Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล - ตอนที 154
มันยังคงเป็นช่วงบ่าย ดังนั้นหลังจากที่วาห์นลูบหูของอนูบิสไปครู่หนึ่ง เธอก็เดินออกไปโดยเอาแต่เฝ้าคิดถึงเรื่องในคืนนี้
ดูเหมือนว่าเธอจะมีความสุขมากและตั้งตารออย่างในจดใจจ่อจนวาห์นอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับท่าทางของเธอ
ริบบิ้นสีทองรอบโคนหางของเธอนั้นช่างดูโดดเด่นจากเสื้อผ้าชิ้นอื่นเหลือเกิน และวาห์นก็เอาแต่จ้องตามขณะที่เทพสาวเดินออกไป
วาห์นส่ายหัวและมุ่งหน้าไปยังห้องนอนเพื่อเตรียมทำตามแผนที่วางไว้
หลังจากมาถึงแล้ว วาห์นก็นอนลงบนเตียงและผ่อนคลายอยู่ครู่หนึ่ง
เขาอยู่ในสภาพตึงเครียดมาเกือบตลอดทั้งวันและอยากทำให้จิตใจสงบก่อนที่จะเริ่ม
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที เขาก็ยิ้มและเผยแววตาคาดหวังขณะดึงลูกแก้วสีดำออกมา
เขารู้มาจากพี่สาวว่ากระแสเวลาภายในลูกแก้วนั้นมีอัตราส่วนที่ 1440: 1
นั่นหมายความว่าตราบใดที่วิญญาณของเขาอยู่ในนั้นซึ่งวาห์นสามารถใช้เวลาได้ทั้งบ่ายประมาณห้าชั่วโมง และพอแปลงออกมาแล้วก็จะเป็นเวลากว่า 300 วัน
วาห์นเพ่งจิตของเขาเข้าไปในลูกแก้วในมือและเปิดตาขึ้นมาในโลกมิติสีขาวดำ
เอวานเจลีนกำลังรอเขาอยู่ แต่ตอนนี้เธออยู่ในร่างผู้ใหญ่และสวมชุดสีดำหรูหรา
เธอดูเหมือนรู้ว่าเขาจะมาขณะเริ่มพูดขึ้น
“ดี มาได้สักทีนะ มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกันก่อนที่ฉันจะรับนายมาเป็นศิษย์”
วาห์นพยักหน้า แต่เขาก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
“ทำไมเธอถึงกลับไปร่างผู้ใหญ่อีกแล้วล่ะ? มันไม่กินพลังงานเหรอ?
เอวานเจลีนมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและไม่ยอมคำถามขณะพูดต่อ
“ก็บอกแล้วไงว่าให้เรียกมาสเตอร์ อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว หรือว่าอยากให้ฉันทำโทษ?”
วาห์นรู้สึกว่าอากาศรอบๆ ตัวเริ่มเย็นลงขณะที่เขาหัวเราะแห้งๆ
“ขออภัยด้วยครับ มาสเตอร์ พอดีวันนี้ผมมีเรื่องเยอะไปหมดเลยน่ะ”
เอวานเจลีนถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“หืม ไปเจออะไรมาล่ะถึงได้หลงลืมขนาดนี้?
อย่าบอกนะว่า… ไปเล่นสนุกกับพวกผู้หญิงของนายมา?”
เมื่อถามออกไป เอวานเจลีนก็มองวาห์นด้วยสายตาและออร่าที่เย็นกว่าเดิมจนเขาหายใจออกมาเป็นไอ
วาห์นเริ่มอบอุ่นร่างกายด้วย ‘เพลิงนิรันดร์’ และอธิบายข้อกล่าวหา
“ผมไม่ได้ไปเล่นสนุกนะครับ มาสเตอร์ แต่จริงๆ ตอนแรกก็ไปออกเดตกับลูกครึ่งเอลฟ์ที่ชื่อเอน่า
ตอนมื้อกลางวัน พวกเราได้หมั้นกันก่อนที่จะไปพบกับเฮเฟสตัสแล้วผมก็ได้หมั้นกับเธอด้วย”
วาห์นยิ้มอย่างมีความสุขขณะเล่าเรื่อง แต่เขาก็รู้สึกว่าอากาศก็ยังเย็นลงเรื่อยๆ ขณะหันไปมองเอวานเจลีนร่างผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นเธอพูดเสียงต่ำ
“นับจากนี้ ห้ามพูดเรื่องผู้หญิงคนอื่นให้ฉันได้ยินอีก
ฉันไม่ต้องการที่จะฟังเรื่องเด็กๆ มาเล่นกัน ทั้งๆ ที่นายควรจะตั้งใจไปกับการฝึก”
เธอเบือนหน้าหนีวาห์น และเขาบอกได้ว่าเธอกำลังอารมณ์เสียเพราะเหตุผลบางอย่าง แต่เขาก็จะไม่ยอมปล่อยให้เธอดูถูกผู้หญิงของเขาง่ายๆ แบบนี้
แทนที่จะเลี่ยงแรงกดดันของเธอ วาห์นกลับอธิบายด้วยเสียงหนักแน่น
“มาสเตอร์ไม่ควรดูถูกคนอื่นแบบนี้นะครับ
เฮเฟสตัสที่เป็นหนึ่งในของผู้หญิง เธออยู่มาหลายล้านปีแล้ว
ถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องเศร้าๆ ที่เราเคยเจอมา ความอ้างว้างเดียวดายของเธอนั้นถือว่าอยู่สูงกว่าหลายขุมเลย”
เอวานเจลีนรู้สึกหงุดหงิดที่วาห์นลุกขึ้นมาเถียง แต่พอได้ยินคำพูดเขาแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะถามต่อด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
“หลายล้านปี? จะเป็นไปได้ยังไงกัน… อย่าบอกนะว่าเธอคนนั้นก็เป็นอมตะ?”
