Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 40
หลังจากที่ลิลลี่สงบลง ทั้งสองก็เริ่มปรึกษากันเรื่องจุดแข็งและจุดอ่อนของเธอ ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ยืนอยู่ด้านนอกทางเข้าสู่ชั้นสองและ วาห์นต้องการทราบข้อมูลในปัจจุบันของเธอให้มากที่สุด
“สกิลที่เธอใช้ในการอำพรางตัวเองมันมีผลอย่างอื่นไหม? แล้วสกิลอื่นล่ะ” นี่คือสิ่งที่วาห์นสนใจมากที่สุด จากมุมมองของเขานั้นความสามารถในการแปลงร่างเป็นอะไรที่ทรงพลังมากจนเขารู้สึกอิจฉานิดๆ
“ความสามารถในการแปลงร่างของฉันมาจากเวทมนตร์ [ซินเดอเรลล่า] ซึ่งทำให้ฉันสามารถเปลี่ยนเป็นอะไรก็ตามที่มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับตัวเอง แต่ฉันสามารถฝืนใช้ให้มันเปลี่ยนขนาดของฉันในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ด้วย… สำหรับความสามารถอื่นๆ ฉันมีสกิลที่เรียกว่า [หน่วยช่วยเหลือ] ซึ่งเพิ่มค่าสถาะของฉันโดยอิงจากจำนวนน้ำหนักที่ฉันถืออยู่ แต่ข้อเสียคือการจำกัดการเคลื่อนไหวแทนหากแบกของเยอะเกินไป…”
วาห์นพยักหน้าพร้อมกับทำท่าครุ่นคิด เขากำลังคิดหาวิธีใช้ความสามารถทั้งสองอย่างให้มีประโยชน์สูงสุดในอนาคต… แต่สำหรับตอนนี้ เขาควรช่วยปรับพื้นฐานให้เธอก่อน แม้เขาจะไม่สามารถให้เธอใช้คู่มือจากระบบได้ แต่มันก็ไม่ได้ห้ามเขาจากการใช้ข้อมูลที่อยู่ในหัวเพื่อให้คำแนะนำแก่เธอ สำหรับตอนนี้ เขาจะสอนสกิลการต่อสู้ระยะประชิดที่เขาพัฒนาขึ้นจากตอนอยู่ในป่าให้ แม้ว่าตัวสกิลเองจะไม่ได้มีประโยชน์ในการสังหารมอนสเตอร์มากนัก แต่มันจะทำให้เธอสามารถปกป้องตัวเองได้ดีขึ้น
“สำหรับตอนนี้เราจะเริ่มเสริมสร้างรากฐานของเธอก่อน ฉันพอรู้เมนูการออกกำลังกายที่จะช่วยเพิ่มความคุ้นเคยให้กับการต่อสู้และยังทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นแถมยังช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองของเธอด้วย เราอาจจะนำ [หน่วยช่วยเหลือ] มาใช้เพื่อช่วยเสริมการฝึกค่าพละกำลังของเธอ เสร็จแล้วเราก็จะฝึกซ้อมการต่อสู้ของจริง สำหรับตอนนี้เราจะไล่ปราบมอนสเตอร์ที่อยู่ชั้นแรกๆ และจะเปลี่ยนเป็นการฝึกซ้อมกันเองในช่วงบ่าย เธอมีอาวุธที่ถนัดเป็นพิเศษไหม?”
เมื่อเห็นว่าวาห์นจริงจังเรื่องการฝึกซ้อมมาก ลิลลี่ก็เริ่มตื่นตัวเพื่อเตรียมรับศึกหนัก
“ค่ะ นายท่านวาห์น! เพราะฉันเป็นพลูม ฉันจึงมีสายตาที่ดีและมองในที่มืดได้อย่างชัดเจน ดังนั้นอาวุธและตำแหน่งที่ฉันถนัดก็คือการยิงธนูจากแนวหลัง แม้ฉันจะใช้ [ซินเดอเรลล่า] เพื่อเลียนแบบลักษณะของเผ่าพันธุ์อื่นๆ ได้ แต่ฉันยังไม่เคยใช้มันในการต่อสู้จริงเลยค่ะ!”
