Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 75
วาห์นเข้ามาในห้องอาหารและพบว่าบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีนัก
เขาเห็นออร่าของนาซ่าและลิลลี่ดูหดหู่และมีสีฟ้าแซมอยู่ในสีเหลืองสดใสยามปกติ
วาห์นมองไปทางสึบากิที่ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศและยิ้มให้ก่อนพยักหน้าให้เขาไปนั่งที่
หลังจากที่เขานั่งลงแล้ว ลิลลี่ก็เริ่มนำอาหารใส่ลงในจานของทุกคน แต่วาห์นเห็นว่าเธอทำช้ากว่าปกติมาก
ดูเหมือนเธอกำลังอัดอั้นอารมณ์ของตัวเองอยู่และพยายามอย่างมากที่จะไม่มองมาทางเขาตรงๆ
“ลิลลี่ เป็นอะไรเหรอ? ทำไมเธอกับนาซ่าถึงทำตัวแปลกๆ ล่ะ?”
วาห์นถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมกับมองไปทางสองสาวที่กำลังกลัดกลุ้ม
พอได้ยินคำถามของเขา สองสาวก็ผงะเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเด็กหนุ่มด้วยสีหน้าเศร้าๆ
วาห์นขมวดคิ้ว แต่สึบากิพูดขึ้นก่อนที่เขาจะได้ถามต่อ
“ตอนที่พวกเรากำลังเตรียมอาหารเช้า ฉันเลยถือโอกาสนี้บอกพวกเธอไปว่าเธอจะเข้าไปในดันเจี้ยนเป็นระยะเวลานาน เพราะทั้งสองคนยังไม่แกร่งพอที่จะไปด้วยได้ ฉันเลยบอกต่อว่าพวกเธอต้องอยู่นี่จนกว่าจะฝึกให้เก่งกว่านี้ ทั้งสองคนก็เลยหงอยไปเพราะจะไม่มีเวลาได้อยู่กับเธอแล้ว ใช่ไหมสาวๆ?”
นาซ่าไม่ได้มีอาการหนักเท่าลิลลี่ แต่พอได้ยินคำพูดของสึบากิก็ยิ่งทำให้เธอเศร้ากว่าเดิม
เธอได้ใช้เวลาอยู่กับวาห์นแค่ตอนที่เขาฝึกหรือช่วยเธอพัฒนาสูตรยาเท่านั้น
แต่ตอนนี้เขากำลังจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในดันเจี้ยนแทนก็เลยไม่รู้ว่าเธอควรจะทำหน้าอย่างไร
เธอถึงกับคิดที่จะกลับไปยังมิอาคแฟมิเลีย ทว่ามีอะไรบางอย่างในใจที่ทำให้ยังไม่ตัดสินใจใช้ตัวเลือกนั้น
ลิลลี่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมากและเขาก็เห็นน้ำตาที่แทบจะเอ่อล้นออกมาขณะที่เธอมองไปทางวาห์น
เธอมองเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของเขา และตั้งแต่ที่ได้ยินว่าเขาท้าทายโลกิแฟมิเลีย เธอก็มีความรู้สึกว่าเขาจะก้าวเดินต่อไปด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
แม้ลิลลี่จะรู้ดีว่าเขาคงไม่ทอดทิ้งเธอแน่ๆ แต่มันก็ทำให้เธอเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าเขาจะไปเสี่ยงตายอยู่ในสถานที่มืดๆ และลึกลงไปใต้ดินเพียงลำพัง
ในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้นเธอพยายามอย่างมากที่จะพัฒนาตัวเอง แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถไล่ตามเขาได้ทัน
วาห์นพยักหน้าด้วยความเข้าใจก่อนจะคิดอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากรู้แล้วว่าจะพูดอะไรต่อ เขาก็ยิ้มไปทางสองสาว
