Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 94
วาห์นตื่นขึ้นมาพบกับเพดานที่ไม่คุ้นเคยแม้จริงๆ แล้วมันจะเป็นแค่เพดานของเต็นท์ก็ตาม
เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็เห็นคนอื่นๆ หลับอยู่และยังมีสัญลักษณ์ของเฮเฟสตัสแฟมิเลียประดับอยู่ทั่วเต็นท์
เมื่อลุกออกมาจากที่นอน วาห์นก็ชะงักเพราะความเจ็บปวดจากตรงซี่โครงของเขา
ความรู้สึกนี้ทำให้เขานึกถึงแรง ‘กอด’ มหาศาลที่ทีโอน่าใช้เวลาที่เธอตื่นเต้น
คนอื่นๆ คงพาเขามาที่นี่หลังจากที่หมดสติไป
ขณะนี้เป็นเวลาตี 5 และคนส่วนใหญ่น่าจะตื่นขึ้นมาในอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง
วาห์นหาวและมุ่งหน้าออกจากเต็นท์เพื่อไปทำธุระส่วนตัวในป่า
เกือบครึ่งวันแล้วนับตั้งแต่มีอะไรตกไปถึงท้องของเขา
หลังจากทำธุระเสร็จเขาจึงไปนั่งผ่อนคลายอยู่ใต้ต้นไม้และทานเครปที่เก็บไว้ในช่องเก็บของ
ขณะที่วาห์นทานเครปอยู่นั้น เขาก็เริ่มมองไปรอบๆ ค่าย
ผู้คนเริ่มตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ และมีเพียงไม่กี่คนที่เดินไปรอบๆ ค่ายเพื่อเตรียมอาหารเช้า
ทุกคนดูเหมือนจะอยู่ในสภาพกระปรี้กระเปร่าและวาห์นพอบอกได้ว่าส่วนใหญ่คงจะชอบบรรยากาศแบบนี้มาก
ผู้คนที่ไม่เกี่ยงเพศหรืออายุกำลังทำงานร่วมกันเพื่อช่วยให้ทุกอย่างเรียบร้อยดี
มันดูราวกับเป็นแรงบันดาลใจที่เห็นพวกเขาต่างช่วยกันแบ่งเบาภาระของอีกฝ่าย
วาห์นนึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ทั้งหมดของเขาเองกับคนอื่นๆ
ส่วนใหญ่นั้นดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรแบบนี้เลย
บ่อยครั้งมีคนมาช่วยเหลือเขาในขณะที่เขาเพียงแค่ให้คำแนะนำเป็นครั้งคราว
การโต้ตอบของเขากับลิลลี่มักจะอยู่ในรูปแบบที่เขาคอยดูแลเธออยู่ตลอด ในขณะที่เธอนั้นพยายามทำเพื่อรับคำชมจากเขา
เมื่อเขาอยู่กับนาซ่า เธอก็มักพึ่งพาเขาโดยขอคำแนะนำเรื่องสูตรยาต่างๆ
ทว่าบรรยากาศเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนั้นค่อนข้างจะอึดอัด
เขาไม่เคยผสมโพชั่นสำเร็จแม้แต่ครั้งเดียวและเมื่อเห็นเขากำลังเข้าสู่ขั้นตอนปรุงส่วนผสม เธอก็ต้องบอกให้เขาหยุดลงด้วยความรู้สึกผิด
ทั้งเฮเฟสตัสและสึบากิต่างก็ช่วยเขามาโดยตลอด…
วาห์นรู้สึกว่าเขาติดหนี้ทั้งสองเป็นอย่างมาก
เขาอยากเห็นสึบากิผ่อนคลายให้มากกว่านี้ และเขายังมีคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับเฮเฟสตัสอีกด้วย
สักวันหนึ่ง เขาจะสร้างไอเท็มที่ทำให้เธอประทับใจและขับไล่ความรู้สึกโดดเดี่ยวของเธอออกไปให้ได้
แม้แต่โคลอี้เองก็เป็นคนที่เขาติดหนี้บุญคุณไว้มากและวาห์นมักรู้สึกผิดอยู่เสมอเมื่อเขาไปทานอาหารที่ร้านพร้อมกับคนอื่นๆ
ในบรรดาคนที่เขารู้จักนั้นดูเหมือนจะเป็นการแลกเปลี่ยนกันเสียมากกว่าการร่วมมือและประนีประนอมให้กัน
วาห์นไม่มีความทรงที่คล้ายกับการทำงานร่วมกับคนอื่นเพื่อเอาชนะอุปสรรคต่างๆ อยู่เลย