“ที่จริงฉันเองก็ใช้ธนูเหมือนกัน แต่มันไม่ค่อยเหมาะกับการฝึกเพิ่มค่าสถานะเท่าไหร่นัก ถึงเธอจะได้รับเอ็กซีเลียจากมอนสเตอร์ แต่มันก็จะไปตกอยู่ที่ค่าความแม่นยำซะเป็นส่วนใหญ่ เราต้องหาวิธีฝึกที่ช่วยเพิ่มค่าสถานะทุกอย่างจนกว่าเธอจะค้นพบรูปแบบการต่อสู้ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด” วาห์นกำลังคิดที่จะซื้ออาวุธให้กับลิลลี่แต่ยังไม่แน่ใจว่าเอาแบบไหนดี…
“นายท่านวาห์นก็ใช้ธนูเหมือนกันเหรอคะ?” ลิลลี่ทำหน้างงๆ เพราะตั้งแต่ที่พบกัน เธอก็เห็นเขาใช้แต่ดาบมาตลอด
เมื่อได้ยินที่เธอถาม วาห์นก็สลับเอาคันธนูออกมาจากช่องอาวุธที่สอง ลิลลี่สะดุ้งเมื่อเห็นดาบหายไปและมีคันธนูสีเขียวมรกตเข้ามาแทนที่
“นี่คงเป็นเวทคลังเก็บของสินะคะ เวทมนตร์ที่ทำให้สับเปลี่ยนอาวุธได้เร็วแบบนี้คงจะมีประโยชน์มากเลย”
วาห์นพยักหน้าขณะเดินนำทางไปสู่ชั้นที่สอง เนื่องจากเขาไม่สามารถอธิบายเรื่องช่องเก็บของของเขาแบบละเอียดได้ เขาจึงพยายามพูดถึงมันให้น้อยที่สุด หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พบกลุ่มโคโบลด์และวาห์นก็ปล่อยลูกศรสามดอกออกไปจัดการพวกมันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
“อ้า นายท่านสุดยอดไปเลย! ยิงได้ไร้ที่ติจริงๆ~” ลิลลี่กระโดดโลดเต้นอยู่ข้างหลังเขาอย่างลิงโลด
วาห์นส่ายหัวแล้วหันไปทางเธอ “ลิลลี่ เราต้องมีสมาธิอยู่ตลอดเว้นแต่ว่าจะอยู่ในทางเดินระหว่างชั้นนะ การเสียสมาธิแม้แต่นิดเดียวอาจจะกลายเป็นจุดจบของเราเลยก็ได้ แล้วก็หยุดเรียกฉันว่านายท่านได้แล้ว แค่วาห์นเฉยๆ ก็พอ รวมไปถึงเรื่องสรรพนามด้วยนะเพราะที่จริงอายุเราก็น่าจะพอๆ กัน ได้ยินเธอชมฉันแถมยังเรียกฉันว่านายท่านด้วยมันทำให้รู้สึกยังไงๆ ไม่รู้สิ…”
“เข้าใจแล้วค่ะท่าน… เอ่อ… วาห์น” พอวานได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ คงต้องค่อยๆ ปรับไปก็แล้วกัน อีกสักพักเธอคงจะชินไปเอง
“สำหรับมอนสเตอร์กลุ่มต่อไป ฉันอยากให้เธอจัดการพวกมันโดยใช้หน้าไม้ของเธอ ถ้าหากมันเริ่มดูอันตรายเกินไปฉันก็จะเข้ามาช่วยทันที แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากให้เธอพยายามจัดการพวกมันทั้งหมดด้วยตัวเอง” เขายังคงเดินหน้าลึกเข้าไปในชั้นที่สองจนกระทั่งพบกับกลุ่มโคโบลด์สามตัวและก็อบลินสองตัว