“เรื่องนี้มันจำเป็นต่อการเติบโตของฉัน ฉันสามารถพัฒนาตัวเองในดันเจี้ยนได้เร็วกว่าคนทั่วไปมาก เหตุผลหลักที่ฉันมาโอราริโอ้ก็เพื่อเข้าไปสำรวจดันเจี้ยนและเข้าถึงศักยภาพของตัวเองจนกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเดิม แถมมันยังทำให้ฉันมีโอกาสได้เจอกับพวกเธอด้วยนี่นะ
ดังนั้นฉันจะไม่หลีกหนีเส้นทางที่เลือกไปแล้วเด็ดขาด ฉันจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นจนสามารถปกป้องคนที่ฉันห่วงใยได้
แทนที่จะเศร้าแบบนี้ ฉันอยากให้พวกเธอภาวนาให้ฉันปลอดภัย จะได้ลดความกังวลในตอนที่ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
ฉันสัญญาว่าจะกลับมา… เพราะตอนนี้ที่นี่ก็คือบ้านของฉัน”
ยิ่งวาห์นพูดออกมาเท่าไหร่ ทั้งสองก็ต้องกลั้นอารมณ์ให้มากขึ้นเท่านั้น
ในตอนนี้ นาซ่าเริ่มกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวอยู่ ขณะที่ลิลลี่ก้มหน้าพร้อมกับมีน้ำตาหยดลงมาใส่จานข้าวเต็มไปหมด
วาห์นรอให้ทั้งสองระบายความรู้สึกออกมาขณะที่สึบากิเริ่มทานอาหารด้วยสีหน้านิ่งๆ
วาห์นได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้มากกว่าสองสาวซะอีก แถมเขายังไม่เคยเห็นสึบากิทำหน้าแบบนี้มาก่อนเลย… เว้นแต่ตอนที่เธอถือดาบไล่อัดเขาน่ะนะ
พอผ่านไปไม่กี่นาที ลิลลี่ก็พูดขึ้น
“วาห์น… ฉันขอสาบานว่าจะแข็งแกร่งกว่านี้ให้ได้ ตอนนี้ฉันอาจจะตามนายไม่ทัน แต่สักวันจะต้องไล่ตามจนทันให้ได้ ฉันจะไม่มีวันหยุดพยายามหรอก”
ลิลลี่พูดแต่ละคำออกมาด้วยความมุ่งมั่น และนั่นดูจะส่งผลให้นาซ่าจนต้องพูดออกมาเช่นกัน
“นายต้องกลับมาให้ได้นะ ไม่ว่าจะบาดเจ็บแค่ไหนก็ตาม… ฉันจะรักษานายจนหายแบบไม่คิดเงินเลยด้วย”
นาซ่าพยายามหัวเราะออกมาขณะที่พูดตอนท้ายแต่ความเศร้าก็ทำให้เสียงของเธออู้อี้เล็กน้อย
วาห์นยิ้มให้กับสองสาว
เขารู้สึกซาบซึ้งต่อความกังวลที่พวกเธอมีให้เขามากและมันยิ่งทำให้ความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องพวกเธอมากกว่าเดิม
ไม่เฉพาะแค่สองคนนี้เท่านั้น แต่วาห์นตัดสินใจที่จะปกป้องทุกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
แม้ว่าตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่เขาก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังไม่ละความพยายาม
เขาจะอดทนต่อความเจ็บปวดและความทรมานเพื่อทำให้มั่นใจว่าคนที่เชื่อมั่นในตัวเขาจะไม่ต้องพบเจอกับความรู้สึกแบบเดียวกัน
—
หลังจากทานอาหารเช้า สึบากิก็ทำอย่างที่พูดไว้และลากวาห์นเข้าสู่การฝึกนรกเป็นครั้งสุดท้าย
เธออัดเขาจนถึงขั้นที่ต้องพยายามปิดกั้นไม่ให้สกิล [ร่างจตุรเทพ] ทำงาน
วาห์นรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นกระสอบทราบให้เธอปลดปล่อยความเครียดและเขายังเดาไม่ออกเลยว่าทำไมเธอถึงต้องลงมือรุนแรงขนาดนี้
ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าที่เธอมักจะแสดงออกมาตอนที่ซ้อมเขาจนน่วมไปตลอดทั้งการฝึกฝน
เมื่อการฝึกฝนจบลง วาห์นก็ไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อได้แม้แต่ส่วนเดียว
เขาเริ่มสังสัยว่าสึบากิกำลังพยายามขัดขวางไม่ให้เขาเข้าดันเจี้ยน แต่เมื่อความคิดนี้ผ่านเข้ามาในหัว เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ไปทั่วร่างกาย
สึบากิถือของเหลวสีแดงสดเอาไว้และเทมันลงไปบนหน้าอกเปลือยเปล่าของวาห์น
ของเหลวปกคลุมไปทั่วผิวหนังของเขาและความร้อนอันมหาศาลก็เริ่มกระจายไปทั่วร่าง
วาห์นกัดฟันเพื่อทนต่อความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนขณะที่สึบากิเริ่มอธิบายสิ่งที่เธอทำลงไป
“นี่เป็นโพชั่นที่ทำมาจากเลือดของนางเงือกและผสมเข้ากับสมุนไพรหายากหลายชนิดที่ช่วยปรับปรุงการเพิ่มของค่าสถานะ มูลค่าโดยรวมของมันคือ 200,000,000 วาลิส ดังนั้นอย่าทำให้ฉันเสียใจที่ใช้มันกับเธอล่ะ”
สึบากิเทของเหลวที่เหลือจนหมด และรอยฟกช้ำที่อยู่บนร่างของวาห์นก็เริ่มจางหายไป
วาห์นรู้สึกเหมือนร่างของเขากำลังถูกเผาซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ เพราะร่างนี้มีคุณสมบัติทนไฟหลังจากได้รับ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์]
หลังจากความเจ็บปวดหายไป เขารู้สึกเหมือนรูขุมขนทั่วร่างกำลังเปิดออกและกล้ามเนื้อแต่ละส่วนก็อัดแน่นไปด้วยพละกำลัง
เมื่อเขาลุกขึ้นจากพื้นก็ได้ยินเสียงกร็อบจากกระดูกในตอนที่ขยับตัว
ด้วยความสงสัย วาห์นจึงเริ่มยืดตัวและพบว่าความยืดหยุ่นของเขาเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากตรวจสอบค่าสถานะ ดวงตาของเขาเกือบจะถลนออกมาเพราะความตกใจ
————————————————————————-
[[สถานะ]]
ชื่อ: [วาห์น เมสัน]
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]
-เลเวล:2(2)
-พลังโจมตี:1001+(H119)->(E447)
-ความอดทน:1108+(G240)->(D590)
-ความแม่นยำ:887+(H101)->(F322)
-ความว่องไว:940+(H192)->(E410)
-พลังเวท:1611+(E444)->(B701)
ค่าสถานะรวมทั้งหมด:5547+(1096)->(2470)
ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)
[กรรม]: 1,008
[OP]: 143,050
[วาลิส]: 339,000
————————————————————————-
สึบากิเห็นความตกใจบนใบหน้านั่นก่อนจะตบแผ่นหลังของเขาและหัวเราะออกมา
“ฉันมั่นใจว่าเธอคงจะรู้สึกฟิตมาก แต่อย่าไปประมาทเพราะเรื่องนี้ล่ะ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของโพชั่นนั่นก็คือการซ่อมแซมความเสียหายสะสมที่เกิดขึ้นในอดีต เธอต้องพยายามให้หนักขึ้นไม่งั้นครั้งหน้าฉันจะอัดให้เละกว่านี้อีก ไม่เชื่อก็ลองดูสิ!”
