Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 84
(TL: ผู้แต่งอยากลองตั้งชื่อตอนให้ตลกแทนที่จะเป็นชื่อตอนแบบที่ใช้ประจำ)
วาห์นตื่นขึ้นมาและเริ่มวันที่สี่ที่เขาเข้ามาอยู่ในดันเจี้ยน
เขาพบว่าตัวเองไม่ต้องใช้เวลานอนมากนักหลังจากที่เพิ่มพลังให้กับ ‘เพลิงนิรันดร์’ ดังนั้นวาห์นจึงนอนพักเพียง 5 ชั่วโมงก่อนจะเดินไปชั้นที่ 16 ต่อ
มอนสเตอร์ในชั้นที่ 16 นั้นหลักๆ ก็จะเป็นมิโนทอร์ซึ่งคล้ายกับชั้นที่ 15 แต่พวกมันจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่กว่าเดิมมาก
การต่อสู้จากวันก่อนๆ ทำให้วาห์นก็ปรับตัวเข้ากับร่างพยัคฆ์ขาวได้ดียิ่งขึ้น
สัมผัสการรับรู้ที่ถูกเสริมโดยพลังเขตแดนบวกกับร่างพยัคฆ์ขาว ทำให้วาห์นสำรวจดันเจี้ยนได้อย่างรวดเร็วและง่ายกว่าคนส่วนใหญ่
ขณะที่นักสู้คนอื่นต้องพึ่งพาสัมผัสและการรับรู้แบบพิเศษเพื่อหลบหลีกศัตรู แต่วาห์นกลับมีแผนที่อยู่ภายในหัวและสามารถ ‘รู้สึก’ ถึงทุกอย่างที่ภายในระยะ 70 เมตรได้แบบสบายๆ
วาห์นเริ่มใช้รูปแบบการต่อสู้ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นและยังถอดรองเท้าออกเพื่อเพิ่มความสามารถในการยึดติดขณะที่ใช้ร่างแปลง
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเหนื่อยหรือต้องการสำรวจพื้นที่โดยรอบ เขาก็จะใช้กรงเล็บเกาะผนังและกระโดดขึ้นไปข้างบนขณะและทำให้หลบศัตรูได้อย่างง่ายดาย
มาถึงตอนนี้ วาห์นพึ่งพาความสามารถทางกายภาพเกือบทั้งหมดในการจัดการกับมอนสเตอร์โดยไม่ใช้อาวุธเลย
ดูเหมือนว่าชั้นที่ 16 จะใหญ่กว่าชั้นก่อนๆ และวาห์นได้ทำการฝึกฝน/ออกล่ามากว่า 7 ชั่วโมงแล้วก่อนจะมาถึงห้องขนาดใหญ่
หลังจากเข้าไปในนั้น สัญชาตญาณของวาห์นก็เริ่มดังขึ้นซึ่งทำให้เขาระมัดระวังตัวถึงขีดสุด
ก่อนที่จะก้าวต่อ เขาก็กระโดดไปเกาะผนังด้านหลังและเริ่มกระโดดต่อขึ้นไปด้านบน
ภายในสามวินาที วาห์นก็ไต่ผนังขึ้นไปจนถึงยอดสุดของเพดาน
เขาฝังกรงเล็บลึกเข้าไปในผนังและสังเกตสภาพโดยรอบ
จู่ๆ ก็เกิดรอยแตกมากมายขึ้นที่ด้านล่างและมีรูโผล่ออกมาจากรอยเหล่านั้น
รูสีม่วงแดงเริ่มมีมิโนทอร์หลายสิบตัวที่ค่อยๆ ทยอยกันออกมาและทำการสำรวจไปรอบๆ
วาห์นเคยอ่านเจอปรากฏการณ์นี้จากในหนังสือบทสรุปมาแล้ว
มันบอกไว้ว่าเมื่อมีกลุ่มหรือปาร์ตี้เข้ามาล่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยนมากเกินไป มันจะก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า ‘มอนสเตอร์ปาร์ตี้’
‘มอนสเตอร์ปาร์ตี้’ นั้นประกอบไปด้วยมอนสเตอร์หลายร้อยตัวที่สามารถกวาดล้างทุกอย่างได้แม้แต่กลุ่มสำรวจขนาดใหญ่ก็ตาม
