Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 45
หลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว โคลอี้ก็ปล่อยให้ทั้งสองทานอาหารจนเสร็จ ลิลลี่ยังดูหดหู่เล็กน้อยแต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เธอทานเมนูเด็กโดยไม่ปริปากบ่นขณะคุยเล่นกับวาห์น เมื่อพวกเขาทานเสร็จและจ่ายเงินแล้ว วาห์นและลิลลี่ก็บอกลาโคลอี้และมุ่งหน้ากลับบ้าน
ระหว่างทางกลับโรงแรม ลิลลี่ยังคงเดินอย่างเงียบๆ และเฝ้ามองผู้คนที่ผ่านไปมา เธอเห็นกลุ่มนักเดินทาง ครอบครัวใหญ่พร้อมกับลูกๆ หรือแม้แต่ผู้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศยามเย็น นอกจากนี้ยังมีคู่รักที่เดินไปรอบๆ ตลาดกลางคืนโดยส่วนใหญ่คงกำลังความสุขกับการเดตช่วงสุดท้ายของวันนี้ เมื่อลิลลี่มองดูพวกเขา เธอจะจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร
วาห์นมองออกว่าเธอกำลังคิดหลายเรื่อง แต่ความนิ่งสงบที่ออร่าของเธอทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ กำลังเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แม้วาห์นมักจะวิ่งไปตามตรอกและซอยเพื่อประหยัดเวลาอยู่บ่อยครั้ง แต่ตอนนี้เขายังคงเดินตามเส้นทางในขณะที่เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศเช่นเดียวกับคนอื่น อากาศยามค่ำคืนนั้นเย็นสบายและเงียบสงบมาก ความอบอุ่นที่เกิดจากการสัญจรไปมาของผู้คนทำให้ใจของเขารู้สึกผ่อนคลาย เมื่อลิลลี่หันไปสนใจอย่างอื่น เขาก็จะรอเธออย่างใจเย็นและให้เวลามากเท่าที่เธอต้องการ
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็ใกล้ถึงโรงแรมแล้วแต่ลิลลี่ตัดสินใจหยุดเดินเพื่อที่พวกเขาจะได้คุยกัน ในเวลานี้ผู้คนบนท้องถนนส่วนใหญ่จะเข้าบ้านหมดแล้ว จะมีก็แต่พ่อค้าและนักผจญภัยที่ขยันขันแข็งเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังสัญจรไปมาอยู่ในขณะนี้ ลิลลี่พาเขาไปยังจัตุรัสเล็กๆ ที่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางของตลาดและอยู่ใกล้กับโรงแรม
ทั้งสองต่างยืนนิ่งเงียบอยู่สองสามนาที วาห์นมองเห็นออร่ารอบตัวลิลลี่สั่วไหวเป็นระยะก่อนที่จะกลับมาสงบอีกครั้ง ในที่สุดเธอดูเหมือนจะทำใจได้แล้วและหันไปทางวาห์นด้วยสีหน้าจริงจัง
“วาห์น… ฉันอยากขอโทษนาย สำหรับความเห็นแก่ตัว… ความไม่มั่นคง… แล้วก็เรื่องอื่นๆ อีกมากมาย แม้ว่านายจะช่วยชีวิตฉันและพยายามอย่างมากที่จะช่วยให้ฉันแกร่งขึ้น แต่ฉันก็เอาแต่คิดของตัวเอง…” เธอเริ่มหายใจติดขัดในขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมา
“ฉันแค่… ฉันแค่ต้องการทำบางอย่างเพื่อไขว่คว้าความสุขของตัวเอง ฉันเคยคิดว่าจะพึ่งพาความมีน้ำใจของนายเพื่อหลีกหนีปัญหาทั้งหมดของตัวเอง… และถึงแม้ฉันจะไม่แข็งแกร่งขึ้น แต่ฉันรู้ว่านายก็คงช่วยฉันอยู่ดี ฉันเคยคิดแม้แต่จะใช้ร่างกายของตัวเองเพื่อเป็นค่าชดใช้ให้นายมาอุทิศตัวให้กับฉัน… ฉันเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวมาก… ไม่สิ เป็นแค่เด็กเห็นแก่ตัวเหมือนอย่างที่โคลอี้บอกไว้เลย” ในขณะที่เธอกำลังพูด เธอก็ยังคงสบตากับวาห์นผู้ที่มองตอบเธอด้วยสีหน้านิ่งสงบ
“ฉันรู้ว่านายจะไม่ทอดทิ้งฉันไปแน่ แม้ฉันจะทำสิ่งที่โง่เง่ามากมาย… แต่ฉันไม่อยากพึ่งความเมตตาของนายอีกแล้ว ฉันต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น… ฉันต้องการที่จะเห็นว่าการยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองมันเป็นยังไง แล้วก็… ฉันต้องการที่จะตอบแทนหนี้บุญคุณที่มีต่อนาย… ด้วยพลังของตัวเอง” เธอตัวสั่นขณะพยายามอย่างที่สุดเพื่อกลั้นน้ำตาที่ยังคงไหลออกมานองหน้า ลิลลี่ไม่ต้องการที่จะสูญเสียอะไรอีกต่อไปเพียงเพราะเธอไม่อาจรักษามันไว้ด้วยพละกำลังของเธอเองได้
วาห์นรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ไหลผ่านร่างของเขาในขณะที่เขาเฝ้ามองเด็กหญิงตัวเล็กสารภาพความมุ่งมั่นของเธอผ่านน้ำตาและเสียงสะอื้น เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันการยืนฟังคนๆ หนึ่งสารภาพทุกอย่างในใจออกมาจะเป็นเรื่องที่ยากขนาดนี้ หลังจากคำพูดของเธอหยุดลง เขาก็เกิดความรู้สึกท่วมท้นที่จะกอดเด็กผู้หญิงตรงหน้าและช่วยขับไล่ความรู้สึกไม่ดีทั้งหมดที่เธอเก็บไว้ในใจออกไป… แต่เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ต้องไม่ใช่ตอนนี้ วาห์นกำมือแน่นและพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองขณะที่รอให้เธอพูดต่อ
“ต่อจากนี้ไปก็ไม่ต้องออมมือให้ฉันตอนฝึกแล้วนะ ฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้… ฉันจะพิสูจน์ว่าฉันควรค่าพอที่จะเดินเคียงข้างนายได้… ไม่ได้เป็นแค่ตัวถ่วง!” ลิลลี่รวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่และตะโกนคำสุดท้ายออกมา สำหรับเธอแล้ว มันเป็นทั้งการสารภาพความในใจและความปรารถนาอย่างแท้จริงของเธอ ถึงเขาจะไม่ตอบรับความรู้สึกของเธอ เธอก็ยังอยากให้เขารู้ไว้อยู่ดี
วาห์นวางมือลงบนหัวของลิลลี่อย่างหนักหน่วงจนเธอสะดุ้ง มันไม่ใช่การลูบหัวเบาๆ แบบที่เขาชอบทำ แต่ดูราวกับว่าเขากำลังโกรธอยู่ เธอมองผ่านน้ำตาของตัวเองและเห็นวาห์นที่มองเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวดและไม่พอใจ ลิลลี่เริ่มสงสัยว่าเธออาจทำให้เขาอารมณ์เสียหรือเปล่า ส่งผลให้หัวใจของเธอเริ่มบิดเป็นเกลียว
“เธอนี่มันงี่เง่าจริงๆ เลยนะ ลิลลี่…” วาห์นถอนหายใจอย่างโกรธเคืองขณะที่พูดออกมา
