Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 55
วาห์นตื่นขึ้นเพราะได้กลิ่นแปลกๆ ที่อบอวนอยู่ในห้อง ถึงมันจะไม่ใช่กลิ่นแย่นักแต่ก็ยังมีกลิ่นไหม้ๆ ตามมาด้วยกลิ่นอาหารเล็กน้อย เขาเริ่มเดินออกจากห้องและมุ่งหน้าไปทางต้นตอของกลิ่น
เขาเข้าไปในพื้นที่ครัวที่ซึ่งสึบากิกำลังผัดข้าวผัดในกระทะ เธอสังเกตเห็นเขาและให้เขายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ในขณะที่กำลังใส่เครื่องปรุงรสลงไปในข้าว
“โอ้ ตื่นแล้วเหรอไอ้หนู? ฝันถึงฉันบ้างไหม”
วาห์นตัวสั่นและเกือบจะพูดย้อนออกไปว่าจากทุกอย่างที่เธอทำไว้ ถ้าฝันก็คงจะเป็นฝันร้ายแน่ๆ
“ต้องขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะจับหน้าอกของคุณเลย…” สึบากิลดไฟลงและเติมซีอิ๊วเล็กลงไปก่อนจะหันไปหาวาห์น
“โธ่ๆ นี่เป็นผู้ชายจริงๆ หรือเปล่า? ถึงจะเป็นฝ่ายผิดแต่ก็ต้องกล้าๆ หน่อยสิ ไม่งั้นต่อไปจะโดยผู้หญิงหลอกใช้ประโยชน์เอานะ เกิดฉันไม่ยอมยกโทษให้แล้วเธอจะทำยังไงต่อล่ะ”
ขณะที่พูดเธอก็เดินเข้าไปหาวาห์นและกอดหน้าอกของตัวเอง นั่นทำให้ภูเขาทั้งสองลูกดูโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม
วาห์นหันหน้าหนีและไม่แน่ใจว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร ถ้าเธอไม่ยอมยกโทษให้ เขาจะทำอะไรได้อีกนอกจากขอโทษต่อไปเรื่อยๆ เขาจะหนีออกจากแฟมีเลียหรือหนีไปดื้อๆ และเลี่ยงเรื่องนี้ได้เหรอ? ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะเมื่อสึบากิใช้สันมือสับลงบนหัวของเขา
“เจ้าเด็กนี่ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อคงได้ไปทำลายหัวใจของสาวๆ เข้าสักวันแน่ เธอคิดว่าฉันสนใจที่มีคนจ้องหน้าอกเหรอ? ทั้งๆ ที่ฉันจงใจใส่แต่ผ้าคาดเนี่ยนะ? อยากมองก็มองไปเถอะ จะลองจับดูก็ได้ถ้ารู้สึกกล้าๆ หน่อย แน่นอนว่าทำไปแล้วอาจต้องโดนลงโทษกันบ้างนะ!”
สึบากิหัวเราะเมื่อเห็นวาห์นขยี้หัวตัวเองพร้อมกับตัวตาที่เปียกชื้น การถูกนักผจญภัยเลเวล 5 สับเบาๆ นั้นจะบอกว่าไม่เจ็บเลยก็คงไม่ได้…
สึบากิกลับไปเตรียมอาหารกลางวันหลังจากสั่งสอนวาห์นเสร็จแล้ว แม้เธอจะชอบอะไรที่น่ารักน่าชัง แต่เธอก็ชอบผู้ชายที่มีความคิดที่มั่นคงและกล้าแสดงออกมากกว่า ถึงเขาจะขอโทษ แต่อย่างน้อยก็ควรรู้สึกดีใจหรือภูมิใจที่ไม่เพียงแต่จะเล่นงานเธอสำเร็จแต่ยังได้รับ ‘ประโยชน์’ ไปเล็กน้อยด้วย สิ่งที่เธอเห็นกลับเป็นคำขอโทษอย่างจริงใจและการมองข้ามสิ่งที่ตัวเองทำได้ไป
ในฐานะคนที่เป็นคนเปิดเผยและมีความภาคภูมิใจในตัวเอง สึบากิรู้สึกรำคาญกับการกระทำของวาห์นเล็กน้อย เธอตัดสินใจว่าจะทำให้เขากลายเป็นลูกผู้ชายมากขึ้นในระหว่างการฝึกฝน ไม่งั้นอนาคตของเฮเฟสตัสจะคงจะมีแต่เรื่องน่าปวดหัว เมื่อเห็นท่าทีของเฮเฟสตัสจากการสนทนาเมื่อกี้ สึบากิมั่นใจว่าเธอมีความสนใจมากกว่าเรื่องชาติกำเนิดของวาห์น
—
ทั้งสองนั่งรอบโต๊ะตัวเล็กและสึบากิก็เสิร์ฟข้าวผัดชามใหญ่ให้กับเขา แม้ว่ามันจะมีกลิ่น ‘แปลกๆ’ แต่ วาห์นก็พบว่ามันช่างน่าทานอย่างประหลาด เขาเห็นไข่และผักชิ้นเล็กๆ ที่ผสมปนเปกับข้าวในชาม หลังลองชิมดูแล้วเขาก็เริ่มกินอย่างมูมมามก่อนที่จะขอเพิ่ม
“ก็ดี อย่างน้อยเธอก็กินข้าวเป็น!” สึบากิตักข้าวให้เขาเพิ่มอีกที่
“กินให้เยอะๆ เลย ต่อไปจะได้ตัวโตแข็งแรง การกินเป็นสัญญาณของสุขภาพที่ดีและร่างกายที่แข็งแรงนี่นะ” พอพูดจบสึบากิก็เริ่มทานบ้าง ท่าทางการทานอาหารของเธอคล้ายกับวาห์นมาก คนมีมารยาทอาจดูแล้วไม่ชอบใจนัก แต่วาห์น พบว่ามันดูแปลกใหม่ดี
เขาเห็นว่าวิธีการกินของเธอนั้น ‘เหมาะสม’ กับเธอมากและนึกภาพเธอนั่งทานเรียบร้อยแบบผู้หญิงคนอื่นไม่ออกเลย วาห์นยิ้มและทานข้าวของตัวเองต่อซึ่งสึบากิมองว่ามันคือคำการท้าทาย ทั้งสองยังคงกินแข่งกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งข้าวผัดปริมาณที่กินได้ทั้งครอบครัวอันตรธานหายไป
—
ทั้งสองเอนหลังจากที่นั่งอย่างพร้อมเพรียง เนื่องจากทั้งคู่เข้าสู่โหมด ‘แข่งขัน’ พวกเขาจึงทานมากเกินกว่าที่ทานปกติ จู่ๆ สึบากิก็เริ่มหัวเราะจากฝั่งตรงข้าม
“ถึงจะได้ออกตัวก่อน แต่ดูเหมือนครั้งนี้เธอจะชนะนะ ตอนนี้แต้มก็เป็น 2 ต่อ 99 แล้วสิ! พยายามต่อไปล่ะ บางทีอาจจะตีตื้นขึ้นมาสำเร็จก็ได้” สึบากิยังคงหัวเราะต่อไปขณะที่วาห์นหลับตาและเพลิดเพลินไปกับรสชาติของอาหารที่เพิ่งทานเข้าไป เขาเริ่มคิดว่าการอยู่ที่นี่คงไม่เลวร้ายนัก
—
หลังจากทานมื้อเที่ยง วาห์นเตรียมตัวที่จะออกไปสำรวจดันเจี้ยน เขาบอกสึบากิเรื่องการฝึกฝนของเขากับลิลลี่แล้ว
เขาอธิบายสถานการณ์ของเธอเล็กน้อยและเรื่องที่เขากำลังทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้เธอควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ หลังจากได้ยินวาห์นถามว่าเขาจะพาเธอมาฝึกด้วยได้ไหม สึมากิก็ตกปากรับคำทันที
“ได้สิ ฉันอยากเจอเด็กผู้หญิงที่หนุ่มน้อยวาห์นคอยปกป้องดูแลซะเหลือเกิน ฉันสงสัยมากว่าเด็กคนนั้นจะเป็นคนแบบไหนกันนะที่จะทำให้เธอต้องมาประคบประหงมซะขนาดนี้ แล้วฉันก็แน่ใจว่าเฮเฟสตัสเองก็คงอยากรู้เหมือนกัน” สึบากิตบหลังของเขาแรงๆ ขณะที่หัวเราะให้กับความคิดนั้น เมื่อถูกฝ่ามือนั่นกระแทกเข้าไปที่หลัง วาห์นรู้สึกเหมือนกับกระดูกสันหลังของตัวเองกำลังแตกร้าวอยู่ภายใน
“โอ้ จะว่าไปนะ ฉันสงสัยมากเลยว่าเด็กนั่นจะมีปฏิกิริยายังไงถ้ารู้ว่าเธอจับหน้าอกของฉัน! หึๆ คิดว่าเธอจะหึงไหมนะ?” เมื่อได้ยินคำพูดของสึบากิ วาห์นก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนักคล้ายกับว่างานจะเข้าในอีกไม่ช้า การเต้นของหัวใจเขาเริ่มเร็วขึ้นและเขาสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไป…
—
ในอีกด้านของเมือง เฮเฟสตัสกำลังหวดค้อนของเธอใส่โลหะชิ้นหนึ่งอย่างหนักหน่วง การตีโลหะความร้อนสูงในแต่ละครั้งทำให้เกิดประกายไฟทั่วไปหมดโดยส่วนตัวนั้นเธอกำลังรู้สึกหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังเสียสมาธิ เธอไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เธอรู้สึกคันบริเวณหน้าอกมาสักพักแล้วและนั่นเองที่ทำให้เธอวอกแวก เธอตัดสินใจหยุดพักและหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเหงื่อ
