Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 43
วาห์นยังคงยืนค้างอยู่ตรงนั้นขณะที่ลิลลี่จับมือของเขาต่อไปเรื่อยๆ ปากของเขาเปิดปิดสลับกันไปมา เขาพยายามคิดหาทางออกแต่แค่พูดยังพูดไม่ออกเลย แม้เขาจะพยายามเอามือออกมา แต่เขาก็ช็อคหนักเมื่อพบว่าลิลลี่จับข้อมือของเขาไว้แน่นมากและดูท่าจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
“ตายจริง~ ถึงตะวันจะลับฟ้าไปแล้ว แต่ทำแบบนี้ในที่สาธารณะอาจดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะคุณลูกค้า”
เหงื่อเย็นๆ ที่เริ่มจะแห้งไปบ้างแล้วก็กลับมาไหลใหม่อีกครั้ง ขณะที่วาห์นทำราวกับว่าได้ยินเสียงของปีศาจจากขุมนรก ทั้งเขาและลิลลี่ต่างหันไปทางที่มาของเสียงแบบนิ่งๆ แล้วก็เห็นหญิงสาวที่จ้องมองพวกเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ถึงภายนอกกจะดูเป็นมิตร แต่ดูเหมือนจะสร้างแรงกดดันมากกว่าสายตานั่นเสียอีก
หญิงสาวนามมิลานยังคงจ้องมองเด็กทั้งสองที่ตัวแข็งทื่อจากสายตาของเธอ แม้เธอจะแอบขำในใจแต่ก็ยังรู้สึกอยากจะแกล้งพวกเขาต่ออีกหน่อย เธอเคลื่อนสายตา ‘เย็นชา’ ไปยังมือที่ยังจับหน้าอกของเด็กสาวสวมผ้าคลุม วาห์นรีบใช้โอกาสนี้ดึงมือของเขาออกทันที เด็กสาวเริ่มรู้สึกตัวว่าเพิ่งทำอะไรไปบ้างจึงลงไปนั่งขดตัวอยู่บนพื้นและเอามือปิดหน้า
หลังจ้องมองเด็กสาวอยู่สักพัก เธอก็หันไปหาวาห์นและฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม
“วาห์น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้แค่แต๊ะอั๋งลูกสาวของฉันเท่านั้นนะ พอผ่านไปไม่กี่นาทีเธอก็หาเหยื่อรายใหม่ได้แล้วเหรอ~เมี๊ยว? บางทีการปล่อยให้เธออยู่ที่นี่ต่ออาจทำให้ผู้อยู่อาศัยคนอื่นรวมถึงพนักงานสาวๆ ของเราตกอยู่ในอันตรายก็ได้นะ~?”
ทุกคำพูดดูเหมือนจะสร้างความเสียหายทางจิตใจให้กับวาห์นมากที่สุดนับตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่โรงแรม หากเขารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น เขาคงจะไม่พยายามปักเข็มกลัดตั้งแต่แรกหรอก! เมื่อมาถึงจุดนี้ เขาก็คงได้แต่กล้ำกลืนความเสียใจและพยายามอธิบายเรื่องทั้งหมดรวมไปถึงขอโทษเธอด้วย
“คุณนายยูเอล… ได้โปรด ผมอธิบายได้… ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายทีน่าเลยนะครับ ทั้งหมดนี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันซึ่งเกิดจากความประมาทของผมเอง” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นและโบกมือยอมแพ้
พอถึงตรงนี้ มิลานก็เกือบกลั้นขำไว้ไม่อยู่ แต่แน่นอนว่าเธอจะยังไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ
“อ๋อเหรอ~? งั้นเธอกำลังจะบอกว่าหลังจากที่เธอ ‘บังเอิญ’ ลื่นหกล้มและไปจับหน้าอกของลูกสาวฉัน เธอก็ ‘บังเอิญ’ ไปบีบหน้าอกต่อด้วยใช่ไหมนะ~?”
