Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 9
วาห์นตื่นขึ้นมาหลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงพร้อมความง่วงที่ยังไม่หมดไปจากร่างกาย มันคล้ายกับตอนที่เขายังเป็นแค่เด็กอยู่ ตอนนั้นคุณหมอที่ ‘ขยัน’เกินไปได้สูบเลือดออกมาจากร่างกายของเขามากกว่าที่ควร
“พี่สาว ผมหลับไปนานแต่ไหนเหรอ?”
(*ผ่านมา 14 ชั่วโมงแล้วล่ะ วาห์น ตอนนี้เป็นเวลา 8 โมง 21 นาที*)
“14 ชั่วโมง…” วาห์นถอนหายใจ ขณะที่เขาพยายามลุกขึ้น ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากแต่ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้นมาได้ เขาวางมือทาบไปที่กำแพงถ้ำและเริ่มเดินตรงไปที่ทางออก
มีเสียงดังออกมาจากท้องเนื่องจากเขายังไม่ได้ทานอาหารอะไรเลยตั้งแต่มาถึงที่นี่
วาห์นถอนมือออกจากกำแพง และพิงร่างไปกับพื้นผิวอันหนาวเหน็บ เขาใช้มืออีกข้างนวดไปที่ท้องเพื่อบรรเทาความหิว
“พี่สาว พี่คิดว่าผมควรจะทำยังไงเกี่ยวกับเรื่องอาหารดี เพราะแขนบาดเจ็บไปข้าง ผมเลยไม่แน่ใจเรื่องการออกไปล่าสัตว์เท่าไหร่ ผมต้องการอาหารเพื่อฟื้นฟูพละกำลังไม่งั้นแขนต้องหายช้าแน่ๆ เลย”
เมื่อพูดถึงมัน วาห์นก็มองไปที่แขนเพื่อดูมันอย่างละเอียด เขาสังเกตเห็นว่าเลือดไม่ได้ซึมออกมามากอย่างที่เขาคาดไว้ บางทีอาจเป็นเพราะคุณสมบัติกันน้ำของเสื้อคลุมช่วยไม่ให้เลือดไหลออกมา
(*ฉันขอแนะนำให้เธอเก็บพืชและผลเบอร์รี่ชนิดต่างๆ มาด้วย รอเดี๋ยวนะ… ฉันจะพิกัดพวกมันไว้บนแผนที่ตามทางที่เธอเคยเดินผ่าน แม้ว่าฉันจะบอกไม่ได้ว่าอันไหนที่ทานได้บ้าง แต่ ‘เดอะพาธ’ สามารถวิเคราะห์และระบุคุณสมบัติของไอเท็มที่ใส่เข้าไปในระบบได้ มันอาจจะใช้เวลามากหน่อยสำหรับไอเท็มที่มีระดับสูง หรือไอเท็มที่มีพลังเวทอยู่ภายใน แต่แค่การตรวจว่าอันไหนทานได้บ้างคงจะไม่ยากเท่าไหร่*)
ครั้งนี้วาห์นถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย “เป็นระบบที่ดีจริงๆ ก็พอเข้าใจได้อยู่นะว่า ‘เดอะพาธ’ คงช่วยได้ทั้งเรื่องให้ข้อมูลกับทักษะการเอาชีวิตรอดที่ตัวผมขาดไป แต่ว่าการที่ช่องเก็บของสามารถวิเคราะห์ไอเท็มต่างๆ ได้นี่มันสุดยอดจริงๆ เลยนะ ถึงผมจะพอรู้อยู่แล้วก็เถอะว่าระบบอาจทำแบบนี้ได้ตั้งแต่ที่เห็นมันแสดงข้อมูลอุปกรณ์สวมใส่ออกมา”
เขาออกจากถ้ำและมองตรงไปยังที่ที่เขาเคยสังหารก็อบลิน ดูเหมือนว่าร่างของมันจะหายไปในชั่วข้ามคืน หลักฐานเดียวที่บ่งบอกถึงการต่อสู้ถึงตายนั่นก็คือมีดขนาดเล็ก เม็ดคริสตัลที่ส่องแสงออกมาเล็กน้อยและรอยเลือดของเขาที่แห้งกรังอยู่บนพื้น
วาห์นเดินผ่านไปและชำเลืองมองรอยเลือดของเขาอีกครั้ง เขาพบว่ามันไม่ได้กลายเป็นเถ้าถ่านแม้ว่ามันจะอยู่นอกร่างกายของเขาเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการเก็บรักษา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเลือดนั่น รวมไปถึงคราบเลือดที่ติดอยู่กับผ้าพันแผลนั้นเป็นสีแดงเข้ม!
