Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 46
เมื่อได้เพลิดเพลินไปกับค่ำคืนอันเงียบสงบหลังผ่านเหตุการณ์ใหญ่ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน วาห์นและลิลลี่ต่างตื่นขึ้นมาก่อนรุ่งสาง วันนี้เป็นวันแรกของการฝึกซ้อมทางร่างกายให้กับลิลลี่ ดังนั้นวาห์นจึงแนะให้พวกเขาตื่นแต่เช้าเพื่อจะได้เริ่มการฝึกทันที
ทั้งสองตรงไปยังประตูทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จุดหมายของพวกเขาคือรอบนอกของป่าทางทิศตะวันตก วาห์นรู้สึกผิดหวังที่เกรกอรี่ไม่ได้ทำหน้าที่อยู่ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงทิ้งข้อความไว้กับทหารยามแทน หลังจากกรอกข้อมูลเพื่อขอออกจากเมืองเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ได้รับอนุญาตให้ผ่านออกไปอย่างง่ายดาย ตอนนี้วาห์นยังมี ‘บัตรผ่านสำหรับแขก’ ที่ได้มาจากเฮเฟสตัส ซึ่งเขาได้ให้ลิลลี่ยืมใช้ชั่วคราว
หลังจากมาถึงรอบนอกของป่า วาห์นก็รู้สึกอยากกลับไปที่บ้านหลังแรกของเขามาก แม้เขาจะย้ายออกจากที่นั่นได้ไม่นาน แต่มันก็ยังตราตรึงอยู่ในใจของเขาเนื่องจากมันเป็นสกานที่พักพิงแห่งแรกที่เขาเคยอาศัยอยู่มานานก่อนจะย้ายออก
ลิลลี่มองเห็นท่าทางเศร้าโศกของเขา เธอจึงลองถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น
“วาห์น? เป็นอะไรไปเหรอ?”
วาห์นเพียงแค่ส่ายหัวและยิ้มให้
“ไม่มีอะไรหรอกลิลลี่ ฉันแค่นึกถึงช่วงเวลาที่เคยใช้ชีวิตอยู่ภายในป่าน่ะ แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่ฉันก็ยังไม่ลืมความผูกพันที่มีกับบ้านหลังเก่านั่นเลย”
“อืมม สักวันเราค่อยไปที่นั่นกันนะ ฉันอยากจะเห็นสถานที่ที่นายเติบโตมา”
ลิลลี่มองไปทางทิศเดียวกับวาห์น เธออยากรู้ว่าเด็กหนุ่มใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนก่อนจะมาที่โอราริโอ้
“ได้สิ สักวันหนึ่งนะ สำหรับตอนนี้เราคงต้องเริ่มการฝึกฝนแล้ว”
วาห์นเดินนำโดยใช้ดาบตัดต้นไม้เพื่อเคลียร์ทาง ลิลลี่มองขณะที่เขาตัดต้นไม้ก่อนจะขุดหลุมและฝังไม้ที่ตัดตรงไปในพื้นดินในลักษณะตั้งตรง เมื่อเขาเห็นว่าเธอกำลังมองมาพอดี วาห์นก็สาธิตวิธีออกกำลังกายขั้นพื้นฐานที่เธอสามารถทำได้ในขณะที่เขาเตรียมการอย่างอื่นต่อไป
เป้าหมายหลักของเขาคือการช่วยเพิ่มความเร็วและการปรับตัวให้กับเธอ ตามธรรมชาตินั้นเผ่าพลูมจะไม่มีพละกำลังมากมาย แต่สกิล [หน่วยช่วยเหลือ] ของลิลลี่จะเพิ่มพละกำลังมหาศาลให้เมื่อเธอสวมใส่อาวุธที่เหมาะสม เขาใช้ท่อนไม้ในการสร้างสนามกีดขวางเพื่อที่เธอจะได้ซ้อมการหลบหลีกโดยเขาจะยิงลูกศรแบบฝึกซ้อมที่ซื้อมาจากร้านค้าออกไปเป็นระยะๆ ลูกศรนี้คล้ายกับลูกศรแบบปกติ แต่หัวลูกศรจะมีลักษณะเป็นก้อนกลมสีขาวที่ทำให้เกิดอาการชาเมื่อสัมผัสถูก
การใช้วิธีนี้จะช่วยเพิ่มสัมผัสการรับรู้ถึงอันตรายของลิลลี่พร้อมกับเพิ่มการเคลื่อนไหวในการหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวาง และอย่างสุดท้ายก็คือ… เพิ่มความอดทนต่อการถูกโจมตี ด้วยวิธีการนี้ผสมกับเทคนิคการต่อสู้แบบระยะประชิด เธอจะสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคตได้ นอกจากนี้เขายังวางแผนฝึกฝนในดันเจี้ยนต่อในภายหลังด้วย