เมื่อได้ยินเข้าไป แขนและขาของวาห์นก็ทรุดลงกับพื้นทันที แม้ว่าเขาจะแก้ตัวเรื่องแรกได้ แต่เรื่องที่สองบอกได้เลยว่าเป็นใครก็จนปัญญา หลังจากที่มิลานเล่าเหตุการณ์ซ้ำอีกครั้ง เขาก็รู้สึกจุกจนยืนต่อไปไม่ไหว ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจสิ่งที่ตัวละครเอก ‘ทึ่มๆ’ หลายคนจากในอนิเมะและมังงะต้องเผชิญอยู่บ่อยๆ แล้ว และเขาหมายมั่นว่าจะต้องแก้ไขเรื่องนี้ในอนาคตให้ได้
ขณะที่กำลังมองดูเด็กผู้ชายที่ทำสีหน้ามืดมน มิลานก็ต้องปิดปากของตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะหลุดออกมา เธอรู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวาห์น ‘ได้ประโยชน์’ จากเหตุการณ์นี้ไปเต็มๆ เมื่อเห็นว่าอาจต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าวาห์นจะฟื้นตัว เธอจึงหันไปสนใจ ‘เหยื่อ’ รายที่สองแทน
มิลานรู้สึกประหลาดใจกับขนาดตัวของเด็กคนนี้ ถ้าเธอเดาไม่ผิด เมื่อดูจากส่วนสูงแล้วเด็กคนนี้น่าจะมีอายุน้อยกว่าลูกของเธอเสียอีก
“หนูน้อย ลมอะไรหอบเธอมาที่โรงแรมของฉันงั้นเหรอ? เธอมาพร้อมกับเจ้าคนโฉดตรงนี้หรือว่าถูกเขาลักพาตัวมาจากที่อื่นล่ะ~?”
ลิลลี่กระตุกเมื่อมิลานเริ่มพูดกับเธอ เธอหันไปทางต้นเสียงและมองหญิงสาวผู้พูด เธอมองเห็นความคล้ายคลึงกันระหว่างหญิงสาวคนนี้กับเด็กน้อยที่วิ่งหนีไปไหนต่อไหนแล้ว นี่คงเป็นแม่ของเด็กคนนั้นและเป็นเจ้าของโรงแรมด้วย
“เอ่อ… ฉันชื่อลิลลี่ แล้วฉันก็ติดตามท่านวาห์นด้วยความสมัครใจค่ะ” พอเธอเริ่มพูด ความกล้าหาญก็เริ่มกลับมาหาเธอเล็กน้อย
“และเขาก็ไม่ใช่คนโฉดด้วย! เขาไม่ได้เจตนาแตะต้องลูกสาวของคุณซะหน่อย ส่วนฉันก็เต็มใจให้เขาจับน่าอกเองค่ะ!”
“เนียะฮะฮะฮะฮ่า~” พอได้ยินคำพูดของลิลลี่ มิลานก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวแล้ว เธอเริ่มหัวเราะเสียงดังขณะที่เด็กสองคนจ้องมองเธอด้วยความสับสน ลิลลี่เริ่มเขินหนักและอยากจะตะโกนใส่เธอตะหงิดๆ แต่ถูกมิลานพูดขัดจังหวะเสียก่อน
“ไม่เป็นไรลิลลี่ ฉันรู้ว่าวาห์นไม่ใช่คนแบบนั้น~ ถึงเขาจะมีความอยากรู้อยากเห็น แต่เป็นคนประเภทที่จะขออนุญาตก่อน จริงไหมวาห์น~เมี๊ยว?”
