Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 83
ร่างสีทองที่ส่องประกายไปทั่วห้องกำลังใช้ผนังเพื่อเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ร่างนั่นเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องเพื่อหลบหลีกการขว้างหินอย่างไร้ความหมายของกลุ่มมิโนทอร์สี่ตัว
ร่างนั้นก็คือวาห์นผู้ที่กำลังพยายามผลักดันสกิล [ย่างก้าวไร้สัมผัส] ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งโดยใช้ค่าความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้นเพื่อเสริมความสามารถในการต่อสู้รอบทิศทางของเขา
วาห์นลองสู้ในแบบของลิลลี่โดยใช้โจมตีที่รวดเร็วและสร้างความได้เปรียบจากสภาพแวดล้อมแทนที่จะเข้าปะทะกับศัตรูโดยตรง
เขากระโดดออกจากผนังกับพื้นและเข้าไปอยู่ตรงช่องว่างระหว่างการโจมตีของมิโนทอร์
เขาใช้ธนูและเล็งไปที่ข้อต่อรวมไปถึงจุดอ่อนอื่นๆ ของพวกมันเพื่อเป็นการฝึกการเคลื่อนไหวขณะที่ยิงธนูกลางอากาศไปในตัว
วาห์นรู้ว่ามันจะส่งผลเป็นอย่างมากหากเขายิงไปโดนจุดที่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นหดตัวเนื่องจากจะทำให้พวกมันขยับร่างกายส่วนดังกล่าวไม่ได้
นอกจากนี้เขายังเล็งไปตรงบริเวณดวงตาและซอกคอเพื่อลดประสิทธิภาพในการต่อสู้ของพวกมันก่อนจะเล็งไปตรงแกนที่ไร้การป้องกันเพื่อปิดเกม
หลังจากล้มมิโนทอร์ทั้งสี่ตัวลงได้ วาห์นก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าพร้อมกับปาดเหงื่อบนหน้าผาก
เขาใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงแต่ในที่สุดก็ล่ามิโนทอร์ได้ครบ 50 ตัวตามเป้า
โชคดีที่ชั้นนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยมิโนทอร์ที่อยู่กันเป็นกลุ่มเล็กๆ และไม่ค่อยมีมอนสเตอร์ชนิดอื่นอยู่เลย
วาห์นพบว่าการสู้กับมอนสเตอร์ประเภทเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะเขาสามารถปรับรูปแบบการต่อสู้เพื่อตอบโต้คุณสมบัติเฉพาะของพวกมันได้แทนที่จะต้องมาคอยระวังการโจมตีแบบต่างๆ ของมอนสเตอร์ชนิดอื่นไปด้วย
หลังจากเลยเวลาเที่ยงคืนไป ในที่สุดวาห์นก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า
แม้จะอยู่ในรูปแบบพยัคฆ์ขาวได้เป็นเวลานาน แต่ช่วงนี้เขากำลังมุ่งเน้นไปที่เรื่องปรับปรุงรูปแบบการต่อสู้ใหม่ทำให้พละกำลังลดลงไวกว่าปกติ
เขาจะต้องหาวิธีรักษาสมดุลให้ดีกว่านี้ในอนาคตไม่งั้นอาจหมดแรงกลางคันในขณะที่ยังสู้ไม่เสร็จ