ลิลลี่เล็งหน้าไม้และเริ่มยิงออกไปอย่างรวดเร็ว ลูกดอกส่วนใหญ่นั้นเข้าเป้า แต่เธอยิงพลาดจุดสำคัญไปเล็กน้อยทำให้พวกมันยังวิ่งต่อได้ เธอยืนปักหลักและทำการยิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายก็จัดการก็อบลินไปได้แค่สองตัวก่อนที่พวกโคโบลด์จะเข้ามาประชิด ขณะที่พวกมันกำลังจะกระโจนเข้าใส่ ลูกศรสามดอกก็แทงทะลุร่างของพวกโคโบลด์อย่างแม่นยำและเปลี่ยนพวกมันให้เป็นผุยผง
ลิลลี่แสดงสีหน้าหวาดกลัวขณะที่รู้สึกว่าขาของตัวเองนั้นหนักราวกับตะกั่ว เธอทรุดฮวบลงไปทันทีขณะพูดติดอ่าง
“ขะ-ขอบคุณมากค่ะ ทะ-ท่านวาห์น ขะ-ขอโทษด้วยนะคะที่ฉันทำพลาด”
วาห์นมองเห็นความกลัวที่เขียนอยู่ทั่วใบหน้าของเธอ เขาจึงคุกเข่าลงและลูบหัวเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน
“ไม่เป็นไรหรอกลิลลี่ เธอไม่ได้พลาดสักหน่อย… ฉันแค่อยากให้เธอลองสู้กับมอนสเตอร์ด้วยตัวคนเดียวเท่านั้นเอง จากนี้ไปฉันจะแสดงวิธีการต่อสู้ด้วยอาวุธระยะไกลที่เหมาะสมให้ดูนะ”
ขณะที่เธอยังขยับตัวไม่ได้ โคโบลด์กลุ่มใหม่ก็ถือกำเนิดออกมาจากผนัง คราวนี้พวกมันมากันห้าตัวและวาห์นก็เข้าประชิดพวกมันทันที จากตำแหน่งที่เธอนั่งอยู่ ลิลลี่จ้องมองเขาอย่างงุนงง ‘ทำไมเขาถึงเข้าประชิดทั้งๆ ที่ใช้ธนูล่ะ?’
คำตอบสำหรับคำถามของเธอก็มาถึงในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา ขณะที่เธอเฝ้าดูวาห์นหลบโคโบลด์อย่างนิ่มนวลและเข้าไปตรงจุดบอดที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของพวกมันก่อนจะโจมตีกลับและจบการต่อสู้ลงอย่างง่ายดาย ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เขาสามารถจัดการกับมอนสเตอร์ทั้งฝูงลงได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องปรับตำแหน่งใหม่หรือเพิ่มระยะห่างระหว่างมอนสเตอร์กับตัวเองเลย เธอเริ่มเข้าใจที่เขาบอกว่า ‘อย่างเหมาะสม’ ขึ้นมาหน่อยแล้ว…
วาห์นเข้ามาหาลิลลี่ที่ยังนั่งอยู่ก่อนจะยิ้มและพูดว่า “เห็นแล้วใช่ไหม แม้การใช้อาวุธระยะไกลจะสร้างความได้เปรียบในการกำจัดมอนสเตอร์จากระยะไกล แต่มันอาจจะดูไม่คุ้มค่าถ้าต้องสละความคล่องตัวเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน การยิงให้ถูกมอนสเตอร์จากระยะไกลนั้นมักเป็นเรื่องที่ยาก แต่ถ้าเธอใช้การเคลื่อนไหวของพวกมันให้เป็นประโยชน์และเล็งที่จุดอ่อนในระยะใกล้แทน เธอก็จะสามารถจัดการพวกมันทั้งหมดได้โดยแทบไม่ต้องเปลืองลูกดอกเลย พอจะเข้าใจไหม?”