“พี่สาว ตอนที่ร่างกายของผมถูกสร้างขึ้นใหม่ เลือดของผมเองก็เปลี่ยนไปด้วยเหรอ?” เขาถามออกไปหลังจากคิดอยู่นานว่าจะถามยังไงดี
(*นั่นก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกนะ วาห์น แม้ว่าฉันจะอธิบายถึงรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่เลือดของเธอยังคงมีคุณสมบัติเหมือนกับชีวิตที่แล้วของเธอ ความแตกต่างก็คือ ‘พลังต้นกำเนิด’ ที่อยู่ในโลกใบนี้ ในขณะที่โลกเก่าของเธอนั้นไม่มีอะไรที่เทียบเท่าได้เลย แต่ท้ายสุดแล้ว เลือดของเธอก็จะสูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่านเหมือนเดิม แต่กระบวนการสลายจะใช้เวลานานขึ้นเพราะ ‘พลังต้นกำเนิด’ จะอยู่ภายในเลือดได้นานกว่าแต่ก่อน*)
วาห์นค่อนข้างผิดหวังกับคำตอบของพี่สาว เขานึกว่าการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเขาจะทำให้เขากลายเป็นคนปกติ
พอเห็นท่าทีของเขา พี่สาวจึงกล่าวว่า: (*วาห์น ความพิเศษของเลือดเธอไม่ใช่สิ่งที่น่าละอายเลยนะ มันเป็นความผิดของคนพวกนั้นที่พยายามใช้เธอเพื่อประโยชน์ของตนเอง นั่นทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ยังไงล่ะ จำไว้นะว่าเลือดเนื้อและตัวเธอคือสิ่งที่แม่ของเธอเต็มใจที่จะให้กำเนิดแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ามันจะเป็นการจบชีวิตของตัวเองลงก็ตาม เธอควรจะมองเลือดในร่างกายว่าเป็นเหมือนตัวแทนความรักของแม่ที่มีต่อเธอ และใช้มันเพื่อการเติบโตของตัวเธอเอง*)
วาห์นตกใจพร้อมกับเงยหน้าขึ้นและมองตรงไปที่ท้องฟ้า เขากำมือและนึกสาปแช่งตนเองที่แสดงความอ่อนแอออกมาแม้เขาจะสาบานว่าจะแข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
“พี่สาวพูดถูกแล้ว พวกมันใช้เลือดของผมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ตอนนี้ผมมีโอกาสที่จะใช้มันตามที่ผมเห็นควร! ผมจะแสดงให้พวกมันเห็นถึงความโง่เขลาของตัวเอง ผมจะใช้ชีวิตอย่างอิสระและช่วยเหลือผู้คนให้มากกว่าตอนที่พวกมันนำเลือดของผมไปใช้!”
