Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 293
สีหน้าของทัมมุซดูจริงจังขึ้นทันทีที่วาห์นเปลี่ยนไปใช้ร่างเต่าทมิฬ
ชายหนุ่มรีบพุ่งตัวออกไปสกัดก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดออกไปมากกว่านี้ แต่แทนที่วาห์นจะหลบแบบครั้งก่อน เขากลับยืนปักหลักอยู่ที่เดิมและสวนหมัดมาตรงแผงอกของทัมมุซ
เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทัมมุซก็เลยบิดตัวหลบทันพลางเคลื่อนมาที่ด้านข้างของวาห์นแทน
ในจังหวะนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงความร้อนมหาศาลแถวๆ ลำตัว ก่อนจะหันมามองวาห์นด้วยสายตาดุดัน
หลังตกอยู่ในสภาพ ‘โล่งโจ้ง’ ในตอนที่สู้กับทีโอเน่ วาห์นก็เลยซื้อกางเกงกันไฟมาตุนไว้ 2-3 ตัว
ถึงจะกันไฟที่ใช้อยู่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยพวกมันก็ทนทานกว่ากางเกงทั่วไป
อุปกรณ์ที่วาห์นใส่ในตอนแรกนั้นไหม้สลายไปหมดแล้ว เหลือแค่กางเกงตัวนี้เนี่ยแหละ
หากมองจากที่ไกลๆ คนดูก็คงเห็นมัดกล้ามที่อยู่ภายใต้เกล็ดหนาและร้อยสักต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
ร่างเต่าทมิฬนั้นยังช่วยขยายกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อย นี่เป็นภาพอันน่าเกรงขามที่ทำให้ทัมมุซรู้สึกกดดันอยู่เหมือนกัน
แทนที่จะพยายามเข้าไปแลกหมัดด้วย ทัมมุซกลับนำสิ่งที่ดูคล้ายตะปูออกมาโยนใส่อย่างรวดเร็ว ทว่าพวกมันกลับทะลุผ่านสิ่งที่ดูเหมือนเป็นภาพติดตาของวาห์นและลงไปฝังตัวอยู่ในพื้นดินที่ห่างออกไปราวๆ 40 เมตร
ทัมมุซขมวดคิ้วก่อนจะรีบกลิ้งไปข้างหน้าเพื่อหลบลูกเตะที่วาห์นสวนกลับออกมา
เขารู้สึกว่าความร้อนที่มาพร้อมกับการโจมตีแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เล่นๆ เลย แต่บางอย่างที่เขาสังเกตเห็นก็คือวาห์นไม่ได้ขยับอะไรมากมายเหมือนตอนแรก
ทัมมุซเดาว่าวาห์นคงสละความว่องไวทิ้งเพื่อแลกกับพลังโจมตีและป้องกันที่เพิ่มขึ้น
ทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความผันผวนของมานา
นี่ถ้าเขาเปลี่ยนไปสู้แบบถ่วงเวลาแทนล่ะก็ ไม่นานวาห์นอาจจะหมดแรงไปเองก็ได้
ปัญหาก็คือทัมมุซไม่รู้ว่าวาห์นมีไอเท็มฟื้นฟูอยู่ใน ‘เวทคลังเก็บของ’ มากมายขนาดไหน
การต่อสู้ครั้งนี้เป็นอะไรที่ตึงมือมาก และดูเหมือนว่าวิธีเดียวที่จะชนะก็คือต้องยอมเจ็บตัวหน่อยๆ หลังจากนั้นค่อยกลับไปรักษาตัวที่แฟมิเลียก็แล้วกัน
วาห์นเห็นว่าทัมมุซนั้นเริ่มเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายรับแทนและไม่ยอมเข้ามาแลกหมัดกับเขาแบบตรงๆ
มันออกจะน่ารำคาญหน่อยๆ เพราะแบบนี้เขาก็ทดสอบร่างเต่าทมิฬไม่ได้น่ะสิ
วาห์นเริ่มตระหนักว่าบางครั้งการใช้วิชาที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึงนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไป
เมื่อต้องเจอกับนักสู้เจนศึก พวกเขามักจะประเมินทุกอย่างที่เกิดขึ้นและพยายามหาทางแก้ไขแทนการพุ่งชนแบบตรงๆ