“เอ๋..? วาห์น?” ลิลลี่รู้สึกสับสนและใจเสีย เธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมาได้ โดยเฉพาะหลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ก่อนที่เธอจะสามารถประมวลผลเสร็จ วาห์นก็ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรุนแรง เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นของเขาที่เริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่างของเธอ และที่ด้านข้างของใบหน้านั้น เธอรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ไม่ได้มาจากดวงตาของเธอ
“เธอนี่มันงี่เง่าไม่เปลี่ยนเลย… อย่าพูดเรื่อง ‘ควรค่า’ หรือ ‘เป็นตัวถ่วงอีกนะ’ ทุกอย่างที่ฉันทำไปนั้นคือความตั้งใจของฉันเอง แม้ฉันจะคิดว่าต้องปกป้องเธอ ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นตัวถ่วงที่ไม่ควรค่าแก่การช่วยเหลือเลยสักครั้ง มันทำให้ใจของฉันรู้สึกแย่ที่ได้ยินเธอพูดเรื่องโหดร้ายแบบนี้ออกมา…” วาห์นกอดลิลลี่ต่อไปขณะที่น้ำตาอุ่นค่อยๆ ไหลผ่านใบหน้าของเขา เขาทนฟังสิ่งที่เธอพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว
“วาห์น…” ลิลลี่เอาหน้าของเธอไปซุกที่แผ่นอกของเขาและเพลิดเพลินไปกับความรู้สึก เธอไม่ได้พยายามใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ เธอแค่ปล่อยให้ตัวเองถูกวาห์นกอดอยู่แบบนั้น ผ่านหน้าอกของเขา เธอรู้สึกถึงหัวใจของวาห์นที่เต้นเสียงดัง… มันเต้นช้าและเป็นจังหวะ… และดูเหมือนจะแฝงไปด้วยพลังบางอย่างที่ช่วยปลอบประโลมสิ่งที่อยู่ในห้วงลึกของจิตวิญญาณเธอ
วาห์นกอดเธออย่างแน่นหนาต่อไปอีกครู่หนึ่งจนกระทั่งทั้งคู่หยุดร้องไห้ เมื่อเขาดึงตัวออกไป ลิลลี่ก็ไม่ได้พยายามรั้งเข้าไว้แบบเมื่อก่อน พวกเขาเอาจ้องหน้ากันและกันก่อนที่จะเผยรอยยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นสภาพโทรมๆ จากการร้องไห้ของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มและเด็กสาวเริ่มหัวเราะออกมาและขับไล่ความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดที่เกิดออกไป
เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว ทั้งคู่ก็มุ่งหน้ากลับไปที่โรงแรม หลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดเล็กน้อยกับมิลานที่มองพวกเขาแปลกๆ ทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่ห้องของตัวเอง ก่อนที่พวกเขาจะเข้าห้องไป วาห์นก็หยุดลิลลี่ไว้และกอดเธออย่างอ่อนโยน แม้จะตกใจ แต่ลิลลี่ก็ยอมรับมันโดยไม่ต่อต้าน
