Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 295
ขณะที่ฟรีเน่เดินเรื่อยเปื่อยอยู่ภายใน ‘เบลิตบาบิลี่’ (TL: ชื่อฐานที่มั่นของอิชทาร์แฟมิเลีย) เธอก็พบเข้ากับกลุ่มสาวอเมซอนและอดไม่ได้ที่จะถากถางพวกเธอเล็กน้อย
“ยัยอัปลักษณ์พวกนี้ ทำไมไม่ออกไปทำงานทำการกันยะ? มายืนทำซากอะไรอยู่แถวนี้ สมองน่ะมีมั้ยยย ห้ะ~!?”
เป้าหมายหลักของเธอนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นหญิงสาวที่ดูสวยสดงดงามที่สุดในกลุ่ม เธอคนนี้ยังครองตำแหน่งอันดับสองรองจากฟรีเน่ และเป็นหัวหน้าหน่วยต่อสู้ที่มีชื่อว่า ‘เบอร์เบร่า’ อีกด้วย
หากวาห์นอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงจำได้ทันทีว่าเธอก็คือ ‘ไอช่า เบลก้า’ หญิงสาวผู้คอยปกป้องฮารุฮิเมะและเป็นคนที่เขาทำลายมนตร์เสน่ห์ของอิชทาร์ออกให้นั่นเอง
ไอช่าจ้องฟรีเน่ด้วยสายตาเอาเรื่องก่อนจะตอบเรียบๆ
“เรารู้เรื่องทัมมุซแล้ว ฉันก็เลยเตรียมคนเพื่อรอรับเหตุฉุกเฉิน
วาห์น เมสัน… เด็กคนนั้นมีสกิลอำพรางที่น่ากลัวมาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยคงไม่ดีแน่”
กลุ่มสาวอเมซอนที่อยู่ด้านหลังเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ทว่าฟรีเน่กลับถุยน้ำลายใส่หน้าไอช่าและพูดต่อ
“เหอะ คงรู้ดีมากสินะ ก็เล่นปล่อยให้หมอนั่นมาขโมยนังเด็กจิ้งจอกไปง่ายๆ เลยนี่~!?
เอาเถอะๆ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ก่อนอื่น ไปหาเด็กผู้ชายสักคนแล้วเอามาไว้ในห้องของฉันด้วย ไม่งั้นฉันจะซ้อมพวกแกแทน!”
พูดเสร็จฟรีเน่ก็เดินออกไปโดยไม่รอคำตอบจากไอช่า จากนั้นเธอจึงเริ่มหัวเราะด้วยเสียงที่คล้ายกับคนเสียสติ
ไอช่ารับผ้าที่คนในหน่วยยื่นให้ก่อนจะเช็ดน้ำลายออกจากใบหน้า
พอเห็นว่าคราบที่ติดออกมามีสีเขียวอมเหลือง เธอก็แทบอยากจะอาเจียนและเดินออกไปท้าฟรีเน่สู้ซะเดี๋ยวนั้นเลย
หากไอช่าเก่งพอๆ กับ ‘กบยักษ์’ นั่นล่ะก็ เธอก็คงไม่ต้องข่มใจตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้หรอก
จริงๆ แล้วเป้าหมายของเธอในช่วงนี้คือการเกลี้ยกล่อมให้สมาชิกของ ‘เบอร์เบร่า’ เชื่อใจให้มากที่สุด จากนั้นก็ต่อด้วยการหลบหนีความซวยที่อาจพุ่งใส่อิชทาร์แฟมิเลียได้ทุกเมื่อ
การออกไปสู้กับฟรีเน่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะมันก็เป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์อยู่ดี และต่อให้เธอสู้โดยใช้พิษเข้าช่วย ยัยสัตว์ประหลาดนั่นก็ยังมีสกิลต้านทานสภาวะผิดปกติสมบูรณ์ (S) มาช่วยเสริมอีก
หลังจากที่ฟรีเน่เดินออกไปไกลแล้ว ไอช่าก็หันมาพูดกับคนในหน่วย
“ตราบใดที่มียัยนั่นเป็นกัปตัน รับรองเลยว่าเราอยู่ต่อได้อีกไม่นานหรอก
อิชทาร์เองก็เอาแต่วุ่นวายกับกลุ่มพันธมิตรไม่เลิก ดูยังไงก็มีแต่ตายกับตาย
