Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที่ 98
เมื่อวาห์นเล่าประสบการณ์ที่เขาไปเจอมา ริเวเรียและฟินน์ก็เริ่มจดบันทึกอย่างตั้งใจ
พอเขาเล่าจบ ทั้งสองก็เอาสิ่งที่จดมาเปรียบเทียบกันและเริ่มพูดคุยเรื่องกลยุทธ์กับสมาชิกคนอื่นๆ
“ยังดีที่จักเกอร์นอตได้รับบาดเจ็บไปบ้างแล้ว แต่เราก็ต้องสืบต่อไปว่ามันไปโดนอะไรมา เพราะนั่นอาจเกี่ยวข้องกับเหตุผลที่มันถูกอัญเชิญมาแต่แรกก็ได้”
ริเวียพยักหน้า
“ใช่ อะไรก็ตามที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับสิ่งมีชีวิตเลเวล 7 ได้อย่างรุนแรงก็น่าจะทำความเสียหายให้กับดันเจี้ยนที่เรียกมันออกมาได้เช่นกัน คำถามก็คือ พวกเขาจะทำแบบนั้นไปทำไม? เรื่องนี้อาจมีอะไรมากกว่าที่ใครจะคาดคิดก็ได้…”
ริเวเรียพูดอย่างจริงจังขณะที่นักผจญภัยเจนศึกทุกคนต่างเห็นด้วยกับเธอ
จากข้างๆ นั้น วาห์นก็เริ่มเหงื่อตกเล็กน้อยจากสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
เขารู้ดีเลยว่าทำไมจักเกอร์นอตถึงได้รับบาดเจ็บและจากเท่าที่เขารู้ มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่มันถูกอัญเชิญออกมาเลย
ไม่มีวิธีไหนที่จะอธิบายได้ว่าเขานี่แหละที่เกือบจะทำลายมันลงได้
เท่าที่ทุกคนในห้องเข้าใจ เขาเป็นเพียงนักผจญภัยเลเวล 2 ที่เก่งกว่าคนระดับเดียวกันอยู่บ้างเท่านั้น
ซึ่งเขายังห่างไกลจากการที่จะไปต่อสู้และสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับจักเกอร์นอตได้
สำหรับตอนนี้ เขาคงได้แต่นั่งเงียบๆ และรอให้ทุกคนคุยกันเสร็จ
ในที่สุดทางกลุ่มก็ตัดสินใจว่าจะแบ่งกำลังออกเป็นแนวป้องกันสองแนวและกองเสริมอีกหนึ่งกอง
เพราะจักเกอร์นอตจะเริ่มเคลื่อนไหวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในชั้น
ทีมแนวป้องกันแรกซึ่งประกอบไปด้วยยอดฝีมือจะต้องล่อมันให้เข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่วางแผนไว้ด้วยการโจมตีแบบตรงๆ
แนวป้องกันที่สองจะอยู่ในห้องที่ไม่ไกลจากจุดนัดหมายมากจนเกินไปนัก
หน้าที่ของพวกเขาก็คือเข้าไปตีกระหนาบหลังจากที่ทีมแรกล่อมันออกมาได้แล้ว
กลุ่มที่สามหรือก็คือกองเสริม จะคอยประจำอยู่บนชั้น 14 ใกล้กับรูที่เชื่อมต่อกับชั้นที่ 13
วาห์นได้มอบแผนที่อย่างละเอียดให้ไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถวางแผนการที่ซับซ้อนและครอบคลุมถึงเรื่องชั้นอื่นๆ ได้ด้วย
ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ทุกคนสามารถหนีลงไปในหลุมโดยกองเสริมจะคอยรอรับและรักษาคนเจ็บที่โดดลงมา
เมื่อตัดสินใจกันได้แล้วและถามความสมัครใจของเขา ทางกลุ่มก็ให้วาห์นมาประจำอยู่ในแนวป้องกันที่สอง
เพราะวาห์นมีศักยภาพในการต่อสู้เทียบเท่ากับนักผจญภัย 3 ไม่มีทางเลยที่เขาจะได้ไปอยู่กับกลุ่มยอดฝีมือในแนวป้องกันแรก
สมาชิกกลุ่มแรกนั้นประกอบไปด้วยฟินน์ แกเร็ธ เบต และไอส์
ผู้นำกลุ่มที่สองคือริเวเรีย เนื่องจากเวทมนตร์จะไม่ส่งผลต่อจักเกอร์นอตมากนักและเธอยังมีความว่องไวที่น้อยเกินกว่าจะไปอยู่กลุ่มแรก
