Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 64
ตอนที่วาห์นตัดแขนของตัวเองออก ประสาทรับความเจ็บปวดในร่างกายของเขาก็เริ่มส่งเสียงเตือนออกมา
ความเจ็บปวดนั้นเกือบทำให้เขาหมดสติ แต่ [ร่างจตุรเทพ] ก็ทำงานขึ้นและป้องกันเขาไม่ให้เขาสลบไป
เนื่องจากร่างกายได้รับความเสียหายอย่างหนัก รูปร่างของเขาจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยและแผลตรงส่วนแขนก็เริ่มสมานเข้าด้วยกัน
ก่อนที่สกิลของเขาจะทำงานอย่างสมบูรณ์ วาห์นก็เริ่มแผนส่วนที่สองของตน
เขาหายใจออกก่อนที่จะสูดหายใจเข้าแรงๆ และเปิดใช้งาน [เคลื่อนย้ายบาดแผล] กับหญิงสาวที่ยังไม่รู้สึกตัว
แสงสีแดงเริ่มปรากฏออกมาจากร่างกายของเธอขณะที่บาดแผลเริ่มหายอย่างรวดเร็ว โชคดีที่แขนของเธอเริ่มงอกออกมาใหม่ด้วยเช่นกัน
ขณะที่บาดแผลเริ่มซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเขา วาห์นก็คุกเข่าลงโดยใช้แขนที่เหลืออยู่ข้างเดียวประคองตัวเองเอาไว้
ทุกส่วนที่ถูกแสงสาดส่องก็เริ่มเกิดแผลสดและรอยฉีกขาดมากมาย
ความเจ็บปวดนั้นมากเหลือคณานับ ถึงขนาดที่เขาอยากจะสลบแต่ก็ทำไม่ได้
เขาไม่สามารถพึ่งสกิล [ร่างจตุรเทพ] เพื่อลดความเจ็บปวดได้เพราะการใช้สกิลจะทำให้เขาแปลงร่างและเป็นการปิดแผลที่แขนถูกตัดออกไป
วาห์นอาเจียนออกมาเมื่อเกิดแผลภายในช่องท้องของเขา
เลือดเริ่มไหลออกมาอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ยังคงรักษาสติของตัวเอาไว้ได้
เขาสังเกตเห็นว่าแขนเริ่มฟื้นฟูอย่างช้าๆ และรู้ตัวว่าไม่อาจรอให้กระบวนการรักษาเสร็จสิ้นก่อนจะสลบไปได้
วาห์นใช้ [คัมภีร์เสริมสกิล] ม้วนสุดท้ายและเพิ่มระดับสกิล [เคลื่อนย้ายบาดแผล] จากระดับ B ไป A
การเพิ่มขึ้นของระดับสกิลส่งผลในทันทีและวาห์นก็มองเห็นแขนที่งอกออกมาด้วยความเร็วมากกว่าเดิม
โชคยังดีที่การเพิ่มระดับสกิลยังมีผลช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ด้วย ดังนั้นวาห์นจึงสามารถทนได้จนจบกระบวนการ
ตอนนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุดในแผนของเขา ดังนั้นการหมดสติจึงไม่มีอยู่ในตัวเลือก
เขาหยิบแขนของตัวเองที่ตัดออกขึ้นมาจากพื้นแต่ก็ต้องทิ้งมันลงไปเนื่องจากมีแรงกระแทกจากด้านหลัง
วาห์นกระอักเลือดออกมาเต็มปากขณะที่เขาหันกลับไปและเห็นฟร็อกชูตเตอร์ที่เพิ่งยิงลิ้นของมันใส่แผ่นหลังของเขา
เขารู้สึกได้ว่าซี่โครงหักไปหลายซี่แต่ก็ยังสามารถเปิดใช้สกิล [จิตแห่งราชัน] ได้ทันท่วงทีหลังจากที่มันหยุดทำงานไปในตอนเขากำลังทุรนทุรายเพราะความเจ็บปวด
วาห์นนำมีดสั้นที่เขาได้รับตอนมาที่โลกใบนี้เป็นครั้งแรกออกมาและขว้างมันไปที่ดวงตาของมอนสเตอร์
ขณะที่มันทะลุผ่านร่างของมอนสเตอร์ไปแล้ว มีดสั้นก็ยังคงพุ่งต่อไปจนกระทั่งปักลงบนกำแพงดันเจี้ยนอย่างรุนแรง
เนื่องจากใช้แรงไปพอสมควรทั้งๆ ที่สภาพร่างกายยังไม่สู้ดีนัก วาห์นจึงเกือบล้มลงและอาเจียนเอาเลือดออกมาอีกครั้ง
เขารีบไปยังตำแหน่งที่ทำแขนตกและประกบมันเข้ากับส่วนที่มันเคยอยู่
เนื่องจากไม่สามารถทำอะไรต่อได้ด้วยมือข้างเดียว วาห์นจึงต้องนอนลงกับพื้นถัดจากแขนข้างที่ถูกตัด
เขานำคทา [ฟื้นฟู] ออกมาจากช่องเก็บของและเริ่มส่งพลังงานเข้าไปอย่างเต็มที่