เหตุผลหลักที่เขาเปลี่ยนมาเน้นเรื่องความเร็วก็เพราะหลังจากได้เผชิญหน้ากับจักเกอร์นอต สิ่งเดียวที่เขาคิดออกก็คืออยากจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่านี้
แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในโซนปลอดภัย แต่วาห์นก็ตัดสินใจหยุดพักชั่วคราว
เขาปลดการแปลงร่างออกและขยายเขตแดนเพื่อตรวจจับศัตรูที่อาจเข้ามาก่อกวนก่อนจะเข้าสู่การหลับใหล
—
วาห์นถ่างตาก่อนจะดีดตัวขึ้นและวิ่งตรงไปทางที่เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
วาห์นรู้สึกถึงความสิ้นหวังภายในระยะเขตแดนซึ่งคล้ายกับตอนที่เขาช่วยนาซ่าเอาไว้
เขาเข้าสู่ร่างพยัคฆ์ขาวและเพิ่มความเร็วขึ้นขณะมองหาที่มาของความรู้สึกดังกล่าว
เมื่อมองไปที่เวลาในระบบก็เห็นว่าขณะนี้เป็นเวลาตี 5 กว่าๆ และเขาก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาสำรวจดันเจี้ยนในช่วงเช้ามืดแบบนี้
หลังจากวิ่งไปประมาณสิบห้านาที วาห์นก็มาถึงห้องกว้างที่ซึ่งเขามองเห็นนักผจญภัยสามคนกำลังต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนมังกรสีม่วงขนาดใหญ่
จากลักษณะพื้นฐานของมัน วาห์นพอบอกได้ว่ามันคือไวเวิร์นแต่ไม่เหมือนกับตัวที่ยาว 5 เมตรและมีเกล็ดสีชมพู
ไวเวิร์นตัวนี้มีเกล็ดสีม่วงเข้มที่จัดเรียงกันอย่างแน่นหนาและมีขนาดตัวที่ยาวเกือบ 7 เมตร
ดวงตาของมันเป็นสีแดงหม่นที่ดูเหมือนเปลวเพลิงขณะที่มันเข้าจู่โจมกลุ่มคนทั้งสามอย่างดุเดือด
นักผจญภัยทั้งสามเป็นเผ่ามนุษย์และมีหน้าตาที่คล้ายกันมากราวกับว่าทุกเป็นญาติกัน
ชายที่กำลังต่อสู้กับเพอร์เพิลไวเวิร์นอยู่ในตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนที่อายุมากที่สุดในกลุ่มและน่าจะเป็นญาติกับเด็กหนุ่มสองคนที่อยู่ด้านหลัง
ชายคนนั้นดูท่าทางเคร่งขรึมและมีรูปร่างสูงและที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
เขาต่อสู้กับเพอร์เพิลไวเวิร์นด้วยหอกยาวขณะพยายามดึงควาสนใจของมันออกมาจากเหล่าเด็กหนุ่ม
ที่ด้านหลังของชายคนนั้น เด็กหนุ่มที่ดูอายุน้อยสุดในกลุ่มกำลังพยายามห้ามเลือดให้กับเด็กอีกคนที่ดูเหมือนจะเป็นพี่ชายของตน
ใบหน้าของพวกเขาดูคล้ายกันแต่เด็กหนุ่มคนเล็กนั้นมีรูปร่างที่เตี้ยกว่าคนที่นอนอยู่บนพื้นมาก
วาห์นพยายามทำความเข้าใจกับฉากที่อยู่ตรงหน้าและรู้ทันทีกว่าแผลของเด็กที่นอนอยู่นั้นสาหัสมากและอาจ