วาห์นเริ่มนับจำนวนมิโนทอร์ที่กำลังทยอยออกมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ 73 ตัว
โชคยังดีที่จำนวนของพวกมันนั้นจะสัมพันธ์กับจำนวนคนในปาร์ตี้ ไม่งั้นวาห์นอาจต้องเจอกับกลุ่มที่ใหญ่กว่านี้
สำหรับนักผจญภัยที่ออกสำรวจคนเดียวนั้น จำนวนมอนสเตอร์หลายร้อยตัวอาจจะถูกลดจำนวนจนเหลือเพียงไม่ถึงร้อยตัวเท่านั้น
มิโนทอร์ยังคงมองหา ‘เหยื่อ’ ของพวกมันต่อไป
ตอนที่วาห์นมาเกาะอยู่บนเพดาน เขาก็เปิดใช้สกิลอำพรางตัวไปด้วยซึ่งทำให้พวกมันหาเขาไม่พบ
เนื่องจากเพดานมีความสูงเกือบ 34 เมตร จึงไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนที่คิดจะมองมาข้างบนเลยแม้แต่ตัวเดียว
วาห์นมองดูพวกมันเดินไปมาและทำท่าสับสน
มิโนทอร์บางตัวเริ่มทำลายก้อนหินหรือสถานที่ที่พอจะใช้ซ่อนตัวได้
วาห์นยังคงมองดูพวกมันเกือบหนึ่งชั่วโมงเพราะเขาอยากรู้ว่าพวกมันจะหายตัวไปหรือเดินออกไปยังพื้นที่อื่นไหม
เขาไม่เคยเห็นมอนสเตอร์อยู่ที่เดียวกันเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงสงสัยว่าจะมีกลไกบางอย่างมาทำให้พวกมันอยู่ภายในห้องหรือทำให้พวกมันรู้ว่าเขายังอยู่แถวนี้หรือไม่
ทันใดนั้นเอง ความคิดแจ่มๆ ก็แล่นเข้ามาในหัวของเขา
เขาตอกเท้าเข้าไปในเพดานอย่างแน่นหนาพร้อมกับเก็บกรงเล็บและห้อยตัวลงมา
มันเป็นความรู้สึกแปลกที่ต้องอยู่ในสภาพห้อยหัวนานๆ และว่าห์นก็ใช้เวลาไปอีกสองสามวินาทีในการปรับสภาพจิตใจก่อนจะนำคันธนูออกมาถือไว้
ตั้งแต่ที่เขาได้เผชิญหน้ากับจักเกอร์นอต วาห์นก็อยากลองฝึกใช้สกิล [เสียงเรียกแห่งยมทูต] มาตลอดและพบว่านี่เป็นโอกาสที่เหมาะสุดๆ เลย
วาห์นเล็งลูกศรก่อนจะปล่อยมันออกไปทางหนึ่งมิโนทอร์ที่อยู่บริเวณรอบนอกของกลุ่ม
ลูกศรเริ่มเข้าสู่สภาพล่องหนและหากวาห์นไม่มีเขตแดน เขาเองก็คงสัมผัสถึงลูกศรไม่ได้
ลูกศรพุ่งทะลุผ่านด้านหลังศีรษะของมิโนทอร์ก่อนที่ร่างของมันจะกลายเป็นฝุ่นผง
เนื่องจากวาห์นคุ้นเคยในการต่อสู้กับพวกมันเป็นอย่างมาก เขาจึงรู้ดีว่าตำแหน่งแกนกลางและจุดอ่อนของมันอยู่ที่ตรงไหนบ้าง
เมื่อเห็นหนึ่งในพรรคพวกตายไปต่อหน้าต่อตา เหล่ามิโนทอร์ก็เริ่มคำรามและเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง
พวกมันเริ่มทุบพื้นและยกก้อนหินขึ้นเพื่อตามหาตำแหน่งของผู้โจมตี
ในความโกลาหลนี้ วาห์นยังคงยิงลูกศรไปทางมิโนทอร์ที่อยู่ห่างไปจากกลุ่มใหญ่เรื่อยๆ
เนื่องจากลูกศรแต่ละดอกได้รับพลังทำลายเพิ่มขึ้น 300% วาห์นจึงสามารถกำจัดเป้าหมายส่วนใหญ่ได้ภายในดอกเดียว
มิโนทอร์ส่วนใหญ่นั้นอยู่ภายในระยะ 40 เมตร ส่วนเขาก็อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าทำให้สามารถยิงพวกมันในตำแหน่งหัวและคอได้
