Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 67
แม้สึบากิจะเชิญให้พวกเขามาด้วยกัน แต่มิอาคก็ให้ทุกคนขอบคุณเฮเฟสตัสแฟมิเลียอีกครั้งก่อนจะกลับไปที่พัก
ถึงการฉลองให้กับการกลับมาของนาซ่าจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่เขาก็อยากให้เด็กๆ ในแฟมิเลียใช้เวลานี้เพื่อไว้อาลัยให้กับพวกพ้องที่เสียชีวิต
แถมเขาเองก็ยังต้องหาเวลาไปที่กิลด์และยื่นคำร้องขอให้มีการสืบสวนเรื่องในคราวนี้ด้วย
มิอาคจะไม่ยอมหยุดจนกว่านักผจญภัยสองคนนั้นจะถูกจับและทวงความยุติธรรมให้กับเหล่าเด็กๆ ของเขา
สึบากิเข้าใจความกังวลของมิอาคและบอกให้เขารู้ว่าเฮเฟสตัสแฟมิเลียจะให้ความร่วมมืออย่างดีในการสืบสวนนี้
แม้ว่าจะไม่ได้ส่งผลโดยตรง แต่สองคนนั้นก็เกือบทำให้วาห์นตายเช่นกัน
เพราะความเข้าใจผิดที่ทำให้วาห์นถูกโจมตีจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีเหตุการณ์ ‘พาสพาเหรด’
หากสึบากิจับพวกนั้นได้ เธอกะว่าจะจับทั้งสองแขวนไว้จนกว่าจะแห้งตายเลย
—
ทั้งสองกลุ่มแยกทางกันและสึบากิก็นำสมาชิกของเฮเฟสตัสแฟมิเลียไปยังร้าน ‘เจ้าของร้านผู้เพียบพร้อม’
วาห์นกับลิลลี่มาที่ร้านนี้บ่อยมากและคิดว่ามันคือสถานที่ที่หลายคนคิดถึงเมื่อต้องการเฉลิมฉลอง
เมื่อมาถึง พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากอาเนียที่รีบไปแจ้งให้มามามีอาจัดเตรียมที่นั่งขณะที่เธอไปบอกโคลอี้
เมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นเวลางานของโคลอี้ เธอมักจะมาดูแลวาห์นและแขกที่มากับเขาอยู่เสมอ
หลังจากมามามีอารู้สาตุของงานฉลอง เธอก็เริ่มหัวเราะออกมาเสียงดังคล้ายกับสึบากิ
เธอมองไปทางวาห์นด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ไปเล่นบทวีรบุรุษมาอีกรอบแล้วนะ เจ้าหนู ตอนแรกก็สาวน้อยคนนั้น ตอนนี้ยังจับปลาตัวใหญ่ได้อีกตัว
ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อย โคลอี้ของเราก็อกหักกันพอดีสิ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
มามามีอาเห็นโคลอี้กำลังเข้ามาใกล้จึงพูดต่ออีกสองสามคำซึ่งดังพอที่ทั้งร้านจะได้ยินออกมา
โคลอี้หัวเราะเจื่อนๆ พร้อมกับเดินเข้ามาหา
“มามามีอา~! พูดแบบนี้แล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ~เมี้ยว!