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนถึงยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อหาข้อมูลของคู่ต่อสู้
ถ้ารู้ข้อมูลทุกอย่างของอีกฝ่าย เราก็สามารถคิดแผนรับมือต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
เพราะทัมมุซแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ชายหนุ่มจึงเลือกวิธี ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’
วาห์นเริ่มนึกอยากจะปลดอณูธาตุไฟออกเพื่อล่อให้ทัมมุซเข้ามาโจมตี แต่ดูแล้วมันก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ นอกเสียจากเขาจะทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้ว่ามานาของตัวเองใกล้จะหมดลงแล้ว
เพราะเป็นพวกที่ ‘ตอแหล’ คนไม่เก่ง วาห์นเลยไม่มั่นใจเท่าไหร่… หรือไม่งั้นเขาก็ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบจริงจัง
วันนั้นเขาได้มอบ [รูปปั้นฮีโร่] ให้กับทีโอเน่ไป แต่คิดไปคิดมาแล้วตอนนี้อยากเก็บมันไว้ใช้เองมากกว่า
ตั้งแต่โดนทีโอเน่ ‘ฆ่า’ โดยไม่ได้เจตนา วาห์นเลยเข้าใจว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในการต่อสู้ สิ่งสำคัญก็คือห้ามเสียสมาธิเด็ดขาด
พอคิดว่าวาห์นกำลังเสียสมาธิ ทัมมุซก็เลยปาตะปูใส่บริเวณด้วยแรงมหาศาล
วาห์นไม่คิดจะเคลื่อนตัวหลบด้วยซ้ำ เขาแค่ขยับเท้าเล็กน้อยและปล่อยให้ตะปูลงไปฝังดินเหมือนกับครั้งแรก
ถึงจะ ‘ดูเหมือน’ ไม่ทันระวังตัว แต่สิ่งที่สึบากิเคยฝึกให้นั้นได้หยั่งรากลึกลงไปในร่างกายของวาห์นแล้ว
ถ้าอยากจะสร้างความเสียหายให้กับเขาล่ะก็ คู่ต่อสู้คงต้องลงทุนมากกว่านี้อีกเยอะ
วาห์นใช้ช่องว่างหลังจากที่ทัมมุซปาตะปูออกไปเพื่อใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] ขณะเดียวกันที่เกล็ดของเขาก็เริ่มเปล่งแสงสีเขียวออกมา
ทัมมุซพยายามหลบหลีกด้วยการดีดตัวไปข้างหลัง แต่เขาคงคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องสัมผัสถูกเป้าหมายด้วยซ้ำ
วาห์นต่อยคลื่นกระแทกออกไปข้างหน้าโดยบีบให้มันเล็กกว่าปกติหลายเท่า ดังนั้นแทนที่จะกระจายออกไปเป็นวงกว้าง มันกลับพุ่งราวกับกระสุนอากาศและเข้าชนร่างของทัมมุซจนกระเด็นออกไปอีกเกือบ 10 เมตร
และก่อนที่อีกฝ่ายจะฟื้นตัวทัน วาห์นก็พุ่งมาเตะเข้าตรงด้านหลังซ้ำเข้าไป
หลังจากโดน ‘กระสุนอากาศ’ เข้าไปเต็มๆ ทัมมุซที่ไม่สามารถป้องกันตัวได้ชั่วขณะก็โดนเตะซ้ำจนกระดูกส่งเสียงไม่ค่อยดีนัก นอกจากนั้นผิวหนังตรงแผ่นหลังก็ยังเกิดแผลไหม้อีก
เขาพยายามรักษาระยะห่างเพื่อตั้งหลัก ทว่าวาห์นก็เคลื่อนมาดักอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าและรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
นี่คืออุปนิสัยที่วาห์นสร้างขึ้นในช่วงที่ลงดันเจี้ยนแบบบ้าระห่ำ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เครื่องติด จิตใจของเขาก็จะเยือกเย็นมาก ความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในสมองก็คือการเอาชนะศัตรูตรงหน้าให้ได้อย่างเด็ดขาด
