Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 62
ทั้งสามยังคงทานอาหารเช้าแบบเงียบๆ ต่อไป
วาห์นทานช้ากว่าปกติมาก ส่วนลิลลี่ก็แทบไม่ได้แตะต้องอะไรเลย
เธอยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจบนที่นั่งของเธอในขณะที่มองประตูเป็นระยะราวกับพยายามตัดสินใจบางอย่าง
สึบากิซึ่งอยู่ใกล้กับทางออกมากที่สุดเพียงแค่ส่งรอยยิ้มที่ดู ‘อ่อนโยน’ ให้กับเธอขณะทานอาหารอย่างเพลิดเพลิน
หลังจากมื้อเช้าจบลง สึบากิก็เก็บจานทั้งหมดและบอกให้วาห์นกับลิลลี่ไปรอในพื้นที่ฝึก
วาห์นพยักหน้าหงึกๆ เป็นการตอบรับ
เมื่อสึบากิออกจากห้องไปแล้ว ลิลลี่ก็ขยับเข้ามาใกล้วาห์นอย่างร้อนรน
“วาห์น เรารีบหนีกันเถอะ! หนีเข้าไปอยู่ในดันเจี้ยนกันจนกว่าพายุจะสงบ ตอนนี้ที่ไหนๆ ก็ปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่!”
ลิลลี่ดูเหมือนจะกลัวสึบากิมากจนวาห์นสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอกันแน่
—
ในคืนก่อนหน้านั้น…
มีเสียงสองเสียงดังขึ้นและทำลายความเงียบสงบยามค่ำคืนจนหมดสิ้น
เสียงๆ หนึ่งคล้ายกับเสียงหัวเราะของปีศาจชั่วร้ายที่กำลังสนุกไปกับความทุกข์ทรมานของ ‘เหยื่อ’
เสียงที่สองนั้นร้องระงมแทบตลอดคืนราวกับหวังว่าจะได้รับการปลดปล่อยจากความทรมาน
ผู้คนที่สัญจรไปมาจ้องมองไปทางกำแพงไม้ไผ่สูงด้วยสีหน้าสุดสยองก่อนจะรีบเผ่นให้ห่างจากเสียงโหยหวนที่หลุดลอยออกมา
ใกล้ๆ เสียงร้องนั้นกลับมีเด็กหนุ่มที่กำลังนอนหลับสบายอยู่ในห้องใกล้เคียง…
—
สุดท้ายวาห์นก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ฝึกโดยมีลิลลี่เดินตามหลังมาแบบฝืนๆ
เพื่อไม่ให้โดนเล่นงานทีเผลอ วาห์นจึงหาจุดที่เขาสามารถมองเห็นทางเดินได้ทั้งหมดก่อนจะเริ่มยืดเส้นยืดสายอยู่ตรงนั้น
หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง ลิลลี่ก็ถอนหายใจและเริ่มทำตาม
เธอค่อนข้างมั่นใจว่าการหลบหนีนั้นไม่มีทางไปได้ และเชื่อว่าการระวังตัวไว้ก่อนแบบวาห์นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้
หลังจากผ่านไปสิบนาที สึบากิก็ปรากฏตัวขึ้นและพยักหน้าหลังจากเห็นการเตรียมตัวอย่างจริงจังของทั้งสองคน
ออร่ามืดมนจากก่อนหน้านี้เริ่มจางหายไปและรอยยิ้มที่ไร้ความกังวลของเธอก็หวนกลับมาอีกครั้ง
วาห์นและลิลลี่ต่างรู้สึกยินดีที่เห็นว่าเธอ ‘สงบลง’ แล้วแต่หลังได้ยินสึบากิอธิบายเมนูการฝึกต่อไปของพวกเขา แม้แต่วาห์นก็ยังอยากวิ่งหนีไปให้ไกลๆ…
สึบากิได้ลิลลี่ตั้งท่ากางขาออกและย่อลำตัวลงให้เหมือนกับกำลังขี่ม้าในขณะที่ยืนอยู่บนฐานไม้ไผ่ขนาดเล็กโดยให้กาลแขนทั้งสองออกไปด้านข้างและอยู่ในระดับขนานกับพื้น
ในมือแต่ละข้างและบนหัวของเธอนั้นจะมีแผ่นเหล็กบางๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นถาดวางถ้วยใส่น้ำจำนวนหลายถ้วย
งานของเธอก็คือการย้ายถ้วยน้ำจากแผ่นเหล็กหนึ่งไปยังอีกแผ่นโดยห้ามทำน้ำหกแม้แต่นิดเดียว
