Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 61
เสียงตะโกนทำให้วาห์นตื่นขึ้นจากอ้อมกอดของสึบากิ
เขายังคงรู้สึกงัวเงียบวกกับร่างกายที่แสนผ่อนคลายและเซื่องซึมแบบสุดๆ
จากมุมมองของตัวเอง เขามองเห็นลิลลี่ที่กำลังเบิกตากว้างอยู่ตรงประตู
เขาหาวขณะยืนขึ้นและออกจากออนเซ็นในขณะเดียวกับที่สึบากิเริ่มขยับเข้าไปหาลิลลี่ซึ่งกำลังชี้นิ้วที่สั่นระรัวมาทางเธอ
วาห์นเริ่มแต่งตัวช้าๆ ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
สึบากิจับตัวลิลลี่ที่กำลังโวยวายและดิ้นไปมาและเริ่มถอดเสื้อผ้าของเธอออก
ใบหน้าของลิลลี่เริ่มแดงก่ำขณะมองไปทางวาห์นอย่างเขินๆ
พอเห็นว่าเขาแค่ใส่เสื้อผ้าอย่างงัวเงียต่อไปแบบไม่สนใจ เธอก็รู้สึกเหมือนสมองไม่ทำงานและเปิดโอกาสให้สึบากิลอกคราบทุกอย่างออกหมดแบบไม่เหลือเลยสักชิ้น
ลิลลี่กรีดร้องและพยายามปกปิดร่างกายขณะที่สึบากิหัวเราะพลางลากเธอไปยังออนเซ็น
หลังจากแต่งตัวแล้ว วาห์นก็มุ่งหน้ากลับห้องเพื่อเตรียมตัวนอน
เขาเอนกายลงบนฟูกและกอดหมอนขนาดใหญ่ที่ได้รับมาเมื่อตอนกลางวัน
ไม่นานเขาก็หลับไปทั้งแบบนั้น
ในขณะที่กำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน เขาเริ่มกอดหมอนแน่นขึ้นราวกับว่ามันจะทำให้เขาได้รับความอบอุ่นมากกว่าเดิม
วาห์นหลับไปด้วยความรู้สึกที่ราวกับกำลังโหยหา ‘บางอย่าง’
—
วาห์นตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นเกือบสองชั่วโมงก่อนเวลาตื่นปกติ
เขาจ้องมองไปรอบห้องที่ยังไม่คุ้นเคยและเพิ่งนึกออกว่าตัวเองได้ย้ายมาอยู่กับสึบากิแล้ว
หลังจากคิดถึงเรื่องสึบากิ ภาพในฝันก็เริ่มผุดขึ้นมา…
หลังจากหลับไป วาห์นก็ฝันเห็นสึบากิสูง 3 เมตร กำลังหยอกล้อเขาขณะที่ตัวเองพยายามหลบหนีอย่างเปล่าประโยชน์
ไม่ว่าจะพยายามมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถดิ้นหลุดจากเงื้อมมือของเธอและเริ่มรู้สึกหมดหวัง
ขณะที่เขากำลังจะยอมแพ้ ร่างยักษ์นั่นก็นำเขาไปซุกไว้ตรงหว่างอกมหึมาและเขากลัวว่าตัวเองอาจหายใจไม่ออกตายก่อนจะถูกบดขยี้เสียอีก
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกหายใจไม่ออกนั้นกลับไม่ได้เกิดขึ้น
เขารู้สึกเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นไม่รู้จบซึ่งค่อยๆ ซึมซับไปทั่วร่างกาย
ความอบอุ่นนั้นทำให้รู้สึกสบายจนวาห์นเผลอหลับไปในความฝัน…
ความฝันแปลกๆ นั่นทำให้วาห์นยังอยู่ในสภาพงุนงงขณะที่เดินออกไปจากห้องเพื่อล้างหน้า