นี่ไม่ใช่เพราะร่างกายได้รับแอดรีนาลีนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] ที่พยายามปั๊มเลือดในปริมาณมหาศาลจนเจ้าของร่างเกิดอาการอยู่ไม่สุขด้วย
ทัมมุซกัดฟันแน่นและพยายามป้องกันตัวเองสุดชีวิต แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างไปจากลูกบอลที่โดนเตะไปมาเลย
วาห์นพุ่งมาดักรอข้างหน้าอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับชูมือขึ้นมาหาอีกฝ่ายแทนการใช้ขาเหมือนครั้งก่อนๆ
ครั้งนี้ทัมมุซมีเวลามากพอที่จะไขว้แขนตั้งการ์ดเพื่อป้องกันส่วนใบหน้า ซึ่งวาห์นก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
เขาต่อยเข้าที่การ์ดนั่นตรงๆ จนมันฝังเข้าไปตรงลำคอก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะกระเด็นตกลงไปบนพื้น
ก่อนที่ทัมมุซจะลุกขึ้น วาห์นก็ใช้ [เอ็นคิดู] ออกมาเพื่อตรึงร่างของชายหนุ่มไว้กับพื้น
คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะหลบหรือตอบโต้อะไรได้เลย
มีชั่วขณะหนึ่งที่วาห์นนึกอยากจะทุบหัวของทัมมุซให้แบะเหมือนแตงโม สาเหตุก็เพราะดวงตาของอีกฝ่ายยังคงฉายแววอวดดีเหมือนเดิม แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนความคิดและหันไปคุมอณูธาตุไฟโดยให้พวกมันไปกระจุกกันอยู่ตรงสายตาอวดดีนั่นแทน
มันอาจจะไม่ถึงขั้นที่ทำให้ตาบอด แต่ดูแล้วคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากซึ่งต่อให้หลับตาก็หนีไม่พ้นอยู่ดี
ทัมมุซกรีดร้องเสียงดังจนวาห์นต้องหยุดมันด้วยการกระชับโซ่ที่ยึดตรงลำคอให้แน่นกว่าเดิม
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง วาห์นถึงจะผ่อนโซ่ออกเล็กน้อย
“ไม่ต้องดิ้น ถ้ายังกวนไม่เลิก… อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ”
ทัมมุซพยายามโต้กลับ แต่แล้ว [เอ็นคิดู] ก็รัดแน่นขึ้นอีกจนเขาพูดไม่ออก
ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากจ้องมองมือที่ถูกยกมาวางบนศีรษะของตัวเอง ก่อนจะสัมผัสได้ว่ามันกำลังปล่อยพลังงานบางอย่างออกมา
เพราะเคยเห็นมันมาก่อนครั้งนึง วาห์นก็เลยสามารถลบมนตร์เสน่ห์ออกจากทัมมุซได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ต่อด้วยการสะกดจุดทั่วลำตัวของชายหนุ่มเพื่อกันไม่ให้เขาสู้ต่อ
พอทำเสร็จแล้ว วาห์นก็คลายโซ่ออกและถามขึ้น
“ตอนนี้นายยังคิดจะติดตามอิชทาร์อยู่อีกหรือเปล่า?”
วาห์นรู้ว่ามนต์เสน่ห์พวกนี้ไม่ใช่เครื่องมือควบคุมจิตใจที่ทรงพลังแต่อย่างใด บางครั้งสันดานคนเรามันก็ไม่ดีอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีมนต์เสน่ห์ก็อาจทำเรื่องเลวๆ ได้อยู่ดี
ถ้าทัมมุซยังคิดร้ายต่อไปไม่เลิก วาห์นก็อาจจะจบทุกอย่างลงตรงนี้เลย
ทัมมุซแทบจะถุยน้ำลายใส่ด้วยซ้ำก่อนที่เขาจะตะโกนออกมา
“นี่คิดว่าวิชาปาหี่ของแกจะทำให้ข้าผู้นี้ทรยศนายหญิงได้งั้นเหรอ!?