*เสียงท้องร้องดังขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด*
ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ วาห์นเริ่มเข้าไปในป่าเพื่อสำรวจบริเวณพื้นที่ที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ หลังจากรวบรวมสมุนไพร ถั่ว และเบอร์รี่ได้หลากหลายชนิด ระบบก็ได้ทำการตรวจสอบหาชนิดที่เขาทานได้
เนื่องจากเขาไม่มีวิธีที่จะใช้ก่อไฟ เขาจึงใช้หินกะเทาะถั่วเพื่อเอาเปลือกออกแทน ดูเหมือนว่าการทานอาหารด้วยมือข้างเดียวนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ความหิวโหวนั้นมักผลักดันให้คนเราทำได้ทุกอย่าง
วาห์นใช้เวลาจนถึง 5 โมงเย็นในการตามหาและรวบรวมสิ่งของที่น่าสนใจหรือระบุประเภทไม่ได้ แถมเขายังรวบรวมหินและแร่ธาตุหลากหลายอย่างด้วยความหวังว่าระบบจะสามารถวิเคราะห์สิ่งของพวกนั้นได้เมื่อเวลาผ่านไป ในระหว่างการเดินทาง เขามักจะหยุดเป็นช่วงๆ เนื่องจากต้องคอยตรวจสอบบริเวณโดยรอบให้ดีก่อนไปต่อ เขารู้ว่าหากถูกมอนสเตอร์โจมตีอีก มันคงเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะตายแน่นอน
ในที่สุดเขาก็กลับไปที่ถ้ำก่อนที่ดวงอาทิตย์จะตกดิน และมองไปยังสิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวได้ในวันนี้
‘หน้าต่างช่องเก็บของ’
หินขนาดเล็ก x 3, หินขนาดกลาง x 1, ผลโอ๊ก (3กิโลกรัม), แอปเปิล x 49, มัลเบอร์รี่ x 103, เทย์เบอร์รี่ x 98, แร่ธาตุที่ระบุไม่ได้ x 1, แร่ธาตุที่ระบุไม่ได้ x 1, อื่นๆ…
เขารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่ช่องเก็บของยอมให้เขาเก็บไอเท็มที่เหมือนกันไว้ในช่องเดียวกันได้ มีเพียงวัตถุที่มีคุณสมบัติพิเศษเท่านั้นที่จะถูกแยกออกไป เช่น ‘แร่ธาตุที่ไม่รู้จัก’ นอกจากนี้เขายังได้รับการแจ้งจากพี่สาวว่าไอเท็มที่อยู่ในช่องเก็บของจะไม่มีทางหมดอายุหรือเสียหาย ซึ่งตรงตามความต้องการเดิมของเขานั่นคือการเก็บสิ่งของต่างกันให้ได้มากที่สุด
แถมเขายังสามารถนำของมาทำเป็นบ่วงคล้องสำหรับแขนของเขาหลังจากที่ทำความสะอาดและเปลี่ยนผ้าพันแผลแล้ว ในตอนที่เขาถอดผ้าพันแผลออก เขาประหลาดใจมากเมื่อเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแขนของเขาดีขึ้นมาก นอกจากนี้มันยังมีความรู้สึกชาเล็กน้อยที่ข้อมือของเขา และเมื่อใช้พยายามหน่อยก็จะสามารถกระดิกนิ้วได้เล็กน้อย หลังจากสอบถามพี่สาวแล้วก็พบว่ามันเป็นผลมาจากเลือดของเขาเองรวมไปถึงสกิล ‘พรแห่งอิกดราซิล’ แม้ว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้สกิลรักษาอะไรเลย แต่มันก็ยังเพิ่มคุณสมบัติให้กับเลือดของเขาและช่วยเร่งการรักษาให้สูงขึ้นไปอีกขั้น หลังจากตรวจสอบร่างกายของแล้ว พี่สาวก็แจ้งกับว่าเลือดของเขาสามารถป้องกันการติดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งมันวาห์นเองก็น่าจะรู้อยู่ก่อนแล้ว ดูเหมือนว่าพี่สาวจะตื่นเต้นตอนที่เธอเร่งให้เขารักษาบาดแผลมากไปหน่อย แต่นั่นก็ทำให้เขาดีใจเล็กน้อยจากความเป็นห่วงของเธอ