โดยปกติแล้วการโจมตีมอนสเตอร์ที่คนอื่นกำลังต่อสู้อยู่นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด แต่วาห์นดูจนแน่ใจแล้วว่าพวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ
หากเขาเรียกชายที่กำลังสู้อยู่ มันอาจทำให้เขาเสียสมาธิและพลาดท่าให้กับเพอร์เพิลไวเวิร์น
สำหรับตอนนี้ วาห์นจึงเดินอ้อมไปรอบๆ และเริ่มโจมตีดวงตาไวเวิร์นด้วยธนูของเขา
ลูกศรเฉียดผ่านหน้าผากของเพอร์เพิลไวเวิร์นไปและทำให้มันเซถอยหลังเล็กน้อย
มันคำรามด้วยความโกรธแต่ชายวัยกลางคนก็ใช้ช่องว่างนั้นเพื่อแทงหอกไปที่ซอกคอของสัตว์ร้าย
เพอร์เพิลไวเวิร์นตอบโต้ด้วยการปล่อยควันพิษออกไปทางชายหนุ่มจนเขาต้องรีบทิ้งระยะห่างออกจากตัวของมันอย่างรวดเร็ว
เขาหลบการโจมตีก่อนที่จะตะโกนออกไปทางวาห์น
“ขอบใจนะ คนแปลกหน้า! หากพวกเรารอดไปได้ฉันจะตอบแทนนายอย่างแน่นอน ถ้านายมีโพชั่นเหลือล่ะก็ช่วยไปดูลูกๆ ของฉันหน่อยได้ไหม? ฉันจะดึงความสนใจของไอ้ตัวนี้ให้เอง”
วาห์นเห็นชายคนนั้นดูมีความสุขมากที่ได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงรีบเข้าไปหาเด็กหนุ่มทั้งสองที่ดูเหมือนจะเป็นลูกของชายคนนั้น
พวกเขาแต่ละคนมีอายุประมาณ 15 – 16 ปี ซึ่งแก่กว่าวาห์นเล็กน้อยและดูจากการที่พวกเขามาอยู่บนชั้นที่ 15 ก็ทำให้วาห์นพอเดาได้ว่าทั้งสองน่าจะเป็นนักผจญภัยเลเวล 2 ระดับกลางๆ
เด็กหนุ่มผู้เป็นน้องมองมาทางวาห์นด้วยท่าทางไม่สู้ดีขณะที่กำลังพยายามห้ามเลือดที่ไหลออกมาด้วยมือเปล่า
เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกตื่นตระหนกมากจนไม่สามารถรักษาแผลได้อย่างถูกต้อง
“ดะ-ได้โปรด ได้โปรด ช่วยพี่ชายด้วย ผมไม่… ผม…”
เด็กหนุ่มตัวสั่นเทาขณะกอดพี่ชายของตนไว้ในอ้อมแขนและพูดกับวาห์น
วาห์นขยับมือของเด็กหนุ่มออกขณะที่ออร่าสีทองบนร่างค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
แทนที่แสงสีทองนั้นกลับมีแสงสีขาวอ่อนโยนปรากฏออกมาจากฝ่ามือของเขาแทน จากนั้นเขาก็วางมันนั่นบนแผลของผู้เป็นพี่
วาห์นพบว่าตนยังอยู่ในร่างพยัคฆ์ขาวแต่การอธิบายคงต้องเก็บเอาไว้หลังเรื่องจบ
หนึ่งในข่าวลือเกี่ยวกับเขานั้นมีเรื่องเวทมนตร์ ‘ร่างแปลงอสูร’ รวมอยู่ด้วย ดังนั้นตราบใดที่พวกเขารู้จัก ‘วัลแคน’ ก็คงจะไม่เป็นไร
บาดแผลของเด็กหนุ่มเริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็วขณะที่ผู้เป็นน้องชายเริ่มยิ้มออกมาเหมือนกับคนเสียสติ
“ขอบคุณครับ! ขอบคุณจริงๆ!”