วาห์นสัมผัสได้ว่าเขาไม่ควรตอบรับสิ่งมิลานถามอย่างเด็ดขาด จึงได้แต่จ้องมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
จากด้านข้างของเขา เขารู้สึกได้ถึงบรรยากาศและออร่าที่สร้างแรงกดดันถูกปล่อยออกมาจากใครบางคน เมื่อหันไปดู เขาก็เห็นลิลลี่ที่มองเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ภายในหัวของลิลลี่ อย่างเดียวที่เธอคิดได้คือสิ่งที่เจ้าของโรงแรมพูด ถ้าเธอพูดความจริงก็หมายความว่าวาห์นเคย ‘ขออนุญาต’ มิลานมาก่อนใช่ไหม!? เธอกัดฟันก่อนที่จะมอง ‘คู่แข่ง’ คนใหม่ของเธอ
“จับตรงไหน… ?” ลิลลี่กำหมัดแน่นขณะที่เธอถาม
“เมี๊ยว ตายจริง~? นั่นเป็นที่ที่บอบบางที่สุดของฉันเลยนะ~ พอจับเสร็จแล้ว เขาก็ยังไม่พอใจจนต้องขอจับอีกรอบด้วยล่ะ~เมี๊ยว” ในขณะที่พูด มิลานก็ทำท่ากอดอกราวกับจะเน้นย้ำตรงส่วนที่วาห์นจับไป
ลิลลี่จ้องไปยังหน้าอกของหญิงสาวด้วยตาที่ดุดันและเริ่มกะขนาดเพื่อเปรียบเทียบกับของตัวเอง แม้ว่าของเธอจะเล็กกว่า แต่มันก็ดูไม่แตกต่างกันมากนัก
“ถ้าแค่นั้นล่ะก็… งั้นฉัน….”
“เมี๊ยว~? ใครบอกกันว่าแค่นั้น~ มันเป็นที่ที่ไวต่อความรู้สึกมากเลยด้วย~” การได้เห็นความโกรธและจิตวิญญาณนักแข่งของเด็กสาวทำให้มิลานรู้สึกว่าตัวเองเด็กลงไปอีกสิบห้าปี มันทำให้เธอนึกถึงตอนที่ตัวเองเปรียบเทียบกับ ‘คู่แข่ง’ ในช่วงที่ยังเป็นนักผจญภัยอยู่ ที่จริงเธออยากจะหยอกล้อกับเด็กสาวให้มากกว่านี้ แต่คิดอีกทีก็เปลี่ยนใจเพราะเห็นว่าวาห์นใกล้จะเฉาตายแล้ว
“วาห์นดูเหมือนจะสนใจเผ่ามนุษย์แมวมากเลยนะ ตอนมาที่นี่ครั้งแรก เขามาขอจับหูของฉันด้วย ฉันก็เลยยอมให้เขาจับล่ะ~เมี๊ยว แต่แค่ครั้งเดียวนะ~” เธอเริ่มหัวเราะเบาๆ ขณะที่ขยิบตาให้กับวาห์นผู้ที่ยังคงนอนเฉาตายอยู่บนพื้น
“หูงั้นเหรอ…?” ลิลลี่เหลือบมองวาห์นก่อนจะพึมพำร่ายเวทเบาๆ เมื่อร่ายเสร็จแล้ว เธอก็ถอดผ้าคลุมหัวออกและเผยให้เห็น… หูแมวหนึ่งคู่บนหัวของเธอ
“ถ้าแค่หู… ฉันเองมีเหมือนกัน” เธอส่งสายตาเด็ดเดี่ยวไปยังเจ้าของร้านที่แอบตกใจหน่อยๆ
“อ๋อเหรอ~? ดูเหมือนว่าวาห์นจะสนใจมนุษย์แมวมากกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ ถึงกับพากลับมาที่นี่ด้วย…” เธอมองไปหาวาห์นซึ่งตอนนี้จ้องลิลลี่แบบงงๆ มิลานเริ่มคิดว่าเธออาจจะต้องนั่งคุยกับลูกสาวของตัวเองหน่อยแล้ว…
“ลิลลี่ เธออยากจะมาพักอยู่ที่ฮาร์ธเอ็มเบรสของเราหรือแค่แวะมาดูเฉยๆ ล่ะ” เพราะพวกเธอคุยเล่นกันมาพอสมควรแล้ว มิลานจึงตัดสินใจตัดเข้าเรื่องหลัก
วาห์นเริ่มฟื้นตัวขึ้นและพยายามตอบแทนลิลลี่ เขาคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีเพื่อแก้เรื่องเข้าใจผิดก่อนที่มันจะแย่ไปกว่านี้ แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าพื้นของโรงแรมยังรู้สึกคิดถึงเขาอยู่ เขาก็เลยทรุดลงไปหามันอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินคำตอบของลิลลี่