หลังจากสังหารพวกมันไปมากกว่าครึ่ง ในที่สุดวาห์นก็ยิงพลาดเป้าและฝังลูกศรเข้าไปในไหล่ของมิโนทอร์ตัวหนึ่ง
มิโนทอร์มองไปยังตำแหน่งของเขาก่อนจะปล่อยเสียงคำรามออกมาพร้อมกับดวงตาสีแดงฉาน
วาห์นรู้สึกเหมือนตัวกำลังหดลงเล็กน้อย ราวกับพละกำลังได้เหือดหายไปหมดขณะที่มิโนทอร์ทั้งกลุ่มมองมาที่เพดาน
วาห์นตระหนักว่า ‘จุดอ่อน’ ของตัวเองในตอนนี้ก็คือการใช้สกิลผิดพลาด
(TL: ‘หากโจมตีไม่สำเร็จจะถูกลบสถานะอำพรางตัวและลดค่าสถานะลง 50% เป็นเวลา 30 นาที ลดคูลดาวน์เหลือ 5 นาที ก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถเข้าสู่สภาะวะอำพรางได้อีกครั้ง’ คือข้อเสียของเสียงเรียกแห่งยมทูต อ้างอิงจากข้อมูลตอนที่ 16)
เขากัดฟันพร้อมกับเปลี่ยนเป็นลูกศรระเบิด
มิโนทอร์เริ่มขว้างหินมาทางวาห์นอย่างบ้าคลั่งขณะที่เขาก็เริ่มโปรยฝนระเบิดเข้าใส่ร่างของพวกมันจากด้านบน
วาห์นเกือบจะขำออกมาหลังจากเห็นก้อนหินส่วนใหญ่เริ่มตกกลับไปหลังจากขึ้นมาสูง 25 – 30 เมตร
แม้ว่ามิโนทอร์จะมีพละกำลังมหาศาล แต่มันก็ไม่สามารถขว้างก้อนหินที่หนัก 100 กิโลกรัมมาที่เพดานสูง 34 เมตรได้
ในทางกลับกัน หินนั่นกลับกลายเป็นสิ่งที่มาทำร้ายพวกมันแทนเพราะขณะที่ขว้างหินออกไปในอากาศ ก้อนหินเหล่านั้นก็ย้อยตกลงมาใส่พวกเดียวกันแทน
โชคร้ายสำหรับมิโนทอร์ที่พวกมันดูเหมือนจะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ จึงได้แต่ทำร้ายพวกเดียวกันต่อไปอย่างไร้จุดหมาย
วาห์นยิงลูกศรออกไปเรื่อยๆ และแม้จะฆ่าได้ช้าลงเพราะจำนวนของก้อนหินที่เข้ามาขวางลูกศร แต่เขาก็คอยกำจัดพวกมันต่อไป
ในบางครั้งจะมีก้อนหินขนาดเล็กที่มาถึงตำแหน่งของเขา แต่ส่วนใหญ่นั้นเล็งไม่ตรงเป้า วาห์นจึงสามารถปัดพวกมันออกไปได้ด้วยถุงมือเหล็ก
ตอนที่ก้อนหินมาถึงตัวเขา มันก็สูญเสียพลังทำลายส่วนใหญ่ไปแล้ว ทำให้ง่ายต่อการปัดออกโดยไม่ทำให้หมดแรงเสียก่อน
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ขาของเขาเกือบจะหลุดออกจากเพดาน แต่วาห์นก็สามารถจัดการและปักเท้าลงไปอย่างมั่นคงได้อีกครั้ง
เมื่อเหลือมิโนทอร์เพียง 10 ตัว วาห์นก็เก็บธนูกลับไปและตั้งสมาธิเพื่อปรับลมหายใจ
ยังเหลืออีกประมาณ 20 นาทีก่อนที่ค่าสถานะจะฟื้นคืนมาจากผลของสกิลที่ผิดพลาด
แม้วาห์นจะสามารถปราบมิโนทอร์ที่เหลืออยู่ไม่มากได้อย่างง่ายดาย แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะพักฟื้นก่อนเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน
หนังสือบทสรุปบอกไว้ว่าการโค่น ‘มอนสเตอร์ปาร์ตี้’ ในบางครั้งจะส่งผลให้กลุ่มที่สองโผล่ออกมา