หน่วยสนับสนุนของเธอประกอบไปด้วย ทีโอเน่ ทีโอน่า เลฟิย่า รวมไปถึงนักผจญภัยเลเวล 3 ขึ้นไป
ทุกคนที่เหลืออยู่ในกลุ่มสามซึ่งนำโดยเมอรีลโดยมีหน่วยสนับสนุนส่วนใหญ่เป็นคนจากเฮเฟสตัสแฟมิเลีย
หลังจากวางแผนและหารือกันเกือบสองชั่วโมง ตอนนี้พวกเขามีเวลาประมาณ 25 ชั่วโมงเพื่อทำภารกิจ ดังนั้นทุกคนจึงออกไปเตรียมตัวกันอย่างแข็งขัน
ฟินน์ต้องการให้ทั้งค่ายเตรียมพร้อมและพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายภายในสามชั่วโมง
จากนั้นพวกเขาจะเริ่มเดินทัพไปยังชั้นที่ 14 โดยเร็วที่สุด
เมื่อพิจารณาถึงการซักซ้อมและพูดคุยเรื่องกลยุทธ์กับสมาชิกคนอื่นๆ ฟินน์ก็คาดคะเนว่าพวกเขาน่าจะมีเวลาน้อยกว่า 18 ชั่วโมงเพื่อปราบจักเกอร์นอตลง
แม้นั่นจะดูเหมือนกับเยอะ แต่มันเป็นฝันร้ายของหน่วยพลาธิการที่ต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของและอุปกรณ์ต่างๆ ตามลงไปด้วย
ทุกครั้งที่เกิดปัญหาปลีกย่อยก็สามารถทำให้ทั้งกลุ่มหยุดชะงักไปได้หลายชั่วโมงและอาจนำไปสู่ปัญหาเพิ่มเติมหากไม่ได้รับการแก้ไขในทันที
หากเสียความเป็นผู้นำไป ทั้งกลุ่มก็อาจจบลงด้วยการถูกกวาดล้าง
เมื่อคำนึงถึงปัญหาทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น เวลา 18 ชั่วโมงอาจจะเหลือเพียงแค่ 10 ชั่วโมงเท่านั้น
ในขณะที่พยายามออกจากเต็นท์ วาห์นก็ถูกทีโอน่า ‘จับ’ ไว้เสียก่อน
เธอสังเกตเห็นว่าเขาดูจะระมัดระวังเธอเป็นพิเศษ ดังนั้นแทนที่จะเกาะติดกับเขาตามปกติ เธอเลยแค่ดึงแขนเสื้อของเขาด้วยแรงเล็กน้อย
วาห์นรู้สึกว่าแขนเสื้อของเขากำลังถูกดึงอยู่และเกือบพยายามจะกระชากให้มันหลุดออก
แต่พอเห็นสีหน้าเศร้าๆ ทีโอน่า เขาก็ไม่อาจทำแบบนั้นได้ลง
พอรู้สึกว่าวาห์นไม่ได้พยายามวิ่งหนีอย่างที่เธอคาดไว้ ทีโอน่าก็ยิ้มๆ และเข้ามาใกล้โดยไม่ได้แตะต้องตัวเขาโดยตรง
“นายโกรธฉันเหรอ? ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายเสียใจนะ… ฉันแค่เผลอตามอารมณ์ตัวเองมากไปหน่อย”
ทีโอน่าทำตัวสงบเสงี่ยมซึ่งต่างไปจากตอนปกติที่ดูมีชีวิตชีวาและร่าเริงอย่างมาก
เมื่อเห็นพฤติกรรมที่ผิดกับตัวเธอและออร่าห่อเหี่ยวที่ออกมาจากร่าง วาห์นก็รู้สึกเจ็บนิดๆ ที่หัวใจและอยากทำให้เธอกลับมาเป็นปกติ
“เปล่า ฉันไม่ได้โกรธเธอนะ แต่แค่ตกใจ… เพราะไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องแบบนี้ยังไง มาจนถึงตอนนี้ฉันยังไม่เคยแม้แต่จะคิดเรื่องผู้หญิง หรือจูบ หรืออะไรทำนองนั้นมาก่อนเลย ฉันก็แค่อยากแข็งแกร่งขึ้นและพยายามใช้ชีวิตอย่างอิสระเท่านั้นเอง…”
วาห์นมองเข้าไปในดวงตาเธอขณะที่เขาพยายามอธิบายความรู้สึกออกมา
แต่ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสับสนกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
ทุกอย่างที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง แต่ก็อย่างที่บอก เขารู้สึกว่านั่นมันไม่ตรงกับช่วงเวลาที่ผ่านมาเลย