“ฉันจะพักห้องเดียวกับท่านวาห์น ถึงต้องจ่ายเงินแยกกันก็ไม่มีปัญหาค่ะ” เธอดึงถุงวาลิสออกมาวางทันทีพร้อมกับสีหน้าจริงจัง
“ขอปฏิเสธ!” วาห์นก็รีบร้องบอกอย่างรวดเร็วจากที่พื้น
วาห์นรู้ว่ามันจะอันตรายมากหากเขายอมให้ลิลลี่มาอยู่ห้องเดียวกัน ยังไงซะห้องนั้นก็มีแค่เตียงเดียวและเขายังคงกังวลเรื่องสถานะ ‘หลงรัก’ ของเธออีก เขาไม่ต้องการทำลายกำแพงที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้องพวกเขาทั้งคู่จากกันและกัน
“ฉันคงต้องเห็นด้วยกับวาห์นนะ แม้ว่าพวกเธอจะสนิทกันมาก แต่มันดูไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะให้เด็กหนุ่มใช้ห้องร่วมกับเด็กผู้หญิง หากมีเงินมากพอ เธอก็ควรจะเช่าห้องของตัวเองและไปมาหาสู่กันตามสะดวกจะดีกว่า แต่ต้องจำไว้นะว่าผนังของที่นี่ค่อนข้างบางแถมยังมีแขกคนอื่นพักอยู่ด้วย…” พอเธอพูดถึงตอนสุดท้ายก็มองไปที่ลิลลี่ราวกับเป็นการเตือน
“ก็ได้ค่ะ แต่ฉันขอห้องที่อยู่ใกล้กับท่านวาห์นมากที่สุดนะคะ ฉันยอมจ่ายเงินให้คนเช่าปัจจุบันเพื่อขอแลกห้องเลยด้วย” สำหรับลิลลี่แล้ว นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดรองจากได้อยู่ห้องเดียวกัน แม้เธอจะไม่ได้อยู่กับเขา แต่การได้อยู่ติดกันก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แถมถ้าวาห์นพาผู้หญิงมาที่ห้อง เธอก็จะได้แอบฟังจากข้างห้องแบบเนียนๆ…
—
หลังจากจ่ายค่าห้องเรียบร้อย ทั้งสามก็คุยกันต่ออีกพักหนึ่ง หากสังเกตที่ห้องด้านหลังดีๆ ก็จะเห็นเงาเล็กๆ แอบมองออกมาจากบริเวณประตูที่เปิดแง้มอยู่ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนมองมา เงานั้นก็จะรีบหายกลับเข้าไปทันทีและทำให้หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของโรงแรมหัวเราะออกมาทุกครั้ง
เพราะวาห์นปฏิเสธที่จะร่วมทานมื้อเย็นด้วย มิลานจึงปล่อยทั้งคู่ไป ขณะที่พวกเขากำลังเดินขึ้นบันได เธอก็เตือนเรื่องการแสดงความเกรงใจต่อผู้เช่าคนอื่นอีกครั้ง เมื่อได้ยินเรื่องนี้ วาห์นก็ถอนหายใจขณะที่ลิลลี่ทำท่าทางเขินอายแต่สีหน้ากลับดูมุ่งมั่น
พวกเขานำกระเป๋าเดินทางของลิลลี่ไปเก็บและตัดสินใจออกไปทานมื้อเย็นด้วยกัน ก่อนที่พวกเขาจะออกไป ลิลลี่ยืนกรานที่จะดูห้องของวาห์นก่อน ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เธอเข้าไป เมื่อลิลลี่เห็นห้องที่ไร้การตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้น เธอก็นึกถึงเวทคลังเก็บของขึ้นมา
“วาห์น… ถึงนายจะใช้เวทมนตร์ได้แต่ก็น่าจะตกแต่งห้องบ้างนะ มันให้ความรู้สึกที่เงียบเหงามากเวลาได้เห็นห้องที่… ว่างเปล่าแบบนี้” เธอเริ่มเดินไปรอบๆ เพื่อหาร่องรอยที่บ่งบอกว่าเขาอาศัยอยู่ที่นี่จริงๆ หลังจากล้มเหลวในการค้นหา เธอก็นั่งลงบนเตียงและใช้ประสาทสัมผัสอันเฉียบคมจากการเปลี่ยนตัวเองเป็นมนุษย์แมวเพื่อดมกลิ่นที่มาจากเตียง