นี่ทัมมุซก็เอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นคนนึงแล้ว อีกเดี๋ยวเราคงต้องรอรับศึกหนัก… บางทีนี่อาจเป็นโอกาสเหมาะก็ได้
ฉันรู้ว่าพวกเธอไม่ได้ภักดีกับอิชทาร์อะไรขนาดนั้น ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็คงต้องรีบตัดสินใจแล้วล่ะ…”
ไอช่านั้นเกลี้ยกล่อมสมาชิกเบอร์เบร่ามาหลายวันแล้ว เรียกได้ว่าแทบจะพูดกรอกหูกันเลยทีเดียว
อิชทาร์คือเทพธิดาแห่งความงดงามคล้ายกับเฟรย่า ทว่าความเป็นผู้นำของทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
นั่นคือสาเหตุที่อิชทาร์แต่งตั้งให้ไอช่าเป็นหัวหน้าของหน่วยเบอร์เบร่าตั้งแต่แรก เพราะเธออยาก ‘ลงโทษ’ ไอช่าที่ ‘อาจหาญ’ ออกมาปกป้องฮารุฮิเมะ
คนทั่วไปเห็นแล้วคงจะบอกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย ลงโทษด้วยการเลื่อนให้เป็นหัวหน้า แบบนี้ก็ได้เหรอ?
แม้ว่าสมาชิกของหน่วยจะภักดีต่ออิชทาร์เพราะโดนมนตร์เสน่ห์ของเธอเข้าไป แต่อีกคำสั่งที่พวกเธอได้รับก็คือต้องเชื่อฟังหัวหน้าหน่วย ซึ่งในที่นี้ก็คือไอช่านั่นเอง
วาห์นไม่รู้เลยว่าการที่เขาปลดปล่อยไอช่านั้นจะทำให้ชีวิตของคนมากมายเปลี่ยนไปแบบสุดๆ
‘ตู้มมมมม’
…และแล้วความซวยที่ไอช่ากลัวอยู่ก็เกิดขึ้นแบบทันตาเห็น
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นภายในเบลิตบาบิลี่ โชคดีที่มันอยู่ตรงจุดที่ฟรีเน่เดินออกไปพอดี
ไอช่าไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างแรกที่เธอนึกออกก็คือวาห์นและกลุ่มพันธมิตรเริ่มออกกมาเคลื่อนไหวแล้ว
เธอรู้ว่าเด็กหนุ่มนั่นค่อนข้างเด็ดขาดเมื่อถึงยามจำเป็น ดังนั้นถ้าจะโจมตีสวนกลับทันทีก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
หญิงสาวหันมาบอกพรรคพวกอย่างเร่งรีบ
“หมดเวลาคิดแล้ว รีบไปเถอะ แต่ถ้าอยากตายตามอิชทาร์ไปล่ะก็…ตามสบายนะ”
ไอช่ารีบสั่งการให้ทุกคนออกจากพื้นที่ต่อสู้ทันที โดยกลุ่มของเธอนั้นประกอบไปด้วยชาวอเมซอนราวๆ สามสิบกว่าคน และในกลุ่มยังมีเลเวล 3 มากถึง 11 คน
จุดหมายต่อไปของพวกเธอก็คือเหล่าโรงแรมที่อิชทาร์แฟมิเลียเป็นเจ้าของ
‘เราต้องพาพรรคพวกหนีออกไปให้ได้มากที่สุด ทุกคนจะต้องไม่มาตายอยู่ที่นี่’ นี่คือสิ่งที่ไอช่าพร่ำบอกตัวเองซ้ำไปมา…
—
พอนึกย้อนไปถึงสีหน้าอัดอั้นของไอช่า ฟรีเน่ก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
เธอรู้สึกเกลียดขี้หน้าอเมซอนสาวมาตลอด แต่จะซ้อมอีกฝ่ายให้ตายมันก็ใช่ที่ เพราะถ้าทำแบบนั้น เธอก็จะต้องออกมาบริหารจัดการเรื่องจุกจิกแทน
ดื่มเหล้าสังสรร กินทุกอย่างที่อยากกิน นอนกับคนที่ตัวเองอยากนอนด้วย นี่แหละคือวิธีใช้ชีวิตของฟรีเน่ จามิล
