Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 95
ตอนที่ 95 ความอึดอัดของฟินน์
วาห์นใช้เวลาอาบน้ำกับสามสาวไปอีกประมาณยี่สิบนาที
หลังจากที่ทีโอน่าอาสามาถูกหลังให้กับเขา เธอก็พบว่าร่างกายของเขานั้นอบอุ่นมากแม้จะอยู่ในน้ำเย็นก็ตามและเริ่มซบเขาแบบไม่ไปไหน
ทีโอเน่รู้สึกสงสัยมากจึงลองวางฝ่ามือไว้บนแผงอกของวาห์นและต้องประหลาดใจที่พบว่าเขาตัวอุ่นยังกับเตาผิงแม้จะอยู่ในน้ำเย็นๆ
เธอเกือบอยากจะเข้ามาแทนที่ทีโอน่า แต่พอเห็นแววตาของน้องสาวก็รู้สึกกดดันขึ้นมาหน่อยๆ
หลังจากนั้นทุกคนจึงแต่งตัวและเดินกลับค่าย
พอไปได้ครึ่งทาง พวกเขาก็พบเลฟิย่ากำลังยืนถัดจากต้นไม้ที่ดูราวกับถูกใช้เป็นเป้าซ้อมมวย
วาห์นคิดว่ามันดูแปลกแต่พอเหลือบไปเห็นรอยถลอกที่มือของเลฟิย่า เขาก็ขมวดคิ้วพร้อมจับมือของเธอขึ้นมาและเริ่มรักษามัน
นั่นทำให้หญิงสาวทั้งตกใจและรู้สึกเคืองๆ ในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นวาห์นก็บอกให้เธอฝึกอย่างระมัดระวังมากขึ้นและเดินออกไปตามทางโดยปล่อยให้เลฟิย่าค้างเติ่งอยู่ด้านหลังและถูกทีโอเน่เย้าแหย่อย่างสนุกสนาน
ตอนนี้ยังถือว่าเป็นเวลาเช้าอยู่มากแต่หลายๆ คนที่อยู่ในค่ายก็ตื่นขึ้นมากันแล้ว
มันเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินไปมาและเริ่มทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขัน
หลังกล่าวคำอำลาแบบสั้นๆ ทุกคนก็แยกย้ายกันออกไปทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายไว้เช่นกัน
ทีโอเน่ ไอส์ และ เลฟิย่าออกไปพบริเวเรียและรอฟังคำสั่งจากฟินน์ ขณะที่ทีโอน่าตามวาห์นกลับไปที่เต็นท์ของเฮเฟสตัสแฟมิเลีย
มันดูคล้ายกับวันก่อนที่เธอทำราวกับตัวติดกับเขา แต่คราวนี้ทีโอน่าไม่ได้ฉุดรั้งเขาเอาไว้
เธอเปลี่ยนมาเดินใกล้ๆ และคุยเรื่อยเปื่อยกับวาห์นแทน
วาห์นอยากรู้เกี่ยวกับเทลิสคิวร่าซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของชาวอเมซอนและซักถามเธอว่ามันเป็นสถานที่แบบไหนกันแน่
ทีโอน่าเหมือนจะคิดอยู่ครู่หนึ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความเศร้า
สำหรับวาห์นแล้ว พอได้เห็นสีหน้าแปลกๆ ของเธอก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
ในขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ วาห์นก็ยื่นมือออกไปลูบหัวเธอ
จากประสบการณ์ของเขา ผู้หญิงส่วนใหญ่มักชอบเวลาที่เขาทำแบบนี้และพวกเธอจะดูสบายใจขึ้น
แม้แต่ทีโอน่าเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แถมเธอยังเริ่มเอาหัวมาถูกับฝ่ามือของเขาขณะที่ความเศร้าในใจค่อยๆ เลือนหายไป
“มันออกจะเป็นสถานที่ที่น่าเศร้าและอยู่ยากหน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายไปหมดหรอกนะ ชาวอเมซอนทุกคนจะอยู่ภายใต้การปกครองของเทพธิดาคาลี
ผู้ชายไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในหมู่บ้าน แต่ว่าจะมีถิ่นฐานเล็กๆ สำหรับผู้ที่อยากจะได้เป็นคู่ครองของชาวอเมซอนตั้งอยู่ไม่ไกลออกไปนัก
ผู้ชายบางคนคิดว่าตัวเองน่าจะมีโอกาสได้จีบชาวอะเมซอนหากพวกเขา ‘มาอยู่ใกล้ๆ’ แต่มันก็เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอก”
ทีโอน่าหัวเราะเมื่อเล่าถึงส่วนท้ายๆ
วาห์นยังสงสัยไม่หายจึงถามต่อ
“ทำไมมันถึงเกิดขึ้นไม่บ่อยล่ะ?”