วาห์นจ้องกลับจนเด็กหนุ่มเริ่มสงบลงก่อนจะส่งโพชั่นที่เขาเก็บไว้ใช้ตอนฉุกเฉินให้
เนื่องจากเขาไม่สามารถใช้ไอเท็มของร้านค้ากับคนอื่นได้ ดังนั้นเขาจึงเก็บของพวกนี้เอาไว้ในช่องเก็บของเผื่อกรณีแบบนี้
เขาไม่สามารถใช้สกิล [เคลื่อนย้ายบาดแผล] ได้ทุกครั้งเพราะจะเป็นการดึงดูดความสนใจมากเกินไป
เขาโชคดีมากที่ยังปกปิดสกิลนี้ไว้ได้จนถึงตอนนี้เพราะคนที่รู้เรื่องล้วนกลายมาเป็นคนรู้จักหมดเลย
หลังส่งโพชั่นให้กับเด็กหนุ่มที่พูดตะกุกตะกัก วาห์นก็กลับไปต่อสู้กับเพอร์เพิลไวเวิร์นต่อ
เขาปิดบาดแผลของเด็กหนุ่มด้วย [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] จนพ้นขีดอันตรายเรียบร้อยแล้ว
โพชั่นนั่นจะช่วยให้เขาฟื้นตัวขึ้นจนถึงขั้นที่พอจะขยับได้
อีกไม่นานทั้งสองคนคงจะขยับออกไปจนพ้นบริเวณที่สู้กันอยู่
วาห์นง้างคันธนูและปล่อยลูกศรออกไปเพื่อก่อกวนเจ้าไวเวิร์น
เพอร์เพิลไวเวิร์นรู้สึกหงุดหงิดกับผู้มาใหม่เป็นอย่างมากเพราะทุกครั้งที่มันถูกยิง ชายคนที่มันสู้ด้วยก็จะแทงหอกใส่เช่นเดียวกัน
ชายคนนี้เป็นนักผจญภัยชั้นสองซึ่งเกือบจะขึ้นเป็นเลเวล 4 อยู่แล้ว
เขาไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเพอร์เพิลไวเวิร์น แต่มันคงต้องใช้เวลานานกว่าจะชายล้มชายคนนี้ลงได้
ด้วยการช่วยเหลือของวาห์น โอกาสชนะก็เพิ่มสูงขึ้นมาก และเขายังมองเห็นลูกชายทั้งสองของตัวเองที่กำลังถอยห่างออกไปด้านหลัง
เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองปลอดภัยแล้ว ชายคนนั้นได้ทำสิ่งที่นักผจญภัยไม่ควรทำอย่างยิ่ง
เขาลดความระมัดระวังตัวลงเล็กน้อยจากความรู้สึกโล่งใจ
นั่นเป็นช่องว่างที่เพอร์เพิลไวเวิร์นเล็งเห็นเช่นกันก่อนที่มันจะฟาดหางใส่ชายคนนั้น
เมื่อเห็นการโจมตีที่ใกล้เข้ามา เขาก็ได้แต่กัดฟันและพยายามใช้หอกรับการโจมตีนั่นไว้
ตัวหางปะทะกับหอกและทำให้ก้านหอกโค้งงอราวกับคันธนูขณะที่ผู้ถือนั้นกระเด็นไปชนเข้ากับผนังอย่างจัง
มีรอยแตกปรากฏขึ้นตรงจุดที่เข้าไปปะทะกับผนังขณะที่เขาถึงกับกระอักเลือด
เพอร์เพิลไวเวิร์นพยายามสังหารชายคนนั้น แต่ในตอนที่มันพุ่งไปข้างหน้าก็มีพลังอันรุนแรงกระแทกเข้ามาที่ส่วนหัวของมัน
การโจมตีนั่นทำให้หัวของไวเวิร์นลงไปทิ่มกับพื้นอย่างน่าตลกก่อนที่ดาบสีดำจะตามมาและจบชีวิตของมันลงที่ตรงนั้น
วาห์นยืนอยู่บนหัวที่ไร้ชีวิตของไวเวิร์นและมองไปทางชายวัยกลางคนคนก่อนจะยิ้มให้
เมื่อเห็นว่าเจ้าไวเวิร์นตายสนิท ชายคนนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจบาดแผลตัวเอง
เขามองวาห์นด้วยสีหน้าขอบคุณขณะเริ่มตรวจดูบาดแผลของตัวเอง
ตอนนี้การต่อสู้จบลงแล้ว พวกลูกชายของเขาก็เริ่มเดินเข้ามาขณะที่เด็กหนุ่มที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้เริ่มตัดแกนคริสตัลออกมาจากมอนสเตอร์ตัวปัญหา
ชายคนนั้นทำหน้าเซ็งๆ หลังจากเห็นก้อนคริสตัลขนาดใหญ่ แต่เขาก็เพียงส่ายหัวขณะที่วาห์นเก็บมันใส่กระเป๋า
เด็กหนุ่มทั้งสองเดินเข้ามาและร้องเรียกเขา
“พ่อ!”