หลังจากดื่มน้ำเย็นๆ เพื่อคลายความเหนื่อล้า เฮเฟสตัสก็สัมผัสได้ว่าอัตราการเต้นของหัวใจกำลังเพิ่มขึ้น เธอรู้สึกสับสนและเริ่มเพ่งสมาธิจนเข้าใจว่านั่นไม่ใช่หัวใจของเธอ แต่มันมาจากการเชื่อมโยงที่เธอมีร่วมกับวาห์น
จังหวะอ่อนโยนที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายในก่อนหน้านี้ บัดนี้มันกลับวุ่นวายและเธอยังรู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจและความรู้สึกผิดที่ทำให้มันเต้นอย่างผิดจังหวะ เธอมองไปยังทิศที่โรงหลอมของของสึบากิตั้งอยู่และขมวดคิ้ว
“ทำไมรู้สึกเหมือนอยากไปลงโทษสองคนนั้นตะหงิดๆ นะ…”
—
หลังออกจากโรงหลอมของสึบากิ วาห์นก็เดินทางไปยังจัตุรัสบาเบลเพื่อพบกับลิลลี่ที่กำลังรอเขาอยู่ แม้เขาจะเก็บกระเป๋าของเธอไว้ในช่องเก็บของแต่ก็หาเธอพบได้ไม่ยาก เพราะโครงร่างเล็กๆ ของเธอนั้นดูโดดเด่นมากเมื่อถูกประดับไปด้วยค้อนยักษ์ที่วางอยู่บนไหล่
“ขอโทษที่ให้รอนะลิลลี่ ฉันโดนรั้งตัวไว้หลังมื้อกลางวันน่ะ” วาห์นยิ้มและเดินเข้ามาหาเธอ แต่ก็เริ่มชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้ง ลิลลี่เดินเข้ามาใกล้และเริ่มดมกลิ่นของเขาเหมือนที่เธอเคยทำก่อนหน้า
“วาห์น ทำไมทุกครั้งที่เราแยกกันนายจะกลับมาพร้อมกับกลิ่นผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าด้วยล่ะ ถึงจะไปฝึกซ้อมกันมาแต่กลิ่นมันก็ไม่น่าติดเยอะขนาดนี้นี่!” เธอเคลื่อนไหวไปทั่วร่างกายของเขาและดมกลิ่นที่ต่างๆ เธอคิ้วขมวดมากเป็นพิเศษเมื่อได้กลิ่นบางอย่างจากแผ่นหลังของเขา แทนที่จะเป็นกลิ่นกายทั่วไป มันกลับเป็นกลิ่น ‘ของผู้หญิง’ จริงๆ
เธออดไม่ได้ที่จะถามคำถามที่คาอยู่ในใจ “วาห์น นี่นายไปโดนใครขี่หลังมาหรือเปล่า?” ใบหน้าของเธอดูจริงจังมาก และเธอก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเขาราวกับจะบอกว่า ‘ถ้ากล้าโกหกก็ลองดูสิ’
เมื่อได้ยินคำถามน่าอึดอัด วาห์นก็ถอนหายใจยาวๆ หลังจากนึกถึงช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมาน เขารู้ว่าจมูกของเธอไวเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์แมว แถมเธอยังคุ้นเคยกับกลิ่นของเขาเป็นอย่างดีซึ่งทำให้การโกหกเธอเป็นอะไรที่ยากมาก เขาพยักหน้าก่อนจะตอบ
“อืม สึบากิจับฉันตรึงไว้กับพื้นหลังจากที่ฉันพยายามจู่โจมเธอ เธอทำให้ฉันขัดขืนไม่ได้ไปเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนที่ฉันจะหมดแรง”
ลิลลี่ฟังคำอธิบายของวาห์นและแม้เธอจะรู้ว่าเขาไม่ได้พูดสื่อถึงเรื่องใต้สะดือ แต่เธอก็เกือบจะตบเขาจากการใช้คำพูดที่ชวนให้เข้าใจผิด! เธอคร่ำครวญให้กับความทึ่มในบางเวลาของเขาและตัดสินใจว่าจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ไม่สร้างปัญหาเพิ่มในอนาคต
หลังจากที่เขา ‘ตอบคำถาม’ วาห์นก็อธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนเช้าขณะที่ทั้งสองเดินเข้าไปในดันเจี้ยน ลิลลี่ผู้ที่ทำหน้าหงิกมาตั้งแต่เมื่อกี้ ตอนนี้เธอกลับรู้สึกตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินวาห์นบอกว่าเธอสามารถย้ายไปอยู่ที่โรงหลอมของสึบากิได้เช่นกัน นี่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เธอปรับปรุงคุณภาพการฝึกของตัวเองเท่านั้น แต่เธอยังสามารถคอยดูวาห์นไม่ให้ถูกไซคลอปส์รังแกหรือถูกซ้อมจนสิ้นใจตายไปเสียก่อน