วาห์นพยักหน้าแรงๆ หลายครั้งก่อนที่จะออกไปเตรียมตัวสำหรับการเดินทางเข้าสู่ดันเจี้ยน
เนื่องจากเขาคิดว่าจะกลับออกมาเฉพาะตอนอ่อนล้าถึงขีดสุดหรือพบกับทางตันในการเติบโตเท่านั้น มันจึงมีหลายอย่างที่วาห์นจำเป็นต้องตระเตรียม
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เขาต้องทำให้แน่ใจว่าจะมีอาหารเพียงพอสำหรับหนึ่งเดือน
หลังจากปลอบลิลลี่ที่ดูเหมือนจะไม่ยอมท่าเดียวอยู่หลายนาที ในที่สุดวาห์นก็แยกตัวจากเธอได้
นาซ่าเองก็มากอดเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะผละออกไปด้วยความเขินอายซึ่งวาห์นเห็นว่ามันดูตลกดี
เป็นเรื่องหายากที่จะได้เห็นน่าซ่าทำตัวน่ารักแบบนี้และเขาเกือบอยากจะแกล้งเธอเข้าให้ แต่เมื่อคิดว่าตัวเองจะออกเดินทางอยู่แล้วจึงไม่อยากทำให้ทั้งสองเสียใจไปมากกว่าเดิม
ระหว่างทางไปสู่หอคอยบาเบล วาห์นได้เดินอ้อมออกไปไกลเพื่อไปยังแผงลอยขายเครปที่เขาไม่ได้ไปมาพักหนึ่งแล้ว
หลังจากทักทายไอวานอยู่สักพัก วาห์นก็จบลงด้วยการเหมาเครปทั้งหมดในร้าน
ไอวานรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาสั่ง แต่วาห์นก็ยืนกรานจนไอวานยอมขายมันให้กับเขา
วาห์นรู้สึกซาบซึ้งในความเอื้อเฟื้อของไอวานจึงจ่ายเพิ่มไปอีกซึ่งทำให้ยอดใช้จ่ายรวมทั้งหมดเป็น 37,000 วาลิส
พอออกจากแผงลอย วาห์นก็เดินเข้าไปในตรอกและเก็บตระกร้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครปเข้าไปในช่องเก็บของ
เพราะอยู่แถวนั้นพอดี วาห์นจึงตัดสินใจอ้อมไปอีกทางเพื่อไปหาเฮเฟสตัส
เขารู้จากสึบากิว่าเฮเฟสตัสได้ออกไปตั้งแต่เช้าเพื่อสางงานที่เธอไม่ได้ทำในตอนอยู่เดนาตัส
วาห์นอยากบอกเฮเฟสตัสว่าเรื่องที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน เนื่องจากกังวลว่าเธออาจจะทำเรื่องเกินเหตุหากเขาตกอยู่ในอันตรายโดยที่ไม่ได้บอกเธอล่วงหน้า
ไม่นานวาห์นก็พบกับอาคารแสนคุ้นเคยที่เปลี่ยนชีวิตของเขาเมื่อไม่นานมานี้
เขายืนอยู่ด้านนอกและสังเกตดูอาคารก่อนจะสูดหายใจลึกและเดินเข้าไปใกล้
เซฟฟ์ ผู้เป็นหัวหน้ายาม สังเกตเห็นว่าวาห์นกำลังมาจึงรีบส่งลูกน้องไปแจ้งเฮเฟสตัสทันที
หลังจากสั่งการเสร็จแล้วเขาก็เดินออกไปทักทาย
“ว่าไง วัลแคน ได้ยินมาว่าวันก่อนไปทำตัวเป็นฮีโร่มานี่”
วาห์นหัวเราะให้กับคำพูดนั่นเล็กน้อย
เขาไม่แปลกใจเลยที่หน่วยยามที่อยู่ภายใต้เฮเฟสตัสจะรู้เรื่องฉายาของเขาและไม่รู้สึกเขินที่ถูกเรียกด้วยชื่อนั้น
“อรุณสวัสดิ์เซฟฟ์ ขอบใจเรื่องครั้งก่อนมากเลยนะ”
วาห์นยื่นกระดาษที่เขาได้รับจากโคลอี้เมื่อวันก่อน
ใครก็ตามที่เอามันไปแลกจะได้รับส่วนลดสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดในร้านเจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อมตั้งแต่เวลา 1 ทุ่มจนถึงร้านปิด