แม้ว่าเขาจะพยายามทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น แต่นั่นก็หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่กระตุ้นให้เขาต้องทำแบบนั้น
เขาใช้เวลาฝึกฝนไปมาก แต่นั่นก็เป็นเพราะเขารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็น
ทั้งเฮเฟสตัสและสึบากิต่างมีความคาดหวังกับเขา และวาห์นเองก็ไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องผิดหวัง
อย่างไรก็ตาม เวลาส่วนใหญ่ที่เหลือของเขานั้นก็หมดไปกับการเรื่อยเปื่อยไปวันๆ
เขาเพลิดเพลินไปกับการผ่อนคลายและพูดคุยกับผู้คน ใช้ชีวิตแบบสบายๆ แล้วก็ชอบเวลาที่ถูกสาวๆ ตนอื่นมากอดมากเป็นพิเศษด้วย
ก่อนจะได้รับจูบแรกจากทีโอน่านั้นเขาไม่เคยคิดอะไรแบบนี้เลย แต่ตอนนี้วาห์นรู้แล้วว่าสิ่งที่เขาทำมาโดยตลอดมันออกจะดูผิดปกติไปบ้าง
ทีโอน่าเห็นว่าเขากำลังดิ้นรนอยู่ภายใน
เธอนั้นอยากเข้ามากอดเพื่อทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเหลือเกิน
แต่พอคิดว่าอาจทำให้เขารู้สึกอึดอัดกว่าเดิม ทีโอน่าจึงทำสิ่งเดียวกับที่เขาทำตอนที่เธอรู้สึกแย่
เธอเอื้อมมือออกไปและเริ่มลูบผมของเขาพร้อมยิ้มบนใบหน้า
เมื่อวาห์นรู้สึกถึงสัมผัสของเธอ เขาก็ปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยหายไปในขณะเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกนี้
เขาสงสัยว่านี่เป็นสิ่งที่สาวๆ คนอื่นรู้สึกเมื่อเขาลูบหัวหรือเปล่านะ?… มันผ่อนคลายและช่วยทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงไปมาก
เมื่อเห็นว่าเขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ทีโอน่าจึงพูดขึ้น
“นายไม่ต้องรีบร้อนหรอก แค่ค่อยๆ พยายามทำเข้าใจว่าตัวเองรู้สึกยังไงก็พอแล้ว ฉันแค่ไม่อยากเห็นนายทำตัวแปลกๆ เพราะเรื่องเล็กน้อยนะ อย่างที่นายเป็นตอนเช้ากับตอนเมื่อวานดูเท่กว่ากันตั้งเยอะ แล้วถึงนายจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนาน แต่ฉันก็คิดว่ามันยังดีกว่าที่นายต้องไปทำตามความคาดหวังของคนอื่นเสียอีก”
ทีโอน่าเองก็ไม่แน่ใจในสิ่งที่เธอแนะนำออกไปเท่าไหร่ แต่เธอรู้สึกว่าวาห์นที่ดูกล้าหาญและผลักดันตัวเองจนเกินขีดจำกัดนั้นเป็นช่วงเวลาที่วาห์นดูดีที่สุด…
อย่างน้อยก็ในความคิดของเธอล่ะนะ…
วาห์นนึกย้อนไปถึงสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมด และจดจ่อไปกับช่วงเวลาสำคัญซึ่งหลักๆ ก็คือตอนที่เขามีความสุขที่สุด
ในแต่ละครั้งนั้นเขาจะเพลิดเพลินไปกับความสุขที่ได้อยู่กับคนอื่นหรือไม่ก็เป็นการที่ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองขึ้นไปอีกขั้น
เขารู้สึกว่าสิ่งที่ทีโอน่าพูดมีส่วนถูก แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงอัดแน่นอยู่ในใจของเขา
แม้ว่ามันจะแตกต่างจากความตื่นเต้นที่เขาพบในการต่อสู้ แต่มันก็เกือบจะเอ่อล้นจนวาห์นรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังบิดตัวเองเป็นปม