คุณก็รู้นี่ว่าถ้าวาห์นมีความสุข ฉันเองก็มีความสุขไปด้วย~”
แม้เธอจะทำท่าเขินอาย แต่โคลอี้กลับไม่ได้แสดงสีหน้าตามท่าทางเลย แถมเธอยังพูดตอบและขยิบตาเพื่อหยอกวาห์นอีกด้วย
วาห์นยิ้มตอบและมานั่งอยู่ระหว่างสึบากิและลิลลี่ขณะที่คนในแฟมิเลียก็เริ่มสั่งอาหารของตนเอง
ทุกคนเต็มไปด้วยอารมณ์ครึกครื้นขณะฉลองให้กับการกลับมาอย่างปลอดภัยและการกระทำที่กล้าหาญของสมาชิกรุ่นน้อง
สำหรับหลายๆ คนแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบวาห์นและลิลลี่ ดังนั้นพวกเขาจึงสนใจและอยากรู้ว่าทั้งสองเป็นคนแบบไหน
เนื่องจากเห็นว่าเทพธิดาของพวกตนให้ความสำคัญกับการ ‘ช่วยเหลือ’ เด็กคนนี้มากแถมพวกเขายังถูกสั่งให้มารวมพลกันอย่างเร่งด่วนด้วย
หลายคนจึงอยากจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับดาวรุ่งหนุ่มคนนี้
วาห์นตอบคำถามของพวกเขาหลายข้อขณะที่สึบากิเข้าสกัดคำถามที่เกี่ยวข้องกับความลับของเขา
เธอไม่ได้ห้ามคนอื่นถามแบบตรงๆ แต่จะใช้วิธีเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาแทน
วาห์นรู้สึกขอบคุณสึบากิที่ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาไม่คุ้นชินกับการพูดคุยกับคนจำนวนมากสักเท่าไหร่
มันถึงขนาดที่ว่าลิลลี่และโคลอี้ต้องคอยช่วยเปลี่ยนบรรยากาศหรือช่วยเบนความสนใจของวาห์นเมื่อเขาตอบสนองช้าไปหลายครั้ง
สมาชิกทีมกู้ภัยเองก็พอจะอ่านออกและเริ่มรู้ว่าเป็นเรื่องไม่สมควรที่จะถามคำถามส่วนตัวเกี่ยวกับวาห์นมากเกินไป
สมาชิกส่วนใหญ่ในกลุ่มนั้นมีเลเวล 3 หรือสูงกว่า และพวกเขาเองก็รู้จักกับสึบากิมาเป็นเวลานานแล้ว
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เฮเฟสตัสจัดให้สึบากิผู้เป็นหัวหน้าของแฟมิเลียเป็นคนนำภารกิจฉุกเฉินในครั้งนี้
แทนที่จะขุดคุ้ยต่อ พวกเขาจึงช่วยสร้างบรรยากาศรื่นเริงและลืมข้อสงสัยของตนไปก่อนและหันไปหยอกล้อ ‘โชค’ เรื่องผู้หญิงของวาห์นแทน
—
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปจนดึกดื่นก่อนที่สุดท้ายแล้วมามามีอาต้องมาไล่ทุกคนออกจากร้าน
สึบากิจ่ายค่าอาหารทั้งหมดให้กับทั้งกลุ่มซึ่งสร้างเสียงขอบคุณไปทั่วทั้งงานเลี้ยงก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปในค่ำคืนอันหนาวเย็น
หลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว สึบากิก็พาวาห์นและลิลลี่กลับมาบ้านก่อนจะให้พวกเขาอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอน
เนื่องจากนี่เป็นโอกาสพิเศษ เธอจึงบอกให้ทั้งคู่หยุดพักในพรุ่งนี้
วาห์นและลิลลี่รู้สึกดีใจที่ได้ยินแบบนั้นเพราะพวกเขาต่างฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดสามสัปดาห์
สึบากิไม่ได้ให้เวลาว่างกับทั้งคู่มากนักและแม้จะเป็นวันหยุด ทั้งคู่ก็ต้องมาอ่านหนังสือหรือไม่ก็ซ่อมแซมอุปกรณ์ของตน
วาห์นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดีมากและถึงขนาดได้สร้างอาวุธระดับกลางของตัวเองไปบ้างแล้ว
ในคืนนั้น วาห์นนอนหลับสนิทและเริ่มฝันไปเรื่อยจนถึงเช้าวันถัดมา
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้นอนหลับอย่างเพลิดเพลินแบบนี้และเขาก็ยังนอนต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งลิลลี่มาเคาะประตูห้อง
สุดท้ายเขาก็ต้องดึงตัวเองออกจากฟูกแสนสบาย
ลิลลี่มาแจ้งวาห์นว่าถึงเวลาอาหารเที่ยงแล้วและสึบากิเองก็มีข่าวบางอย่างอยากจะพูดกับเขา