เพื่อให้งานนี้ยากยิ่งขึ้น สึบากิจะถามคำถามเกี่ยวกับมอนสเตอร์และระบบนิเวศของพวกมัน
หากลิลลี่ตอบผิดหรือใช้เวลาตอบนานเกินไป สึบากิก็จะใช้แปรงจั๊กจี้บริเวณใต้แขนเธอ
สำหรับการฝึกของวาห์น สึบากิให้เขายืนอยู่ตรงกลางเครื่องฝึกที่เต็มไปด้วยไม้ไผ่และเชือก
ไม้ไผ่แต่ละท่อนจะถูกถ่วงน้ำหนักไว้ด้านในและผูกติดกับเชือก ตัวเชือกนั้นจะติดอยู่กับกลไกที่จะค่อยๆ ดึงไม้ไผ่ออกไปที่ความสูงระดับต่างๆก่อนที่มันจะถูกปล่อยใส่คนที่อยู่ตรงกลาง
เพื่อเพิ่มระดับความยาก สึบากิให้วาห์นสวมผ้าปิดตาและมัดแขนทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยกันในลักษณะไขว้หลัง
เธอบอกให้เขาลดระยะเขตแดนให้มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้และวางหินหลายก้อนไว้ตรงรอบๆ เท้าของเขา
เขาไม่เพียงแต่จะต้องพุ่งสมาธิไปกับการหลบหลีกการโจมตีแบบสุ่มจากไม้ไผ่เท่านั้น แต่ยังต้องหลีกเลี่ยงการเหยียบก้อนหินแหลมคมด้วยเท้าเปล่าๆ อีกด้วย…
สำหรับวาห์นนั้นการฝึกนี้ ‘ง่ายกว่า’ ที่เขาคาดไว้เล็กน้อยแม้ว่าจะพลาดพลั้งไปบ้างก็ตาม
เขาปรับตัวเข้ากับการโจมตีที่มองไม่เห็นได้อย่างรวดเร็วและสามารถหลบเลี่ยงมันได้กว่า 10 ครั้งติดต่อกัน
เมื่อมาถึงตรงนี้ จู่ๆ หูของเขาก็ได้ยินเสียง ‘คลิก’ เบาๆ
หลังจากมีเสียงแปลกๆ นั่นออกมา ไม้ไผ่ก็ดูเหมือนจะเพิ่มจำนวนและความถี่ขึ้นอีกจนวาห์นเริ่มรู้สึกเหงื่อตกในขณะที่ยังคงหลบหลีกไปมาอย่างสิ้นหวัง…
สึบากิที่เพิ่งทรมานลิลลี่เสร็จเห็นว่าวาห์นปรับตัวได้เร็วกว่าที่เธอคาดไว้มาก
เธอเดินไปยังอุปกรณ์ฝึกและปรับแต่งกลไกของมันเล็กน้อย
นั่นทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้นและเริ่มเร็วกว่าเดิม จากที่มีทั้งหมด ‘10’ ระดับ ตอนนี้เธอเพิ่งจะปรับให้มันเป็นเบอร์ ‘2’
—
หลังจากผ่านพ้นชั่วโมงที่ยาวนานและแสนทรมาน วาห์นกับลิลลี่ก็มาถึงสุดสิ้นสุดของการฝึกในวันนี้
ลิลลี่รีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างตื่นตระหนกในขณะที่วาห์นนอนแผ่ลงกับพื้นทันที
ร่างของเขาเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำที่แม้แต่สกิลฟื้นฟูมากมายก็รักษาให้ไม่ทัน
ในช่วงครึ่งทางของการฝึก พอเริ่มปรับตัวให้เข้ากับความเร็วระดับใหม่ได้ เขาก็ได้ยินเสียง ‘คลิก’ เป็นครั้งที่สองและเริ่มโดนไม้ไผ่อัดยับ
สึบากิเดินเข้าไปหาวาห์นและส่งน้ำให้กับเขา
“เธอทำได้ดีแล้ว ตอนนี้เธอน่าจะหลบการโจมตีจากคนที่เพิ่งขึ้นเลเวล 2 ได้โดยไม่ต้องมองการโจมตีด้วยซ้ำ”
วาห์นหยิบน้ำขึ้นมาดื่มขณะที่สึบากิชมเชยเขา หลังค้นพบว่าเครื่องฝึกมีอยู่ 10 ระดับ เขาก็เริ่มสงสัยว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนหลังจากที่ฝ่าพวกมันทั้งหมดไปได้
หลังจากได้พักเวลาเวลาสั้นๆ สึบากิก็พาวาห์นและลิลลี่ที่กลับมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าซีดจางไปที่ห้องทำงานของเธอ