เพื่อเป็นการตอบคำถามของเขา ทีโอน่าเริ่มเอนตัวเข้ามาหาและโอบแขนไว้รอบคอของเขา
เธอฝังร่างลงไปบนแผงอกอุ่นๆ ขณะมองเข้าไปในดวงตาของวาห์นด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเป็น ‘นักล่า’ ก่อนจะพูดออกมาช้าๆ
“มันเป็นสัญชาตญาณของชาวอเมซอนที่ปรารถนาจะได้คนแข็งแกร่งมาเป็นคู่ครอง ผู้ชายที่คิดจะใช้ทางลัดเพื่อเอาชนะใจชาวอเมซอนได้ก็มีแต่พวกใจเสาะและอ่อนแอ”
พอใบหน้าของทีโอน่าเริ่มเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาเรื่อยๆ วาห์นก็รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นขณะเกิดเมฆหมอกในหัวจนทุกอย่างดูตื้อไปหมด
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่กำลังใกล้เข้ามาของทีโอน่า วาห์นก็กล่าวต่อ
“แต่ฉันไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย คนที่แข็งแกร่งกว่านี้ก็มีถมไป”
แม้แต่ตอนที่วาห์นพูดออกไป เขาก็เริ่มรู้สึกว่ามันฟังดูแปลกๆ ราวกับว่าเขากำลังหาข้อแก้ตัวอยู่
ทีโอน่ารู้สึกขำนิดๆ กับสิ่งที่เขาพูดและหัวเราะออกมาเบาๆ
พอจมูกของทั้งคู่เข้ามาสัมผัสกันแล้ว เธอก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“นายแข็งแกร่งนะ… และฉันบอกได้เลยว่าต่อไปนายจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีก นั่นคือสิ่งที่ ‘สัญชาตญาณ’ กำลังบอกฉันอยู่”
ขณะที่พูดจบเธอก็เอนไปข้างหน้าและจูบเข้าที่ริมฝีปากของวาห์นอย่างแผ่วเบา
จิตใจของวาห์นขาวโพลนทันทีที่ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสถูกกันขณะโบกไม้โบกมือไปมาราวกับไม่รู้ว่าจะเอาพวกมันไปไว้ตรงไหนดี
ทีโอน่าไม่รู้ถึงความว้าวุ่นใจของเขาและยังคงจูบวาห์นต่อไปขณะเพิ่มแรงที่แขนและทำให้รสจูบแนบแน่นยิ่งกว่าเดิม
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเธอก็ปล่อยเขาและจ้องมองวาห์นด้วยแก้มแดงระเรื่อ
“ฉันไม่รังเกียจที่จะเป็นฝ่ายจูบหรอกนะ… แต่ฉันคงดีใจกว่านี้ถ้าสักวันนายจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนบ้าง”
หลังจากพูดจบ ทีโอน่าก็หมุนตัวกลับขณะเอามือทั้งสองมารองที่หลังศีรษะและเดินฮัมเพลงออกไป
วาห์นมองตามเธอไปในสภาพมึนงงและเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มมองเธอต่างไปจากเมื่อก่อน
ดวงตาของเขาจ้องมองตั้งแต่ส่วนหัวของเธอ เลื่อนลงมาตรงแผ่นหลังที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ผ่านมาถึงส่วนเอว และลงไปที่เท้าเปลือยเปล่าของเธอ