“เอ๊ะ กลิ่นเหมือนผ้าปูที่นอนใหม่เลย ยัยปีศาจนั่นหรือไม่ก็ลูกสาวของเธอต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเมื่อไม่นานมานี้แน่เลย ฮึ่มมม…”
พอวาห์นเห็นท่าทางของเธอแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี สิ่งที่เขาคิดออกไม่มีอันไหนเลยที่จะไม่ทำร้ายความรู้สึกของเธอ เขาได้แต่หวังว่าเธอจะสงบลงบ้างเมื่อเวลาผ่านไป ขณะที่ลิลลี่กำลังครุ่นคิด เขาก็มองไปรอบๆ ห้องที่ว่างเปล่า มันดูเหมือนกับครั้งแรกที่เขาย้ายมาอยู่ ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเว้นแต่ผ้าปูที่นอนใหม่ สำหรับตัววาห์นเอง เขาไม่เคยคิดเรื่องตกแต่งมาก่อน แต่พอนึกถึงตอนที่ตัวเองเก็บของมากมายไว้ในถ้ำแล้วจึงเปลี่ยนความคิด หากเขาต้องการให้ที่นี่เป็นบ้าน เขาก็ควรทำให้เห็นว่าเขา ‘ใช้ชีวิต’ อยู่ที่นี่จริงๆ
—
หลังจากลิลลี่กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่ ‘เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม’ วาห์นพูดถึงอาหารอันแสนจะอัศจรรย์ แต่ลิลลี่กลับจดจ่อไปยังอีกเรื่องที่ทำให้ร้านนี้ขึ้นชื่อ… ผู้หญิงนั่นเอง
หลังจากที่พวกเขามาถึง วาห์นก็เพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมเหมือนอย่างเคย เขาพาลิลลี่เข้าไปและได้รับการต้อนรับอย่างดี… จากโคลอี้
หญิงสาวชนเผ่ามนุษย์แมวผู้มีเรือนผมสีดำกำลังจ้องมองแขกทั้งสองพร้อมเผยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ
“เมี๊ยว~ คุณลูกค้าต้องการโต๊ะสำหรับสองท่านใช่ไหมคะ?”
เธอมองไปมาระหว่างวาห์นกับเด็กสาวที่อยู่ข้างกายเขา เด็กสาวตัวเล็กกำลังจ้องมองเธอพร้อมกับทำท่าทางป้องกันตัว… แต่โคลอี้ยังเห็นบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเด็กคนนี้ด้วย
ลิลลี่จ้องมองหญิงสาวที่ดูคุ้นเคยกับวาห์นโดยดูจากปฏิกิริยาของทั้งคู่ หลังจากพบว่าหญิงสาวคนนี้ก็เป็นมนุษย์แมวเช่นกัน เธอจึงเริ่มคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้วาห์นไม่ค่อยสนใจเธอหรือเปล่านะ…
ลิลลี่รู้สึกเหมือนถูกจ้องและเห็นหญิงสาวคนนั้นกำลังจ้องมองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ ราวกับว่าเธอสามารถมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง และนั่นทำให้ความกลัวของลิลลี่ผุดขึ้นมาอีกครั้ง เธอบอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้… เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมาก
เมื่อความคิดนั่นแล่นเข้ามาในหัว เธอก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องข้างใน (‘ทำไมถึงมีคู่แข่งมากมายขนาดนี้เนี่ย!?’)
—————