เมื่อเห็นความสนิทสนมของทุกคนที่อยู่ในค่าย วาห์นจึงไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตนทำอยู่นั้นถูกต้อง
หลังจากทานเสร็จแล้ว วาห์นก็เลือกที่จะผ่อนคลายและเลิกคิดเรื่องหนักสมองต่างๆ ไปชั่วครู่
เขาอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเท่าไหร่ และหากเดินขึ้นไปต่อก็จะพบทะเลสาบเล็กๆ ที่ไปบรรจบเข้ากับทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดในชั้นนี้
เมื่อมุ่งหน้าผ่านป่าไปเรื่อยๆ วาห์นก็อดไม่ได้ที่จะหาวออกมา
ร่างกายของเขายังไม่ค่อยตื่นดีนักและอาหารเช้าก็ยิ่งทำให้เขาง่วงหนักกว่าเดิม
การอาบน้ำคงช่วยให้จิตใจของเขาปลอดโปร่งและตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่
วาห์นเดินผ่านป่าจนกระทั่งพบกับบ่อน้ำขนาดเล็กกลางลานกว้าง
แม้จะอยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น แต่เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่ามีคนอื่นอยู่ในที่แห่งนี้ด้วย
หลังจ้องมองเรือนร่างของพวกหล่อนไปพักหนึ่ง เขาก็บิดตัวและตัดสินใจหันหลังกลับ
แค่ร่างเปลือยเปล่าของเขาเองยังทำให้คนอื่นทำตัวแปลกๆ วาห์นจึงคิดว่าคงไม่เหมาะเท่าไหร่หากเขาจะไปจ้องมองร่างกายของคนอื่น
ขณะที่เขาหันกลับไปก็มีแขนเปียกๆ ข้างหนึ่งมาจับเขาจากด้านหลัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า~ จับวาห์นได้แล้ว! เดินมาตั้งไกลจะไม่แวะไปทักทายหน่อยเหรอ?”
คนที่คว้าแขนวาห์นก็คือทีโอน่าซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สาวที่กำลังอาบน้ำอยู่นั่นเอง
เธอคือตัวการหลักที่ทำให้วาห์นตัดสินใจออกไปจากที่นั่น เพราะเมื่อเขาดูสีหน้าของทุกคนเมื่อกี้นี้ก็พบว่าพวกเธอดูตกใจที่เห็นเขาเช่นกัน
เลฟิย่าที่กำลังอาบน้ำอยู่เริ่มกรีดร้องแบบผู้หญิงๆ ขณะพยายามปกปิดเรือนร่างไว้ใต้น้ำ
ไอส์จ้องมองเขาแบบไม่สะทกสะท้าน ทว่าวาห์นก็สังเกตเห็นพวงแก้มของเธอที่แดงขึ้นเล็กน้อย
สองคนที่ดู ‘ปกติ’ มีเพียงทีโอน่าและทีโอเน่เท่านั้น โดยเฉพาะทีโอน่าซึ่งกำลังกอดเขาจากด้านหลังและดันเขาไปที่ขอบสระ
“มาอาบด้วยกันเถอะวาห์น~ เราจะได้แลกกันดูแล้วต่อไปจะได้ไม่ต้องมาอึดอัดใส่กันอีกไง~!”
ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร ทีโอน่าก็เริ่มถอดเสื้อผ้าเขาออกขณะที่วาห์นเองก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนมากนัก
แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจพูดสิ่งที่กังวลอยู่ออกมา
“อืม ฉันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนะ แต่คนอื่นๆ คงจะไม่สบายใจเท่าไหร่…”
ในขณะที่พูด เขามองไปทางไอส์ซึ่งยังคงจ้องมองเขา และเลฟิย่าน้อยที่กำลังเป่าน้ำเป็นฟองขณะจมอยู่ใต้น้ำ
วาห์นไม่รู้มาก่อนเลยว่าใบหน้าของคนเราจะแดงได้มากมายขนาดนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า~ ไม่เป็นไรๆ! พวกเธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม ทีโอเน่ ไอส์?”