คิดตื่นไปแล้ววาห์น เมสัน โทษฐานที่มายุ่งกับแผนของเรา แกกับแฟมิเลียจิ๊บจ๊อยของแกสมควรถูกทำลาย!”
วาห์นพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ‘เห็นชอบ’
“นายนี่มันภักดีแบบสุดๆ เลยนะ น่าชื่นชมมาก แม้ว่า…”
พูดถึงตรงนั้น ดาบสีดำก็ปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่มันจะพุ่งตรงเข้าไปที่หัวใจของทัมมุซ
เพราะเป็นถึงนักผจญภัยเลเวล 4 ทัมมุซก็เลยไม่ได้ตายแบบทันทีทันใด เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อดึงดาบออก
วาห์นก้มหัวเล็กน้อยขณะพูดต่อ
“หวังว่าอิชทาร์จะจดจำความภักดีของนายตราบจนถึงวาระสุดท้ายของเธอเอง”
พูดจบวาห์นก็บิดดาบและทำให้ทัมมุซสิ้นใจทันที
เพราะนี่คือ ‘การดวล’ และวาห์นก็ไม่ได้ทรมานทัมมุซมากจนเกินไปนัก เขาเลยได้ค่ากรรมดีเยอะพอสมควร ขณะที่ค่ากรรมชั่วกลับขึ้นมาเพียง 2 แต้มเท่านั้น
วาห์นคิดว่า 2 แต้มนั่นคงมาจากตอนที่ไปย่างดวงตาของอีกฝ่าย ‘นิดหน่อย’ นั่นแหละ
ตอนนั้นทัมมุซสู้ต่อไม่ได้แล้ว มันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่นอกเหนือความจำเป็น
ส่วนตอนที่ฆ่านั่นก็ไม่นับ เพราะทัมมุซเป็นฝ่ายที่มุ่งร้ายแต่แรก และทั้งสองก็ไม่เคยมีเรื่องให้แค้นเคืองเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน
ชายหนุ่มคนนี้ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ รวมถึงการวางแผนทำร้ายคนที่เขาห่วงใยด้วย ทุกอย่างก็เพื่อทำให้อิชทาร์พึงพอใจ
เพราะเขาออกมาสู้กับวาห์นแบบตรงไปตรงมา ค่ากรรมชั่วก็เลยไม่เกิดขึ้นจากตรงส่วนนี้ แต่วาห์นยังได้ค่ากรรมดีมากมายเพราะทัมมุซนั้นคงทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แม้มันจะเป็นการทำลงไปเพราะความภักดีก็ตาม
—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่วาห์นต้องมานั่งคิดว่าจะเอายังไงกับศพนี่ดี
ตอนแรกเขากะจะส่งมันให้กับทางการ หรือไม่ก็แจ้งกลุ่มพันธมิตรผ่านทางเครือข่ายเพื่อใช้มันเป็นหลักฐานในการโต้กลับ
ทว่าสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่ใช้ศพในฐานะเหตุผลหรือเครื่องมือในการโจมตีอีกฝ่าย
ถึงจะหลงผิดมาตลอด แต่ทัมมุซก็เป็นลูกน้องที่ภักดีและสู้กับวาห์นแบบตรงๆ
เพราะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการต่อสู้ครั้งนี้ วาห์นก็เลยเลือกที่จะทำพิธีสวดศพแบบสั้นๆ ก่อนจะเผามัน
ภายในสัมภาระของชายหนุ่มนั้นยังมีล็อกเกตเล็กๆ ที่บรรจุรูปของสาวสวยผิวเข้มไว้ข้างใน