ซึ่งในกลุ่มที่สองนั้นจะมีมอนสเตอร์ที่เลเวลเพิ่มขึ้นและอาจมีสายพันธุ์พิเศษปะปนอยู่ด้วย
แม้ว่ามิโนทอร์ในปัจจุบันจะทำอะไรเขาไม่ได้มากนัก แต่วาห์นก็เชื่อว่าถ้าอาจเกิดปัญหาหากต้องสู้กับตัวที่มีเลเวลสูงกว่านี้
หากมีมิโนทอร์เลเวล 3 หรือสายพันธุ์พิเศษโผล่ออกมา ต่อให้เขาอยู่บนเพดานก็คงไม่อาจรอดไปได้
ยิ่งเขาต้องต่อสู้กับพวกมันด้วยค่าสถานะที่ลดลงครึ่งหนึ่งคงจะเหมือนหายนะดีๆ นี่เอง
ดังนั้นวาห์นจึงรอให้เวลาหมดลงเสียก่อน
เมื่อสังเกตเห็นว่าศัตรูของพวกมันหยุดต่อสู้ เหล่ามิโนทอร์ก็เริ่มคำรามออกมาเพื่อเย้ยหยันวาห์นขณะที่ยังคงขว้างก้อนหินต่อไป
แม้ว่ามิโนทอร์ส่วนใหญ่จะถูกกำจัดไปแล้ว พวกมันก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวและยังคงทำเป็นไม่กลัวตายต่อไป
วาห์นไม่มั่นใจพวกมันซื่อบื้อตามธรรมชาติหรือถูกดันเจี้ยนล้างสมองไปหมดแล้ว
แม้ว่ามอนสเตอร์ในดันเจี้ยนจะเร็วและแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ภายนอก แต่พวกมันก็ยังมีความบ้าคลั่งที่แตกต่างออกไป
ในสถานการณ์ส่วนใหญ่นั้นจะทำให้พวกมันอันตรายยิ่งกว่าเดิม แต่ในกรณีแบบนี้กลับทำให้พวกมันถูกจัดการได้อย่างง่ายดาย
หลังผ่านไปอีก 20 นาที วาห์นก็รู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งกลับคืนมาแล้วและปล่อยตัวเองลงมาจากเพดาน
มิโนทอร์มองเห็นเขาตกลงมาและเริ่มพุ่งเข้าใส่ไปยังตำแหน่งที่เขาน่าจะตกลงถึงพื้น
พอเห็นท่าทางตื่นเต้นของพวกมัน วาห์นก็ส่ายหัวพร้อมกับบิดตัวกลางอากาศ
เขาง้างลูกศรระเบิดและยิงออกไปตรงพื้นที่เขาจะลงไปเหยียบแบบต่อเนื่อง
กลุ่มลูกศรสัมผัสกับพื้นดินและปลดปล่อยคลื่นกระแทกอันรุนแรงจนฝุ่นฟุ้งไปทั่ว
มิโนทอร์ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเนื่องจากพวกมันยังไปไม่ถึงตำแหน่งนั้นแต่ก็ต้องผงะและปิดใบหน้าเพื่อป้องกันเศษหินและเศษซากต่างๆ ที่กระเด็นออกมา
ครู่ต่อมาก็มีลูกศรพุ่งออกจากกลุ่มควันและฝังเข้าไปที่ซอกคอของมิโนทอร์หลายตัว
ไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนที่บอกได้ว่าภายในกลุ่มควันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากสร้างกลุ่มควันเพื่อบดบังวิสัยทัศน์ของพวกมันแล้ว วาห์นก็ลงสู่พื้นบริเวณใกล้เคียง
เพื่อไม่ให้ตนได้รับผลกระทบจากควัน เขาจึงปิดตาลงและสัมผัสตำแหน่งของมิโนทอร์แต่ละตัวด้วยพลังเขตแดนแทน
ตอนนี้พวกมันหยุดอยู่กับที่และอยู่ในท่าตั้งรับ ดังนั้นวาห์นจึงเริ่มยิงลูกศรเข้าตรงช่องว่างระหว่างแขนซึ่งก็คือที่คอของพวกมัน
ภายในเวลา 20 วินาทีหลังจากร่วงลงมา เขาก็กำจัดมิโนทอร์ที่เหลือจนหมดและเก็บกู้คริสตัลของพวกมัน