วงแหวนเวทขยายออกไปประมาณ 5 เมตรรอบตัววาห์นและเริ่มรักษาบาดแผลบนร่างกายของเขา
แขนของเขาซึ่งยังคงไม่สมานเข้ากับร่าง ก็อยู่ในสงแหวนเวทนี่ด้วย
ครู่ต่อมา ชิ้นส่วนที่ถูกตัดออกจากกันก็ค่อยๆ พยายามสมานเข้าหากัน
ขณะที่เนื้อหนังเริ่มฟื้นตัว เขาก็เริ่มส่งพลังงานอย่างเต็มรูปแบบเข้าไปใน [พรแห่งอิกดราซิล] [ร่างจตุรเทพ] และ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์]
สกิลทั้งสามร่วมไปถึงเวท [ฟื้นฟู] เริ่มรักษาเนื้อเยื่อที่ได้รับความเสียหายขณะเดียวกับที่เปลี่ยนแปลงร่างกายของเขาไปด้วย
วาห์นสัมผัสได้ว่ากล้ามเนื้อในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเลือดที่ ‘ร้อนระอุ’ สูบฉีดผ่านเส้นเลือดของตน
เริ่มมีขนงอกออกมาจากแขนและขารวมไปถึงส่วนแขนที่ขาดไปก่อนหน้านี้ด้วย
ผมที่อยู่บนหัวของเขายาวขึ้นเล็กน้อยและเขายังรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่เฉียบคมขึ้นกว่าแต่ก่อน แถมยังรู้สึกอึดอัดอย่างประหลาดตรงส่วนกระดูกก้นกบ
หลังจากที่ทนทรมานอยู่หลายวินาที ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ ลดลงและวาห์นก็รู้สึกสงบมากขึ้น
ความเจ็บปวดถูกบรรเทาลงจากผลของ [ร่างจตุรเทพ] และทำให้เขายืนขึ้นได้อีกครั้ง
เขาลองขยับแขนขวาไปรอบๆ และแม้ว่ายังมีอาการชาแบบประหลาดๆ อยู่ เขาก็สามารถขยับและรู้สึกถึงนิ้วมือได้ครบทุกนิ้ว
หลังจากนั้น เขาก็สำรวจที่มาของความอึดอัดตรงส่วนหลังและพบว่ามันคงเป็นผลมาจากสกิลของเขาเอง ที่ทำให้เขางอกหางสีเทาอ่อนพร้อมกับลวดลายสีขาวออกมา
วาห์นไม่มีกางเกงที่มีรูให้หางลอดผ่าน ดังนั้นเขาจึงซื้อมันจากระบบ
โชคดีที่ระบบดูเหมือนจะคำนวณเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเขาไว้แล้วและยอมให้เขาซื้อกางเกงแบบเดิมแต่มีรูให้หางผ่านออกไปได้
จากการตรวจสอบร่างกายส่วนที่เหลือ วาห์นพบว่าที่แขนและขาของตนมีขนสีเทาอ่อนและลวดลายสีดำงอกขึ้นมาอย่างหนาแน่น
มือของเขากลายเป็นกรงเล็บแม้ว่ามันจะยังมีรูปลักษณ์เป็นมือของมนุษย์อยู่ก็ตาม
สิ่งที่เขาพบว่าประหลาดที่สุดคือ ผิวหนังที่เหมือนแผ่นรองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือและปลายนิ้วทั้งหมดของตน
แผ่นผิวหนังนั้นให้ความรู้สึกที่นุ่มและไวต่อการถูกสัมผัสมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้
ทันใดนั้นเอง มีลูกศรแล่นเข้ามาในระยะตรวจจับของวาห์นโดยไม่มีเตือนล่วงหน้า
เขาหลบลูกศรก่อนที่จะมองตามทิศทางการยิงเพื่อหาแหล่งที่มา
มีกลุ่มนักผจญภัยเพิ่งเข้ามาภายในห้องและเมื่อเห็นสภาพห้องที่เต็มไปด้วยเลือดและวาห์นที่อยู่ในสภาพแปลงร่าง พวกเขาจึงมั่นใจว่าวาห์นต้องเป็นตัวต้นเหตุแน่นอน
นักผจญภัยทั้งห้าคนแยกตัวออกจากกันและเข้าล้อม ‘มอนสเตอร์’ ในทันที
หนึ่งในนักผจญภัยซึ่งเป็นเอลฟ์ที่ยิงลูกศรดอกแรก ก็เริ่มโจมตีวาห์นจากระยะไกลอย่างต่อเนื่อง
จากผลการเสริมค่าสถานะของ [จิตแห่งราชัน] วาห์นจึงสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีที่เข้ามาได้และพยายามสื่อสารกับคนกลุ่มนี้
“พวกนายมาโจมตีใส่ฉันทำไมกัน!? ฉันเป็นคนฆ่ามอนสเตอร์และช่วยชีวิตคนที่เหลือรอดเอาไว้นะ!”