ลิลลี่จับได้ว่าเขาละเลยเรื่องสุขภาพในช่องปากมาตลอดและเธอก็เริ่มช่วยเขาสร้างนิสัยในการแปรงฟันก่อนจะเริ่มต้นวันใหม่
แม้วาห์นจะรู้สึกรำคาญในตอนแรก แต่เขาก็ชินกับมันอย่างรวดเร็วและเริ่มทำมันโดยไม่ต้องถูกบังคับทุกเช้า
ขณะที่กำลังออกจากห้องน้ำ เขาก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่ดังออกมาจากลานใกล้เคียง
เขาเดินตามหาต้นตอของเสียงและเห็นสึบากิกำลังกวัดแกว่งดาบคาตานะที่มีด้ามจับสีแดงเข้มอย่างดุดัน
การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งดูราวกับจะตัดผ่านความว่างเปล่าออกเป็นเสี่ยงๆ และยังสร้างลมหมุนรุนแรงไปทั่วร่างกายของเธอในขณะที่ใบมีดยังคงวาดลวดลายอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์
เมื่อเห็นสกิลและเทคนิคที่ไร้ใครเทียบเทียมของสึบากิ ความคิดที่มึนมัวของวาห์นก็ตื่นขึ้นทันที
เขาเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเธอ แต่ละกระบวนท่านั้นแฝงด้วยความตั้งใจที่นำไปสู่การเคลื่อนไหวชุดต่อไปอย่างลื่นไหล
วาห์นเกือบจะเปรียบเทียบ ‘ระบำดาบ’ นี้กับเทคนิคของตัวเอง แต่ก็รู้สึกว่าการทำเช่นนั้นจะเป็นการดูถูกทักษะอันน่าหลงใหลนี้มากเกินไป
เขายังคงเฝ้าดูต่อไปในความเงียบและกลัวว่าการเคลื่อนไหวหรือเสียงรบกวนนิดเดียวของเขาอาจทำให้บรรยากาศที่ไร้สิ่ง้จือปนหม่นหมองลง
ประมาณสิบนาทีก่อนที่เวลาฝึกของพวกเขาจะเริ่มขึ้น สึบากิก็จบ ‘ระบำดาบ’ ของเธอลง
เธอค่อยๆ เก็บดาบเข้าฝักก่อนจะคุกเข่าในความเงียบ
หลังจากลมหายใจของเธอสงบลงแล้ว เธอก็ยิ้มและพูดขึ้น
“ฉันไม่ชอบแสดงแบบมีคนดูเท่าไหร่หรอกนะ ดูแล้วเพลินดีไหมล่ะ?”
วาห์นพยักหน้าแบบไม่ต้องคิดและพูดสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของเขา
“งดงามมาก… มันไม่เหมือนอะไรที่ผมเคยเห็นมาก่อนเลย”
เขายังคงนึกถึงการเคลื่อนไหวซ้ำไปซ้ำมาในใจและพยายามเก็บมันไว้ใจความทรงจำอย่างเหนียวแน่น
ขณะที่ยังคงจ้องมองอย่างเหม่อลอย จู่ๆ วิสัยทัศน์ก็กลับตาลปัตรไปหมดและหน้าของเขาก็ลงไปจุ่มพื้นอย่างเช่นเคย
เขาล้มลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงและรู้สึกว่าอากาศกำลังหนีออกจากปอดขณะที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
เขามองไปทางสึบากิที่กำลังยืนท้าวเอวและหัวเราะเสียงดัง
“การฝึกจะเริ่มตรงเวลาทุกวัน ทำไมยังมัวแต่ยืนบื้ออยู่ทั้งๆ ที่ศัตรูมาอยู่ตรงหน้าแล้วล่ะ? ตอนนี้แต้มอยู่ที่ 3 ต่อ 101 แล้วนะ!”