สิ่งเดียวที่ฟรีเน่ยังขาดอยู่ก็มีแค่บุรุษที่ ‘คู่ควร’ จะมาเป็นพ่อของลูกเท่านั้น ซึ่งเป้าหมายล่าสุดของเธอก็คือวาห์นนั่นเอง
ถึงจะชอบป่นร่างกายของอดีตคู่นอนจนเละเป็นชิ้นๆ แต่ฟรีเน่ก็ติดนิสัยชอบเก็บ ‘กล่องดวงใจ’ ของแต่ละคนไว้ดูเล่น
เธอจะเก็บพวกมันใส่โหลและซ่อนเอาไว้ในห้องนอนของตัวเองเป็นอย่างดี
พอกำลังนึกถึง ‘ของ’ ของวาห์นอยู่นั้น ฟรีเน่ก็พบว่ามีร่างๆ หนึ่งเดินเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้า
เธอจ้องมองร่างเล็กพร้อมกับตะโกนออกไป
“มายืนขวางแบบนี้ นี่แกไม่อยากอยู่ต่อแล้วใช่มั้ย!?”
แต่ทันทีทีเห็นร่างนั่นชัดกว่าเดิม ดวงตาคล้ายกบของฟรีเน่ก็พลันเบิกกว้างเป็นจานบินก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดถอยหลังเพื่อหลบหอกที่พุ่งใส่คอหอย
‘ร่างเล็ก’ นั่นคือชายหนุ่มเผ่ามนุษย์แมวที่สวมเกราะสีดำและมีสิ่งที่ดูคล้ายแผ่นเหล็กคาดอยู่ตรงส่วนตา
ผมของเขาเป็นสีดำขลับ และสิ่งที่ถือติดมือมาด้วยก็คือหอกสีเงินแวววาวน่าขนลุก
แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ฟรีเน่ก็จำได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้คือ ‘อัลเลน ฟรอมเมล’ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเฟรย่านั่นเอง
หากเป็นคนอื่น ฟรีเน่ก็คงเหยียบจมดินไปแล้ว แต่อัลเลน… ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือเลเวลของอัลเลนนั้นอยู่ที่ 6 ค่อนไปทาง 7 ส่วนของฟรีเน่อยู่ที่ 5 นิดๆ เท่านั้นเอง
อัลเลนเป็นนักสู้ที่ใช้ความเร็วและอาวุธที่ทำให้เขามีชื่อเสียงก็คือหอกเล่มนี้นี่แหละ
ถ้าสู้กันแบบตัวต่อตัวล่ะก็…เธอต้องกลายเป็นกบเสียบไม้ย่างแน่นอน
หลังจากหลบการโจมตีอีกหลายครั้ง ฟรีเน่ก็ร้องโหยหวนออกมา
“อัลเลน แกมาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย!? อย่าบอกนะว่าแม้แต่ยัยอัปลักษณ์เฟรย่าก็เข้ามาหนุนหลังไอ้เด็กนั่น!?”
หูของอัลเลนกระตุกทันทีที่คำว่า ‘ยัยอัปลักษณ์เฟรย่า’ หลุดออกมา จากนั้นใบหน้าที่อยู่หลังแผ่นโลหะก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแห่งความโกรธ
—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
ฟรีเน่รู้สึกได้เลยว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม เหงื่อของเธอเริ่มไหลออกมาไม่หยุดจนผิวหนังดูคล้ายกบมากขึ้นทุกที
ฟรีเน่ใช้สมาธิทั้งหมดในการจับจ้องไปที่ตัวหอก แต่แล้วบางอย่างหนักๆ ก็เข้ามากระแทกตรงตำแหน่งหัวใจและส่งเธอลอยออกไปชนกำแพงพังเป็นแถบๆ
สาวร่างยักษ์ไอออกมาเป็นเลือดขณะที่เสียงของ ‘บางอย่างหนักๆ’ เคลื่อนเข้ามาใกล้ตำแหน่งของตัวเอง
ก่อนจะได้ลุกขึ้นมาตั้งหลัก ฟรีเน่ก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
“ไอ้หมูโสโครก… นี่แกกล้าใช้ปากสกปรกนั่นดูหมิ่นท่านเฟรย่างั้นเหรอ!?