ทีโอน่าอดทนรอให้วาห์นค่อยๆ คิดในขณะที่เธอยังคงลูบหัวเขาต่อไป
เธอสังเกตเห็นว่าเขาดูผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ และพยายามลองเขาใกล้เธอเพื่อเป็นการทดสอบ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พยายามหลีกหนี ทีโอน่าจึงรู้สึกกล้าขึ้นและตัดสินใจที่จะสวมกอดเขาไว้
เธอรู้สึกว่าร่างกายของเขาสั่นไหวเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พยายามถอยห่างออกไป
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง วาห์นก็ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ขณะที่ทีโอน่าเริ่มฮัมเพลงเบาๆ
เมื่อได้ฟังเสียงฮัมเพลงของทีโอน่า ความกังวลของเขาเริ่มหายไปอีกครั้ง
เสียงนั้นดังสะท้อนออกมาจากลำคอของเธอและกระจายไปทั่วสัมผัสการได้ยินของเขา
วาห์นนึกถึงเวลาที่เฮเฟสตัสกอดและเขาก็อดที่จะคิดไม่ได้ว่าทำไมมันถึงรู้สึกสบายแบบนี้เวลาถูกกอด
เขาค่อยๆ นำแขนขึ้นมาโอบรอบตัวทีโอน่าและถามอย่างสงสัย
“เพลงที่เธอชอบฮัมคือเพลงอะไรเหรอ?…”
ทีโอน่าหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่… แค่จำมันมาจากตอนที่ยังเล็ก ฉันจำได้ว่ามีคนมาอุ้มและคอยฮัมเพลงนี้ให้ฟังอยู่เสมอ มันทำให้ฉันรู้สึกมีความสุขและปลอดภัย… ตอนนี้พอฉันมีความสุข ก็อดไม่ได้ที่จะฮัมมันออกมา…”
พอถูกวาห์นกอดกลับบ้าง ที่โอน่าก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย
วาห์นพอบอกได้จากน้ำเสียงว่าเธอกำลังมีความสุข แต่เขาก็อยากจะถามให้แน่ใจ
“ตอนนี้เธอมีความสุขอยู่หรือเปล่า?”
ทีโอน่ายิ่งกอดวาห์นแน่นกว่าเดิมและวางหัวไว้บนไหล่ของเขา
“อื้ม แต่อีกเหตุผลที่ฉันฮัมเพลงก็เพราะอยากให้นายได้รู้สึกแบบเดียวกับฉันตอนที่ได้ฟังเพลงนี้ ตอนนี้นายดูเหงาและสับสนมาก ฉันเลยอยากให้นายรู้สึกมีความสุขและปลอดภัยเหมือนกัน”
วาห์นถอนหายใจใส่ต้นคอจนทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้
ทีโอน่าดิ้นไปมาก่อนจะหันไปมองหน้าเขา
วาห์นจ้องตอบขณะที่หัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ และความรู้สึกที่เริ่มลดลงก็กลับมาอีกครั้งแบบเต็มกำลัง
เขามองเห็นริมฝีปากที่เปียกชื้นเล็กน้อยของเธอและดูจากสีหน้าแล้ว วาห์นก็มองเห็นความคาดหวังมาจากเบื้องลึกของสายตานั่น
วาห์นกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึกก่อนจะพูดความในใจออกมา
“ฉันรู้สึกเหมือนอยากจะลองจูบอีกสักครั้ง แต่ทุกครั้งที่นึกถึง… ก็มีความรู้สึกแปลกๆ ตรงหน้าอกแล้วก็รู้สึกเวียนหัว ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเอามันออกไปจากหัวไม่ได้สักที ฉันคงเป็นบ้าไปแล้วมั้ง…”
ทีโอน่ายิ้มกว้างหลังจากได้ยินวาห์นบอกว่าอยาก ‘ลองจูบ’ ดู
จากคำพูดของเขา เธอรู้สึกว่าวาห์นนั้นดูไร้เดียงสามากกว่าที่เธอคาดคิด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาไม่รู้สึกอายเวลาอยู่กับคนอื่น มันเหมือนกับว่าเขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมาก่อนเลย