หลังผ่านไป 10 วัน วาห์นประหลาดใจที่เห็นว่าแขนซ้ายของเขาหายสนิทดีแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เพียงรอยตกสะเก็ดเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าตรงนี้เคยมีแผลมาก่อน และแม้แต่รอยนั่นเองตอนนี้ก็เริ่มจางหายไปแล้ว
หลังจากตรวจสอบจำนวนอาหารนั้นเพียงพอสำหรับ 10 วันแล้ว วาห์นก็เริ่มนึกเรื่องการเพิ่มพลังให้กับตัวเอง
“พี่สาว มีวิธีที่ผมสามารถเพิ่มค่าสถานะได้โดยไม่ต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์บ้างไหม? ผมไม่อยากสังเวยชิ้นส่วนร่างกายเพื่อฆ่าก็อบลินตัวเดียวอีกแล้ว”
(*ฉันขอแนะนำให้เธอแปลงคริสตัลที่เธอได้มาจากก็อบลิน รวมถึงแร่เหล็กและทองแดงที่เธอพบให้เป็น ‘Origin Point’*)
ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไร พี่สาวก็พูดต่อ
(*’Origin Point’, หรือเรียกสั้นๆ ว่า OP คือสกุลเงินที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนกับไอเท็มผ่านการทำงานของระบบ ‘ร้านค้า’ ซึ่งต้องจำเอาไว้ให้ดีว่าไม่ใช่สิ่งของทุกชิ้นที่สามารถแปลงเป็นแต้มได้ และการแปลงไอเท็มที่ไม่ใช่ของเธอเองจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติ และมันจะส่งผลให้กรรมชั่วเพิ่มขึ้นด้วย*)
วาห์นพยักหน้ารับ
“ผมไม่ต้องการแข็งแกร่งขึ้นจากการขโมยของของคนอื่นหรอก คนที่เอาเปรียบผู้อื่นเป็นอะไรที่ผมเกลียดที่สุดเลย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ผมก็จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด”
‘หน้าต่างร้านค้า’
เหมือนกับตอนที่เขาใช้ระบบ ‘หน้าต่างเรคคอร์ด’ มันเต็มไปด้วยรายการไอเท็มที่ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด และราคาของสิ่งของก็ไหลเข้ามาภายในความคิดของเขา โดยไม่ต้องให้ใครมาเตือน วาห์นรีบสั่งให้มันแสดงเฉพาะไอเท็มที่เหมาะกับระดับวิญญาณของเขา
เขาเห็นช่อง OP ที่ด้านบนซ้ายของหน้าจอ ซึ่งตอนนี้มันแสดงจำนวน 0 แต้ม หลังจากจัดแจงช่องเก็บของเล็กน้อย เขาพบว่าไอเท็มที่สามารถแลกในร้านค้าได้มีแค่คริสตัลและแร่ธาตุที่พี่สาวพูดไว้ก่อนหน้านี้เท่านั้น หลังจากการถามเพิ่มเติมก็ทราบว่าร้านค้านี้ใช้ ‘พลังต้นกำเนิด’ ที่อยู่ภายในวัตถุเพื่อสร้าง Origin Point (OP) หลังจากใช้คำสั่งแลกเปลี่ยนแล้ว ไอเท็มก็กลายเป็นฝุ่นผงและหายไปในอากาศ
คริสตัลถูกแลกเปลี่ยนเป็นแต้มได้ทั้งหมด 17 แต้ม ขณะที่แร่ธาตุทั้งสองมีราคา 5 แต้มต่อหนึ่งกิโลกรัม เนื่องจากเขาได้เก็บรวบรวมแร่มาเป็นเวลา 10 วัน เขาจึงได้ OP มาทั้งหมด 47 แต้ม
หลังจากกรองให้เหลือแค่ไอเท็มที่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาและมีราคาที่ต่ำกว่า 50 แต้ม วาห์นก็นึกไม่ถึงเลยว่ายังมีของให้ดูอีกตั้งมากมาย
“พี่สาว ผมควรจะใช้แต้มแลกอะไรดีล่ะ? ผมอยากได้อะไที่ช่วยให้ผมแกร่งขึ้นภายในเวลาสั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในขณะที่ต้องมาอยู่ในป่าแบบนี้”