“ราตรีสวัสดิ์นะลิลลี่ พรุ่งนี้คงจะลำบากมากและฉันจะไม่ออมมือให้เธอแล้วดังนั้นเธอต้องพักให้มากๆ ล่ะ ฉันไม่อาจทดแทนสิ่งที่เธอสูญเสียไปในอดีตได้ แต่ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรับประกันว่าเธอจะพบกับเส้นทางที่เธอสามารถไขว่คว้าอนาคตของตัวเองไว้ได้” วาห์นพูดเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น ลิลลี่พยักหน้าก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองเมื่อการกอดนั้นจบลง
ก่อนเธอจะปิดประตู ลิลลี่ก็มองตาของวาห์นอีกครั้ง “ฉันต้องทำได้แน่นอนค่ะ ท่านวาห์น… ไม่ว่าจะใช้เวลานานขนาดไหนหรือต้องตะเกียกตะกายมากเท่าไหร่ ฉันขอสาบาน” หลังจากพูดเสร็จ เธอก็ปิดประตูและทิ้งให้เด็กหนุ่มยืนยิ้มแบบนั้นต่อไปคนเดียว
—
ภายในห้องของเขาเอง วาห์นนอนลงบนเตียงพร้อมกับความรู้สึกอ่อนล้า เขาค่อยๆ นึกถึงเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้และแทบจะทำความเข้าใจไม่ได้สักเรื่องเลย
(“พี่สาว ทำไมคนเราถึงเข้าใจยากแบบนี้ล่ะ? ทำไมพวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหลีกหนีจากความทุกข์และพยายามหาไขว่คว้าหาความสุขด้วย?”) วาห์นจ้องไปที่เพดานขณะจดจำผู้คนทั้งหมดที่เขามีปฏิสัมพันธ์ด้วย ทั้งจากโลกปัจจุบันและจากชีวิตในอดีต
(*นั่นไม่ใช่คำถามที่ฉันตอบได้หรอกนะวาห์น เธอจะต้องค้นหาคำตอบของเธอผ่านประสบการณ์ของตัวเอง สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือช่วยนำทางเธอตามเส้นทางของ ‘เดอะพาธ’ จนกว่าเธอจะแข็งแกร่งพอที่จะมี ‘อิสระ’ ตามที่เธอปรารถนา*)
วาห์นพยักหน้ารับ ด้วย ‘เดอะพาธ’ เขาจะได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ ที่อยู่ในเนื้อเรื่องจากที่เขาพอจะนึกออก คนส่วนใหญ่ต้องผ่านชีวิตที่ต้องรับมือกับเรื่องต่างๆ ตั้งแต่แรกเกิด… แม้แต่วาห์นเองก็ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์อันแสดโหดร้าย ตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะกุมชะตากรรมของเองแล้ว และตราบใดที่เขายังพยายามไปเรื่อยๆ ก็จะแทบไม่มีสิ่งใดเลยที่จะสามารถหยุดยั้งเขาได้
เขาเริ่มคิดว่าจะใช้พลังของตัวเองอย่างไรให้ดีที่สุด และเขาควรจะไปโลกไหนต่อดีในอนาคต มีอีกหลายอย่างที่เขาต้องการได้สัมผัส แต่หลังจากได้พบผู้คนมากมายอย่างโคลอี้ ลิลลี่ และเฮเฟสตัส วาห์นก็เริ่มลังเลเกี่ยวกับเส้นทางที่เขาเลือกเดิน แม้ว่าในตอนแรกเขาต้องการพลังและความสามารถเพื่อเดินทางผ่านโลกต่างๆ ที่เขาใฝ่ฝัน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องขึ้นที่จะคิดว่าตัวเองเป็นแค่คนข้างทางที่เดินผ่านมา ตอนนี้เขาเริ่มขับเคลื่อนเหตุการณ์ต่างๆ บนโลกด้วยตัวเอง และการตัดสินใจของเขาจะนำพาความเปลี่ยนแปลงมาสู่เหตุการณ์ต่างๆ ที่เขาจำได้จากเนื้อเรื่อง…