วาห์นเดาว่านี่ต้องเป็นรูปของอิชทาร์แน่นอน แถมตรงใต้รูปก็ยังมีอักษรย่อ ‘T.B. ’ สลักอยู่ด้วย (TL:น่าจะเป็นชื่อและนำสกุลแบบย่อๆ ของทัมมุซ)
เพราะมันอาจเป็นของดูต่างหน้าชิ้นสำคัญ ต่อให้วาห์นไม่ค่อยชอบอิชทาร์เท่าไหร่ แต่เขาก็ตัดสินใจว่าจะคืนของชิ้นนี้ให้กับเธอด้วยตัวเอง
แต่ถ้าเธอไม่สนใจหรือยังตามราวีคนรอบข้างวาห์นไม่เลิก… ไว้เดี๋ยวจะเอามันไปประดับบนแท่นบูชาของเธอแทนก็แล้วกัน
หลังจากนำอัฐิของทัมมุซไปลอยอังคารไว้ในสวน วาห์นก็ไปแจ้งอาคิเพื่อที่เธอจะได้ส่งต่อข้อมูลให้กับทางเครือข่าย
นอกเหนือจากเฮสเทียแล้วก็มีอาคินี่แหละที่มีคัมภีร์อยู่สองชุด เล่มแรกคือคัมภีร์ที่ใช้ติดต่อเครือข่าย ส่วนเล่มที่สองนั้นไว้สำหรับติดต่อโลกิโดยตรง
เรื่องนี้เธอได้แจ้งวาห์นไว้หมดแล้ว รวมไปถึงเรื่องหน้าที่ต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายมาด้วย
วาห์นตระหนักว่านี่คงเป็นแผนการบางอย่างของโลกิ แต่ก็รู้ว่าอาคินั้นไม่ได้คิดมุ่งร้ายต่อตัวเองและเฮสเทียแฟมิเลีย
แน่นอนว่าหลังจากช่วงเช้ามาถึง เขาก็จะไปรายงานเรื่องนี้ให้เฮสเทียทราบด้วยเช่นกัน
สาเหตุที่ไม่รีบไปรายงานตอนนี้ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ ‘เรื่องใหญ่’ อะไร แถมเทพตัวเล็กก็เป็นพวกที่ตื่นยากมากๆ…
พอออกมาจากห้องของอาคิ วาห์นก็มุ่งหน้าไปที่ห้องอาบน้ำทันที
ถึงเหงื่อส่วนใหญ่จะระเหยออกไปทันทีที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยอณูธาตุไฟ แต่พอหยุดใช้มัน เหงื่อก็กลับมาไหลตามปกติ
รอบนี้วาห์นใช้พลังงานไปค่อนข้างเยอะ แถมยังมีหัวใจที่คอยสูบฉีดเลือดแบบแหลกลานนั่นอีก
ทันทีที่ผ่อนคลายร่างกายและสลายร่างแปลงออก ร่างกายของวาห์นก็เริ่มขับเหงื่อแบบไม่สนใจอากาศหนาวเย็น้ลยแม้แต่น้อย
ในระหว่างที่อาบน้ำอยู่นั้น วาห์นก็สัมผัสได้ว่ามีบางคนกำลังตามเขาเข้ามา
ดูแล้วคงเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากอาคิ เพราะตอนนี้คนอื่นๆ น่าจะยังหลับกันอยู่
ไม่นานเธอก็เดินเข้ามาในสภาพเปลือยเปล่าเหมือนอย่างที่เขาคาดไว้
วาห์นยิ้มนิดๆ ขณะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเว้นที่ให้เธอมานั่งข้างๆ
เพราะเดี๋ยวก็จะดัดแปลงห้องน้ำใหม่แล้ว รอบนี้เขาเลยลงมาใช้บ่อเล็กดูบ้าง
ขณะที่ทั้งสองนั่งซบนั่งกอดกันไปมาอย่างสนิทสนม อาคิก็แจ้งเรื่องข้อความที่ได้รับจากโลกิให้วาห์นทราบ
คืนนี้ต้องรบกวนเธอหลายอย่าง วาห์นจึงตบรางวัลเล็กน้อยด้วยการนวดให้ แต่เพราะว่ากำลังแช่น้ำกันอยู่ เขาก็เลยต้องใช้ตักของตัวเองแทนโต๊ะนวด…