มาถึงตอนนี้ วาห์นเหลือแค่ถุงเท้ากับบ๊อกเซอร์ก่อนจะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์
ทีโอเน่จ้องมองเขาก่อนจะพูดสิ่งที่คิดไว้ออกมา
“เห ฉันแปลกใจนะที่เขากล้าโป๊ต่อหน้ากลุ่มผู้หญิงตั้งเยอะแยะ ถ้าเป็นหนุ่มๆ ส่วนใหญ่ป่านนี้คงจะวิ่งหนีหรือไม่ก็หาทางแก้ตัวไปแล้ว ถ้านายไม่มาลวนลามฉันก็คงไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ถือ แต่จำไว้นะว่ามีแค่กัปตันเท่านั้นที่แตะต้องตัวฉันได้!”
ไอส์ผู้ที่ยังยืนอยู่โดยไม่พยายามปกปิดอะไรเลยก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“ไม่เป็นไร… เมื่อกี้ก็เห็นไปหมดแล้ว…”
ทันทีที่ทีโอเน่และกับไอส์อนุมัติ ทีโอน่าก็ถอดบ๊อกเซอร์ของวาห์นออกอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเธอก็ทำให้เขาล้มลงพร้อมถอดถุงเท้าออกก่อนจะลากเขาลงไปในบ่อ
วาห์นคิดว่าน้ำเย็นนั้นทำให้เขาผ่อนคลายมาก
แต่ก่อนจะได้ขยับตัวนั่งแบบดีๆ เลฟิย่าก็กรีดร้องออกมาอีกครั้ง
“นะ-นะ-นะ-นี่คิดอะไรกันอยู่เนี่ย! เราจะปล่อยให้ดะ-ดะ-ดะ-เด็กผู้ชายมาอาบน้ำด้วยกันได้ยังไง!!!”
เลฟิย่าซึ่งยังคงหมอบอยู่ในน้ำรู้สึกสับสนและทำตัวไม่ถูกหลังจากที่คนอื่นดูจะไม่กังวลอะไร
เธอเริ่มคิดไปว่า ‘นี่เราเป็นคนที่แปลกงั้นเหรอ?’ แต่พอเห็นวาห์นแบบ ‘สง่าผ่าเผย’ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องและประท้วงออกมา
วาห์นขมวดคิ้วหลังได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอและไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำตัวแปลกๆ ด้วย
เธอทำตัวเหมือนกับลิลลี่ตอนครั้งแรกที่ได้เข้าไปในออนเซ็น
พอหลังจากครั้งนั้นลิลลี่ก็ดูปกติดีแต่ดูเหมือนว่าเธอจะทนความร้อนได้ไม่เก่งนัก เพราะเธอมักจะหน้าแดงแจ๋ทุกครั้งหลังเข้ามาในห้องอาบน้ำ
พอทีโอเน่เห็นเลฟิย่าอายจนแทบอยากจมน้ำตายก็เผยสีหน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เธอแอบเข้าไปข้างหลังเอลฟ์ขี้อายและยกตัวเลฟิย่าขึ้นมาขณะคลำตรงหน้าอกของเธอไว้
“ไม่เห็นมีอะไรน่าอายเลยเลฟิย่า แถมหน้าอกเธอก็ดูปกติดีนี่~!”