เขาได้แต่ยืนอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเธอเดินหายออกไปจากเต็นท์
วาห์นค่อยๆ เอื้อมมือไปแตะที่ริมฝีปากและอดพึมพำออกมาไม่ได้
“จูบแรกของเรา…”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความคิดนี้ได้ทำให้ใบหน้าของเขาแดงขึ้นขณะที่ความอึดอัดและความสุขเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อเขานึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อกี้นี้
ริมฝีปากของเธอช่างนิ่มเหลือเกิน และเขายังจำตอนที่ความร้อนจากเรือนร่างของเธอเข้ามาแนบชิดกับร่างกายของเขาได้แบบไม่ตกหล่น
ยิ่งวาห์นนึกถึงมัน เขาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูกจนเริ่มอยากจะวิ่งออกไปกลางป่าเพื่อทำลายอะไรสักอย่าง
จากการโต้ตอบระหว่างวาห์นกับผู้หญิงรอบๆ ตัวเขานั้น เขาไม่เคยคิดถึงผลกระทบจากการกระทำของตัวเอง หรือของอีกฝ่ายหนึ่งมาก่อนเลย
เขารู้ว่าพอได้อยู่ใกล้พวกเธอก็รู้สึกมีความสุขแล้ว แต่กลับไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อนและไม่รู้ด้วยว่าจะจัดการกับมันยังไงดี
พอโดนทีโอน่าจูบ เขาก็เริ่มกังวลว่าเหตุการณ์ต่างๆ นับตั้งแต่ที่เข้าเมืองมานั้นอาจมีอะไรที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่ตัวเขาในอดีตจะหยั่งถึง (TL: โชคดีนะเพื่อน)
เขาเริ่มย้อนรอยความทรงจำของตัวเองและมองดูมันใน “มุมมองใหม่”
นั่นทำให้ความอึดอัดในร่างกายพุ่งสูงขึ้นจนทะลุผ่านจุดวิกฤติไปเรียบร้อยแล้ว
และแล้ววาห์นก็ไม่สามารถรับมือกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านได้อีกซึ่งคล้ายกับอาการของเลฟิย่าแบบเป๊ะๆ
สุดท้ายเขาก็ต้องออกวิ่งเข้าไปในป่าลึก
เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ผู้คนในค่ายได้ยินเสียงเหมือนมีบางอย่างถูกทำลาย
มันเป็นเสียงของต้นไม้และก้อนหินที่ถูกบดขยี้จนเละเทะ
คนที่หูดีๆ หน่อยก็จะได้ยินเสียงร้องอย่างกลัดกลุ้มของเด็กหนุ่มที่ลากยาวจนคล้ายกับวิญญาณโหยหวน
—
ภายในเต็นท์ขนาดใหญ่ที่อยู่กลางค่าย
ทีโอน่ากำลังนั่งแกว่งขาไปมาอยู่บนโต๊ะ
เธอมีรอยยิ้มขนาดใหญ่แปะอยู่บนใบหน้าขณะฮัมเพลงและหลับตาพริ้ม
เมื่อถูกถามว่าทำไมเธอถึงดูมีความสุขมากนัก เธอก็เริ่มทำตัวเหมือนหญิงสาวแรกแย้มขี้อายและหัวเราะคิกคักพลางเอามือมาถูกแก้มตัวเอง
“ฉันให้จูบแรกกับวาห์นไปแล้วแหละ แหะๆ~”
พอได้ยินคำตอบจากน้องสาวของเธอ ทีโอเน่ราวกับถูกฟ้าผ่ากลางกลางหัวและรีบวิ่งออกไปจากเต็นท์พร้อมกรีดร้อง
“กัปตันนนน~!!!”
