Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 56
วาห์นและลิลลี่เดินกลับโรงแรมด้วยความรู้สึกที่ไม่สู้ดีนัก ลิลลี่รู้สึกกังแทนวาห์นมาก ในขณะที่เขายังคงมุ่งความสนใจไปยังสัมผัสอันตรายจากเมื่อกี้นี้ เขาต้องการแข็งแกร่งให้มากขึ้นและดูเหมือนเวลาจะเหลือน้อยเต็มที
ระหว่างทาง วาห์นก็หันไปดูค่าสถานะและไอเท็มต่างๆ ของตัวเอง โชคดีที่เขาได้รับ OP ค่อนข้างมากจากภารกิจความปรารถนาของหัวใจของ ‘เพลิงนิรันดร์’
ช่วงที่ผ่านมา OP ของเขาเหลือน้อยมากจากเรื่องของลิลลี่และการใช้จ่ายอื่นๆ
เขาต้องพยายามหาแต้มมาเพิ่มเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องไม่คาดฝันเช่นคนที่เขาต้องการปกป้องหรือตัวเขาเองตกอยู่ในอันตราย เขาเริ่มรวบรวมรายการไอเท็มสำคัญที่เขาสามารถนำมาใช้เพื่อปกป้องตนเองและคนอื่นๆ
หนึ่งในไอเท็มที่เขาต้องการซื้อมากเลยก็คือ [รูปปั้นฮีโร่] แต่ราคามันอยู่ที่ชิ้นละ 100,000 OP
ยี่สิบนาทีต่อมาพวกเขาก็มาถึงโรงแรม เมื่อวานเป็นวันสุดท้ายที่วาห์นพักที่นี่และทีน่าก็กำลังรอพวกเขาอยู่ในพื้นที่ทานอาหารอย่างที่เขาคาดไว้เลย เมื่อเห็นพวกเขาสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เธอก็สูดหายใจลึกๆ เหมือนอยากจะร้องไห้ แต่ก็กล้ำกลืนอารมณ์นั้นลงไปและเดินเข้าหาพวกเขา เธอคิดว่าพวกเขาทั้งคู่รู้สึกเศร้าที่ต้องออกจากโรงแรมในวันนี้
“คุณจะไปแล้วเหรอคะ?” เด็กสาวชำเลืองมองไปที่ลิลลี่ก่อนจะหันไปหาวาห์น เธอเห็นเด็กหนุ่มพยักหน้ารับและแม้ว่าเธอจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเก็บอารมณ์ไว้ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าดวงตาเริ่มเปียกชื้นขึ้น
วาห์นผู้ที่ติดนิสัยนี้มาจากการอยู่กับลิลลี่ เอื้อมมือออกไปและเริ่มลูบหัวของทีน่าเบาๆ เขายังคงปลอบเด็กหญิงต่อไปจนกระทั่งเธอรู้สึกดีขึ้น จากนั้นเธอก็ขยับออกจากมือของด้วยแก้มแดงระเรื่อก่อนจะทำหน้า ‘ดุ’ ใส่เขา
“แม่บอกว่าถ้าผู้ชายแตะหูของฉัน เขาจะต้องรับผิดชอบไม่งั้นก็แสดงว่าเขาไม่ใช่ผู้ชาย… ดังนั้นคุณต้องไม่ลืมเรื่องนี้นะ~เมี๊ยว!”
แม้ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี แต่เขาก็พยักหน้าออกไปและบอกว่าจะทำให้ดีที่สุด เมื่อได้ยินคำตอบของวาห์น ทีน่าก็พยักหน้าอย่างมีความสุขก่อนจะรีบหนีออกไป จากด้านข้าง ลิลลี่กระซิบใส่หูของเขา
“นายจับหูของฉันไปกี่ครั้งแล้วนะวาห์น? งั้นนายก็คงต้องรับผิดชอบฉันด้วยใช่ไหมเนี่ย?”
วาห์นเริ่มเหงื่อตกขณะคิดในใจว่าคงเป็นการดีถ้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงให้น้อยลงกว่านี้ในอนาคต
—
หลังจากรวบรวมข้าวของทั้งหมดของลิลลี่เสร็จแล้ว พวกเขาก็ลงมาชั้นล่างและพบทั้งมิลานและทีน่าที่รออยู่
มิลานกำลังถือกล่องไม้ทรงยาวที่ห่อด้วยริบบิ้นอย่างหลวมๆ ในขณะที่ทีน่าถือห่อผ้าลายปักซึ่งภายในเต็มไปด้วยขนมหลากชนิด
มิลานมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนบนใบหน้า แต่วาห์นก็มองเห็นความเศร้านิดๆ ที่แฝงอยู่ในแววตาขณะที่เธอถือกล่องไว้ในอ้อมแขน
“ฉันต้องการให้เธอรับนี่ไว้นะวาห์น…” เธอยื่นกล่องให้เขาอย่างลังเลและวาห์นก็รับมันมาอย่างเต็มใจ
เขาเข้าใจว่ามันคงเป็นบางอย่างที่สำคัญมากสำหรับเธอ และแค่ถือมันก็ทำให้เขารู้สึกกังวลหน่อยๆ แล้ว เมื่อมองไปที่มิลาน เขาเห็นเธอพยักหน้าให้เขาเปิดดูของข้างในได้ เขาเห็นดาบสีดำออกน้ำเงินที่ดูสวยงามพร้อมประดับไปด้วยลวดลายของสิงโตสีทองอยู่ทั่วใบดาบ
“ดาบเล่มนี้ทำมาจากมิธริลและเป็นของดูต่างหน้าสามีของฉันเอง ฉันหวังว่ามันจะสามารถปกป้องเธอจากภัยอันตรายทั้งปวงเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องทิ้งความทรงจำอันเจ็บปวดไว้ให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง หมั่นดูแลคนสำคัญของเธอให้ดีๆ และถ้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังลำบาก ขอให้รู้ไว้ว่าที่นี่ยินดีต้อนรับเธอเสมอ” แต่ละคำที่เธอพูดส่งผลต่อหัวใจของวาห์นเข้าอย่างจัง เขาหยิบดาบออกจากกล่องและสัมผัสได้ว่ามันหนักกว่าที่เขาคาดไว้มาก…
ทีน่าที่กำลังยืนกอดห่อผ้าของเธอไว้แน่นเริ่มเดินเข้ามาหลังจากที่แม่ของเธอพยักหน้าให้
วาห์นมองไปยังเด็กสาวและเห็นว่าหูของเธอดูห่อเหี่ยวขณะที่เธอไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ เขารู้สึกแย่แทนเธอและค่อยๆ ยื่นมือออกไป… และหยุดกลางคลันหลังจากนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเธอ
ทีน่าเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยหลังจากรู้สึกถึงมือที่ยื่นออกมาและห่างจากหัวเธอไม่กี่นิ้ว เธอกลับนำหัวไปถูกับมือนั่นเสียเองโดยไม่รอให้วาห์นตัดสินใจ
วาห์นรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของเธอแต่เลือกที่จะไม่ดึงมือออก เขาสบตากับมิลานที่อยู่ด้านหลังลูกสาวของเธอและเห็นเธอยิ้มอย่างซุกซนให้กับเขาจนรู้สึกได้ว่าหัวใจของตนสั่นไหวไปเล็กน้อย
—
หลังจากสนทนากันอีกเล็กน้อยและทิ้งที่อยู่ของเขาไว้ให้กับคู่แม่ลูก วาห์นก็เริ่มเดินทางออกจากโรงแรม เขารู้สึกว่าอากาศเย็นตอนกลางคืนทำให้ร่างกายของเขารู้สึกชาเล็กน้อย จากด้านหลัง ประตูโรงแรมที่ยังไม่ปิดไปนั้นดูจะบรรจุความอบอุ่นมากมายไว้ข้างใน มันทำให้เขารู้สึกลังเลที่จะจากมันไป
เขามองกลับไปและเห็นมิลานกำลังปลอบทีน่าที่กอดเอวเธอและร้องไห้ขี้มูกโป่ง
ราวกับรู้ถึงสายตาที่กำลังมองมา มิลานมองไปที่เขาและยิ้มแห้งๆ ให้ก่อนจะโบกมือว่าให้เขารีบไปได้แล้ว วาห์นพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปและชูมือเพื่อเป็นการบอกลา
ลิลลี่เฝ้าดูทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบและยังคงไม่เดินออกไป เธอนิ่งอยู่พักหนึ่งและหันไปพูดกับเด็กสาวที่กำลังร้องไห้
“ถ้าต้องการติดตามเขา เธอจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้นะ ฉันเองก็จะทำให้ดีที่สุด ดังนั้นเธออย่ามัวแต่อยู่รั้งท้ายล่ะ…” ลิลลี่พูดออกมาเบาๆ แต่ทีน่าที่ยังกอดแม่ของเธอก็พยักหน้าตอบ
ขณะที่ลิลลี่หันกลับไป เธอก็ได้ยินเสียงเด็กสาวตอบกลับด้วยเสียงสะอื้น
“ตอนนี้เธอนำไปก่อน แต่สักวันฉันจะแข็งแกร่งกว่าแน่นอน” ลิลลี่หันหัวกลับมาและเห็นความมุ่งมั่นในแววตาของทีน่า เธอพยักหน้าให้ก่อนจะเดินจากไปตามเส้นทางเดียวกันกับวาห์น
—
เกือบจะสองทุ่มแล้วเมื่อพวกเขามาถึงลานด้านนอกตัวบ้านของสึบากิ ขณะที่ทั้งสองกำลังก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากข้างใน พอได้ยินนั่น วานห์ก็ตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะรู้สึกลังเล
ลิลลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ แสดงสีหน้าสับสนหลังจากเห็นเขาลังเลอยู่นอกประตู
หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที วาห์นถอนหายใจอย่างปลงๆ และเปิดประตูอย่างช้าๆ เขาเห็นสึบากิกำลังรัดคอเด็กหนุ่มผมแดงที่พยายามดิ้นรนเพื่อทำให้เธอปล่อยเขา
เด็กหนุ่มดูเหมือนจะอายุพอๆ กับเขาและมีรูปร่างค่อนข้างผอมพร้อมกับทรงผมที่ดูยุ่งเหยิง
เขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อเอาแขนของสึบากิออกจากรอบคอและดูจากใบหน้าสีม่วงคล้ำนั่น ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะเหลือเวลาอีกไม่กี่วินาทีก่อนจะขาดอาหาศหายใจ
สึบากิสังเห็นวาห์นกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กเดินเข้ามา เธอจึงหยุดหัวเราะและปล่อยเด็กหนุ่มลง เธอลุกขึ้นและทิ้งให้เหยื่อนอนสำลักต่อไปบนพื้นคนเดียว
“เธอมาเร็วกว่าที่ฉันคิดไว้นะวาห์น! บอกหน่อยว่านี่คือเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เธอพูดถึงก่อนหน้านี้ใช่ไหม” ขณะที่พูด สึบากิก็เข้ามาหาลิลลี่อย่างรวดเร็ว ลิลลี่เห็นแบบนั้นก็เข้ามาหลบหลังวาห์นทันที
“สวัสดีครับคุณสึบากิ… และใช่แล้ว นี่คือลิลลี่ เด็กผู้หญิงที่ผมเล่าให้ฟัง” วาห์นเริ่มเหงื่อตกขณะที่ลิลลี่ยังหลบอยู่ข้างหลังเขา เขามีลางสังหรณ์ว่าทุกอย่างคงไม่ราบรื่นแบบที่คิดแน่นอน
สึบากิยิ้มแฉ่งขณะจ้องมองลิลลี่ เธอหันไปหาวาห์นก่อนจะพูดขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า คิดว่าวาห์นจะปกป้องเธอได้เหรอ~” ก่อนที่ทั้งสองจะตอบ สึบากิก็จัดการกับวาห์นและจับเขากดลงบนพื้นอย่างรวดเร็ว ลิลลี่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่ได้เห็น แต่ก่อนจะพูดอะไรออกไปเธอก็ถูกสึบากิจับตัวไว้เรียบร้อย
เป็นครั้งที่สองของวันนั้นที่สึบากินั่งบนตัววาห์นขณะที่เธอกอดลิลลี่ไว้ในอ้อมแขนและเอาแก้มมาถูกัน
“เธอนี่น่ารักสุดไปเลยนี่นา!? ดูแล้วเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ เลย~ ไม่แปลกเลยที่วาห์นอยากปกป้องเธอขนาดนี้! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เด็กหนุ่มผมแดงที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้มองไปที่ทั้งสามด้วยสีหน้าสงสัย เขาไม่เคยเห็นเด็กแปลกๆ สองคนนี้มาก่อน และมันยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ที่เห็นสึบากิทำตัวใกล้ชิดแบบนี้กับคนอื่น ใช่แล้ว เธอเป็นคนตรงและมีนิสัยเปิดกว้าง แต่เธอก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะแกล้งทำสนิทคนที่ตัวเองไม่คุ้นเคย
เมื่อเห็นว่าการละเล่นของพวกเขาคงไม่จบลงง่ายๆ เด็กหนุ่มก็เริ่มหมดความอดทนก่อนจะพูดขึ้น
“เฮ้ สึบากิ เด็กพวกนี้เป็นใครกัน? ที่นี่ปิดรับงานอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ดูเหมือนสึบากิเพิ่งนึกออกว่าเขาเองก็อยู่ที่นี่ด้วยขณะที่มองกลับมา เธอยิ้มกว้างซึ่งทำให้เด็กหนุ่มเหงื่อท่วมตัว
“นี่คือวาห์น เมสันและลิลลี่ พวกเขาจะมาอาศัยอยู่ที่นี่นับจากนี้และเข้ารับการฝึก วาห์น ลิลลี่ เจ้าเด็กหัวแดงงี่เง่าคนนี้คือเวล์ฟ ครอซโซ่ ทำความรู้จักกันไว้ให้ดีล่ะ เพราะต่อไปพวกเธออาจจะได้เป็นคู่แข่งกันในอนาคต!” สึบากิปล่อยวาห์นและลิลลี่ลงพร้อมกับแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักกัน วาห์นรู้สึกหงุดหงิดที่เธอกำราบเขาได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ลิลลี่ยังคงตกใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ขณะที่ทั้งสองกำลังตั้งสติก็ได้ยินเสียงตะโกนดังขึ้น
“ที่บอกว่าพวกเขาจะมาอยู่ที่นี่มันหมายความว่าไงกัน!? เธอเริ่มรับคนมาฝึกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย? คิดว่าเด็กน้อยพวกนี้จะมาเป็นคู่แข่งของฉันได้งั้นเหรอ!” ดูเหมือนว่าเวล์ฟจะรู้สึกหงุดหงิดกับสิ่งที่สึบากิบอก เธอเป็นหนึ่งในคนที่เขาสาบานว่าจะก้าวข้ามไปให้ได้ แต่ตอนนี้เธอกลับมารับเด็กสองคนนี้ไว้เป็นศิษย์ แม้เขาจะรู้จักสึบากิมาสี่ปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยสอนเขาเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักครั้ง
หลังจากได้ยินสึบากิเอ่ยชื่อของเขา วาห์นก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มเลือดร้อนคนนี้คือเวลฟ์ที่เขารู้จักจากในมังงะ เขาดูเตี้ยกว่าที่คิดไว้ (ประมาณ 163 ซม.) และดูดุดันมากกว่าเวลฟ์ที่เขาคุ้นเคยมากเลยทีเดียว การได้ยินเวลฟ์เรียกทั้งเขาและลิลลี่ว่าเป็นเด็กทั้งที่อายุก็พอๆ กันนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไร สึบากิก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ได้เด็กงี่เง่า คิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่นมากนักเหรอ? ท่านเฮเฟสตัสฝากวาห์นไว้กับฉันด้วยตัวเองเลย ถ้าอยากบ่นก็ไปบ่นกับเธอสิ!” เมื่อได้ยินว่าเฮเฟสตัสพาวาห์นมาที่นี่ เวล์ฟก็รู้สึกตกใจมากในตอนแรก แต่ความตกใจก็เปลี่ยนเป็นความโกรธอย่างรวดเร็วขณะที่เขามองหน้าวาห์น
เวล์ฟเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลาและมีผิวสีแทน แม้จะดูตัวเล็กกว่า แต่เวล์ฟก็มองเห็นกล้ามเนื้อที่สมส่วนและออร่าแปลกๆ ที่ทำให้ขนคอของเขาตั้งชัน
“นายชื่อวาห์นใช่ไหม? นี่นายมีความสัมพันธ์อะไรกับท่านเฮเฟสตัสกันแน่!”
เนื่องจากความช่วยเหลือที่เขาได้รับจากเธอทำให้เวล์ฟตั้งเฮเฟสตัสให้เป็นเป้าหมายของเขา เขาเองก็เหมือนกับคนอื่นๆ เป็นเหล่าผู้คนที่ใฝ่ฝันว่าจะสร้างอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ทำให้เทพธิดาประทับใจและคว้าหัวใจของเธอมา
วาห์นเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเวล์ฟถึงทำราวกับว่าเขาเป็นศัตรู เขานำค้อนที่เฮเฟสตัสทำให้ออกมาและชี้มันไปทางเด็กหนุ่ม
“ความสัมพันธ์ของฉันกับเฮเฟสตัสมันไม่สำคัญหรอก สิ่งเดียวที่นายต้องรู้ก็คือนายจะไม่มีวันได้เป็นคู่แข่งของฉัน แค่สิทธิ์นายยังไม่มีโอกาสได้มาเลย!”
แม้เขาจะได้ยินคำพูดเฉือดเฉือนของวาห์น แต่สิ่งเดียวที่เวล์ฟสนใจในตอนนี้ก็คือค้อนที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาเห็นได้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ช่างตีเหล็กธรรมดาๆ จะทำขึ้นได้ หัวและตัวค้อนที่ดูไร้ที่ติแบบนี้มีเพียงปรมาจารย์ช่างตีเหล็กเท่านั้นที่สามารถทำขึ้นมาได้
สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาเห็นก็คือเครื่องหมายสองอันที่สลักอยู่ตรงส่วนคอของค้อน อันแรกคือตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าไอเท็มชิ้นนี้ถูกทำขึ้นด้วยมือของเฮเฟสตัสเอง แต่ข้างๆ ตรานั่นกลับมีเครื่องหมายอันที่สองสลักอยู่ด้วย มันมีรูปร่างของงูติดปีกสองตัวที่ขดตัวไปมา โดยทั่วไปแล้วตัวไอเท็มจะมีเครื่องหมายของผู้สร้างเพียงคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เครื่องหมายสองอันนี้บ่งบอกก็คือมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยเฮเฟสตัสเพียงคนเดียวแต่เป็นการสร้างร่วมกับช่างตีเหล็กอีกคน!
(TL: ชื่อตอนสำรอง: เร่าร้อนขึ้นอีก! ลุกไหม้เข้าไปสิ เปลวเพลิงแห่งความเยาว์วัย!)