เมื่อเลฟิย่าถูกยกขึ้นจากน้ำ วาห์นก็เห็นเรือนร่างที่ดิ้นไปมาของเธอแบบเต็มสองตา
เมื่อเห็นวาห์นจ้องมาแบบ ‘จริงจัง’ สมองเลฟิย่าก็เกิดการลัดวงจรจนหมดสติไปพร้อมกับมีเลือดไหลออกมาจากจมูกเล็กน้อย
ทีโอน่าและทีโอเน่หัวเราะจนแทบหงายท้อง แต่ไอส์กลับดูเศร้าลงไปถนัดตา
“เลฟิย่า…”
วาห์นรู้ว่าเขาคงเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น
เขาเริ่มเดินไปทางเลฟิย่าซึ่งยังอยู่ในอ้อมแขนของทีโอเน่อย่างไม่คิดอะไรมาก
ทีโอเน่มองดูเขาอย่างสงสัยขณะเห็นเขาเริ่มยื่นมือออกมา
“เฮ้ แบบนั้นคงไม่ดีนะ ฉันมั่นใจว่าทีโอน่าคงจะช่วยได้ ถ้านายกำลังสงสัยเรื่องอะไรแบบนั้น”
ทีโอน่าเล็งเห็นโอกาสจึงรีบพูดขึ้นทันที
“จริงด้วยวาห์น มาสิ อยากรู้อะไรก็มาถามฉันได้เลย! ก่อนหน้านี้ฉันก็ถามนายไปตั้งเยอะ ฉันไม่รังเกียจหรอกน่า~”
ขณะที่เธอพูด ทีโอน่าก็พยายามดึงแขนของเขามาด้านข้างแบบเบาๆ
เธอรู้สึกอิจฉานิดหน่อยเมื่อเห็นเขา ‘จ้องเขม็ง’ ไปทางเลฟิย่าที่ยังไม่รู้สึกตัว
วาห์นส่ายหัวราวกับจะปฏิเสธข้อเสนอของเธอ เพราะเขาแค่อยากสื่อว่าไม่ได้คิดจะทำอะไรแผลงๆ เลย
“ฉันแค่อยากช่วย ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีหรอก”
ขณะที่พูด วาห์นก็วางฝ่ามือลงบนหัวของเลฟิย่าและใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อทำให้จิตใจของเธอสงบลง
สาวๆ ต่างจ้องมองเขาด้วยความสับสน แต่ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสนใจหลังจากเห็นว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ไม่กี่วินาทีต่อมา เลฟิย่าที่อยู่ในสภาพมึนงงก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น
เธอใช้เวลาไปครู่หนึ่งเพื่อตระหนักว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะตอนนี้มีมือมาปิดกั้นการมองเห็นของเธออยู่
พอมือที่วางอยู่บนหัวถูกดึงออกไป เลฟิย่าก็เห็นวาห์นที่ยังอยู่ในสภาพล่อนจ้อนและยิ้มให้กับเธอ
“ขอโทษนะที่ทำให้เธอลำบาก ตอนนี้คงจะไม่เป็นไรแล้ว รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เลฟิย่าที่ยังคงมึนงง ค่อยๆ ส่ายหัวโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อได้ยินความกังวลในน้ำเสียงและเห็นสีหน้าที่มองอย่างเป็นห่วง เลฟิย่าก็เริ่มรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเป็นกังวล
แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะความร้อนเริ่มกลับขึ้นมาที่สมองของเธออีกครั้งหลังจ้องไปที่ร่างของวาห์น
เธอค่อยๆ เอามือมาปิดหน้าพร้อมกับที่ทีโอเน่ปล่อยร่างของเธอลง
พอไม่มีใครมาช่วยพยุงตัวไว้ เลฟิย่าก็เลยเอนล้ม… เข้าไปสู่อ้อมแขนของวาห์นแทน
วาห์นประคองเลฟิย่าที่ล้มตัวมาทางเขาและรู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอกระตุกทันทีก่อนที่มันจะนิ่งค้างไป
เมื่อคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ วาห์นจึงวางมือบนหัวของเธออีกครั้งและเริ่มใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า]
“ดีขึ้นไหม เลฟิย่า?”
จิตใจของเลฟิย่ากำลังยุ่งเหยิงจากความรู้สึกขัดแย้งที่พัดพาเธอไปมาเหมือนพายุหมุน
เธอรู้สึกมีความสุข โกรธเคือง เสียใจ ตื่นเต้น สับสน และอะไรอีกหลายอย่างปนๆ กันไป
พอสัมผัสได้ถึงพลังงานอันอบอุ่นที่ออกมาจากฝ่ามือบนหัวของเธอ เลฟิย่าก็รู้สึกสบายขึ้น
แต่มันกลับยับยั้งไม่ให้เธอปลดปล่อยอารมณ์ออกมา ซึ่งเธอรู้สึกได้เลยว่าตอนนี้มันเลยจุดวิกฤตมาแล้ว
เลฟิย่าลดมือที่ปิดหน้าลงเล็กน้อย แต่เพราะกำลังก้มตัวไปด้านหน้า สิ่งที่เธอได้เห็นเป็นอย่างแรกหลังลืมตาขึ้นมาก็คือ ‘บางสิ่ง’ ที่ทำให้หัวว่างสนิท
สองสามวินาทีต่อมา ทุกคนก็สังเกตเห็นว่าเลฟิย่าแข็งค้างเป็นรูปปั้นอีกครั้งจนทีโอน่าต้องเข้ามาดู
“เลฟิย่า… เธอโอเคไหม?”