ตัวห้องนั้นมีแสงสลัวคล้ายกับโรงหลอมส่วนใหญ่พร้อมทั้งมีเครื่องมือและวัสดุหลากหลายวางอยู่บนชั้นวางของอย่างเรียบร้อย
ที่ด้านข้างของโรงหลอมใกล้กับประตูจะมีชั้นหนังสือมากมายที่เต็มไปด้วยหนังสือหลายหลายหัวข้อเช่นสมุนไพร, ระบบนิเวศของมอนสเตอร์, วัตถุดิบ, การตีเหล็กหรือแม้กระทั่งหนังสือที่เกี่ยวข้องกับทวยเทพและตำนานต่างๆ
“ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงบ่ายสองของทุกวัน พวกเธอจะอยู่ที่นี่เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะต่างๆ
วาห์นจะเน้นไปที่การเรียนรู้พื้นฐานของการตีเหล็กเป็นหลัก ในขณะที่ฉันจะให้ลิลลี่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในช่วงที่เธอไม่ได้ค้นคว้างานวิจัยที่ฉันมอบหมายให้ทำ
หลังบ่ายสองเป็นต้นไปจะเป็นเวลาอิสระซึ่งพวกเธอจะไปทำอะไรก็ได้จนจบวัน
ตอนนี้ฉันอาจจะปิดรับลูกค้าใหม่ แต่ก็ยังมีสัญญาว่าจ้างต่างๆ ที่ยังต้องปฏิบัติตาม
ถ้าพวกเธอจะลงไปสำรวจดันเจี้ยนกันก็ดูเวลาดีๆ และกลับมาให้ถึงที่นี่ก่อนสี่ทุ่ม จากนี้ไปนั่นจะเป็นเคอร์ฟิวสำหรับเธอทั้งคู่”
สึบากิอธิบายอย่างละเอียดในขณะที่กำลังจัดกองหนังสือไว้บนโต๊ะ
เมื่อพูดจบ เธอก็มองไปที่ทั้งสองและตะโกนออกมา
“เข้าใจแล้วใช่ไหม!?”
“ครับ!/ค่ะ ท่านสึบากิ!”
ทั้งวาห์นและลิลลี่ต่างตอบเสียงดังตามบรรยากาศที่ตึงเครียด
สึบากิพยักหน้าให้และเริ่มสอนวาห์นเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับวัตถุดิบในขณะที่ให้ลิลลี่อ่านหนังสือที่เตรียมไว้ไปก่อน
เพราะยังไม่เห็นทักษะของวาห์นเลย สึบากิจึงให้เขาลองหลอมเหล็กธรรมดาๆ หนึ่งก้อน
วาห์นพยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบก้อนโลหะสีเทาอมน้ำตาลขึ้นมา
เขานั่งลงข้างๆ เตาหลอมและเริ่มทำตามกระบวนการ แต่ก็สังเกตได้อย่างรวดเร็วว่ามีความแตกต่างเมื่อเทียบกับโลหะเวทมนตร์ที่เคยทำจากสามครั้งก่อนหน้านี้
ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดก็คือคุณภาพของ ‘เปลวเพลิง’ ที่เขาใช้
เนื่องจากเขาเคยแต่หลอมโลหะจาก ‘เพลิงนิรันดร์’ ซึ่งสามารถละลายแร่ได้แบบสบายๆ วาห์นจึงไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานกับเปลวเพลิงทั่วไปมาก่อน
อุณหภูมิของเตาหลอมดูเหมือนจะไม่ค่อยคงที่นักและเขายังต้องพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้โลหะได้รับความร้อนอย่างทั่วถึงแม้จะใช้ [จิตแห่งราชัน] เข้าช่วยแล้วก็ตาม
จากด้านข้าง สึบากิพยักหน้าขณะพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ดูเหมือนว่าเธอยังเป็นมือใหม่อยู่นะ
แม้แร่เหล็กจะง่ายต่อการหลอมแต่เพราะมีปฏิกิริยาที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับโลหะเวทมนตร์ มันจึงเป็นการยากที่จะหลอมมันโดยใช้เทคนิคปัจจุบันของเธอ