วาห์นยังคงหลบเลี่ยงการโจมตีต่อไป
เมื่อมาถึงตอนนี้ สมาชิกคนอื่นในปาร์ตี้ก็เริ่มสร้างรูปขบวนโจมตีรอบๆ ตัวและพยายามโจมตีทางจุดบอดของเขา
คนที่อยู่หน้าสุดคือชายร่างสูงผมสีน้ำตาลพร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและกำลังกวัดแกว่งดาบกับโล่ผสานกันพร้อมกับคำรามกึกก้อง
“หุบปากซะ ไอ้สัตว์ร้าย! แกคิดว่าเราจะเชื่อคำพูดของมอนสเตอร์อย่างแกเหรอ!?”
เขาเหวี่ยงดาบไปที่ขาของวาห์นและพยายามทำให้เขาถอยไปทางพวกของตน
เนื่องจากการฝึกกับสึบากิและประสาทสัมผัสที่รับรู้ได้ถึงตัวอย่างรอบตัว วาห์นจึงตัดสินใจเดินหน้าแทนที่จะถอย
เขาใช้ถุงมือเหล็กปัดป้องลูกศรก่อนจะพยายามปลดอาวุธของชายที่อยู่เบื้องหน้า
ชายคนนั้นตอบสนองด้วยการใช้โล่ของตนและกระแทกมันไปที่ร่างกายส่วนบนของวาห์นเพื่อบังคับให้เขาถอยออกไป
พรรคพวกของชายคนนั้นเป็นหญิงสาวมนุษย์แมวที่มีผมสั้นสีม่วง
เธอใช้โอกาสในตอนที่วาห์นเสียหลักเพื่อพยายามแทงเขาจากด้านข้างด้วยมีดสั้นของตน
เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว วาห์นจึงง้างมือซ้ายของตนและกระแทกมันลงบนใบหน้าของเธอเข้าอย่างจัง
เขารู้สึกแปลกๆ ที่มือของตนเล็กน้อยซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัด
หลังจากโดนเข้าไปหนึ่งดอก หญิงสาวก็กระเด็นลงไปนอนบนพื้นโดยไม่ลุกกลับขึ้นมา
เธอยังคงหายใจอยู่แต่หมดสติไปหลังจากถูกวาห์นสวนกลับ
นักสู้ระยะประชิดสามคนที่เหลือต่างกู่ร้องและพุ่งเข้าหาวาห์นพร้อมกัน ขณะเดียวกับที่ตัววาห์นเองยังคงเหม่อลอยหลังจากส่งหญิงสาวลงไปนอนเล่นบนพื้น
“ไอ้สารเลว แกฆ่าทัลลิม!!!”