ขณะถามออกไป ทีโอน่าก็เอานิ้วมาจิ้มที่ไหล่ของเลฟิย่า
ราวกับว่าเธอถูกปลุกให้ตื่นจากมนตร์สะกด เลฟิย่ายืดตัวขึ้นก่อนจะรุดไปที่ขอบสระและหยิบเสื้อผ้าตัวเองขึ้นมา
ขณะที่ยังไม่มีใครได้พูดอะไร เธอก็พุ่งราวกับจรวดเข้าไปในป่าใกล้เคียงและหายไปจากสายตาของทุกคนพร้อมกับส่งเสียงร้องแปลกๆ ไปตลอดทาง
จากนั้นไม่นาน ทุกคนก็มองตามร่างนั่นไปและนึกภาพไม่ออกเลยว่าตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแบบไหน
ในที่สุดทีโอเน่ก็เอากำปั้นมาทุบลงบนบนฝ่ามืออีกข้างเบาๆ ราวกับนึกอะไรออก
“อ๊ะ! บางทีมันอาจจะเร็วไปหน่อยสำหรับเลฟิย่าล่ะมั้ง? แถมวาห์นยังดูไม่ค่อย… เหมือนคนอื่นเท่าไหร่?”
ขณะที่เธอพูด ทั้งไอส์และทีโอน่าต่างก็จ้องไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งแบบไม่มีท่าทีเขินอาย
พวกเธอเห็นร่างกายแข็งแรงและเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ผิวของเขาเป็นสีแทนที่ดูเปล่งปลั่งและมีใบหน้าหล่อเหลาแบบค่อนข้างไร้เดียงสา
ผมสีเข้มและดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลของเขายิ่งเสริมให้ทุกอย่างดูดีขึ้นไปอีกขั้น
แต่ทว่า… สิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นเหตุทำให้เลฟิย่าวิ่งหนีไปก็คือ…
ดวงตาของพวกเธอค่อยๆ เลื่อนลงมาตามหน้าท้องของวาห์นจนไปเจอเข้ากับ… อาวุธทำศึกของเขา
แม้มันจะอยู่ในสภาพจำศีล แต่ก็ทำให้คนมองรู้สึกราวกับถูก ‘ข่มขู่’
วาห์นมองตามสายตาของพวกเธอก่อนจะไปสบเขากับคู่หูของตนเอง
ในตอนนั้นเองที่เขาได้นึกย้อนไปถึงเรื่องครั้งก่อนๆ ที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน
ปรากฏว่าทุกคนมักจะจ้องลงไปมองตรงจุดนั้นแบบไม่มีข้อยกเว้น
วาห์นรู้สึกสับสนและเพราะตอนนี้มีคนอยู่กับเขาพอดี เขาจึงตัดสินใจถามขึ้น
“มันดูแปลกไปจากคนอื่นมากเลยเหรอ?”
ไอส์เริ่มหน้าแดงขึ้นขณะหันข้างเพื่อหลบตาเขา
ทีโอเน่หัวเราะขณะตอบเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เลยๆ แต่ฉันชักจะเริ่มเป็นห่วงน้องสาวขึ้นมาหน่อยแล้วแฮะ!”
ทีโอเน่หัวเราะจนหน้าอกของเธอสั่นไหวไปมาและทำให้น้ำในบ่อกระเซ็นไปทั่ว
เมื่อหันไปทางทีโอน่า วาห์นก็จ้องเธออย่างสงสัย
ทีโอน่ากลืนน้ำลายเล็กน้อย แต่วาห์นก็เห็นความมุ่งมั่นในสายตาราวกับว่าเธอกำลังจะเตรียมตัวรับศึกหนัก
“ฉันจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก!”
วาห์นยิ่งงงหนักกว่าเดิมหลังเห็นการตอบสนองของเธอ
เขาได้แต่สงสัยว่าเธอจะแพ้ให้กับอะไร แต่แล้วสัญชาตญาณก็เริ่มดังขึ้นจนเขาคิดว่าไม่ถามออกไปน่าจะเป็นการดีที่สุด