วันนี้ชะตาแกขาดแน่ ยัยกะหรี่หน้ากบ~!”
อัลเลนรัวหอกเข้าไปตรงแขนขาของฟรีเน่แบบไม่ยั้งเพื่อทำให้อีกฝ่ายหนีไปไหนไม่ได้
ต่อให้งานนี้เธอรอดไปได้ ฟรีเน่ก็คงจะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต
ตอนนี้ฟรีเน่ไม่ได้นั่งนอนเล่นเฉยๆ แต่กำลังตอบโต้คู่ต่อสู้แบบสุดชีวิตเช่นกัน
ถ้าสกิล [เพลงหมัดโจมตี] ของเธอโจมตีเข้าเป้าแม้แต่ครั้งเดียว เกมก็จะพลิกทันที
แย่หน่อยที่อัลเลนนั้นไวมาก หนำซ้ำยังแม่นยำถึงขั้นที่โจมตีเลี่ยงจุดตายของอีกฝ่ายได้แบบสบายๆ
ดูไปแล้วนี่คงเหมือนกับการทรมานมากกว่าการต่อสู้เสียอีก
10 นาทีต่อมา ฟรีเน่ที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็เริ่มกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด
“คนอื่นหายหัวไปไหนกันหมดเนี่ยยยย!?”
เพราะเมื่อกี้เพิ่งเดินผ่านพวกไอช่ามาหมาดๆ ฟรีเน่เลยค่อนข้างมั่นใจว่าอีกเดี๋ยวคงมีคนตามมาช่วย แต่ยิ่งเวลาผ่านไปพร้อมกับบาดแผลที่มีมากขึ้น ความหวังของเธอก็ดูริบหรี่เต็มที
เธอพยายามที่จะสมานแผลและฟื้นฟูร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าหอกของอัลเลนจะมีการลงคำสาปบางอย่างเอาไว้
พอปิดแผลไม่ได้ ฟรีจึงเริ่มเกิดอาการมึนเพราะเสียเลือดไปมาก
อัลเลนยิ้มอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะเริ่มเยาะอีกฝ่าย
“ร้องอีกสิ เอาให้เหมือนหมูเลย!
เอ้าเร่เข้ามาดูกันให้ทั่วๆ~ ฟรีเน่ผู้ห้าวหาญ ผู้มีฉายาว่า ‘ปลิดบุรุษ’ กำลังโดนบุรุษที่ตัวเล็กนิดเดียวปลิดชีพ
แบบนี้ก็ถือว่าเหมาะดีเหมือนกันนะ ฉันว่าชีวิตนี้แกคงอิ่มหนำมาพอแล้วล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายเหมือนกับตอนแรก
ในช่วง 10 นาทีที่ผ่านมานั้น อัลเลนได้ใช้เวลา 5 นาทีหลังไปกับการ ‘เล่น’ กับอีกฝ่าย
ตามปกติแล้ว ‘เป้าหมาย’ ที่ตัวใหญ่แบบนี้คงมีแต่มอนสเตอร์เท่านั้น อัลเลนก็เลยอยากลองทดสอบดูว่าฟรีเน่จะทนได้นานขนาดไหน
จากที่กะคร่าวๆ ตอนนี้เธอน่าจะเสียเลือดไปประมาณหนึ่งอ่างน้ำเห็นจะได้
พอร่างกายมาถึงขีดสุด ฟรีเน่ก็เข่าทรุดลงกับพื้นและเริ่มขยับปากแทน
“อัลเลน นายมาที่นี่ทำไม? ถึงอิชทาร์กับเฟรย่าจะเป็นศัตรูกัน แต่เราสองคนก็ไม่ได้มีอะไรบาดหมางกันนี่… เอางี้มั้ย ถ้านายยั้งมือ ฉันจะยอมไปเป็นผู้หญิงของนาย จะใช้ร่างกายนี่ทำให้นา-”
ก่อนจะได้พูดต่อจนจบ อัลเลนก็วาดหอกออกไปเฉือนลิ้นและปากบางส่วนของฟรีเน่
“เหอะ สมองแกนี่คงเล็กเท่าไข่กบสินะ คิดว่าฉันตาบอด เห็นขยะแบบแกดีกว่าเทพธิดางั้นเหรอ!?”