ขณะที่กำลังพูดอย่างภาคภูมิ เธอก็หันไปทางผนังที่ติดกับลานกว้าง
จากมุมมองของวาห์น สึบากิหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนเดินออกมาจากด้านหลังผนังโดยหิ้วลิลลี่ไว้ใต้วงแขน
—
หลังถูกโยนเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง การฝึกก็เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง
สึบากินั้นไร้ความปราณีกับกับวาห์นและจับเขาโยนไปเรื่อยๆ ขณะที่ร่างของเขาเจ็บปวดราวกับถูกทรมานอย่างไม่รู้จบ
แต่เมื่อถึงคราวฝึกลิลลี่ เธอกลับแสดงความอ่อนโยนและอดทนกว่ามาก
ครั้งแรกที่วาห์นเห็นเธออธิบายอย่างถี่ถ้วนถึงท่าร่างและเทคนิคต่างๆ ให้ลิลลี่ฟัง เขาเกือบคิดไปว่าตัวเองยังคงฝันอยู่ ก่อนที่ความเจ็บปวดตรงแผ่นหลังจะปะทุขึ้นและทำให้เขาหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว
สึบากิใช้วิธีฝึกที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคล
เนื่องจากลิลลี่เป็นเผ่าพลูมและมีร่างกายขนาดเล็ก สึบากิจึงอยากช่วยเน้นพัฒนาด้านเทคนิคและความว่องไวแทน
หลังจากรู้เรื่องสกิลของลิลลี่ สึบากิก็เริ่มอธิบายถึงความสำคัญของการวางตำแหน่งต่อสู้และใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของศัตรู
เธอต้องการให้ลิลลี่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่สามารถใช้อาวุธได้หลายอย่างที่สัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมเพื่อชิงความได้เปรียบ
สำหรับวาห์นนั้น สึบากิสังเกตเห็นว่าเขามีพรสวรรค์มากจนน่าเหลือเชื่อ
เนื่องจากเขามีสัมผัสการรับรู้และความสามารถในการปรับตัวที่สูงมาก เธอจึงพยายามทำให้เขาพัฒนาสไตล์การต่อสู้ของตัวเองขึ้นมา
วิธีที่ว่าก็คือการต่อสู้กับวาห์นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายแล้วเขาก็จะเริ่มปรับตัวเข้ากับความเร็วของเธอได้อย่างช้าๆ รวมถึงการพัฒนาความสามารถในการป้องกันตัวไปได้อีกขั้น
สึบากิต้องการให้เขามีสัญชาตญาณในการปกป้องตัวเองจากอันตรายเพราะเธอเชื่อว่านั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาขาดมากที่สุดในตอนนี้
—
หลังจากฝึกอย่างหนักเป็นเวลาสองชั่วโมง วาห์นก็ถูกจับโยนไปทั้งหมดรวม 187 ครั้งแล้ว
เขาพยายามโจมตีสวนอยู่หลายครั้งและประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่เคยโจมตีถูกสึบากิเลยสักครั้ง
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้ทัน ‘แผนการ’ ของเขาและไม่ยอมลดความระวังตัวลงแบบวันก่อน
วาห์นรู้สึกหงุดหงิดมากเพราะเมื่อสึบากิหลบการโจมตีสวนแบบระยะเผาขนได้ เธอก็จะหัวเราะและเยาะเย้ยเขาซ้ำอีก
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า พวกเขาจึงหยุดพักทานอาหารเช้า
วาห์นถูกบังคับให้รอที่โต๊ะขณะที่สึบากิลากลิลลี่เข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหาร
ในขณะที่เขานั่งอยู่ในความเงียบ วาห์นเริ่มสงสัยว่าทำไมสึบากิถึงชอบลากลิลลี่ไปไหนมาไหนกับเธอด้วยเสมอ แต่เขาก็นึกหาเหตุผลไม่เจอ
มันอาจเป็นหนึ่งในนิสัยแปลกๆ ของสึบากิที่ชอบสิ่งน่ารักเพราะลิลลี่นั้นตัวเล็กและน่ารักมาก
วาห์นตัดสินใจฆ่าเวลาด้วยการตรวจสอบค่าสถานะและไอเท็มต่างๆ ของตัวเอง
ตัวค่าสถานะนั้นไม่ได้ขึ้นเร็วแบบเมื่อก่อนเพราะเขาไม่ได้ลงไปสำรวจดันเจี้ยนชั้นที่ลึกกว่ามาพักหนึ่งแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าพื้นฐานของเขากำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
————————————————————————-
[[สถานะ]]
ชื่อ: [วาห์น เมสัน]