ชายผมแดงที่ดูเหมือนจะมีอายุเท่ากับหญิงสาวใช้สกิลและแทงหอกตรงไปที่วาห์นขณะคำรามถึงการตายของสหายที่ยังมีชีวิตอยู่
ส่วนชายอีกสองคนก็ใช้ดาบเพื่อพยายามตัดเส้นทางหนีของวาห์น
ตอนนี้วาห์นรู้สึกหัวร้อนจนแทบเดือด
แม้เขาจะยังไม่ได้ทำอะไรผลีผลามและพยายามอธิบายสถานการณ์ให้ฟัง แต่ปาร์ตี้ทั้งห้าคนกลับไม่สนใจเขาเลยและยังคงพยายามไล่ฆ่าเขาต่อไป
ความเย็นสงบเริ่มแพร่กระจายไปทั่วจิตใจของเขาขณะที่ความอดทนของเขาเริ่มมลายหายกลับไปสู่ความว่างเปล่า
เขตแดนของเขาเริ่มขยายออกไปและสาดแสงสีทองซึ่งทำให้ทุกคนถึงกับสะดุ้งแต่ก็ยังดำเนินการโจมตีต่อไป
วาห์นยอมให้หอกแทงเข้าตรงส่วนท้องของเขาโดยไม่หลบหลีกพร้อมกับใช้มือรับคมดาบจากอีกสองคนที่เหลือ
เขาใช้ช่วงเวลาหลังการปะทะเพื่อก้าวไปข้างหน้าและคว้าคอของผู้ใช้ดาบทั้งสองคนเอาไว้
ผู้ใช้หอกหมุนหอกของตนและดึงมันออกมาเพื่อเตรียมการโจมตีครั้งที่สองแต่วาห์นกลับหมุนตัวและกระแทกร่างที่เขาจับอยู่ไปกับปลายหอกในขณะที่ใช้ชายอีกคนรับลูกศรที่กำลังพุ่งเข้ามา
เมื่อมาถึงจุดนี้ความเงียบก็ปกคลุมทุกอย่าง
ขณะที่วาห์นยังคงจับชายคนที่สองเอาไว้เพื่อขวางช่องโจมตีของผู้ใช้ธนู
ในที่สุดชายผมแดงที่แทงพรรคพวกของตนอย่างไม่ตั้งใจก็ปล่อยหอกจากมือและทั้งคู่ก็ล้มลงไปบนพื้น
คนถูกแทงมีนามว่าโบอัซผู้มีผมสีบลอนด์และร่างกายที่ดูผอมบาง
เขากำลังจับหอกที่ท้องของตนเพื่อพยายามหยุดการไหลของเลือด
วาห์นใช้ความเงียบนี้เพื่อพูดออกมาอีกครั้ง
“บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ฆ่าใคร แต่อย่าให้ฉันต้องกลืนคำพูดตัวเองก็แล้วกัน”
เขาใช้สายตาเย็นชามองไปยังชายคนที่ถืออยู่ในมือก่อนจะทิ้งเขาลงบนพื้น
ชายคนนั้นพยายามสูดอากาศขณะที่โบกมือให้กับเอลฟ์ผู้เป็นเพื่อนร่วมทีมให้หยุดการโจมตี
พวกเขาสู้กับ ‘มอนสเตอร์’ ตัวนี้ไม่ไหวและหากมันยอมไว้ชีวิตก็ควรยั้งมือก่อนจะมีอะไรสายเกินแก้
หลังจากเห็นทุกคนสงบลง วาห์นก็เข้าใกล้หญิงสาวที่นอนหมดสติ
ชายผมแดงพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ชายคนที่วาห์นเดาว่าน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็บอกให้เขาไปดูแลเพื่อนที่ถูกหอกแทงแทน
เอล์ฟหนุ่มยังคงจ้องมองสถานการณ์ต่อไปและดูเหมือนเขากำลังรอคอยให้วาห์นเผลอก่อนจะเริ่มการโจมตีขึ้นอีกครั้ง
วาห์นนั่งลงที่ด้านข้างของหญิงสาวและเห็นว่ากรามของเธอแตกจากการโจมตีของตน
ใบหน้าที่เคยงดงามของเธอตอนนี้กลับดูบิดเบี้ยวจนทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย
วาห์นนำคทา [ฟื้นฟู] ออกมาจากช่องเก็บของและเริ่มรักษาแผลให้เธอ
หลังจากจัดเรียงกระดูกของเธอใหม่ วาห์นก็หยุดมือเพื่อป้องกันไม่ให้ปาร์ตี้กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมสู้
เขาเดาว่าหากช่วยรักษาคนพวกนี้แบบครบถ้วน พวกเขาอาจพยายามโจมตีอีกครั้งและระมัดระวังมากกว่าเดิม
พวกเขาเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลงหลังจากเห็นวาห์นเข้าไปรักษาพรรคพวก
พวกเขาเริ่มสงสัยว่าวาห์นอาจจะพูดความจริงและอยากขอบคุณโชคของตัวเองที่ทำให้วาห์นรู้สึกเมตตาพอที่จะไม่เอาชีวิตพวกตนหลังจากไปกล่าวหาเขา
หัวหน้าทีมที่พยายามรักษาบาดแผลของตัวเองพูดขึ้นเพื่อลดความตึงเครียด
“พวกเราต้องขอโทษด้วยนะที่กล่าวหานาย… แต่ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป นายช่วยใช้เวทมนตร์รักษาแผลให้จาเร็ดหน่อยได้ไหม?