ฟรีน่าใช้มือกดแผลที่ปากขณะพึมพำเบาๆ จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้งโดยหวังว่าตัวเองอาจจะโชคดีขึ้นมาบ้าง
เธอรู้ว่าถ้าเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ อีกเดี๋ยวก็คงต้องตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป
พอรู้ว่าตัวเองจะถึงฆาต คนเราก็มักจะรีดเอาแรงเฮือกสุดท้ายออกมาได้เสมอ… แต่ครั้งนี้มันไม่พอ
ถึงจะหัวเสียมาก แต่อัลเลนก็สามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังสวนหอกออกไปตัดเส้นเอ็นที่แขนทั้งสองของอีกฝ่ายคืนด้วย
หลังจากโดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายฟรีเน่ก็ล้มแบบหน้าจุ่มพื้น
ดวงตาที่คล้ายกบนั่น ครั้งนี้มันกลับดูน่าสังเวชอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
(A/N: ตอนนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงมาก ถ้าไม่ชอบสามารถข้ามได้เลย ไม่มีผลกับเนื้อหาตอนหน้าครับ~!)
หลังจากที่ร่างยักษ์ล้มลงไปแล้ว อัลเลนก็เข้ามาตรวจดูว่าตัวเองตัดเส็นเอ็นเรียบร้อยดีหรือเปล่า
ต่อให้เธอ ‘แกล้งตาย’ และอยากลอบโจมตีมากแค่ไหน แต่ถ้าเส้นเอ็นถูกตัดหมด ทุกอย่างก็เป็นได้แค่ฝันกลางวัน
ดวงตาสีแดงของอัลเลนเริ่มฉายแววโหดเหี้ยมขณะที่เจ้าตัวเดินไปตรงหน้าต่างที่ประดับไปด้วยลูกกรง
‘ที่นี่มันคุกชัดๆ เลย…’
เขาขยับหอกเพื่อตัดท่อนเหล็กบางส่วนออกมา จากนั้นก็เก็บพวกมันขึ้นและเดินกลับมาที่ร่างของฟรีเน่
อัลเลนร่ายเวทเบาๆ และทำให้แท่งเหล็กในมือร้อนขึ้นแบบทันตาเห็น
“อันดร็อกโตนัสชื่อกระฉ่อนต้องมาแพ้ให้กับผู้ชาย ตลกดีใช่ไหมล่ะ~?
ไหนๆ เมื่อกี้เธอก็ออกปากเสนอตัวแล้ว ถ้าฉันไม่สนใจใยดีมันก็ออกจะเกินไปหน่อย
เพื่อเป็นของขวัญอำลา ฉันจะมอบสิ่งที่เธอไม่มีวันลืมเลย”
อัลเลนเดินไปอยู่ตรงด้านหลังฟรีเน่ จากนั้นเขาก็เสียบท่อนเหล็กเข้าไปในก้อนเนื้อมหึมาด้วยสายตาวิกลจริต
ฟรีเน่กรีดร้องลั่นและพยายามขยับตัวแม้ว่าเส้นเอ็นจะถูกตัดออกไปหมดแล้ว
ยิ่งเธอกรีดร้อง อัลเลนก็ยิ่งเร่งมือให้เร็วขึ้นจนใส่ท่อนเหล็กเข้าไปได้อีก 6 ท่อน
แม้ว่ากลิ่นเนื้อย่างจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกพอใจเช่นกัน
ตั้งแต่ตอนที่ฟรีเน่พูดล่วงเกินเทพธิดาผู้เป็นที่รักยิ่ง อัลเลนก็ตัดสินใจแล้วว่าจุดจบของเธอจะต้องทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด