Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 6
วาห์นรู้สึกว่าวิญญาณของเขากำลัง ‘ถูกดึง’ ผ่านชั้นของสสารปริศนาหลายต่อหลายชั้น มันเหมือนกับเขาได้ผ่านเข้าไปในของเหลวหลากหลายรูปแบบที่มีความหนาแน่นแตกต่างกัน ในขณะที่แรงดึงดูดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาก็เริ่มหายใจไม่ออกหรือควบคุมทิศทางของตัวเองไม่ได้เลยในขณะที่ประกายแสงสีมากมายนับไม่ถ้วนส่องแสงผ่านดวงตาของเขาไป ทันใดนั้นเอง ‘แรงกระชาก’ ที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็หายไปและวาห์นพบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนที่โล่งแจ้งและถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้
หลังจากมองไปรอบๆ เล็กน้อย วาห์นลุกขึ้นยืนและปัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนเสื้อผ้าของเขาออก
“พี่สาว เกิดอะไรขึ้น? ทำไมการเคลื่อนย้ายถึงเริ่มอย่างกระทันหันล่ะ? พี่น่าจะเตือนผมก่อนที่ผมจะไปใช้ ‘แพคเกจมือใหม่’ นะครับ!”
(*ขอโทษด้วยนะวาห์น แต่เนื่องจากเธอขอให้ฉันใช้ ‘แพคเกจมือใหม่’ ทันทีหลังจากที่ฉันเพิ่งอธิบายให้ฟัง ฉันจึงต้องเปิดใช้แพคเกจมือใหม่ทันทีโดยที่ยังไม่สามารถอธิบายอะไรเพิ่มเติมได้เลย จำไว้นะว่าเป้าหมายของฉันคือการทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างเธอและ ‘เดอะพาธ’ ฉันไม่สามารถชะลอการปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่ได้รับการยินยอมจากเธอได้*)
เมื่อได้ยินน้ำเสียงรู้สึกเสียใจของพี่สาว วาห์นจึงรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อยจากการต่อว่าเธอ
“ไม่เป็นหรอกครับพี่สาว มันเป็นความผิดของผมเองที่ตัดสินใจเร็วเกินไปโดยไม่ได้ถามคำแนะนำของพี่”
(*อย่าคิดมากเลยวาห์น เธอต้องการให้ฉันอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันให้ฟังไหม?*)
วาห์นมองไปบริเวณรอบๆ อีกครั้งก่อนที่เขาจะมองลงไปที่ร่างกายของตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในพื้นที่โล่งที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ เขารู้แต่เพียงว่ามันคือป่าเท่านั้น เขาแต่งตัวอยู่ในชุดเสื้อสีน้ำตาลและกางเกงสีดำแทนที่จะโป๊ล่อนจ้อนซึ่งเขารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก รอบเอวของเขามีเข็มขัดหนังพร้อมถุงเก็บของที่ดูแปลกประหลาดที่มากับเข็มขัด เมื่อตรวจสอบดูดีๆ แล้วดูเหมือนว่ามันจะบรรจุน้ำดื่มเอาไว้ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เพิ่งสังเกตเห็นก็คือ สีผิวที่แตกต่างไปจากคนปกติของเขาถูกแทนที่ด้วยผิวสีแทนเล็กน้อย
“เข้าใจแล้วครับพี่สาว พี่ช่วยอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการเคลื่อนย้ายหน่อยได้ไหม? ทำไมร่างกายของผมถึงเปลี่ยนไป แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน? แล้วก็ช่วยอธิบายพร้อมให้คำแนะนำที่พี่คิดว่าพอจะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยนะครับ ผมไม่มั่นใจในตัวเองเลยว่าจะสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในโลกใบใหม่นี้ได้ดีพอ”
(*หลังจากการเคลื่อนย้ายเริ่มต้นขึ้น ร่างกายของเธอก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ เนื่องจากว่าเธอเป็นเพียงแค่ดวงวิญญาณ ‘เดอะพาธ’ จึงสามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ตรงตามที่เธอต้องการได้ ในขณะเดียวกันมันยังสร้างการเชื่อมต่อในร่างกายของเธอใหม่เพื่อให้เธอสามารถใช้พลังงาน ‘ต้นกำเนิด’ ภายใน ‘เรคคอร์ด’ ได้ เนื่องจากเธอไม่ชอบสีผิวซีดแบบเมื่อก่อน ตอนนึ้เธอจึงมีร่างกายที่แข็งแรงและสีผิวที่เธอคิดว่าปกติที่สุด ร่างกายของเธอมีความสามารถในการดึงเอา ‘พลังต้นกำเนิด’ มาใช้บนโลกใบนี้ได้ และถ้าหากเธอฝึกฝนมัน เธอจะสามารถใช้เวทมนตร์และสกิลที่เป็นเอกลักษณ์ของโลกใบนี้ได้ สำหรับสถานที่ปัจจุบันของเธอ ปัจจุบันเธออยู่รอบนอกของพื้นที่ที่มีชื่อว่า ‘ป่าทิศตะวันตก’ ‘เดอะพาธ’ คำนวณแล้วว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่เริ่มต้นที่ปลอดภัยที่สุด และมันจะทำให้เธออยู่ใกล้กับโอราริโอ้ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ในระยะทาง 30 กิโลเมตร สำหรับคำแนะนำ ฉันขอแนะนำให้เธอใช้โอกาสนี้ตรวจสอบค่าสถานะ สกิล และช่องเก็บของ หลังจากนั้นก็ตามหาที่พักแรมซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด*)
วาห์นตกใจกับข้อมูลนับไม่ถ้วนที่ได้รับจากพี่สาว เขารู้สึกเหมือนกับหัวสมองของตนกำลังจะละลายจากความพยายามที่จะจัดการข้อมูลทั้งหมดที่เพิ่งได้รับมา
“พี่สาว ผมขอโทษ… ผมคงจำได้ไม่หมดหรอก” วาห์นพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
(*ไม่เป็นไรหรอกวาห์น ถ้าพูดแบบสรุปๆ ก็คือ ตอนนี้เธอมีร่างกายใหม่ที่แข็งแรงและตรงกับความต้องการของตัวเธอเอง ตำแหน่งปัจจุบันของเธอคือป่าที่อยู่ใกล้กับเมืองโอราริโอ้ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ในเนื้อเรื่องหลัก นอกจากนั้นแล้ว กรุณาใช้คำสั่งเพื่อแสดงหน้าต่างสถานะ สกิล และช่องเก็บของก่อนที่จะเริ่มตามหาที่พักแรม*)
“ได้เลย พี่สาว ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่เข้าใจง่ายขึ้นมานิดนึงนะครับ”
(*ด้วยความยินดี วาห์น*)
‘หน้าต่างสถานะ’
ชื่อ: วาห์น เมสัน
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: ดันมาจิ
-เลเวล:1(0)
-พละกำลัง: I-40(0)
-ความอดทน: I-70(0)
-ความแม่นยำ: I-23(0)
-ความว่องไว: I-38(0)
-พลังเวท: H-120(0)
ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ดวงวิญญาณระดับ 1 (วิญญาณมนุษย์)
กรรม:100
เมื่อเห็นสถานะของตน วาห์นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นอกจากค่าพลังเวทของผมแล้ว ค่าสถานะอื่นๆ ของผมอยู่ในระดับต่ำหมดเลย แล้วอะไรคือค่าที่สองเหรอครับ?”
(*ค่าที่สองคือค่าสถานะที่จะปรากฎอยู่ในหน้าต่างค่าสถานะของเธอเมื่อเธอทำการเข้าร่วมแฟมิเลีย ในเมื่อเธอยังไม่ได้เข้าร่วมแฟมิเลีย ค่าทั้งหมดจึงถูกแสดงเป็น 0*)
“ฟังดูสมเหตุสมผลดี แล้วทำไมค่าพลังเวทของผมถึงสูงกว่าค่าสถานะอันอื่นล่ะ? ผมไม่เคยแม้แต่จะใช้เวทมนตร์มาก่อนเลย ดังนั้นมันก็ควรเป็นค่าที่ต่ำสุดในค่าสถานะทั้งหมดไม่ใช่เหรอครับ?”
(*นั่นเป็นเพราะ ‘เดอะพาธ’ ดัดแปลงร่างกายของเธอเพื่อให้เธอดำรงอยู่บนโลกใบนี้ได้*)
วาห์นยังคงจ้องไปที่ค่าสถานะอีกครู่หนึ่งเนื่องจากมีบางสิ่งดึงดูดสายตาของเขา
“พี่สาว ทำไมอายุของผมถูกตั้งไว้ที่ 14 ล่ะ? เทพีคริสช่าบอกไว้นี่ว่าผมใช้เวลาอยู่ในมิติสีขาวตั้ง 3 ปี แล้วก็เรื่องค่าที่สองในช่องเผ่าพันธุ์อีก แล้วไม่ใช่ว่าค่ากรรมของผมถูกรีเซ็ตเป็น 0 ในตอนที่ผมได้รับ ‘เดอะพาธ’ มาเหรอครับ?”
(*เนื่องจากวิญญาณนั้นไม่มีอายุขัย มันจึงไม่เปลี่ยนอายุของเธอแม้ว่าเธอจะใช้เวลาอยู่ในโลกวิญญาณถึง 3 ปีก็ตาม เมื่อร่างกายของเธอถูกสร้างขึ้นใหม่พร้อมกับเข้าสู่ ‘เรคคอร์ด’ ของดันมาจิ มันจึงยอมให้เธอใช้อายุก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ส่วนค่ากรรมนั้น วิญญาณมีค่ากรรมเป็น 0 นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เธอจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนโลกด้วยค่ากรรมที่เป็น 0 ได้ การมีตัวตนอยู่ของเธอจะเริ่มเปลี่ยนแปลงโชคชะตาผู้คนรอบตัวเธอโดยอัตโนมัติ เมื่อกำเนิดขึ้นมา หรือในกรณีแบบเธอที่เข้าสู่โลกใบนี้ ตัวของเด็กจะมีค่ากรรมเท่ากับ 100 แต้ม โปรดจำไว้ว่าค่ากรรมโดยรวมทั้งหมดนั้นได้ทำการรวมค่ากรรมดีและกรรมชั่วเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!*)
วาห์นรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลเหล่านี้มาก เขามีความคาดหวังตั้งแต่รู้ตัวว่าจะได้ไป ‘เกิดใหม่’ ว่าเขาอาจต้องผ่านกระบวนการเกิดและเติบโตขึ้นจากการเป็นตัวอ่อน เขาไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับการกลับกลายเป็นเด็กที่เกิดขึ้นมาในครอบครัวธรรมดาแต่มีจิตใจของเด็กวัยรุ่นอยู่ได้อย่างไร
“งั้นเหรอ ก็ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยผมก็สามารถเริ่มต้นการฝึกฝนให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้ทันที แล้วตามที่พี่สาวบอก ถ้าค่ากรรมกลายเป็น 0 ผมก็จะตายทันทีเลยใช่ไหมครับ?”