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]
-เลเวล:2(2)
-พละกำลัง: 1001+(I38)->(H119)
-ความอดทน: 1108+(I51)->(G240)
-ความแม่นยำ: 887+(I41)->(H101)
-ความว่องไว: 940+(I40)->(H192)
-พลังเวท: 1611+(G244)->(E444)
ค่าสถานะรวมทั้งหมด: 5547+(414)->(1096)
ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)
[กรรม]: 931
[OP]: 78,090
[วาลิส]: 149,300
————————————————————————-
ค่าพลังเวทของเขาเติบโตเร็วกว่าค่าอื่นๆ อย่างเช่นเคยและสาเหตุคงมาจากการใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] อย่างต่อเนื่อง
ค่าความอดทนของเขาก็เพิ่มขึ้นเยอะกว่าค่าอื่นๆ เช่นกัน
วาห์นคิดว่าน่าจะเป็นเพราะผลจากสกิล [ร่างจตุรเทพ] รวมไปถึงการถูกสึบากิทรมานอย่างต่อเนื่อง
เขาสงสัยว่าหลังฝึกเสร็จ ร่างกายจะพัฒนาไปถึงขั้นที่ไม่มีทางบุบสลายเลยหรือเปล่า…
ไอเท็มที่เขากังวลมากที่สุดก็คือ [คัมภีร์เสริมสกิล: A] และ [ความปรารถนาของหัวใจ: เพลิงนิรันดร์] ที่เขาได้รับจากการเพิ่มค่าความชื่นชอบของ ‘เพลิงนิรันดร์’ จนเต็ม 100
เนื่องจากช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย เขาจึงลืมมันไปซะสนิทเลย
พอเปิดคำอธิบายขึ้นมาอ่าน วาห์นก็รู้สึกสับสนและหวาดหวั่นไปพร้อมๆ กัน
[ความปรารถนาของหัวใจ: เพลิงนิรันดร์]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: ทำให้ผู้ใช้มองเห็นความปรารถนาส่วนลึกของเป้าหมาย (เพลิงนิรันดร์) การเติมเต็มความปรารถนาดังกล่าวจะปลดล็อคค่าสถานะแฝงของเป้าหมาย
//คำเตือนจากระบบ: โปรดใช้ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ//
วาห์นไม่เข้าใจว่าเปลวเพลิงจะมีความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ได้ยังไง แต่ก็พอจำได้ว่ามันมีการแสดงออกที่รุนแรงมากขณะได้สัมผัสกับเขา
แม้จะดูไม่ฉลาดล้ำเลิศอะไร แต่มันก็มีความรู้สึกนึกคิดมากพอที่จะตอบสนองกับสภาพแวดล้อมและเข้าใจสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ในระดับหนึ่ง
หลังพิจารณาอย่างรอบคอบ วาห์นก็ตัดสินใจเพิกเฉยต่อคำเตือนจากระบบและ ‘ใช้’ ไอเท็ม
อากาศรอบตัวเขาดูเหมือนจะหยุดนิ่งและเวลาก็เริ่มเดินช้าลง
วาห์นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ขณะที่มีภาพมากมายถูกเล่นอยู่ในหัวของเขา
เขากำลังนอนอยู่ในเตาหลอมและมองขึ้นไปในความมืดโดยมีเพียงแสงจากตัวเองที่ส่องสว่างอยู่ในห้องที่ดูกว้างขวาง
ทันใดนั้นเอง จากภายในความมืดมิดทั้งปวง อาจเพราะมุมมองในตอนนี้ของเขาต่ำมาก วาห์นจึงเห็นใบหน้าของตัวเองที่ดูใหญ่กว่าปกติ
ใบหน้า ‘ใหญ่ๆ’ ของตัวเขาเองค่อยๆ ยื่นแขนออกมาขณะที่เปลวเพลิงเริ่มเคลื่อนที่ไปยังฝ่ามือนั่น
ภายในส่วนลึกของเปลวเพลิงนั้น วาห์นมองเห็นบางอย่างที่ดูคล้ายกับ… ตัวอ่อน?
ห้วงเวลารอบตัวเขาดูเหมือนจะกลับสู่สภาพปกติเมื่ออากาศที่ ‘หยุดนิ่ง’ เริ่มจางหายไป
วาห์นเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกครั้งและเริ่มไตร่ตรองภาพที่เห็น
เขาคิดว่านั่นคือมุมมองของ ‘เพลิงนิรันดร์’ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าความปรารถนาของมันคืออะไร
เปลวเพลิงที่ถูก ‘ตัวเขาอีกคน’ ถืออยู่น่าจะเป็นชิ้นส่วนของเพลิงนิรันดร์ที่แยกออกจากร่างหลักแต่พอตรวจดูภายในหัวใจของตัวเองก็กลับไม่เห็นอะไรที่ดูเหมือนตัวอ่อนเลย
เขาไม่รู้ว่าจะเติมเต็มความปรารถนาของเปลวเพลิงได้อย่างไรเพราะทุกอย่างที่เห็นดูคลุมเครือมาก
ทั้งหมดที่เขาสัมผัสได้ก็คือความคาดหวัง… และความสุข?