วาห์นพยักหน้าและเดินออกไปล้างหน้าก่อนจะตรงไปยังห้องทานอาหาร
—
เมื่อเขามาถึง วาห์นก็รู้สึกแปลกใจมากที่เห็นเฮเฟสตัสกำลังดื่มชากับสึบากิและลิลลี่
ทุกคนกำลังรอให้เขามาถึงเพื่อทานอาหารเที่ยงที่มีทั้งปลาย่างกับข้าวและซุบผักหอมกรุ่น
เฮเฟสตัสเผยรอยยิ้มสดใสเมื่อเห็นวาห์นเข้ามาในห้อง ส่วนวาห์นก็โค้งรับการทักทายของเธอ
“สวัสดีครับ เฮเฟสตัส ขอบคุณสำหรับเรื่องเมื่อวานมากเลย ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเดือดร้อนเพราะปัญหาส่วนตัว”
เฮเฟสตัสถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหัวให้กับวาห์น
“ไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนอะไรหรอก วาห์น
โชคดีที่เจ้าพวกนั้นไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ฉันจะส่งไทคีกลับสวรรค์หลังจากกวาดล้างแฟมิเลียของเธอด้วยตัวเองเลย”
เฮเฟสตัสกล่าวออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ และวาห์นบอกได้เลยว่าเธอไม่ได้กำลังล้อเล่น
เขานั่งลงก่อนจะพยายามทำให้เธอเย็นลง
“เอาเถอะครับ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง ผมโชคดีเรื่องคนพวกนั้นจริงๆ ไม่งั้นคงต้องฆ่าแทนที่จะทำให้พวกนั้นบาดเจ็บ แถมผมก็ยังไม่อยากสวมบทฆาตกรเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ด้วย”
ขณะวาห์นพูด ลิลลี่ที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของเขาก็ผงะเล็กน้อย
เธอก้มหัวลงพร้อมกับถือถ้วยสองมือและจิบมันช้าๆ
เฮเฟสตัสพยักหน้าให้กับตอบของวาห์น
“ฉันดีใจนะวาห์น การที่เธอตัดสินใจได้อย่างใจเย็นในสถานการณ์แบบนั้นเป็นเรื่องน่ายกย่องมาก
พยายามพัฒนาตัวเองต่อไปเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องฝืนฆ่าคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะคุกคามเธอหรือสิ่งเธอที่ต้องการปกป้องล่ะ”
เฮเฟสตัสเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและให้กำลังใจขณะที่สึบากิเริ่มหัวเราะด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านจะไม่พูดเรื่องที่เกือบจะทำให้ทั้งปาร์ตี้ถูกเนรเทศออกจากแฟมิเลียหรือเรื่องที่อยากให้เจ้าเอลฟ์คนนั้นจ่ายค่าชดใช้เป็นจำนวน 100,000,000 วาลิส สักหน่อยเหรอ?
ฉันได้ยินมาว่าเทพไทคีถึงกับต้องคุกเข่าพนมมือขอร้องให้ท่านระงับความโกรธด้วยนี่!”
สึบากิหัวเราะจนกรามแทบค้างและพอเห็นเฮเฟสตัสทำทีเป็นใจเย็นแล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกตลก
เฮเฟสตัสหน้าแดงและทำหน้าเขม่นใส่สึบากิที่ยังคงหัวเราะร่าแม้ว่าจะเจอเข้ากับสายตาเชิงตำหนิของเธอก็ตาม
สุดท้ายแล้ว เฮเฟสตัสก็ได้แต่ถอนหายใจและนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
เธอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติก่อนที่จะมีข่าวจากดันเจี้ยนเสียอีก
ขณะอยู่ในห้องทำงาน เธอก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของวาห์นเริ่มเต้นเร็วขึ้น
เมื่อเพ่งสมาธิไปหา เธอก็รู้สึกได้ถึงความเครียดและความไม่พอใจของเขา
เธอรู้สึกได้จากสัมผัสที่เชื่อมทั้งคู่ไว้ด้วยกันว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
เฮเฟสตัสจึงทิ้งเหล็กกล้าที่เธอกำลังขึ้นรูปอยู่และใช้อุปกรณ์สื่อสารเวทมนตร์เพื่อบอกให้สึบากิติดต่อนักผจญภัยระดับสูงในทันที
จากนั้นเฮเฟสตัสก็ใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงต่อมาในสภาพวิตกกังวล