(*มีหลายไอเท็มหลายอย่างที่สามารถเพิ่มค่าสถานะของเธอได้ในเวลาสั้นๆ ได้ ไอเท็มที่มีสรรพคุณเยอะก็จะมีผลข้างเคียงและสร้างความเสียหายให้กับรากฐานของเธอมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งมันจะทำให้เธอเติบโตได้ช้าลงในภายหลัง ฉันขอแนะนำให้เธอแลก 30 OP สำหรับ ‘น้ำยาเสริมแกร่งร่างกาย’ 3 ขวด แล้วก็แลก 15 OP เพื่อซื้อ ‘คู่มือเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดของมือใหม่’ อีก 2 แต้มที่เหลือก็ควรเก็บไว้ก่อนหรือเธอจะแลก ‘ผ้ารองนอนทั่วไป’ และ ‘เศษหินก่อไฟ’ เพื่อทำให้การอาศัยอยู่ในถ้ำสะดวกสบายขึ้นก็ได้*)
“เอาตามนั้นละกันนะ ผมเชื่อในการตัดสินใจของพี่อยู่แล้ว ช่วยซื้อไอเท็มทั้งหมดที่พี่แนะนำให้ผมที รวมไปถึงผ้ากับกินก่อไฟด้วยนะ
(*รับทราบ… การซื้อเสร็จสิ้น ไอเท็มจะถูกใส่เข้าไปในช่องเก็บของโดยอัตโนมัติ*)
วาห์นมองไปที่ช่องเก็บของและอ่านคำอธิบายของไอเท็มแต่ละอย่าง เพราะเขาจะมองไม่เห็นข้อมูลตรงส่วนนี้ก่อนการซื้อได้เลย และนี่ก็ทำให้เขาไม่ทราบผลข้างเคียงของไอเท็มบางชิ้นจนกว่าเขาจะซื้อมันออกมา
น้ำยาเสริมแกร่งร่างกาย
ระดับ: (D)
วิธีใช้: สามารถผสมไปในน้ำที่ใช้อาบได้ การแช่น้ำนี้หลังจากที่ฝึกอย่างหนักจะเร่งความเร็วในการฟื้นฟูและช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ *ข้อควรระวัง* สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เขาตัวสั่นเล็กน้อยเมื่ออ่านถึง ‘สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก’
คู่มือเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดของมือใหม่
ระดับ: (E)
วิธีใช้: มอบความรู้ให้กับผู้ใช้เทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดและวิธีการฝึกฝนพัฒนาร่างกาย
ผ้ารองนอนและหินก่อไฟนั้นแค่ดูชื่อก็พอเข้าใจได้ แต่วาห์นยังคงสับสนกับวิธีการใช้คู่มือเทคนิคอยู่ หลังจากสอบถามเรื่องนี้จากพี่สาว ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไอเท็มที่ใช้แล้วหมดไปซึ่งวิธีใช้ก็แค่วางไว้ที่ตรงหน้าอกคล้ายกับตอนที่วาง ‘เดอะพาธ’
เมื่อใช้คู่มือแล้ว ข้อมูลทั้งหลายก็พรั่งพรูเข้าสู่จิตใจของเขาอย่างรวดเร็ว ภาพของผู้คนมากมายที่กำลังใช้ศิลปะการต่อสู้และการฝึกโคจรพลังก็ผ่านเข้ามาในการมองเห็นของเขานานถึง 2 ชั่วโมงก่อนที่เขาจะหมดสติไป น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ล้มลงบนผ้ารองนอนที่เพิ่งซื้อมา แต่กลับไปนอนอยู่บนพื้นถ้ำแทน…
หลังจากตื่นขึ้นในวันถัดมาพร้อมอาการปวดหัวเล็กน้อย วาห์นก็จัดระเบียบข้อมูลที่อยู่ในจิตใจของเขาและตัดสินใจทดลองใช้มันดู เขาขอให้พี่สาวสร้างเมนูการฝึกเพื่อช่วยให้เขาพัฒนาร่างกายได้แต่อย่างเดียว หลังจากตรวจสอบเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง วาห์นรู้สึกพอใจเนื่องจากมันยังช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของเขาอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นช่วงแรกๆ หรือช่วงที่ฝึกไปสักระยะ
เขาใช้เวลาสัปดาห์แรกไปกับการออกกำลังท่าพื้นฐานและยืดเส้นเป็นประจำทุกวัน เขาจะตื่นขึ้นมาในตอนเช้าช่วงที่ดวงอาทิตย์กำลังขึ้น หลังจากยืดเส้นยืดสายไปครบครึ่งชั่วโมง เขาจะเริ่มวิ่งรอบแนวหินประมาณหนึ่งชั่วโมง แม้เขาจะยังวิ่งได้ไม่เร็วนัก แต่ค่าพละกำลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลือดของเขาส่งผลให้ร่างกายฟื้นตัวได้ไว