เธอต้องเรียนรู้คุณสมบัติของโลหะต่างๆ ใหม่ตั้งแต่แรกรวมไปถึงวิธีการขึ้นรูปโดยใช้วิธีทั่วไป”
วาห์นพยักหน้าช้าๆ ขณะที่ยังคงหลอมแร่เหล็กต่อไป
เขามีความรู้ทางทฤษฎีมากมายจากคู่มือที่ซื้อมา แต่พบว่าตัวเองยังขาดประสบการณ์อยู่มาก
เนื่องจาก ‘เพลิงนิรันดร์’ นั้นแรงกว่าเปลวเพลิงปกติหลายเท่าและแม้มันจะอยู่ในช่วงที่พยายามต่อต้านเขา มันก็ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าเปลวเพลิงปกติอยู่มาก
พอนึกถึง ‘เพลิงนิรันดร์’ หัวใจของวาห์นก็เริ่มเต้นราวกับจะตอบสนองต่อความคิดของเขา
เมื่อสัมผัสได้ถึงปรากฏการณ์ดังกล่าว วาห์นก็เริ่มฟังเสียงหัวใจเต้นและรู้สึกว่าอุณหภูมิของเลือดในกายเขาเริ่มสูงขึ้นแบบผิดปกติ
จิตใจของเขาสงบลงและความร้อนทั้งหมดจากเตาหลอมดูเหมือนจะมลายหายไป
ในขณะที่วาห์นเปิดตาขึ้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่เปล่งออกมาจากแขนข้างที่กำลังถือค้อนอยู่
เขายกค้อนขึ้นและพบว่าวงจรเวทมนตร์นั้นเริ่มทำงานอย่างเต็มที่และส่วนที่เป็นผลึกของค้อนก็เปล่งประกายด้วยแสงสีทองอันอบอุ่นและสว่างไสวเล็กน้อย
เขายิ้มขณะกำลังอาบแสงที่ดูสงบและเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกของเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย
สึบากิรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็นมากและแม้ร่างกายจะทนต่อความร้อนได้ดี เธอก็เริ่มเหงื่อออกขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
อุณหภูมิจากค้อนที่วาห์นถืออยู่ในตอนนี้นั้นน่าเหลือเชื่อมาก
มันร้อนยิ่งกว่าเปลวเพลิงในเตาหลอมซะอีกและสึบากิก็จำที่เฮเฟสตัสเล่าได้ว่าวาห์นได้รับ ‘เพลิงนิรันดร์’ มาเป็นลูกน้องแล้ว
เธอถอดที่ปิดตาออกจากตาซ้ายของเธอและเผยให้เห็นแสงสีแดงที่เริ่มเปล่งออกมาจากตาข้างดังกล่าว
วาห์นเริ่มรวบรวมสมาธิและใช้ค้อนของเขาเพื่อทำงานต่อ
การตีแต่ละครั้งนั้นจะสร้างแสงสีแดงออกมาเป็นทางและยังเป็นการรวบรวมพลังงานธาตุไฟเข้าไปในตัวโลหะด้วย
โลหะเริ่มร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้วาห์นสามารถควบคุมกระบวนการต่างๆ ได้มากขึ้น
เขาดำเนินการต่อไปจนกระทั่งเหลือแร่ประมาณ 80% แล้วจึงทำการขึ้นรูปโลหะต่อทันที
เนื่องจากคุณสมบัติ ‘การเผาไหม้’ ของตัวค้อน เขาจึงไม่จำเป็นต้องใส่มันกลับเข้าไปในเตาหลอมและสามารถขึ้นรูปมันให้เป็นแท่งโลหะได้อย่างรวดเร็ว
พอทำเสร็จแล้ว เขาก็รอฟังข้อเสนอแนะจากสึบากิ
วาห์นหันมาหาและเห็นว่าเธอกำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาสองข้างแทนที่จะเป็นแค่ข้างเดียว
พอเห็นว่าเขาจบกระบวนการแล้ว สึบากิก็ยิ้มให้เขาอย่างร่าเริงและใส่ผ้าปิดตาอีกครั้ง
“สุดยอดเลย! เอาจริงๆ เลยนะ เธอมีพรสวรรค์ด้านการตีเหล็กมากจนน่ากลัว! แสงจากค้อนนั่นเป็นผลมาจาก ‘เพลิงนิรันดร์’ ที่ผสานเข้ากับร่างของเธอใช่ไหม?”