เพราะไม่เข้าใจความหมายของภาพพวกนั้นเท่าไหร่ เขาจึงตัดสินใจเก็บมันไว้ก่อนจนกว่าจะได้คุยเรื่องนี้กับเฮเฟสตัส
วาห์นมั่นใจว่าเธอคงยินดีช่วยเหลือเขาเมื่อการฝึกนี้เสร็จสิ้นลง
สำหรับตอนนี้ เขาตัดสินใจคิดเรื่องการใช้คัมภีร์เสริมสกิลเพราะถ้าปล่อยมันทิ้งไว้แบบนี้ก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไร
วาห์นได้ทำการเปรียบเทียบประโยชน์ของสกิลที่มีอยู่ ในขณะเดียวกันก็ดูร้านค้าเพื่อหาสิ่งที่อาจมีประโยชน์ในอนาคต
วาห์นคงซื้ออะไรไปหลายอย่างแล้วหากไม่ใช่เพราะภารกิจปัจจุบันที่จำกัดการใช้ OP ของเขา
สัมผัสน่าสะพรึงกลัวที่พบเมื่อหลายวันก่อนยังคงตราตรึงอยู่ในใจของเขาและทุกๆ อึดใจดูเหมือนจะดึงเขาเข้าไปใกล้ภัยอันตรายที่ซ่อนเร้นมากขึ้นทุกที
ในขณะที่เขากำลังตกอยู่ในความกังวล ประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นลิลลี่และสึบากิที่กำลังถือหม้อขนาดใหญ่เข้ามา
หลังจากนั่งลงแล้วสึบากิก็เปิดหม้อออก ส่งผลให้กลิ่นหอมหวนที่วาห์นคุ้นเคยเริ่มแพร่กระจายไปทั่วห้อง
สึบากิทำข้าวผัดให้กับพวกเขาเป็นครั้งที่สามติดต่อกัน…
“คุณสึบากิ ทำไมถึงทำแต่ข้าวผัดล่ะครับ?”
แม้ไม่สนใจที่จะได้ทานมันอีกครั้ง แต่วาห์นก็ตัดสินในถามเรื่องที่ค้างคาในใจออกไป
หลังจากถามออกไปแล้ว เขาก็เริ่มทานอาหารแสนอร่อยก่อนจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศมืดมนที่กระจายออกไปทั่วห้อง
เขาหยุดทานกลางคันและหันไปทางตัวต้นเหตุ
สึบากิมีสีหน้ามืดมนจนใบหน้าครึ่งบนหายเข้าไปอยู่ในความมืด
‘รอยยิ้ม’ ที่เธอแสดงออกมาแทบตลอดเวลา บัดนี้มันกลับบิดเบี้ยวอย่างสยดสยองขณะที่เธอหัวเราะแบบตายๆ
เสียงหัวเราะน่าขนลุกเริ่มดังไปทั่วห้องและมันต่างจากเสียงหัวเราะร่าเริงที่วาห์นคุ้นเคยอย่างลิบลับ
ลิลลี่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศอันตึงเครียดจึงกระซิบไปหาวาห์นด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่สุด
“วาห์น… ท่านสึบากิไม่รู้วิธีการทำอย่างอื่นนอกจากข้าวผัดน่ะ อย่างอื่นที่ทำไว้ ถ้าไม่ดำเป็นตอตะโกก็กินไม่ได้เลย…”
แม้จะพยายามลดเสียงลงสุดๆ แล้ว แต่เงาบนใบหน้าของสึบากิก็มืดลงกว่าเดิมขณะที่หูเริ่มกระตุก
เพราะประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นในฐานะนักรบและปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก เธอจึงได้ยินเสียงพึมพำของลิลลี่ได้อย่างชัดเจน
เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง เธอก็มองไปที่ทั้งสองซึ่งจ้องมองเธออย่างหวาดกลัว
“ทานให้เยอะๆ นะ เรายังมีการฝึกสนุกๆ และน่าตื่นเต้นเหลืออีกแยะเลย…”
เธอเริ่มหัวเราะอย่างชั่วร้ายขณะที่เด็กทั้งสองทำช้อนส้อมหล่นพร้อมกัน
วาห์นมองดูอาหารราวกับว่านี่คือมื้อสุดท้ายในขณะที่ลิลลี่เริ่มตัวสั่นเทาเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อกี้
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘วิญญาณแห่งเปลวเพลิงที่เต้นตึกตัก’, ‘ไซคลอปส์ยอดนักปรุง’, ‘อย่าได้ประมาทเลเวล 5 เด็ดขาด’)
—————