วาห์นถอนหายใจและพยายามหยุดคิดเรื่องต่างๆ ถ้าเขามัวแต่ไม่มั่นใจในตัวเอง เขาก็จะสร้างความเครียดที่ไม่จำเป็นขึ้นมา สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้ในขณะนี้คือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่เขาจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เมื่อมันเกิดขึ้นได้ พอสรุปได้แล้ว วาห์นจึงตัดสินใจที่จะใช้เวลาในตอนนี้เพื่อตรวจสอบค่าสถานะและไอเท็มทั้งหมดก่อนที่เขาจะเข้านอน
==========================================================
[[สถานะ]]
ชื่อ: [วาห์น เมสัน]
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]
-เลเวล:2(2)
-พละกำลัง: 1001 + (I38)
-ความอดทน: 1108+ (I51)
-ความแม่นยำ: 887+ (I41)
-ความว่องไว: 940+ (I40)
-พลังเวท: 1611+ (E244)
ค่าสถานะรวมทั้งหมด: 5547+ (414)
ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)
[กรรม]: 801
[OP]: 27,490
[วาลิส]: 49,700 (TL: อาจจะมีการคาดเคลื่อน)
สกิล: [จิตแห่งราชัน: SSS], [ร่างจตุรเทพ: H] [ความเชี่ยวชาญด้านธนู: C], [อำพรางตัว: D], [ทลายพันธนาการ: S], [เสียงเรียกแห่งยมทูต: B], [พรแห่งอิกดราซิล: S], [ม่านคุ้มภัยนักเดินทาง: S], [นักดาบ: D], [ย่างก้าวไร้สัมผัส: E]
เวทมนตร์: ว่างเปล่า
สกิลที่กำลังพัฒนา: [เคลื่อนย้ายบาดแผล: B], [จิตวิญญาณฟื้นฟู: B], [ช่างตีเหล็ก: D]
[[ไอเท็ม]]
อุปกรณ์สวมใส่: [ดาบอาคมทามาฮากาเนะ: A], [หน้ากากกันโรคระบาด: E], [เสื้อคลุมล้างสถานะ: C], [กริชมิธริล: B], [ถุงมือเหล็กดามัสกัส: C], [ชุดลายพรางของนักสำรวจ:F], [เสื้อคลุมถักเงาไหม:D], [ธนูสั้นไม้ยูอาบอามคม: B], [คนโทน้ำแห่งการเติมเต็ม: B], 1x พรจากเฮเฟสตัส, 1x คัมภีร์เสริมสกิล, ฯลฯ…
[[ภารกิจ]]
[การกำเนิดของผู้เป็นตำนาน: SS], [ความปรารถนาของหัวใจ: C-SS (ทำซ้ำได้)]
==========================================================
ค่าพลังเวทของเขายังคงเพิ่มขึ้นในปริมาณที่น่าตกใจ นี่น่าจะเป็นผลมาจากการต่อสู้ในโลกแห่งจิตใจกับ ‘เพลิงนิรันดร์’ ค่าสถานะที่เหลือของเขาถูกทิ้งห่างไปไกลเลย แต่วาห์นคิดว่าคงเป็นเพราะเขาไปล่ามอนสเตอร์ชั้นบนกับลิลลี่ เขาจะต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่านี้หากอยากเร่งการเติบโตแบบเมื่อสัปดาห์ก่อน
สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของเขาก็คือ ‘1x พรจากเฮเฟสตัส’ ที่เขามองข้ามไปหลังจากทำภารกิจเสริมสำเร็จ ตอนนั้นเขาตั้งใจทำภารกิจมาก แต่พอทำสำเร็จแล้วก็ต้องไปหลอมเหล็กและทำอย่างอื่นต่อจนไม่มีโอกาสได้ดูรายละเอียดของไอเท็มชิ้นนี้
[พรจากเฮเฟสตัส] x1