เซฟฟ์รับกระดาษแผ่นนั้นไว้และใบหน้าหยาบกร้านของเขาก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา
เขาเองก็รู้จักของชิ้นนี้ดีเนื่องจากมันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เหล่าลูกค้าของร้านต้องการมากและมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้มันมา
“หึหึ ใจดีจริงๆ ฉันมั่นใจว่าคืนนี้พวกเราจะต้องดื่มเชิดชูความเอื้อเฟื้อของนายแน่นอน”
เซฟฟ์ตบไหล่วาห์นก่อนจะเดินกลับไปประจำจุดของตนพร้อมกับให้ลูกน้องไปบอกเรื่องนี้กับทุกคนในหน่วย
คนที่ได้ยินข่าวนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้างก่อนที่จะรีบไปทำหน้าที่ต่อ
ในที่สุดเฮเฟสตัสก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูและยิ้มให้วาห์น
เธอโบกมือให้เขาเข้าไปข้างใน เขาจึงก็ตามเธอไปยังห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่ด้านหลังร้าน
หลังจากมาถึงแล้ว เธอก็ปิดประตูก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงาน
“อรุณสวัสดิ์วาห์น ฉันดีใจนะที่เราได้เจอกันอีกเร็วขนาดนี้”
วาห์นได้ยินเสียงเธอสั่้นเล็กน้อยและสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเธอออกจะแดงๆ
“ผมเองก็ดีใจที่ได้เจอคุณอีก เฮเฟสตัส มีบางอย่างที่ผมอยากจะคุยด้วยเมื่อตอนเช้า แต่คุณดันกลับไปซะก่อน”
ขณะที่วาห์นพูด เขาก็เดินไปที่โต๊ะจนเขายืนอยู่ตรงข้ามกับเฮเฟสตัส
เขามองเห็นเธอกลืนน้ำลายก่อนจะพูดขึ้น
“เธออยากจะบอกอะไรฉันเหรอวาห์น?”
วาห์นสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะอธิบายทุกอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนเช้า
เขากล่าวถึงความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกับการฝึกเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งกว่านี้
วาห์นสาบานว่าสักวันเขาจะสร้างสิ่งที่คู่ควรกับคำชมเชยของเธอ
เมื่อได้ยินคำประกาศของเขา เฮเฟสตัสก็เผยรอยยิ้มอบอุ่นออกมาแต่ความสุขของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงเมื่อเขายังคงพูดต่อไป
(TL: จากตรงนี้จะเปลี่ยนสรรพนามระหว่างวาห์น-เฮเฟสตัสใหม่เพื่อแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น)
“ฉันขอสัญญากับเธอนะเฮเฟสตัส หากแข็งแกร่งพอเมื่อไหร่ ฉันช่วยขจัดความโดดเดี่ยวที่อยู่ในหัวใจของเธอเอง
ฉันจะทำให้ทั่วโลกได้รับรู้ว่าฉัน วาห์น เมสัน มีทั้งสิทธิ์และความสามารถที่จะอยู่เคียงข้างเธอ
พวกคนที่คอยกล่าวหาเธอจะต้องสำนึกในความเขลาของตัวเอง และฉันจะเริ่มมันจากตรงนี้…”
เมื่อกล่าวคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์เสร็จ เขาก็เอื้อมมือข้ามโต๊ะไปสัมผัสใบหน้าของเฮเฟสตัส