“คุณพ่อ!”
หลังจากที่ลูกๆ เข้ามาใกล้ ทั้งสามก็กอดกันกลมและร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนใจวาห์น
พอเห็นสัมพันธ์อันลึกซึ้งของครอบครัวนี้ วาห์นก็เริ่มนึกถึงผู้คนที่รอเขาอยู่ด้านบนขึ้นมาหน่อยๆ
แม้ยังคงไม่เปลี่ยนความคิดที่จะอยู่ในดันเจี้ยนจนกว่าภารกิจจะเสร็จ แต่วาห์นก็เริ่มคิดถึงพวกเธอหลังจากได้เห็นฉากตรงหน้า
หลังจากถอนหายใจออกมา วาห์นก็หันหลังกลับและเริ่มมุ่งหน้าเข้าไปในดันเจี้ยนต่อ
ชายวัยกลางคนร้องเรียกเขา
“นี่ รอก่อนคนสิคนแปลกหน้า! ฉันอยากจะตอบแทนที่นายช่วยฉันกับลูกๆ เอาไว้!”
ลูกชายของเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับผู้เป็นพ่อ
วาห์นหันกลับไปทางพวกเขาและนำคริสตัลออกมาให้ดูกันอีกครั้ง
“แค่นี้สำหรับผมก็เพียงพอแล้ว ขอให้คุณระวังตัวมากกว่านี้ในอนาคตก็พอ… คงไม่มีใครอยากให้สมาชิกครอบครัวมาตายอยู่ในนี้หรอกนะ”
หลังจากพูดปิดท้ายเสร็จ วาห์นก็เดินต่อไปท่ามสายตางุนงงจากทั้งสาม
ในตอนที่เขาเกือบจะถึงหัวมุม ชายวัยกลางคนก็เรียกเขาอีกครั้ง
“อ้า! อย่างน้อยก็บอกชื่อให้พวกเรารู้หน่อยเถอะ! ฉันจะดื่มให้นายเมื่อเรากลับไปถึงเมือง!”
วาห์นหยุดเดินหลังได้ยินคำพูดของเขาและคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาหันกลับไปและเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจจนทำให้ทั้งสามต้องผงะ
“ผมมีฉายาว่าวัลแคน แต่คนในเฮเฟสตัสแฟมิเลียมักเรียกผมว่า วาห์น เมสัน”
วาห์นหันหลังอีกครั้งและเดินผ่านออกไปก่อนจะหายไปจากวิสัยทัศน์ของทั้งสาม
ชายคนนั้นมองไปทางลูกๆ ของตัวเองพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่วาห์นพูดก่อนหน้านี้และตัดสินใจว่าถนอมชีวิตของตัวเองให้มากขึ้นอีกหน่อย
เขาจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นในอนาคต ไม่งั้นชีวิตของคนรอบตัวก็จะพลอยลำบากไปด้วย
“เด็กหนุ่มคนนั้นแข็งแกร่งมากเลย… ถึงเขาจะดูอายุน้อยกว่าผมก็เถอะ…”
ลูกชายคนเล็กกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
ในการต่อสู้เมื่อกี้นั้นเขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย
แม้แต่ในตอนที่พี่ชายได้รับบาดเจ็บเพราะพยายามปกป้องเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือเฝ้ามองดูเลือดของพี่ไหลออกมาอย่างช้าๆ
ชายวัยกลางคนวางมือไว้บนหัวและขยี้ผมของลูกๆ ทั้งสอง
“อืม แต่เรื่องความแข็งแกร่งน่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอายุหรอกนะ พวกลูกต้องพยายามฝึกฝนให้มากแล้วก็ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่านี้ด้วย”