ลิลลี่พยักหน้าก่อนจะจับมือที่วาห์นยื่นมาให้เพื่อดึงตัวเองขึ้น
“แต่ท่านวาห์นคะ… ฉันคงทำแบบนั้นไม่ไหวหรอก แค่หลบแบบปกติฉันยังทำไม่ได้เลย ถ้าหากว่าต้องถูกล้อมด้วยก็คง…”
แม้ว่าเธอจะเห็นด้วยกับสิ่งที่วาห์นพูด แต่การนำไปใช้จริงนั้นมันคนละเรื่องกันเลย ช่องว่างระหว่างค่าสถานะของพวกเขานั้นมีมากเกินไป…
“นั่นมันก็จริง สำหรับตอนนี้น่ะนะ แม้เธอจะคิดว่าการเป็นพลูมนั้นคือข้อด้อย แต่หากได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติมล่ะก็ พลูมจะสามารถเคลื่อนไหวได้ดีกว่าเผ่าอื่นๆ ซะอีก เพราะเผ่าพันธุ์ของเธอมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าทำให้ง่ายต่อกายขยับและเคลื่อนไหวร่างกาย ค่าความว่องไวของเธอก็น่าจะเติบโตเร็วกว่าเผ่าพันธุ์ส่วนใหญ่ด้วย ฉันคิดว่าเป็นเพราะเธอเคยชินกับการโจมตีจากแนวหลัง และแบกน้ำหนักจำนวนมากจึงทำให้เธอละเลยข้อได้เปรียบของเผ่าพันธุ์ตัวเองไป แล้วก็ถ้าเธอเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ ทำไมถึงไม่ใช้ [ซินเดอเรลล่า] เพื่อใช้คุณสมบัติพิเศษของมนุษย์แมวหรือเอลฟ์แทนล่ะ ทั้งสองเผ่าพันธุ์เองก็มีค่าความว่องไวและแม่นยำที่สูงมากนะ”
ลิลลี่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินคำอธิบายของเขา บ่อยครั้งที่เธอใช้เวทมนต์เพื่อปลอมตัวและหลอกคนอื่น แต่พอเธอเข้ามาในดันเจี้ยนก็มักจะเปลี่ยนตัวเองกลับเป็นซัพพอร์ตเตอร์เผ่าพลูมอยู่เสมอ เธอไม่เคยฝึกฝนการต่อสู้ของเผ่าพันธุ์อื่นหรือพยายามปรับเปลี่ยนลักษณะของตัวเองเพื่อใช้ในการต่อสู้เลย… พอนึกถึงคำพูดของวาห์นเมื่อกี้นี้ เธอก็เริ่มเชื่อแล้วว่าได้ละเลยเรื่องต่างๆ ที่อาจทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นไปมากมาย ดูเหมือนว่าเธอแค่พอใจไปกับการเอาตัวรอดและการหลบหนีมาจนถึงตอนนี้…
วาห์นสังเกตเห็นว่าเธอรู้สึกหดหู่ในขณะที่คิดถึงสิ่งที่เขาพูดไป เขาจึงถอนหายใจออกมาขณะเอามือไปลูบหัวเธออีกครั้ง (“เป็นคนที่เอาใจยากพอตัวเลย… หวังว่าเธอจะสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองได้นะ นั่นคงเป็นหน้าที่ของเรานับจากนี้เป็นต้นไปแล้วล่ะ”)
ทั้งสองเดินสำรวจดันเจี้ยนไปเรื่อยๆ และจัดการกับมอนสเตอร์ทุกตัวที่เจอ ลิลลี่เริ่มพยายามฝึกความว่องไวและฟุตเวิร์คของเธอโดยการสู้กับมอนสเตอร์ในระยะประชิด แต่เธอก็ทำได้ดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลายครั้งที่วาห์นใช้เวลาไปกับการปลอบใจเธอและจัดการมอนสเตอร์ฝูงใหญ่ด้วยตัวเองขณะที่เธอตามมาเก็บคริสตัลในภายหลัง พวกเขาทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงช่วงบ่ายก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปที่ทางเดินระหว่างชั้นที่ 1
