”
เฮสเทียตะโกนแบบรวดเดียวจบ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้องแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น เป้าหมายของเธอก็น่าจะเป็นห้องอาหารนั่นแหละ
แม้จะตกใจในตอนแรก แต่สีหน้าของโลกิก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิดอย่างรวดเร็วพร้อมกับลูบคางไปมา
“ถ้าออกมาพูดแบบนี้ ฉันก็ยิ่งอยากแกล้งเธอมากกว่าเดิมน่ะสิ ยัยเทพเตี้ย”
ราวกับคิดบางอย่างออก เธอหันมาคุยกับวาห์นต่อทันที
“เดี๋ยวอาจจะต้องขอแรงนายหน่อยนะ… ถึงตอนนั้นก็อย่าตกใจนักล่ะ”
ก่อนจะได้ถามกลับ เธอก็โบกมือห้ามไว้ก่อน
“อย่าห่วงนักเลย ฉันรู้จักเฮสเทียดี… นายแค่คอยช่วยให้เต็มที่ก็พอแล้ว ตกลงไหม?”
วาห์นอยากรู้จริงๆ ว่าโลกิกำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมบอกอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
“ถ้าเฮสเทียไม่ชอบขึ้นมาล่ะก็ ฉันจะหยุดมันทันทีเลยนะ…”
เทพสาวส่ายหน้าราวกับรู้ว่าวาห์นจะพูดอะไร
“ฉันรู้เรื่องเมื่อเช้าหมดแล้ว นายเองก็หยุดหลอกตัวเองสักทีเถอะ
อย่าคิดนะว่ายัยนั่นจะ ‘ใสซื่อ’ หรือ ‘ไร้เดียงสา’ แบบที่ชอบทำเกือบตลอ
แต่นายเชื่อใจฉันก็พอ… จำไว้นะว่าออร่าที่นายเห็นมันเชื่อไม่ได้เสมอไป โดยเฉพาะกับเผ่าเทพ…”
วาห์นเบิกตากว้างขึ้นอีกเล็กน้อยและรู้สึกเหมือนตัวเองมองบางอย่างพลาดไป
เขาใช้เวลากับเฮสเทียเยอะมากและเชื่อใจเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บางครั้งเธอก็ชอบทำอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายไปเหมือนกัน…
“เธอทำเพื่อฉันมามากแล้วนะ โลกิ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจะเชื่อใจเธอละกัน
แต่ขอย้ำนะว่ายังไงฉันก็ไม่อยากเห็นเฮสเทียต้องเจ็บ…”
ถึงจะรู้ว่าวาห์นกำลังพูดจริงจัง แต่โลกิก็ยังพูดเป็นเชิงติดตลก
“รู้แล้วๆ เล่นตัวติดกันแบบนี้คงไม่รู้หรอกมั้งว่าห่วงยังกับไข่ในหิน
ฉันไม่ทำเรื่องเลยเถิดหรอกน่า เชื่อฉัน เฮสเทียจะไม่เจ็บเลยสักนิด…”
โลกิหัวเราะหลังพูดจบและเริ่มเดินออกไปทันที แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตู เธอก็หันกลับมาหาวาห์นอีกครั้ง
“ที่จริงมันคงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเลยล่ะ~…”