ร่างกายของเฮเฟสตัสแข็งสนิทเมื่อวาห์นสัมผัสใบหน้าของเธอและดึงมันออกมาข้างหน้าช้าๆ
เธอปิดตาลงและเตรียมใจรับการสัมผัสที่เลี่ยงไม่ได้พร้อมกับความคาดหวังที่ผุดขึ้นมาในหัวใจอันแสนหวั่นไหว
แต่แทนที่จะได้รับสิ่งที่คาดหวัง เธอกลับรู้สึกถึงความร้อนจากตาขวาที่เคยถูกปิดเอาไว้
ความเจ็บปวดเริ่มแพร่กระจายไปทั่วร่างและเธอไม่อาจต่อต้านมันได้เลย
มันรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างในร่างกายของเธอกำลังเปลี่ยนไปจนทำอะไรไม่ถูก
ใจนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มที่เธอแสดงความรักให้มากมายจะทรยศหักหลังเธอ
ความโกรธเริ่มผุดขึ้นมาจากหัวใจขณะที่นึกอยากจะร้องไห้ออกมาเพราะความเจ็บปวด ความผิดหลัง และหัวใจที่แหลกสลาย
แต่ก่อนที่เธอจะได้ร้องออกมานั้นความเจ็บปวดก็เริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว
ความร้อนที่ดวงตาเริ่มจางหายไปและเธอก็มองไปทางวาห์นที่เผยรอยยิ้มอันลึกซึ้ง
วาห์นไม่สนใจท่าทางสงสัยของเธอและนำดาบเงางามขนาดใหญ่ออกมาจากชั้นแสดง
เขาเดินเข้าไปใกล้เฮเฟสตัสที่ยังคิดอะไรไม่ออกก่อนจะตั้งดาบไว้ตรงหน้า
เฮเฟสตัสรู้สึกสับสนและมองไปที่ตัวดาบราวกับว่ามันจะมีคำตอบทั้งหมดที่เธออยากรู้
เมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง เฮเฟสตัสก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ ก่อนจะสังเกตเห็นบางสิ่งที่สั่นสะเทือนไปจนถึงส่วนลึกของเธอ
ความผิดปกติบนใบหน้าที่เป็นเหมือนโรคร้ายและตามหลอกหลอนเธอมาทั้งชีวิตได้หายไปแล้ว
ขณะที่ดวงตายังคงเป็นสีแดงสดเช่นเดิม แต่เนื้อหนังรอบๆ นั้นถูกรักษาจนสมบูรณ์และมีรูปลักษณ์เช่นเดียวกับใบหน้าด้านซ้ายของเธอไม่มีผิดเพี้ยน
เธอยื่นมือออกไปจับและรู้สึกได้ถึงผิวพรรณเรียบเนียนที่เคยหยาบและขรุขระ
เธอมองวาห์นขณะน้ำตาที่กลั้นไว้ก่อนหน้านี้จะไหลออกมาแบบหยุดไม่อยู่
“ได้ยังไงกัน…?”
เฮเฟสตัสคิดอย่างอื่นนอกจากคำพูดนี้ไม่ออกเลย
ไม่ว่าเธอจะพยายามมากแค่ไหนในอดีตก็ไม่มีอะไรที่สามารถลบรอยแผลเป็นนี้ออกจากใบหน้าของเธอได้
ราวกับว่าเธอถูกสาปให้แบกรับแผลเป็นน่าเกลียดอันนี้ไปจนกว่าโลกจะดับสูญ
วาห์นยิ้มก่อนที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวของเธอเหมือนที่เขามักจะทำกับนาซ่าและลิลลี่ตอนที่พวกเธอเศร้าเสียใจ
“ฉันบอกแล้วนี่ว่าจะกำจัดความโดดเดี่ยวและทำให้คนโง่พวกนั้นต้องเสียใจ และฉันเองก็เป็นคนที่รักษาสัญญาเหมือนกันนะ”
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘อภินิหารวัลแคนพิชิตเทพธิดา’, ‘เห็นด้วยตาที่แจ่มชัด’, ‘น้ำตาแห่งความสุขนั้นงดงามที่สุด’, ‘วาห์นแตกเนื้อหนุ่มแล้ว’, ‘ไซคลอปส์ผู้สร้างหนี้ให้ตั้งสองร้อยล้านวาลิส’)
—————