“โอเค ตอนนี้เราจะเริ่มการซ้อมแบบจริงจังแล้วแต่จะยังไม่ใช้อาวุธ ฉันต้องการให้เธอโจมตีฉันด้วยแขนและขาของเธอ ฉันเป็นฝ่ายตั้งรับแต่อย่าคิดนะว่าจะไม่ตอบโต้ถ้าเห็นเธอเปิดช่องว่าง ในชีวิตจริงนั้นไม่มีอะไรที่ตายตัว และเธอก็ต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่คาดไม่ถึงอยู่เสมอ” วาห์นเข้าสู่ท่าต่อสู้ที่เขาฝึกมาจากตอนอยู่ในป่า แม้เขาจะไม่ได้มีรูปแบบที่แน่นอน แต่เขาก็สามารถใช้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมแทนได้
ลิลลี่พยักหน้าอย่างจริงจังก่อนที่จะพยายามปล่อยหมัดเบาๆ หลายชุดใส่เขา วาห์เริ่มรู้สึกแปลกๆ กับท่าต่อสู้แบบโก๊ะๆ ของเธอ แล้วก็เกือบโดนไปหนึ่งดอกเพราะมัวแต่กลั้นหัวเราะ โชคดีที่เขายังรักษาหน้าของตัวเองไว้ได้ด้วยการหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็วและแตะหลังของเธอเบาๆ
“เธอควรจะตั้งใจให้มากกว่านี้นะ การเหวี่ยงหมัดไปมาจะทำให้เธอเสียสมดุลและเผยช่องว่างให้คู่ต่อสู้สวนกลับ มาๆ ลองอีกครั้ง! อย่ามัวคิดมาก คิดแล้วก็ต้องทำด้วย!”
คราวนี้ลิลลี่พยายามที่จะเตะขาของเขา วาห์นจึงถอยออกนอกรัศมีการเตะของเธอแทน เธอลองอีกหลายครั้งก่อนจะปล่อยหมัดไปที่หน้าท้องของเขา หลังจากถูกโจมตีซ้ำหลายครั้ง วาห์นก็เริ่มจับรูปแบบได้ก่อนที่จะจับแขนเธอและเหวี่ยงลงกับพื้น ก่อนที่ใบหน้าของลิลลี่จะจูบพื้นวาห์นก็จับเธอไว้ก่อน
“จำไว้นะว่าอย่าใช้การโจมตีที่เธอรู้ว่าตัวเองไม่ถนัด ถึงการเปลี่ยนรูปแบบโจมตีจะเป็นสิ่งที่ดี แต่เธอต้องพยายามเล็งที่ช่องว่างของคู่ต่อสู้ด้วย พยายามมองหาช่องว่างในระหว่างการเคลื่อนที่ และพยายามโจมตีขณะที่คู่ต่อสู้กำลังเคลื่อนไหวเพราะการเปลี่ยนทิศทางตอนที่ยังเคลื่อนไหวไม่เสร็จนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก”
เขาอธิบายต่อขณะที่ลิลลี่ยังอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าของสาวน้อยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและเธอแทบจะไม่ได้ยินเสียงที่เขาพูดเลย สิ่งเดียวที่ได้ยินก็คือเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นเร็วขึ้นทุกขณะ เมื่อเขาวางเธอลง เธอก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นไปพักใหญ่ๆ
พอเห็นว่าเธอไม่มีสมาธิ วาห์นก็เข้าประชิดก่อนจะเหวี่ยงหมัดใส่หน้าของเธอตรงๆ กำปั้นของเขาหยุดนิ่งก่อนถึงที่หมายเพียงไม่กี่เซนติเมตร นั่นทำให้ลิลลี่ตกลงไปก้นจ้ำเบ้าอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าตกใจ
“การเสียสมาธิจะทำให้เธอถูกสวนกลับเอาง่ายๆ ถ้าฉันเป็นศัตรูหรือมอนสเตอร์ เธอก็คงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตไปแล้ว”