ทุกคนเฝ้าดูทีโอเน่พุ่งตัวออกไปราวกับเธอสามารถบอกได้ว่าตอนนี้ฟินน์อยู่ตรงไหน
ไอส์ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองที่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของทีโอน่า
“เขาจูบเธอเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามของไอส์ เลฟิย่าก็เริ่มขมวดคิ้วจากด้านข้างขณะที่ทีโอน่าตอบแบบตรงๆ
“ไม่ใช่หรอก ฉันเป็นฝ่ายจูบเขาเอง แต่คิดว่านั่นน่าจะเป็นจูบแรกของเขาเหมือนกัน อา มีความสุขจังเลย~”
สีหน้าของไอส์ดูผ่อนคลายลงไปเล็กน้อยแต่ของเลฟิย่ากลับดูแย่ลงกว่าเดิมเยอะ
พอนึกถึงทุกอย่างที่เธอเคยทำกับวาห์น เลฟิย่าก็เกิดอารมณ์ขัดแย้งภายในอย่างหนัก
แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอมั่นใจมากก็คือไม่อยากให้ไอส์ไปสนใจเด็กหนุ่มคนนั้นมากเกินไป
แม้เธอจะรู้ดีกว่าใครๆ ว่าไอส์นั้นมีจิตใจดียิ่งกว่าที่คนอื่นเห็นมาก แต่เลฟิย่าก็ยังรู้สึกอิจฉานิดหน่อยเมื่อเห็นไอส์กังวลเรื่องของเด็กผู้ชาย
โดยเฉพาะยิ่งเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่มีอายุใกล้เคียง… ทันใดนั้นความคิดของเลฟิย่าก็เตลิดออกไปไกลจนต้องเอามือมาปิดหน้าแดงก่ำของตัวเอง
ริเวเรียกำลังดูฉากแสนแปลกประหลาดตรงหน้าด้วยสีหน้าช็อคๆ
เธอไม่นึกไม่ฝันเลยว่าวาห์นจะทำให้เด็กสาวทุกคนในกลุ่มเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ภายในเวลาสั้นๆ
ริเวเรียเองก็สนใจวาห์นเช่นกัน ซึ่งหลักๆ ก็คือเรื่องที่เขาสามารถควบคุมพลังธาตุในอากาศได้
แต่เธอกลับไม่คิดเลยว่าการที่เขาฆ่าโกไลแอธได้ด้วยตัวคนเดียวจะทำให้ใจของเหล่านักผจญภัยเลเวล 5 ทั้งหลายพากันสั่นไหวอย่างพร้อมเพรียง
เธอเริ่มให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มคนนี้มากขึ้นและสงสัยว่าเขายังเก็บงำความลับอะไรที่เธอยังไม่รู้อยู่อีกหรือเปล่า
—
ตอนนี้ฟินน์กำลังมุ่งหน้ากลับจากริวีร่าด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่
แกเร็ธเองก็เดินตีคู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและนิ่งเงียบไปตลอดระยะเวลาการเดินทาง
เขาอยู่ด้วยตอนที่ฟินน์ได้รับคำสั่งพอดี และรู้ว่าอีกไม่กี่วันจะต้องวุ่นมากแน่ๆ
พวกเขาได้รับมอบหมายให้ไปปราบปรามจักเกอร์นอตที่ชั้น 13 เนื่องจากตอนนี้มันได้สังหารนักผจญภัยไปหลายคนแล้ว
ผู้คนในเมืองต้องการคำตอบว่าจะมีใครเข้ามาจัดการเรื่องนี้ และแล้วหน้าที่ค้นหาสาเหตุการปรากฏตัวของมันก็ตกอยู่ที่โลกิแฟมิเลีย
ทางกิลด์รู้สึกว่าหากรอนานเกินไปก็จะทำให้การสืบสวนยุ่งยากกว่าเดิมดังนั้นพวกเขาจึงออกภารกิจฉุกเฉินซึ่งทางโลกิเองก็อนุมัติลงมาแล้ว
ฟินน์กำลังง่วนอยู่กับการคิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการกระจายกำลังคนและกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
แน่นอนว่าพวกเขามีจำนวนมากพอจะจัดการกับมันได้ แต่การต่อสู้ครั้งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแม้จะเตรียมตัวมากขนาดไหนก็ตาม
ปัญหาใหญ่ที่สุดที่เขาต้องเผชิญก็คือการเจรจาเฮเฟสตัสแฟมิเลียและทำให้แน่ใจว่าพวกเขาเข้าใจความจำเป็นของภารกิจฉุกเฉินครั้งนี้
การออกสำรวจรอบนี้เป็นคำร้องขอจากทางเฮเฟสตัสแฟมิเลียเพื่อให้พวกเขาสามารถรวบรวมวัตถุดิบในช่วงชั้นที่ 25 ถึง 30 ได้อย่างปลอดภัย
วัตถุดิบบางอย่างจำนั้นเป็นต้องเก็บเกี่ยวด้วยความระมัดระวังและไม่เหมาะที่จะให้นักผจญภัยเป็นคนทำเอง
โลกิแฟมิเลียได้รับงานนี้มาในฐานะหน่วยคุ้มกัน ส่วนค่าจ้างนั้นก็ได้รับมาครบหมดแล้ว