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: หลังจากใช้ เพิ่มโอกาสอย่างมากที่จะทำให้การร้องขอเรื่องอะไรก็ตามต่อ ‘เทพธิดาแห่งการตีเหล็ก เฮเฟสตัส’ เป็นผลสำเร็จ อัตราความสำเร็จขึ้นอยู่กับค่าความชื่นชอบ
วาห์นประหลาดใจหลังอ่านคำอธิบายเสร็จ มันเป็นไอเท็มพิเศษชิ้นแรกของเขา และเขาไม่แน่ใจว่ามันจะส่งผลดีหรือไม่ดีกันแน่ หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็คิดว่าอาจจะใช้มันเพื่อขอให้เธอสร้างอาวุธให้ในอนาคต แม้ว่าเขาอาจจะต้องเพิ่มค่าความชื่นชอบระหว่างเขากับเฮเฟสตัสให้มากกว่านี้ก่อน…
พอนึกถึงค่าความชื่นชอบ วาห์นจึงตัดสินใจดูค่าต่างๆ ของผู้คนที่ถูกเขาสัมผัสออร่า
[ลิลิรูก้า อาเด้]: ความชื่นชอบ:94(หลงรัก), ค่าความสนใจ:66(เป็นห่วง)
[โคลอี้ โลโล่] ความชื่นชอบ:78(เชื่อใจ), ค่าความสนใจ:89(หวังในอนาคต)
[เอน่า ทูเล่]:59(สับสน), ค่าความสนใจ:72(ไม่ค่อยแน่ใจแต่รู้สึกสนใจ)
[เฮเฟสตัส] ความชื่นชอบ: 82(เชื่อมั่น), ค่าความสนใจ:100(อยากรู้อยากเห็นอย่างไม่รู้จักพอ)
[มิลาน ยูเอล]: ความชื่นชอบ: 55(เป็นมิตร), ค่าความสนใจ:51(เป็นกลาง)
[ทีน่า ยูเอล]:ค่าความสนใจ: 68(แอบชอบ), ค่าความสนใจ:53(สับสน)
[นิโคลัส กริมม์]:47(ไม่พอใจ), ค่าความสนใจ:60(อยากรู้อยากเห็น)
เมื่อเห็นทีน่าอยู่ในรายการ วาห์นก็ได้แต่ก้มลงและนึกถึงความผิดพลาดเมื่อก่อนหน้านี้ของเขา เขายังสงสัยมากที่เห็นนิโคลัสในรายการด้วย วาห์นจำไม่ได้ว่าเคยสัมผัสเขา แต่อาจจะเป็นตอนที่เขาหมดสติหลังออกมาจากดันเจี้ยน
(TL: เหมือนจะแตะเนื้อต้องตัวกันเยอะอยู่นะ ทีผู้ชายล่ะจำไม่ได้เชียว)
เนื่องจากไม่เห็นชื่อคนที่เขาไม่รู้จักวาห์นจึงไม่แน่ใจนัก มีแพทย์หลายคนที่สัมผัสตัวขณะที่เขาหลับนี่นา ถ้างั้นระบบอาจทำการรวมข้อมูลเฉพาะคนที่เขาคุ้นเคยอยู่ก่อนแล้วงั้นเหรอ?
สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็คือการที่ค่าความสนใจของเฮเฟสตัสที่ไปถึง 100 แต้มแล้วซึ่งพี่สาวแจ้งเขาว่านั่นเป็นค่าสูงสุด การที่มีคนรู้สึก ‘อยากรู้อยากเห็นอย่างไม่รู้จักพอ’ กับเขาเป็นอะไรที่วาห์นรู้สึกหวาดกลัวมาก เขาไม่รู้เลยว่าเธอจะทำอะไรได้บ้างเพื่อปรนเปรอความอยากรู้อยากเห็นนั่นในอนาคต…
—
ในขณะเดียวกันเฮเฟสตัสก็รู้สึกตกใจหลังจากที่ลองหลอมโลหะใน ‘เพลิงนิรันดร์’ อุณหภูมิไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น แต่การปรับเปลวไฟยังง่ายกว่าเดิมมาก ดูเหมือนว่ามันจะควบคุมความร้อนเมื่อจุดหลอมเหลวของแร่ดิบเริ่มถึงจุดสูงสุดด้วยตัวของมันเอง นั่นทำให้เธอแทบไม่ต้องมาสนใจตัวแร่เลย…
เธอมองไปยังผนังใกล้เคียงและดูเหมือนสายตาของเธอจะทะลุผ่านที่แห่งนี้ได้ หากมีใครมาวาดเส้นตามสายตาของเธอ พวกเขาจะพบว่าเธอกำลังมองตรงไปทางวาห์นผู้ซึ่งกำลังเหงื่อตกอย่างไม่ทราบสาเหตุ
—————