—
วาห์นรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจจากเหตุการณ์ในวันนี้มาก ดังนั้นพวกเขาจึงเดินเข้าดันเจี้ยนอย่างไม่เร่งรีบเท่าไหร่ นั่นไม่ได้หมายความว่าเป็นการลดความระวังตัวแต่อย่างใด เขายังคงใช้ [จิตแห่งราชัน] เช่นเดิมแต่ก็พบว่าการต่อสู้กับมอนสเตอร์นั้นไม่ตื่นเต้นแบบแต่ก่อน
พอได้ประมือกับนักผจญภัยเลเวล 5 การเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ทุกตัวกลับดูเรียบง่ายอย่างผิดหูผิดตา ไม่มีความรู้สึกกดดันหรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างที่เขาเคยรู้สึกมาก่อนหน้านี้
แทนที่จะทำการซ้อมแบบทุกวัน วาห์นตัดสินใจว่าพวกเขาควรจะออกจากดันเจี้ยนก่อนกำหนดเพื่อเตรียมเรื่องที่ลิลลี่จะย้ายไปอยู่ด้วยกัน นอกจากนี้เขายังต้องหาทางเกลี้ยกล่อมไม่ให้ทีน่าน้อยอาละวาดหลังจากที่รู้ว่าเขาจะย้ายออกไปในทันที
หลังออกจากดันเจี้ยน พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรมแต่จู่ๆ วาห์นก็หยุดอยู่กับที่ เขารู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมา ราวกับว่ามีคนกำลังมองเขาแบบตรง เมื่อหันไปยังทิศทางนั้น เขาก็เห็นหอคอยบาเบลที่อยู่ไกลออกไป การจ้องมองดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้นและทำให้ภายในของวาห์นสั่นคลอนก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ว่ามันหายไปอย่างสิ้นเชิง
ลิลลี่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขาและมองไปทางหอคอยเช่นกัน
“มีอะไรเหรอ วาห์น? นายเห็นอะไรหรือเปล่า?” เธอเริ่มรู้สึกเป็นห่วงพร้อมกับน้ำเสียงที่พูดเบาลง แม้เธอจะเคยเห็นเขาทำท่าหนักใจแต่ก็ไม่เคยเห็นวาห์นหวาดกลัวมาก่อน
วาห์นยังคงจ้องไปที่ทิศทางเดิมอีกพักหนึ่งก่อนจะส่ายหัว
“ไม่มีอะไรแล้ว ฉันแค่รู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองมาก็เลยพยายามพยายามดูว่าเป็นใคร อาจจะคิดไปเองก็ได้ ไม่ต้องใส่ใจหรอก” เขาลูบหัวของเธอเบาๆ แต่สังเกตเห็นว่ามือของตัวเองก็สั่นเล็กน้อย
ลิลลี่วางมือทั้งสองข้างของเธอลงบนมือที่เขาใช้ลูบอยู่ มันชื้นและเย็นยะเยือกไม่เหมือนกับความอบอุ่นที่เธอคุ้นเคย เธอรู้ว่าเขากำลังโกหก แต่ก็เข้าใจว่าถ้ามันทำให้เขาหวาดกลัว อย่างเธอก็คงช่วยอะไรไม่ได้เช่นกัน ลิลลี่ทำได้แค่กัดฟันและพยักหน้าช้าๆ
“ถ้านายพูดแบบนั้นก็คงไม่มีอะไรหรอก”
วาห์นรู้สึกขอบคุณความเข้าใจของเธอและเชื่อว่ามันคือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเธอกำลังเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ เขาลูบหัวของเธออีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินต่อไปที่โรงแรม แต่ตลอดเวลาที่กำลังเดิน เขาก็ยังคงให้ความสนใจกับหอคอยที่อยู่ด้านหลัง เขารู้ดีว่าในอนาคตอันใกล้ ปัญหาจะต้องมาหาเขาแน่นอน