วาห์นยื่นมือออกไปให้เธอ แต่เธอเพียงแค่จ้องมือนั่นโดยที่ไม่ยื่นออกไปจับมัน
ลิลลี่ยังคงนั่งนิ่งและไม่อาจประมวลผลเหตุการณ์ต่างๆ ได้ทัน แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาต้องการทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ แต่เธอก็ไม่คิดว่าการฝึกของเขาจะเข้มข้นขนาดนี้ ตอนนี้ใจของเธอเหมือนกับรถไฟเหาะที่ขึ้นลงตลอดเวลา และเธอไม่สามารถทำให้มันกลับมาอยู่นิ่งๆ ได้ ในบางช่วงเธอก็มีความสุขอย่างตอนที่เขาจับตัวเธอไว้ แต่บางช่วงเธอก็รู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นการโจมตีที่รุนแรงของเขา ถึงเธอจะเชื่อว่าเขาคงไม่ทำร้ายเธอ แต่การโจมตีที่ใบหน้านั้นได้ดูดเรี่ยวแรงของเธอออกไปจนหมด ตอนนี้เธอไม่ต้องการฝึกต่อแล้วและกลัวที่จะคว้ามือนั่นเอาไว้…
(*เอาแล้วไง เราทำให้เธอกลัวมากไป นี่แค่วันแรกเองแต่เราดันจัดเต็มตลอด… งี่เง่าจริงๆ เลยเรา*) วาห์นถอนมือออกพร้อมกับแสดงสีหน้าเศร้าๆ ถึงลิลลี่จะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาถอยออกไป แต่เธอก็ไม่ได้พยายามหยุดเขา
เธอมองขณะที่เขาเดินไปเข้าไปใกล้ผนังของดันเจี้ยน… และเริ่มรัวหมัดใส่มัน เธอหวาดกลัวกับสิ่งที่เขาทำและเริ่มเชื่อว่าเขาอาจจะเป็นบ้าไปแล้ว แต่เมื่อเธอเห็นมือของเขาเริ่มมีเลือดไหลออก มันก็เหมือนกับมีคนเอามีดมากรีดหัวใจของเธอ เธอร้องตะโกนเสียงดัง
“ท่านวาห์นคะ หยุดเถอะค่ะ! ท่านวาห์นกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย!? มือของท่านวาห์น มือ-”
วานห์ถอนหายใจได้ยินเสียงของเธอ เขาหยุดต่อยผนังและหันไปพิงมันแทน
“ขอโทษด้วยนะ ลิลลี่ ฉันไม่น่ากดดันเธอหนักตั้งแต่วันแรกเลย ฉัน… ฉันไม่อยากทำให้เธอกลัว…ฉันแค่ไม่อยากเห็นเธอถูกทำร้ายในวันข้างหน้า ฉันกลัวว่าถ้าฉันไม่อยู่… แล้วมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ… ถ้าทำให้เธอแกร่งขึ้นได้ ฉันเชื่อว่าคงจะไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นอีก… แต่ฉันไม่ต้องการให้เธอแข็งแกร่งโดยแลกกับการที่ต้องมากลัวฉันแทน”
ลิลลี่เริ่มรู้สึกเศร้าและโกรธอยู่ในใจ เธอเศร้าที่เห็นเขาลงโทษตัวเองเพราะเห็นแก่เธอ แต่โกรธเมื่อเห็นว่าเขากดดันตัวเองจากการที่คิดมากไป
“ท่านวาห์นนั่นแหละที่งี่เง่า!!” เธอเริ่มร้องไห้เพราะไม่อาจระบายอารมณ์ออกมาเป็นคำพูดต่อได้
เธอเดินเข้าไปหาวาห์นและจับมือของเขาไว้ เมื่อเห็นเนื้อที่ฉีกขาดรอบๆ มือ เธอก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับความอ่อนแอของตัวเอง เขาแค่พยายามช่วยเธอให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง แต่เธอกลับรู้สึกกลัวเขาแทน… รู้สึกกลัวคนที่เพิ่งเสียสละตัวเองเมื่อวันก่อนเพื่อช่วยชีวิตเธอ