หลังจากวิ่งเสร็จ เขาจะแช่น้ำในสระที่ขุดแยกออกมาจากตัวลำธาร เขาใส่คริสตัลที่ขุดออกมาจากถ้ำลงไปในสระเพื่อรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับปานกลางแม้จะเป็นเวลาเช้า หลังจากอาบน้ำ เขาจะออกไปหาอาหารภายในป่าเพื่อกักตุนเสบียงอาหาร เพราะพี่สาวได้เตือนเขาเกี่ยวกับความน่ากลัวของฤดูหนาว
เขาจะเริ่มฝึกซ้อมของจริงในช่วงกลางวัน เขาใช้เวลา 30 นาทีสำหรับการยืดเส้นก่อนที่จะยกหินน้ำหนักต่างๆ และย้ายมันไปมาระหว่างวงกลมสองวงที่วาดไว้บนพื้น วงกลมทั้งสองจะห่างกัน 20 เมตร และการฝึกจะไม่จบลงจนกว่าเขาจะย้ายหินทั้งหมดไปอีกจุดหนึ่งได้ครบ หลังจากนั้น เขาก็จะไม่เหลือแรงทำอะไรต่อ กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายจะกรีดร้องทันทีที่เขาขยับตัว โชคยังดีที่สกิล ‘ต้านทานความเจ็บปวด’ ทำให้เขาทนการฝึกพวกนี้ได้
เขานำแร่ธาตุที่เก็บได้จากลำธารไปแลกเป็นแต้มเพื่อซื้ออ่างน้ำเหล็กและจัดมันไว้ด้านนอกของทางเข้าถ้ำ แต่เดิมเขาต้องการที่จะใช้ ‘น้ำยาเสริมแกร่งร่างกาย’ ในสระที่เขาขุด แต่พี่สาวบอกว่าสรรพคุณของยาจะซึมผ่านหินลงไปในพื้นดินแทน
หลังจากเทขวดน้ำยาลงไปในอ่างแล้ว น้ำที่ใสแจ๋วก่อนหน้านี้ก็เริ่มขุ่นมัวและมาฟองขึ้นมาอย่างน่ากลัว เขาใช้เข็มขัดหนังแทนอุปกรณ์ปิดปากแล้วก็จุ่มตัวลงไปในอ่าง
ขณะที่เท้าของเขาสัมผัสกับของเหลว มันให้รู้สึกเหมือนกับเลือดที่อยู่ในร่างกายของเขากำลังแข็งตัว หยุดนิ่ง และหนักอึ้ง เขากัดเข็มขัดไว้แน่นแล้วก็เริ่มคงจุ่มร่างกายลงไปในขณะที่ความรู้สึกบริเวณที่สัมผัสกับน้ำประดังเข้ามา เมื่อแช่จนของเหลวอยู่ที่ระดับคอ ร่างกายของเขาก็เริ่มกระตุกเล็กน้อยเนื่องจากความเจ็บปวดที่กำลังทรมานร่างกายของเขา
เวลาแบบนี้เองที่ทำให้วาห์นเกลียดสกิล ‘ต้านทานความเจ็บปวด’ เป็นอย่างมาก แม้ว่ามันจะป้องกันความเจ็บปวดและไม่ทำให้เขา ‘เสียสมาธิ’ แต่มันก็ทำให้เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดจากทุกซอกทุกมุมที่เขาสัมผัสได้ เขาจะจุ่มหัวตัวเองลงไปเป็นช่วงๆ พร้อมกลั้นหายใจเอาไว้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าร่างกายของเขาจะสามารถซึมซับสรรพคุณที่อยู่ภายในน้ำได้หมด
วาห์นยังคงทำแบบนี้ต่อไปเป็นเวลา 10 วัน จนกระทั่งพี่สาวแจ้งว่าน้ำยาเสริมแกร่งไม่ส่งผลกับเขาอีกต่อไปแล้ว เขาจะต้องซื้อยาที่มีคุณภาพสูงขึ้นหากต้องการที่จะทำต่อไปแต่พี่สาวไม่เห็นด้วยเพราะการสร้างรากฐานโดยใช้ยามากเกินไปจะสร้างปัญหาในภายหลัง
วาห์นเองก็ไม่ติดใจอะไรมากเพราะเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดที่มาพร้อมวิธีนี้อยู่แล้ว
‘หน้าต่างสกิลต้านทานความเจ็บปวด’
ต้านทานความเจ็บปวด
ระดับ: (S)
ยิ่งได้รับความเสียหายมากเท่าไร ผลลัพธ์ของสกิลนี้ที่มีผลต่อจิตใจก็จะยิ่งมากขึ้น นี่ไม่ได้เป็นการยับยั้งความเจ็บปวด แต่จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่เสียสมาธิถึงแม้จะได้รับความเสียหายก็ตาม ได้รับพลังโจมตีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยโดยอิงจากระดับความเจ็บปวด
—————