(*ถูกต้อง แต่จงจำเอาไว้ว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะเสียค่ากรรม แม้ว่าเธอจะตั้งใจทำเรื่องเลวร้าย มันอาจมีผลลัพธ์ที่ดีออกมาบ้างแต่จะมีส่วนของค่ากรรมชั่วที่มากกว่าเท่านั้นเอง*)
วาห์นพยักหน้าเข้าใจในคำอธิบายที่ได้รับ
‘หน้าต่างสกิล’
แม้ว่าเขาจะไม่ได้คาดหวังอะไร แต่วาห์นก็ประหลาดใจกับสิ่งที่ตนเห็น
*สกิล*
ทลายพันธนาการ:
ระดับ:(S)
ค่าสถานะจะเพิ่มขึ้นหากผู้ใช้ถูกจับ ถูกผนึก หรือถูกพันธนาการ ค่าที่้เพิ่มขึ้นจะขึ้นอยู่กับความรู้สึกเครียดของผู้ใช้และความปราถนาที่จะได้รับอิสรภาพ
ต้านทานความเจ็บปวด:
ระดับ:(A)
ยิ่งได้รับความเสียหายมากเท่าไหร่ ผลของสกิลที่มีต่อจิตใจก็จะยิ่งมากขึ้นตามความเสียหาย นี่ไม่ได้เป็นการยับยั้งความเจ็บปวด แต่จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่เสียสมาธิถึงแม้จะได้รับความเสียหายก็ตาม
พรแห่งอิกดราซิล:
ระดับ:(S)
การเชื่อมต่อของคุณกับ ‘พลังต้นกำเนิด’ ทำให้คุณสามารถพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับสกิลและความสามารถในการรักษาได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มอัตราความสำเร็จของผลผลิตจากการเล่นแร่แปรธาตุ ทำให้ผู้ใช้หลอมรวม ‘พลังต้นกำเนิด’ เข้าไปในสิ่งของได้
ม่านคุ้มภัยนักเดินทาง:
ระดับ:(S)
ปกป้องข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้จากการถูกเปิดเผยโดยสกิลที่มีระดับต่ำกว่าหากไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ใช้ ช่วยเพิ่มผลจากการซ่อนตัวและความสามารถที่เกี่ยวข้องกับการซ่อนตัว
*สกิลที่กำลังพัฒนา*
จิตวิญญาณฟื้นฟู:
ระดับ:(D)
เพิ่มอัตราการฟื้นฟูของพลังงานทางจิตและ ‘พลังต้นกำเนิด’
เคลื่อนย้ายบาดแผล:
ระดับ:(B)
เคลื่อนย้ายบาดแผลไปยังเป้าหมายที่ยินยอม เพิ่มอัตราการฟื้นฟูให้กับเป้าหมาย
หลังจากอ่านคำอธิบายของสกิลทั้งหมดแล้ว วาห์นก็เต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจว่าตนมีสกิลมากมายขนาดนี้ได้ยังไง เพราะเขามีค่าสถานะที่ต่ำมาก
“พี่สาว ทำไมผมถึงมีสกิลเยอะแยะไปหมดเลยแถมบางสกิลก็มีระดับที่สูงมากจนน่าเหลือเชื่อเมื่อเทียบกับเลเวลของผม”
(*‘ทลายพันธนาการ’ คือสิ่งที่แสดงถึง ‘ความปราถนา’ ของเธอที่ต้องการจะมีชีวิตอย่างอิสระและมีความสุข ตอนที่เธอได้รับ ‘เดอะพาธ’ มา มันได้มอบสกิลที่เท่าเทียมและเหมาะสมให้กับเธอในขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายไปยังโลกอื่น ‘ต้านทานความเจ็บปวด’ เป็นผลมาจากสภาพจิตใจและประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอ… เรื่องนี้ฉันขอไม่ลงลึกก็แล้วกัน ‘พรแห่งอิกดราซิล’ ดูเหมือนมันจะเป็นคำอวยพรที่เธอได้รับเมื่อเข้าสู่ ‘เรคคอร์ด’ จาก ‘พลังต้นกำเนิด’ ของโลกใบนี้ มันน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากในตอนที่เธอพยายามฝึกฝนให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นหรือตอนที่กำลังพัฒนาทักษะวิชาชีพ ‘ม่านคุ้มภัยนักเดินทาง’ เป็นสิ่งที่ ‘เดอะพาธ’ มอบให้เธอเพื่อเป็นสิ่งที่จะปกป้องตัวตนของเธอในฐานะผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนักนะวาห์น มันอาจจะเป็นอันตรายอย่างมากหากผู้คนรู้เข้าว่าเธอมาจากโลกอื่น ส่วนสำหรับ ‘จิตวิญญาณฟื้นฟู’ กับ ‘เคลื่อนย้ายบาดแผล’ สกิลทั้งสองอย่างนั้นดูเหมือนจะเป็นผลมาจาก —————————–*)
“อ้าว ข้อมูลบางส่วนหายไปอีกแล้ว สงสัยดวงวิญญาณของผมคงยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับรู้ข้อมูลเหล่านั้น” วาห์นถอนหายใจ
(*ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น ขอโทษด้วยนะ วาห์น*)
“ไม่เป็นไรครับ พี่สาว มันเหมือนกับเป็นการกระตุ้นให้ผมเติบโตและกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งมากขึ้น ดังนั้น หากสรุปตามที่พี่พูดมา… สกิลทั้งหมดของผมเป็นผลมาจากประสบการณ์ในอดีตของตัวผมเอง และดูเหมือนว่าจิตวิญญาณของผมยังคงเก็บรักษามันไว้หลังจากที่ผมกลับมาเกิดใหม่ที่โลกใบนี้ นอกจากนี้ ผมควรที่จะระวังเรื่องเปิดเผยความจริงที่ว่าผมเป็นผู้ที่มาจากโลกอื่น… ใช่ไหมครับ?” วาห์นถามออกไปในขณะที่กำลังทบทวนข้อมูลใหม่
(*ใช่แล้วล่ะ วาห์น สำหรับโลกระดับต่ำกว่าที่ไม่มีการติดต่อกับโลกอื่น มันเป็นเรื่องที่อันตรายมากหากข้อมูลของโลกใบนั้นถูกเปิดเผย ดูเหมือนว่าโลกใบนี้จะประกอบไปด้วยดินแดนห้าแห่ง แต่เหล่าประชากรผู้อยู่อาศัยจะรู้จักอยู่เพียงแค่สามดินแดนเท่านั้น หากเธอพยายามพูดเกี่ยวกับตัวตนของโลกใบอื่น มันจะเป็นการทำให้เกิดการตอบโต้จาก ‘กฎ’ ของโลก
วาห์นเงยหน้าขึ้นเมื่อพี่สาวพูดถึง ‘กฎ’ ของโลก
“ ‘กฎ’ ที่พูดนี่หมายความว่ายังไงเหรอพี่สาว? ใช่สิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นเพื่อช่วยในการดูแลโลกใบนี้หรือเปล่าครับ?”
(*เธอพูดถูกต้องแค่บางส่วนนะวาห์น ‘กฎ’ ของแต่ละ ‘เรคคอร์ด’ คือสิ่งที่รักษาเสถียรภาพของแต่ละ ‘เรคคอร์ด’ เอาไว้ แม้แต่เหล่าทวยเทพทั้งหลายต่างก็มีพันธะกับกฎเหล่านี้ และอาจไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมันด้วยซ้ำ พวกเขาสามารถใช้ ‘พลังศักดิ์สิทธิ์’ เพื่อเลียนแบบมาจากการทำงานของ ‘กฎ’ และ ส่งผ่านมันไปยังสิ่งมีชีวิตที่มีระดับวิญญาณต่ำกว่าได้ นั่นคือความแตกต่างที่ใหญ่หลวงที่สุดระหว่างมนุษย์ ลูกครึ่งเทพ และเทพภายใน ‘เรคคอร์ด’ ต่างๆ*)
วาห์นรู้สึกประหลาดใจเนื่องจากเทพบนโลกใบนี้เองก็ถูกจำกัดการใช้พลังเป็นอย่างมาก เขาสามารถเข้าใจได้ว่าการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์และชีวิตก่อนของเขาจะนำพามาซึ่งอันตรายใหญ่หลวงให้กับตัวเขาเอง หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายนาที เขาสาบานกับตัวเองว่าจะเก็บอดีตของตนให้เป็นความลับสุดยอด อย่างน้อยที่สุดก็จนกว่าที่เขาจะแข็งแกร่งพอที่จะทำลายข้อจำกัดของ ‘กฎ’ เหล่านั้นด้วยตนเองได้