วาห์นยังคงเฝ้าดูขณะที่เธอทำแผลให้กับเขา เขาไม่อยากให้เธอต้องลำบากและคิดจะใช้โพชั่น แต่ก็รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไรออกไป…
หลังจากที่เธอทำแผลเสร็จแล้ว เธอก็ถอยออกไปและโค้งคำนับจนหน้าแทบติดกับพื้น
“ได้โปรดช่วยทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้นด้วยค่ะ ท่านวาห์น ฉันจะไม่บ่นอีกแล้วและจะไม่กลัวด้วย ไม่ว่าท่านวาห์นจะปฏิบัติกับฉันยังไงก็ตาม แต่ได้โปรดอย่าลงโทษตัวเองเพราะคนอย่างฉันอีกเลยนะคะ มันทำให้ฉันรู้สึกปวดใจมากที่เห็นท่านวาห์นทำแบบนั้น”
จากตำแหน่งยืนของเขา วาห์นมองเห็นแค่เฉพาะส่วนหัวที่ก้มลงมาของเธอ แต่ถึงเธอจะพยายามซ่อนมันไว้ เขาก็ยังเห็นน้ำตาที่หยดลงบนพื้น เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ และเริ่มรู้สึกว่าการลงโทษตัวเองเมื่อกี้นั้นออกจะทำเกินไปหน่อย วาห์นไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นการกระทำของเขา เขาแค่ต้องการปลดปล่อยอารมณ์ที่ขัดแย้งของตัวเองใส่พื้นผิวที่แข็งที่สุดที่พอหาได้
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของเธอ วาห์นก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ เขาถอนหายใจข้างในก่อนจะลุกขึ้นยืนและเข้าใกล้ลิลลี่ที่ยังโค้งคำนับ เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา เธอก็มองมาทางเขาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา เธอจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่อาจทำได้เมื่อวาห์นสวดกอดเธอไว้ที่หน้าอกของเขา เธอยืนอยู่ตรงนั้นและรับการโอบกอดของเขาในขณะที่เขาลูบหัวของเธอ น้ำตาและน้ำมูกเปื้อนติดเสื้อคลุมของเขาเต็มไปหมด
“ลิลลี่ เธอแข็งแกร่งกว่าที่ตัวเองคิดมากนะ ฉันขอสาบานว่าจะทำให้เธอรู้ตัวให้ได้…”
ทั้งสองยังคงกอดกันแน่นจนกระทั่งผ่านไปหลายนาที ถึงตอนนี้น้ำตาของลิลลี่ก็เริ่มแห้งแล้ว แต่ก็ยังมีร่องรอยของเหลืออยู่บ้าง วาห์นรู้สึกเป็นห่วง แต่เธอก็ส่งยิ้มให้เขาซึ่งทำให้ความกังวลคลายลง
“ฉันจะทำให้ดีที่สุดเลยค่ะ ท่านวาห์น~!”
// [ลิลิรูก้า อาเด้] ความชื่นชอบ: 90[หลงรัก], ความสนใจ: 59 [อยากรู้อยากเห็น]//
//เริ่มต้นภารกิจ: ‘ความปรารถนาของหัวใจ’ [ทำซ้ำได้] //
[ความปรารถนาของหัวใจ: มีค่าความชื่นชอบและค่าความสนใจเป็น 100 กับใครก็ได้]
ระดับ: (C-SS)
รางวัล: ปลดล็อคระบบ ‘ของขวัญ’ แบบถาวรเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในครั้งแรก, OP 10,000 แต้ม[ปัจจุบัน: 0], 1x ‘ความปรารถนาของหัวใจ’ [ปัจจุบัน: 0]
เงื่อนไขความล้มเหลว: เสียชีวิต
ผลจากความล้มเหลว: ไม่มี