ฟินน์ไม่อยากละทิ้งภารกิจนี้เพราะมันอาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของโลกิแฟมิเลีย แต่เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อภารกิจฉุกเฉินได้เช่นกัน
หวังว่าทุกอย่างจะออกมาดีและทำให้ทั้งสองภารกิจนี้ลุล่วงโดยไม่เกิดปัญหาเพิ่มเติม…
ในขณะที่ฟินน์กำลังครุ่นคิดอย่างหนักก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นบนพื้น
เมื่อคิดว่าอาจมีสัตว์ร้ายที่บุกขึ้นมาจากชั้นล่าง ทั้งฟินน์และแกเร็ธต่างเตรียมตั้งท่าต่อสู้และลับประสาทสัมผัสเพื่อเตรียมรับมือกับภัยคุกคาม
ในสภาวะที่เขาตั้งสมาธิเต็มที่ ฟินน์ก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่กรีดร้องแบบจะเป็นจะตาย
เขายังคิดไม่ตกเลยว่าทำไมเธอถึงกำลังเรียกชื่อของเขาอยู่…
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงตะโกนก็ชัดเจนขึ้นจนแกเร็ธและฟินน์ก็รีบวิ่งไปตามทิศทางของเสียง
เสียงนั้นเป็นของทีโอเน่ซึ่งเป็นหนึ่งในสหายของพวกเขานั่นเอง และฟังดูเหมือนเธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นที่ค่ายจนทำให้เธอต้องออกมาหาฟินน์แน่ๆ
พวกเขานึกถึงเรื่องเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นและเร่งความเร็วเป็นสองเท่าเพื่อไปพบทีโอเน่และรับฟังสถานการณ์
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสามก็เห็นหน้ากันพร้อมกับที่สมองของฟินน์เริ่มส่งสัญญาณเตือน
เขาเห็นได้ว่าทีโอเน่อยู่ในสภาพเร่งรีบขณะที่โบกมือมาทางเขา
สิ่งที่ทำให้นักผจญภัยเลเวล 5 มีสภาพแบบนี้ได้นั้นต้องไม่ธรรมดาและเขาก็พยายามคิดหนักถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ขณะที่เธอวิ่งเข้ามาใกล้
เมื่อพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เมตร ก่อนที่ฟินน์จะเอ่ยปากถามอะไรออกมา ทีโอเน่ก็กระโจนใส่เขาทันที
“กัปตันคะ!!! เร็วค่ะ มาจูบฉันหน่อย!”
ทีโอเน่พุ่งไปทางฟินน์ราวกับกระสุนปืนและแม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาวะงุนงง แต่ก็มีสติพอที่จะหลบมิสไซล์มีชีวิตลูกนี้ได้อยู่
แกเร็ธมองมาที่ฟินน์ด้วยสีหน้าขำขันและเริ่มหัวเราะขณะยกขวานขึ้นพาดบ่า
“โชคดีนะฟินน์”
พอพูดเสร็จ แกเร็ธก็เริ่มเดินไปทางค่ายพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนานไปตลอดทาง
ฟินน์รู้สึกว่าเส้นเลือดในขมับของเขากระตุกอย่างรุนแรงขณะมองไปทางทีโอเน่ ซึ่งดูสลดมากที่เขาหลบ ‘การโจมตี’ ของเธอ
“ทีโอเน่… นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ทีโอเน่หันมาหาเขาขณะถูจมูกของเธอด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
“มันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ กัปตัน ทีโอน่าไม่น่านำพี่สาวอย่างฉันไปก่อนได้เลย ฉันเองก็อยากจูบเหมือนกันนะ!”
ทีโอเน่พยายามทำตัวน่าสงสารพร้อมร้องไห้แบบปลอมๆ ก่อนจะโดดใส่ฟินน์อีกครั้ง
ฟินน์ถอนหายใจก่อนจะหลบ ‘การโจมตี’ ครั้งที่สองของเธอและเริ่มเดินกลับค่าย
“ไปกันเถอะทีโอเน่ ฉันมีเรื่องที่ต้องหารือกับทุกคน”
หลังจากพูดจบแล้ว ฟินน์ก็ไม่อยากจะไปยุ่งวุ่นวายกับเธออีก
ทีโอเน่รีบกระโดดขึ้นจากพื้นหลังได้ยินคำพูดของเขาและตะโกนตอบ
“ค่ะ กัปตัน!”
ก่อนจะเดินตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง
แต่จริงๆ ก็ไม่ได้เชื่อฟังจนเกินไปนักเพราะในช่วงที่เดินกลับค่ายนั้นเธอก็เอาแต่จ้องไปที่ริมฝีปากของฟินน์อย่างหื่นกระหาย