จากที่ทั้งคู่ได้คุยกันก่อนหน้านี้ วาห์นตัดสินใจว่าตารางฝึกฝนจะถูกแบ่งออกเป็น 3 วันตามมาด้วยวันพักผ่อน 1 วัน ตารางฝึกจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าลิลลี่จะสามารถต่อสู้ได้อย่างอิสระบนดันเจี้ยนชั้นแรกถึงชั้นที่สี่โดยไม่ต้องได้รับการช่วยเหลือ แม้ว่ามันจะเป็นเมนูการฝึกที่หนักเอาการ แต่มันก็ยังดีกว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอมาก ลิลลี่จึงไม่ได้โต้แย้งอะไร
ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงกว่าวาห์นจะทำสนามฝึกเสร็จ ลิลลี่ได้ออกกำลังกายตามที่วาห์นแสดงให้ดูอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเขาจึงให้เธอหยุดพักครู่หนึ่งเพื่ออธิบายแผนการฝึกของตน พวกเขาใช้เวลาทานอาหารเช้าเบาๆ ซึ่งลิลลี่ไม่ชอบมันเท่าไหร่
“เนื้อตากแห้งนี่ไม่มีรสชาติเลย ดูเหมือนจะไม่ผ่านการปรุงรสสักอย่าง รอแป๊ปนึงนะ…” เธอเริ่มค้นของที่อยู่ภายในเป้จนพบบางอย่างที่คล้ายกับเกลือและซอสเครื่องเทศที่วาห์นไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อใส่เกลือและซอสเครื่องเทศแล้ว เขาประหลาดใจมากกับความแตกต่างของรสชาติที่ได้
“นี่มันดีกว่าเนื้อตากแห้งที่ฉันทำอีกนะเนี่ย” วาห์นเพลิดเพลินไปกับรสชาติใหม่นี้มาก เขากินเนื้อรมควันและเนื้อตากแห้งมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในป่า พอเข้าเมืองมาถึงได้รู้ว่าอาหารที่ตนทำมันไร้รสชาติขนาดไหน
เมื่อได้ยินวาห์นพูดถึงเนื้อตากแห้งที่ทำขึ้นมาด้วยตัวเอง ลิลลี่ก็ผงะไปเล็กน้อย
“ขอโทษนะวาห์น ฉันไม่รู้ว่านายเป็นคนทำเนื้อนี่เองกับมือ… ฉันไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลย” เธอเริ่มแทะเนื้อตากแห้งโดยไม่แม้แต่ใช้เครื่องปรุงที่นำออกมา
วาห์นส่ายหัวและหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องขอโทษหรอกลิลลี่ ฉันเองยังบอกได้เลยว่าเนื้อนี่มันแย่ขนาดไหนถ้าไม่มีเครื่องปรุงของเธอ ถ้าจะโทษกัน ฉันนี่แหละควรเป็นฝ่ายผิดที่ทำมื้อเช้าออกมาได้จืดชืดแบบนี้”
ขณะที่กำลังพูด เขาก็ดูร้านค้าเพื่อหาซื้อหนังสือทำอาหาร วาห์นรู้สึกประหลาดใจที่เห็นคู่มือทำอาหารมีราคาตั้งแต่ 1 OP ถึง 1,000,000,000 OP เมื่อนึกถึงอาหารที่เขาทำเอง… เขาสาบานว่าสักวันจะซื้อคู่มือราคาแพงพวกนั้นให้ได้…
—
หลังจากที่พวกเขาทานเสร็จ วาห์นก็สาธิตวิธีการฝึกต่างๆ และแนะนำสนามฝึกไปในตัว ลิลลี่เริ่มเลียนแบบท่าทางของเขา และวาห์นก็ตระหนักว่าเขาทำบางอย่างผิดพลาดไป สนามฝึกที่เขาออกแบบมานั้นถูกอ้างอิงโดยใช้ขนาดตัวของเขา และมันจะต้องได้รับการแก้ไขอีกครั้งในอนาคต
เพื่อทำให้มันยากขึ้นกว่าเดิม เขานำกิ่งไม้มากั้นเป็นแนวกีดขวางเพื่อไม่ให้การวิ่งผ่านง่ายเกินไปนัก