เธอเริ่มเชื่อว่าเขาอาจไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจถามออกมา
“วาห์น รู้ไหมว่าเด็กทารกเกิดขึ้นมาได้ยังไง”
วาห์นอ้ำอึ้งไปราวกับแผ่นสะดุด แต่เพราะเขาเลือกที่จะไว้ใจเธอจึงบอกสิ่งที่ตัวเองคิดว่าเป็นคำตอบที่ถูกที่สุด
“น่าจะต้องมีเพศสัมพันธ์…”
ทีโอน่าพยักหน้าเห็นด้วยเพราะบางทีเขาอาจจะรู้มากกว่าที่เธอคิดไว้
“มันก็ใช่ แต่รู้ไหมว่าเพศสัมพันธ์มันหมายความว่ายังไง”
สำหรับทีโอน่า สิ่งนี้สำคัญกับอนาคตของเธอมาก และเธอต้องการทำให้แน่ใจว่าวาห์นไม่ได้กำลังเข้าใจผิดอยู่
วาห์นกลืนน้ำลายอีกครั้งก่อนจะไตร่ตรองชั่วครู่และตอบเธอ
แม้เขาจะรู้ว่าเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็นในการให้กำเนิดเด็กทารก แต่ในหนังสือที่เขาอ่านนั้นไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
แม้แต่ในชีวิตแรกของเขา นอกจากการศึกษาขั้นพื้นฐานและการฝึกเขียนอ่านแล้ว วาห์นยังไม่เคยได้เรียนเรื่องเพศศึกษามาก่อน
แถมตอนเขายังเคยพบผู้หญิงอยู่แค่สองคนเท่านั้น… และเขาก็ไม่ชอบทั้งคู่เลยสักนิด
วาห์นพยายามนึกถึงสิ่งที่เห็นผ่านๆ จากหนังสือและตอบอย่างลังเล
“เอ่อ ตอนที่… เด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงแต่งงานกันแล้ว… จากนั้นท้องเด็กผู้หญิงก็จะป่องขึ้นแล้วก็จะมีเด็กออกมา”
ทีโอน่าตกตะลึงไปกับคำตอบของเขา แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากข้างในเต็นท์
พอหันไปเธอก็เห็น ทีโอเน่ ไอส์ และเลฟิย่าที่กำลังแอบฟังการสนทนานี้อยู่
เลฟิย่าหน้าแดงอย่างเคย ขณะที่ไอส์แสดงสีหน้าปกติของเธอ แต่ทีโอเน่กลับหัวเราะหนักมากจนเกือบจะลงไปนอนกับพื้น
ทีโอน่ารู้สึกโมโหเมื่อเห็นปฏิกิริยาของพี่สาว โดยเฉพาะเมื่อคนที่เธอหัวเราะเยาะใส่คือวาห์น
“พอได้แล้วทีโอเน่! ฉันว่ามันน่ารักออกที่เขาไร้เดียงสาแบบนี้ มันทำให้ทุกอย่างที่จะทำดูมีความหมายมากขึ้นไปอีก!”
ทีโอน่าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนถึงขนาดปล่อยมือจากวาห์นและเตรียมเข้าสู่โหมดต่อสู้หากพี่สาวของเธอยังควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่แบบนี้
ทีโอเน่ดูไม่สะทกสะท้านกับท่าทางของเธอและยังคงหัวเราะต่อไป
“อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เธอจะขึ้นนำก่อนแล้วล่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…. แต่งงาน…. ท้องป่อง… ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวของเธอยังคงหัวเราะไม่หยุด ทีโอน่าจึงใกล้จะเข้าสู่โหมดคลั่งเพื่อตรงไปสั่งสอนเธอ
ขณะที่เธอกำลังจะก้าวออกไปก็มีเรื่องสองเรื่องเกิดขึ้นซึ่งทำให้เธอเกือบล้มลงจากการที่เบรคเท้าแทบไม่ทัน
วาห์นผู้ยืนอยู่ด้านหลังเธอเริ่มเอ่ยคำถาม ขณะที่ไอส์ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ทีโอเน่ก็เคาะหัวเธอด้วยกำปั้นและเอ่ยขึ้นมาเช่นกัน
“ฉันตอบผิดเหรอ?” & “หัวเราะเยาะคนอื่นมันไม่ดีนะ”