หลังจากที่พูดจบ ลูกๆ ของเขาก็พยักหน้าซึ่งทำให้เขายิ้มออกมา
ผู้เป็นพ่อมองเห็นความแน่วแน่ในดวงตาของลูกชายและรู้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกในอนาคต
—
วาห์นกำลังเดินอยู่ที่ทางเดินและคอยตรวจสอบข้อมูลในระบบ
หลังจากสังหารเพอร์เพิลไวเวิร์นตัวนั้น วาห์นก็แลกเปลี่ยนคริสตัลของมันในระบบและได้รับมาถึง 7,180 OP
มันเป็นจำนวนที่ค่อนข้างเยอะหากนำมาเทียบกับมอนสเตอร์ธรรมดา
วาห์นพอจะคาดคะเนได้ว่ามอนสเตอร์แบบพิเศษน่าจะมีมูลค่ามากกว่ามอนสเตอร์รูปแบบธรรมดาประมาณ 20 เท่า
หากโชคดี เขาจะได้พบกับพวกมันอีกในอนาคตและเก็บ OP ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2 ชั่วโมงต่อมา ในที่สุดวาห์นก็มาถึงบันไดที่จะนำไปสู่ชั้นที่ 16
เขาตัดสินใจหยุดพักอีกครั้งเนื่องจากก่อนหน้านี้ยังงีบได้ไม่เต็มอิ่มเลย
เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นเป้าหมายหลักของเพอร์เพิลไวเวิร์น มันจึงไม่ใช่การต่อสู้ที่ตึงมือนัก แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ฆ่ามิโนทอร์ไปอีก 26 ตัวด้วยกัน
ตอนนี้เขามีอยู่ทั้งหมด 213,116 OP และได้มาตามจำนวนที่ภารกิจระบุไว้แล้วเกิน 20%
วาห์นนั่งพิงผนังขณะทานเครปก่อนจะตรวจสอบสถานะของตน
การคอยดูค่าสถานะกลายมาเป็นงานอดิเรกของเขาตั้งแต่เข้ามาในดันเจี้ยนเพราะมันทำให้เขาวัดอัตราการเติบโตของตัวเองได้อย่างแม่นยำ
วาห์นพบว่านอกจากค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นแล้ว รอบนี้ระดับของสกิล [ย่างก้าวไร้สัมผัส] ก็ยังเพิ่มเป็นระดับ B อีกด้วย
การฝึกเพื่อเพิ่มค่าความว่องไวและใช้รูปแบบต่อสู้แบบหลบหลีกนั้นได้ผลดีจริงๆ
————————————————————————-
[[สถานะ]]
ชื่อ: [วาห์น เมสัน]
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]
-เลเวล:2(2)
-พลังโจมตี:1001+(C609)->(C690)
-ความอดทน:1108+(S914)->(S951)
-ความแม่นยำ:887+(E470)->(D522)
-ความว่องไว:940+(D551)->(B702)
-พลังเวท:1611+(S949)->(SS1008)
ค่าสถานะรวมทั้งหมด:5547+(3393)->(3873)
ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)
[กรรม]: 1,219
[OP]: 213,116
[วาลิส]: 171,630
————————————————————————-
[OP] ที่ใช้จ่ายไป: 99,700/100,000
วาห์นรู้สึกพึงพอใจกับพัฒนาการของตนเองและเข้าสู่การหลับใหลหลังจากขยายเขตแดนของตนออกไปทั่วทางเดิน
(TL: ชื่อตอนสำรอง: ‘ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เลย, ‘ศัตรูตามธรรมชาติของมิโนทอร์’ , ‘วาห์น ผู้ชอบรังแกมอนเตอร์’, ‘ในเรื่องนี้ก็มีผู้ชายด้วยนะ แต่ว่าชื่อ…ไว้ถามทีกลังแล้วกัน’, ‘ระวังสิ่งที่ตัวเองขอให้ดีเถอะ’)
—————