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว การฝึกฝนก็เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง ลิลลี่เริ่มไปตามเส้นทางของสนามฝึกขณะที่วาห์นยิงลูกศรฝึกซ้อมไปที่แขนขาของเธอ เมื่อใดก็ตามที่เธอลดความเร็วหรือหยุดนานเกินไป เขาก็จะเล็งไปที่หลังหรือท้องของเธอซึ่งจะเพิ่มความยากขึ้นไปอีกเพราะอาการชาตรงส่วนลำตัวจะทำให้หายใจได้ลำบากยิ่งขึ้น พวกเขาทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะหยุดพักหลังครบรอบ
แม้เธอจะเริ่มรู้สึกไม่พอใจต่อการฝึกขึ้นมาเล็กน้อย แต่ลิลลี่ก็พบว่าเมื่อเวลาผ่านไปอาการบาดเจ็บมากมายที่เธอได้รับมาจะค่อยๆ หายไป พอเธอตรวจสอบบริเวณที่มีรอยช้ำ เธอกลับพบว่ารอยช้ำเล็กๆ ที่เห็นก่อนหน้านี้ได้หายไปหมดแล้ว เธอมองไปทางเด็กหนุ่มที่ยิงธนูใส่เธอเป็นระยะแล้วก็เห็นรอยช้ำขนาดเล็กมากมายบนแขนของเขา เมื่อรู้ว่าเขาใช้สกิล [เคลื่อนย้ายบาดแผล] เพื่อช่วยเธอ ลิลลี่ก็กัดฟันและพยายามตั้งใจฝึกฝนมากกว่าเดิม
สำหรับทางด้านวาห์น เขาใช้โอกาสในการฝึกลิลลี่เพื่อขัดเกลาสกิลของตนไปในตัว เขามีความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองมากกว่าคนส่วนใหญ่อยู่แล้ว แต่สกิล [ร่างจตุรเทพ] [จิตวิญญาณฟื้นฟู] และ [พรแห่งอิกดราซิล] ของเขานั้นสามารถทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มอัตราการฟื้นฟูตามธรรมชาติให้มากขึ้นไปอีกจนถึงขั้นที่สามารถรับมือกับสกิล [เคลื่อนย้ายบาดแผล] ได้ แม้ว่าเขาจะรับบาดแผลของลิลลี่มามากมาย พวกมันก็จะถูกฟื้นฟูเมื่อเวลาผ่านไปไม่กี่นาทีซึ่งจะทำให้เขาทำแบบนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ อย่างไม่มีวันจบ
หลังจากตรวจสอบค่าสถานะของตัวเอง เขาสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าค่าสถานะของตนกำลังเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะค่าความอดทนและพลังเวท วาห์นสามารถใช้เวลาที่ฝึกฝนลิลลี่เพื่อทำความคุ้นเคยกับสกิลใหม่ของเขาได้เป็นอย่างดี เขาถึงขนาดพยายามเปิดใช้ [จิตแห่งราชัน] ซึ่งทำให้ลิลลี่ล้มลงกับพื้นเมื่อเขาเล็งมันไปที่เธอ
เขาใช้เวลาเล็กน้อยเพื่อเกลี้ยกล่อมจนเธอยกโทษให้กับเขา นั่นทำให้เขาต้องลูบหัวเธอเป็นเวลา 5 นาที
แม้ว่าเขาจะลังเลในตอนแรก แต่พอทำไปได้สักพักก็เริ่มรู้สึกสนุกหลังจากได้เห็นการตอบสนองของลิลลี่เมื่อเขาสัมผัสหูแมวของเธอ การผสมผสานของความนุ่มนิ่มและขนปุกปุยรวมถึงเสียงร้องของเด็กสาวทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
—
เวลา 10 โมงเช้า ทั้งคู่เพลิดเพลินไปกับอาหารเที่ยงเบาๆ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับเมือง หากรีบทำเวลา พวกเขาจะได้เข้าสู่ดันเจี้ยนในช่วงก่อนบ่ายโมง ดังนั้นทั้งสองจึงเริ่มวิ่งไปที่ประตูเมืองอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้เข้าไปในเมืองโดยไม่ต้องต่อแถวโดยใช้สถานะสมาชิกของเฮเฟสตัสแฟมิเลียและ ‘บัตรผ่านสำหรับแขก’ เนื่องจากวาห์นเก็บกระเป๋าของลิลลี่ไว้ในช่องเก็บของก่อนจะเข้าเมือง พวกเขาจึงไม่ต้องเสียเวลาไปกับการถูกตรวจสอบสัมภาระ