บาดแผลที่ถูกหอกแทงทะลุนั่นรักษาไม่ได้ง่ายๆ เลย เขาอาจจะตายหากพวกเรานำเขาขึ้นไปข้างบนไม่ทันเวลา…”
ขณะที่ถามออกไป เสียงเขาก็เริ่มเบาลงเรื่อยๆ ขณะที่ ‘มอนสเตอร์’ เริ่มจ้องมาทางเขา
วาห์นเดินตรงไปหาชายที่กำลังบิดตัวด้วยความเจ็บปวดและหันไปทางชายผมแดง
ชายผมแดงพอเห็น ‘มอนสเตอร์’ เข้ามาใกล้ก็รีบทิ้งพวกพ้องของตนในทันทีและเดินตรงไปทางหญิงสาวที่ยังคงหมดสติอยู่
เมื่อมองลงไปยังชายที่ชื่อ ‘จาเร็ด’ วาห์นก็ก้มลงและจับหอกจากทางด้านหน้าและด้านหลังเอาไว้
เขาทำการหมุนและขยับมันอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานหอกก็หักออกจากกันจนวาห์นสามารถดึงทั้งสองส่วนออกมาจากบาดแผลได้สำเร็จ
เขาคิดว่าการกระชากมันออกมาทั้งด้ามมีแต่จะทำให้เรื่องยุ่งกว่าเดิมจึงใช้วิธีนี้ซึ่งได้ผลดีกว่า
แถมวิธีนี้ยังทำให้ศัตรูเสียอาวุธไปชิ้นหนึ่งหากพวกเขายังพยายามโจมตีเขาอีกครั้ง
ทันใดนั้นจาเร็ดก็บิดตัวจากความเจ็บปวดและอาเจียนของที่อยู่ในท้องออกมา
กลิ่นเหม็นเริ่มแพร่กระจายไปทั่วและวาห์นพบว่าความเจ็บปวดทำให้ชายคนนั้นควบคุมกระเพาะปัสสาวะของตัวเองไว้ไม่อยู่
วาห์นแสดงสีหน้าบูดบึ้งก่อนจะรีบใช้คทา [ฟื้นฟู] จนบาดแผลของจาเร็ดเกือบหายสนิท
เขายังคงนอนอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดแต่ก็พยายามยิ้มเพื่อแสดงความขอบคุณที่วาห์นช่วยรักษาเขา
ขณะที่บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทุกขณะ หญิงสาวเผ่าเชียนโธรปที่สลบไปก็ได้ตื่นขึ้นมา
เธอมองไปที่ความวุ่นวายรอบๆ ตัวก่อนจะจ้องมองไปที่แขนขวาของตนเองอย่างเฉื่อยชา
ก่อนจะหมดสติไป เธอสูญเสียความหวังทั้งหมดและมั่นใจว่าได้เสียแขนข้างนี้ไปแล้ว
เมื่อมองไปรอบๆ อีกครั้ง เธอก็เห็นรูปร่างคุ้นตาของเด็กหนุ่มที่ช่วยชีวิตเธอไว้
สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ แทนที่จะเห็นเรือนผมสีดำและใบหน้าหล่อเหลา ตอนนี้เขากลับมีผมสีขาวแซมด้วยลวดลายสีดำ
แขนและขาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยขนสัตว์และดูเหมือนคงจะไปสู้กับนักผจญภัยกลุ่มนี้เข้า
หลังจากผ่านไปอีกไม่กี่วินาที เธอก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นและพยายามเคลื่อนไหวร่างกาย
เธอรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าไม่รู้สึกเจ็บจากตรงไหนเลยและยังลุกขึ้นยืนได้อย่างง่ายดาย
หลังสำรวจร่างของตัวเองอย่างคร่าวๆ เธอก็หันไปทางกลุ่มนักผจญภัยและตะโกนออกมาแบบสุดเสียง
“หยุดนะ! เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนที่ช่วยฉันเอาไว้!”
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘ฉันไม่ได้เป็นพวกคลั่งไคล้ขนสัตว์นะ มันแค่เรื่องชั่วคราวเท่านั้น’, ‘อยากลองดีก็มาสิวะ’, ‘หน้าหงายกันหมดเลยสิ!’)
—————