วาห์นยังคงรอต่อไปพร้อมกับซ่อนตัวอยู่ภายในหลุมบนพื้นที่เกิดจากแรงระเบิด
เขาใช้เขตแดนและสัมผัสที่เฉียบคมสำรวจบริเวณโดยรอบพร้อมเฝ้ารอการมาของศัตรูเพิ่มเติม
หลังผ่านไปประมาณ 5 นาที เขาก็ลุกขึ้นมาจากหลุมและปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า
โชคดีที่เขาต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์เพียงกลุ่มเดียว
นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาใช้เวลาสู้ไปนานพอสมควร
แม้เขาจะอยากต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้นแต่ก็อยากเป็นฝ่ายเข้าโจมตีก่อนแทนที่จะมานั่งรอพวกมันอย่างเสียเปรียบแบบนี้
หลังจากเดินต่อไปอีก 20 นาที วาห์นก็มาถึงบันไดที่จะนำเขาไปสู่ชั้นที่ 17
เขาใช้เวลาเกือบ 10 ชั่วโมงบนชั้นที่ 16 และตอนนี้ก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว
วาห์นพิงผนังและเพลิดเพลินไปกับมื้อเที่ยงขนาดใหญ่เพื่อเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่า
เขาอยากทานให้อิ่มก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ชั้นที่ 17 เพราะต้องการเคลียร์มันแบบรวดเดียวจบและรีบมุ่งหน้าสู่พื้นที่ปลอดภัยในชั้นที่ 18
หากโชคดี คืนนี้วาห์นก็จะได้นอนบนเตียงและเพลิดเพลินไปกับการอาบน้ำร้อนๆ ในโรงแรม
ขณะกำลังทานอยู่นั้น วาห์นก็ตรวจสอบของดรอปและรู้สึกมีความสุขที่พบว่าตนได้รับมา 21,125 OP จากชั้นที่ 16
แค่มอนสเตอร์ปาร์ตี้ก็ทำแต้มให้เขาเกือบ 10,000 OP และวาห์นเริ่มคิดว่ามันคงจะดีถ้าเจอกับอะไรแบบนี้อีก
ตอนนี้เขามีอยู่ทั้งหมด 234,241OP และเข้าใกล้จำนวนหนึ่งในสี่ส่วนของเป้าหมายแล้ว
วาห์นเริ่มฮัมเพลงและเผยรอยยิ้มบนใบหน้าด้วยความพึงพอใจเพราะภายในสี่วันเขาก็ได้รับ OP มาแล้วเกือบ 100,000 แต้ม
ด้วยความเร็วขนาดนี้ เขาคงจะเสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดได้ภายในหนึ่งเดือนซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก
————————————————————————-
[[สถานะ]]
ชื่อ: [วาห์น เมสัน]
อายุ: 14
เผ่าพันธุ์: มนุษย์, *ถูกผนึก*
ค่าสถานะ: [ดันมาจิ: 1-4]
-เลเวล:2(+)(2)
-พลังโจมตี:1001+(C690)->(B714)
-ความอดทน:1108+(S951)->(S998)
-ความแม่นยำ:887+(D522)-(C686)
-ความว่องไว:940+(B702)->(B751)
-พลังเวท:1611+(SS1008)->(SS1072)
ค่าสถานะรวมทั้งหมด:5547+(3873)->(4221)
ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณ: ระดับ 2 (วิญญาณวีรชน)
[กรรม]: 1,219
[OP]: 234,241
[วาลิส]: 171,630
————————————————————————-