เธอถึงขนาดคิดที่จะลองเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยตัวเอง เนื่องจากเธอเชื่อว่าจะสามารถติดตามร่องรอยของวาห์นได้โดยใช้สัมผัสเชื่อมโยงระหว่างพวกเขา
เธอออกมาพบกับกลุ่มที่นำทีมโดยสึบากิและถูกพนักงานกิลด์ที่เข้ามาตรวจตราขัดขวางไม่ให้เข้าไปด้านใน
หลังเถียงกับพนักงานอยู่ครู่หนึ่ง เฮเฟสตัสก็เริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาแต่ยังคงใจเย็นอยู่ได้เนื่องจากหัวใจของวาห์นเริ่มกลับมาเต้นปกติอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม แม้จะเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มีบางช่วงที่หัวใจของเขาเต้นเร็วมาก เร็วจนเธอคิดว่ามันอาจจะระเบิดใส่ดวงวิญญาณของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน จังหวะการเต้นก็เหมือนเกือบจะหยุดลงจนเฮเฟสตัสเองเกือบจะวูบไปก่อนพบว่ามันยังคงเต้นอยู่ด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอและเป็นปกติ
หลังจากนั้น เธอก็รู้สึกว้าวุ่นไปหมดและเท้าเจ้ากรรมก็พาเธอมาสู่ด้านนอกทางเข้าดันเจี้ยน
ขณะที่พวกเธอยังคงเถียงกับพนักงานของกิลด์ ปาร์ตี้นักผจญภัยห้าคนก็วิ่งสวนออกมาจากดันเจี้ยน
เมื่อเห็นคนของกิลด์ พวกเขาก็เริ่มแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นภายใน
แม้ว่าเฮเฟสตัสจะไม่สนใจในตอนแรก แต่เมื่อเธอได้ยินพวกเขาพูดถึงเด็กหนุ่มที่ชื่อ ‘วาห์น’ เธอก็รีบเข้าไปหาแต่กลับถูกสึบากิตัดหน้าเสียก่อน
สึบากิบังคับให้พวกเขาเล่าเรื่องตั้งแต่แรกจนจบและเกือบจะนอตหลุดหลังได้ยินว่าพวกเขาพยายามทำร้ายวาห์น
เฮเฟสตัสเองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มมองไปที่ทั้งห้าคนด้วยสีหน้าเย็นชา
หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาอยู่แฟมิเลียอะไร เธอก็แบ่งทีมกู้ภัยครึ่งหนึ่งออกก่อนจะลากพวกนักผจญภัยกลับไปยังที่พักของเทพธิดาไทคี
ส่วนที่เหลือก็เป็นไปตามที่ที่สึบากิเล่า… เรื่องยังไม่จบง่ายๆ จนกระทั่งไทคีได้กล่าวคำสาบานกับเฮเฟสตัสและทำให้เธอเย็นลง
“ขอบคุณนะ เฮเฟสตัส ที่โกรธแทนผม…”
เฮเฟสตัสหลุดจากภวังค์เพราะวาห์นมากระซิบขอบคุณเธออีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าเขาขอบคุณเธออย่างจริงจัง เธอจึงละความโมโหที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจและเผยรอยยิ้มที่งดงามที่สุด
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันจะปกป้องเธอ วาห์น ฉันเป็นคนที่รักษาคำพูดนะ”
—
หลังจาากคุยกันไปสักพัก ลิลลี่ก็เริ่มเสิร์ฟอาหารเที่ยงให้ทุกคน
พวกเขายังคงคุยกันอีกหลายเรื่องรวมไปถึงมิอาคแฟมิเลียและเรื่องที่กำลังทำการสอบสวนอยู่
เฮเฟสตัสเองก็สนใจในการตามหาคู่นักผจญภัยที่ทำการ ‘พาสพาเหรด’ ดังนั้นเธอจึงกดดันทางกิลด์คู่กับมิอาคเพื่อบังคับให้พวกเขาเร่งสืบสวน
เนื่องจากทางกิลด์มีฐานข้อมูลทั้งหมดของแฟมิเลียและสมาชิกบันทึกเอาไว้ การตามหาตัวคนร้ายจึงไม่ควรจะกินเวลามากนัก
การสนทนาดำเนินต่อไปก่อนที่สึบากิจะหยิบหัวข้อที่เธอตั้งใจพูดแต่เดิมออกมา
“อีกไม่นานเธอก็จะได้รับฉายาแล้วนะวาห์น ชื่อเสียงของเธอน่าจะแพร่กระจายออกไปแล้วหลังจากผู้คนรับรู้เรื่องทั้งหมดที่เธอทำเมื่อไม่นานมานี้ แล้วก็ระวังอย่าให้คนอื่นมาหลอกใช้เธอเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองล่ะ!”