หลังจากเข้ามาในดันเจี้ยน การฝึกระยะที่สองก็เริ่มต้นขึ้น เหมือนกับวันก่อนหน้านี้ วาห์นให้ลิลลี่ลองต่อสู้กับมอนสเตอร์โดยใช้หน้าไม้และมีดสั้น เขาดูให้แน่ใจว่าเธอจะต้องฝึกหลบหลีกไปรอบๆ ตัวมอนสเตอร์และพยายามใช้ประโยชน์จากช่องว่างในการเคลื่อนไหวของพวกมัน
สำหรับการฝึกฝนนี้ วาห์นเก็บกระเป๋าของลิลลี่ไว้เองซึ่งทำให้ค่าสถานะทั้งหมดของเธอลดลง เขาประหลาดใจเมื่อพบว่าเธอเคลื่อนไหวช้าลงหลังนำกระเป๋าออกแม้มันจะทำให้เธอเคลื่อนไหวได้พลิ้วขึ้นก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงคิดที่จะซื้อเสื้อผ้าแบบถ่วงน้ำหนักมาให้เธอสวมเพื่อทำให้สกิลของเธอทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยที่ไม่ต้องแบกกระเป๋าขนาดใหญ่อีกต่อไป แม้ว่าลิลลี่จะไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่เธอก็ตอบตกลงหลังจากที่วาห์นอธิบายว่ามันจะเพิ่มผลจากสกิลพร้อมกับช่วยพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของเธอในอนาคต
ขณะที่พวกเขาเดินลึกเข้าไปในดันเจี้ยน วาห์นมีความสุขเมื่อเห็นว่าลิลลี่พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าเธอจะยังไม่ใกล้เคียงกับนักผจญภัยเลเวล 1 ทั่วไป แต่ก็ทำได้ดีกว่าวันก่อนมาก
ขณะที่การฝึกฝนยังดำเนินต่อไป วาห์นก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่เช่นกัน เขาใช้ [จิตแห่งราชัน] อย่างต่อเนื่องในระหว่างที่ลิลลี่กำลังสู้ ตราบใดที่เขาไม่ได้เพ่งมันไปที่เธอ เธอก็สามารถเคลื่อนไหวในเขตแดนได้อย่างไม่มีปัญหา เขตแดนนี้ทำให้เขาสามารถขัดการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ได้หากลิลลี่ทำผิดพลาด มีอยู่หลายครั้งที่ลิลลี่หลบไม่ทัน แต่ด้วยสกิลของวาห์น เธอจึงสามารถโจมตีสวนมอนสเตอร์ที่ยังมึนงงอยู่ได้
เขายังได้ลองใช้ส่วนเสริมของ [ร่างจตุรเทพ] เช่นกัน แต่นอกเหนือจากความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อขยายตัวขึ้นเล็กน้อย มันก็ไม่ได้ส่งผลอย่างอื่นกับร่างกายของเขา วาห์นเดาว่าสกิลนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเขากำลังจะเป็นฝ่ายที่แพ้ในการต่อสู้ สำหรับตอนนี้เขาก็รู้สึกพอใจกับสกิลที่ช่วยเพิ่มการเติบโตทางด้านค่าความอดทนให้กับตัวเอง
เมื่อถึงเวลา 5 โมงเย็น พวกเขาได้เคลียร์ห้องในชั้นที่ 3 เป็นจำนวนมากหลังจากผ่านชั้นที่ 1 และ 2 มาได้อย่างราบรื่น แม้ว่าเธอจะยังไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูเป็นกลุ่มได้โดยใช้เพียงมีดสั้น แต่ลิลลี่ก็เริ่มต่อสู้กับศัตรูแบบตัวต่อตัวโดยไม่พึ่งพาธนูได้แล้ว วาห์นเริ่มสงสัยเรื่องค่าสถานะของเธอและการที่เธอจะแข็งแกร่งขึ้นได้เร็วแค่ไหน ตอนนี้เธอสังหารก็อบลินไปแล้ว 11 ตัว และโคโบลด์อีก 7 ตัวด้วยตัวเองขณะที่ได้ช่วยเหลือเขาในการล่ามอนสเตอร์ไปกว่า 50 ตัว ถึงแม้จะรวดเร็วสู้เขาไม่ได้ แต่ค่าสถานะของเธอก็น่าเพิ่มขึ้นไม่น้อยจากเอ็กซีเลียจำนวนมากที่ได้จากการสังหารมอนสเตอร์
ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มฝึกสู้กันเอง วาห์นตัดสินใจถามความคืบหน้าของเธอ
“ลิลลี่ ค่าสถานะของเธอเพิ่มมาเท่าไหร่แล้วหลังจากการฝึกฝนในวันนี้? ฉันอยากจะรู้เพื่อที่เราจะได้ปรับเปลี่ยนตารางฝึกหากจำเป็น”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น ลิลลี่ก็จ้องมองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่าก่อนจะเขี่ยแก้มของตนเพื่อแก้เขินเล็กน้อย
“วาห์น… ฉันไม่สามารถตรวจสอบค่าสถานะของตัวเองโดยปราศจากการช่วยเหลือจากเทพของเราได้นะ เพราะเทพโซม่าใช้เวลาทั้งหมดของตนไปกับการทำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ท่านจึงแทบไม่ได้อัพเดทกระดานค่าสถานะของใครเลย นั่นเป็นสาเหตุที่คนส่วนใหญ่ในแฟมิเลียมีเลเวลไม่เกิน 2 และแม้แต่พวกนั้นเองก็มาจากแฟมิเลียอื่นและไม่ได้เป็นสมาชิกดั้งเดิมของโซม่าแฟมิเลียด้วยซ้ำ”
วาห์นเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนในโซม่าแฟมิเลียถึงถูกเบลล์จัดการได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น หากเหล่าเทพไม่อัพเดทค่าสถานะให้กับสมาชิกของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว
แถมเขาเพิ่งจะรับรู้ถึงปัญหาใหญ่อีกข้อ แม้การฝึกฝนจะดำเนินไปด้วยดี แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะตรวจสอบความคืบหน้าโดยไม่มีเทพโซม่าคอยช่วย เว้นแต่ว่าลิลลี่จะสามารถออกจากแฟมิเลียที่เอาแต่ขัดขวางศักยภาพในอนาคตของเธอได้สำเร็จ…
—
วาห์นเริ่มฝึกวิธีการต่อสู้ระยะประชิดให้กับลิลลี่และประลองกับเธอเพื่อฝึกฝนแต่ละเทคนิคที่เรียนไป เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เขาใช้ทักษะพวกนี้กับคนอื่น พวกเขาทั้งสองจึงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจในการประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆ โชคดีที่วาห์นมีความรู้ที่จำเป็นอยู่ในหัว ดังนั้นเขาจึงหลีกเลี่ยงการทำให้ตัวเองขายหน้าไปได้
พวกเขาทั้งสองจะหยุดพักทุกๆ 20 นาที และในระหว่างนั้นวาห์นจะขอคำปรึกษาจากพี่สาวเพื่อหาวิธีทำลายสัญญาของแฟมิเลีย เขาได้รู้ว่าเว้นแต่เขาจะกลายเป็นดวงวิญญาณระดับ 4 (วิญญาณปราชญ์) มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำลายสัญญาที่ได้รับการปกป้องโดย ‘กฎ’ ของโลก
มีไอเท็มบางชนิดที่สามารถลบสัญญาออกไปได้ แต่อันที่ถูกที่สุดก็มีราคาสูงถึง 2,500,000 OP
เขาเริ่มยอมแพ้ให้กับความคิดนี้และเตรียมหาหนทางใหม่ที่จะใช้เผชิญหน้ากับโซม่าแฟมิเลีย แต่พี่สาวกลับขัดจังหวะเขาเสียก่อน (*วาห์น เนื่องจากร่างกายเธอเชื่อมต่อกับ ‘พลังต้นกำเนิด’ เธอจึงสามารถอ่านและอัพเดทค่าสถานะของนักผจญภัยคนอื่นได้ แม้ว่าเธอจะไม่มีฟาลน่าเหมือนกับเหล่าทวยเทพ แต่เธอก็สามารถใช้ [พรแห่งอิกดราซิล] เพื่อเสริมพลังให้กับฟาลน่าที่มีอยู่เดิมได้นะ*)
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น วาห์นก็รู้สึกตื่นเต้นและหันไปทางลิลลี่เพื่อพยายามอธิบาย ‘ความลับของตน’ ให้เธอฟัง…
—————