วาห์นพยักหน้าแบบยิ้มๆ เพราะได้รับคำชม
เขาเริ่มอธิบายการทำงานของ ‘เพลิงนิรันดร์’ และการที่มันทำให้เขาผสานคุณสมบัติธาตุไฟลงในการ ‘โจมตี’ ทั้งหมดได้ด้วย
เนื่องจากค้อนอันนี้สามารถรับมานาได้ มันจึงช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่ออกมาให้ดียิ่งขึ้นและเกือบทำให้เขาไม่ต้องใช้เตาหลอมในการหลอมเหล็ก
(TL: วิธีนี้ใช้ได้เพราะกับไอเท็มระดับต่ำมากเท่านั้น วัตถุประสงค์ของเตาหลอมก็คือการรักษาความร้อนอย่างสม่ำเสมอและป้องกันไม่ให้ความร้อนกระจายออกไปทั่วห้องแทน หากวาห์นพยายามสร้างไอเท็มตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม โลหะที่ใช้ไปก็จะเสียเปล่าแน่นอน! อุณหภูมิที่สม่ำเสมอจะทำให้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงกว่าเดิมมาก~! ผู้เขียนไม่ใช่มืออาชีพแต่ก็เคยคุมเครื่องจักร/ตีเหล็ก/หล่อโลหะมาก่อนครับ~)
ในขั้นตอนต่อไป สึบากิก็เริ่มสาธิตวิธีการทำงานกับวัสดุที่ไม่ใช่โลหะ
มอนสเตอร์จะดรอปของหลายประเภทเช่นกระดูก เขี้ยว และกรงเล็บ ซึ่งแต่ละอย่างจะมีกระบวนการที่เป็นเอกลักษณ์และวาห์นก็เรียนรู้เรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
คู่มือบางส่วนที่เขาได้จากร้านค้านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิธีการหลอมในดันมาจิ ดังนั้นเขาจึงสามารถจับคู่วิธีการใช้งานจริงเข้ากับทฤษฎีในหัวของเขาได้
สึบากิรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเขา ‘เรียนรู้’ ได้เร็วแค่ไหนแถมยัง ‘จดจำ’ สิ่งที่สอนไปได้อย่างดี
เธอยังคงให้คำปรึกษาและเฝ้าดูเขาทำงานกับวัตถุดิบแต่ละอย่างไปเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คือ แม้เขาจะทำบางชิ้นออกมาได้ไม่ดีนักแต่จุดที่ทำผิดพลาดไปก็ไม่ได้ทำให้ผลงานถึงกับล้มเหลว
หากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่วาห์นต้องการคือเวลาและสักวันเขาจะกลายเป็นช่างตีเหล็กที่ยิ่งใหญ่มาก
สึบากิอดใจรอไม่ไหวที่จะเปิดตัวไอเท็มที่เขาสร้างและไปคุยโม้ต่อว่าอัจฉริยะคนนี้คือลูกศิษย์ของเธอเอง
จากด้านข้าง ลิลลี่นั่งอ่านหนังสือและจดบันทึกข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เกี่ยวกับปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงภายในดันเจี้ยน
แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการตีเหล็กมาก่อน แต่เธอก็พอเข้าใจหลังจากสังเกตความตื่นเต้นของสึบากิและรู้ว่าวาห์นมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก
หากเธอต้องการไล่ตามและยืนเคียงข้างเขา เธอต้องพยายามอย่างเต็มที่โดยใช้พลังของเธอเอง
สำหรับตอนนี้ เธอจะจดจำทุกอย่างในหนังสือพวกนี้ทั้งหมดและเรียนรู้ให้มากที่สุดเพื่อวันข้างหน้า
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘แน่ใจนะว่านั่นมันเปลวเพลิง?’, ‘ไซคลอปส์สองตา’, ‘เพลิงนิรันดร์นี่แหละเมียหลวงตัวจริง’, ‘อยู่นิ่งๆ สิ มือขวาของข้า!’)