วาห์นประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าเขาจะได้รับฉายาแต่ก็ไม่ได้นักเพราะเขาก็อยู่เลเวล 2 มาพักหนึ่งแล้ว
เฮเฟสตัสเริ่มพูดเสริมก่อนจะเพิ่มส่วนของตัวเองลงไป
“สึบากิพูดถูก นี่ก็เกือบจะถึงเวลาสำหรับ ‘เดนาตัส’ แล้ว
มันคือเวลาที่เทพทั้งหมดในพื้นที่จะมารวมตัวกันเพื่อประชุมหารือเรื่องต่างๆ
หนึ่งในหัวข้อที่หยิบยกมาพูดกันบ่อยก็คือเรื่องฉายาของนักผจญภัยที่ขึ้นเลเวล 2 หรือสูงกว่านั้น
ฉันจะไปเข้าร่วมงานเป็นเวลาสองสามวันและกลับมาพร้อมกับฉายาของเธอ
พยายามอย่าหวังให้มากนักล่ะ… ไม่ใช่ฉายาของนักผจญภัยเลเวล 2 ทุกอันหรอกนะที่ฟังดูดี”
พอได้ยินคำอธิบายของเธอ วาห์นก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ
เขาจำได้ว่าเฮสเทียต้องพยายามอย่างหนักเพื่อหาฉายา ‘ธรรมดาทั่วไป’ สำหรับเบลล์ที่เพิ่งขึ้นเลเวล 2
หวังว่าฉายาของเขาจะไม่แปลกเกินไปนัก และถึงมันจะแปลก วาห์นก็มั่นใจว่าเขาจะพยายามให้มากขึ้นในอีกสามเดือนถัดไปจนขึ้นเป็นเลเวล 3 และรับฉายาใหม่อีกครั้ง…
สึบากิพูดแทรกขึ้น
“ลิลลี่ เธอเองก็ต้องพยายามให้มากขึ้นด้วยนะ เธอมีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นเป็นเลเวล 2 แล้ว ดังนั้นเธอมีเวลาอีกสามเดือนเพื่อพัฒนาพื้นฐานก่อนจะถึงเดนาตัสครั้งต่อไป
เมื่อเธอได้รับฉายาแล้ว การเดินทางในฐานะนักผจญภัยอย่างเป็นทางการก็จะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง
เธอจะสามารถรับภารกิจจากทางกิลด์และอาจมีผู้คนมาขอพึ่่งพาเธอจากชื่อเสียงที่ทำไว้ก็ได้”
สึบากิคุ้นเคยกับอิทธิพลจากฉายาเป็นอย่างดี
แม้แต้ชื่อเล่น ‘ไซคลอปส์’ ของเธอก็มีผลต่อชีวิตของเธออย่างมาก
จนถึงตอนนี้เธอยังอยากจะชกหน้าคนที่คิดชื่อนี้ขึ้นมาอยู่เลย…
—
หลังจากอาหารเที่ยง เฮเฟสตัสก็ออกไปจัดการเรื่องอื่นต่อ
ก่อนจะจากไป เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับมาและโอบกอดวาห์น
ถึงจะรู้สึกตกใจ แต่วาห์นก็ยอมรับอ้อมกอดของเฮเฟสตัสและกอดเธอกลับเช่นกัน
เขามองเห็นออร่าอันยุ่งเหยิงตั้งแต่ที่เธอมองเขาก่อนหน้านี้แล้ว
เธอคงจะเป็นกังวลเรื่องเมื่อวานนี้มากและวาห์นก็อยากจะช่วยบรรเทาความไม่สบายใจของเธอออกไป
เฮเฟสตัสกระซิบข้างหูเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ห้ามไปเสี่ยงตายในที่ที่ฉันเอื้อมไปไม่ถึงล่ะ…”
วาห์นพยักหน้า แม้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาจะอยู่ใกล้กับหน้าอกของเธอมากไปหน่อยก็ตาม
เขาเพิ่มแรงเข้าไปที่แขนและกระซิบตอบเธอ
“ผมสัญญา… ว่าจะแข็งแกร่งที่สุดจนไม่ต้องให้คุณรู้สึกเป็นห่วงอีก”
เฮเฟสตัสหัวเราะเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของเขา
เธอใส่แรงเข้าไปในอ้อมกอดมากขึ้นเช่นกันและดึงใบหน้าของเขาเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
“ฉันห่วงเธอก็เพราะว่าฉันอยากห่วงต่างหาก
ถึงเธอจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่หัวใจของฉันจะสงบลงได้ก็ต่อเมื่อเห็นเธอปลอดภัยด้วยตาของตัวเองเท่านั้น”
หลังจากกอดกันสักพัก ทั้งสองก็แยกจากกัน
วาห์นยังคงจ้องมองไปยังแผ่นหลังของเฮเฟสตัสขณะที่ความมุ่งมั่นเริ่มฝังรากลึกลงในหัวใจของเขา
เขากำมือแน่นและมุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ฝึกซ้อมขณะที่สึบากิมองเหตุการณ์นี้ด้วยความสนใจพร้อมกับส่ายหัว
ลิลลี่มองไปที่แผ่นหลังของวาห์นและคิดไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเขาเดินห่างไปไกลแล้ว
เมื่อเห็นเขาเลี้ยวเข้าลานฝึก เธอเองก็รีบตามไปติดๆ เช่นกัน
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘กลับมาพร้อมชัยชนะ… หรือไม่ก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรี’, ‘สองไซคลอปส์ หนึ่งวีรบุรุษ’, ‘ไทคีไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย!’)
—————