วาห์นพยักหน้าและอธิบายต่อ
“เธอคือเฮเฟสตัส เป็นเทพธิดาแห่งการหลอมสร้าง และมีชีวิตอยู่มาก่อนที่สิ่งมีชีวิตทั่วไปจะถือกำเนิดขึ้น”
เอวานเจลีนทำสีหน้าและพูดจาเย้ยหยันให้กับคำพูดของวาห์น
“เทพธิดาแห่งการหลอมสร้างเนี่ยนะ?
อย่ามาล้อเล่นกันหน่อยเลยนะเจ้าหนู แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้หลอกนายจนสติไปหมดแล้ว?”
แม้เอวานเจลีนจะรู้ถึงการดำรงอยู่ของทวยเทพ แต่เธอก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่จะมาอยู่ร่วมกับมนุษย์และมักจะอยู่ในรูปของสิ่งที่เป็นนามธรรมมากกว่าเลือดเนื้อทั่วไป
คำพูดและน้ำเสียงของเอวานเจลีนทำให้วาห์นรู้สึกโมโหขึ้นเรื่อยๆ
เวลาผ่านไปแค่วันเดียวหลังจากที่พวกเขาหันมาประนีประนอมและเรียนรู้เรื่องอดีตของกันและกัน แต่เธอก็ทำเหมือนว่าเขากำลังโกหกเธอเล่นๆ
แทนที่จะพูดคุยกับเธอต่อ วาห์นจึงเอาแต่ส่ายหัวด้วยความไม่พอใจและเดินออกไปแบบไม่พูดไม่จา
ถ้าเธอรับความจริงไม่ได้ เขาจะทำอะไรได้อีกล่ะ?
เมื่อเห็นวาห์นเดินออกไป เอวานเจลีนก็ยิ่งรู้สึกรำคาญมากขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงโมโห
“นี่นายจะไปไหน? ฉันบอกแล้วไงว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันถ้านายต้องการที่จะมาเป็นลูกศิษย์ของฉัน
นี่นายจะไม่สนใจคำสั่งของมาสเตอร์งั้นเหรอ?”
เท้าของวาห์นหยุดลง และเอวานเจลีนก็มีรอยยิ้มนิดๆ หรืออย่างน้อยก็จนกว่าที่วาห์นจะหันกลับมาและทำให้เธอรู้สึกตกใจสุดขีด
ดวงตาของวาห์นเปล่งประกายออกมาเป็นแสงสีน้ำเงินแปลกๆ ขณะที่เขาจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเฉยเมยคล้ายกับตอนที่เธอพยายามดูดเลือดของเขา
เมื่อเห็นดวงตานั่นอีกครั้ง เธอก็รู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังถูกบีบคั้นอย่างเจ็บปวดขณะที่ความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามา
วาห์นมองแวมไพร์สาวต่อไปอีกสองสามวินาทีก่อนจะพูดอย่างเหนื่อยล้า
“แม้สิ่งที่ฉันบอกจะเป็นความจริง แต่เธอก็มาดูถูกฉันและกล่าวหาคนที่ฉันรักและห่วงใยว่าเป็นคนหลอกลวง
ฉันไม่แน่ใจว่าลูกแก้วนี่มาจากโลกไหนหรอกนะ แต่โลกใบนี้มีเทพเจ้าอยู่จริงๆ และไม่ใช่แค่คนสองคนด้วย
พวกเขามีกันเป็นพันๆ ในเมืองที่ฉันอยู่ และแต่ละคนก็มีแฟมิเลียเป็นของตัวเอง
ถึงเฮเฟสตัสจะไม่เคยบอกฉันว่าเธอมีชีวิตอยู่มานานแค่ไหนแล้ว ฉันก็สามารถหาข้อมูลนี้จากห้องสมุดยังได้เลย”
วาห์นส่ายหัวและหันกลับก่อนจะเดินต่อไปในขณะที่พูดต่อ
“ฉันไม่ต้องการมาสเตอร์ที่ไม่เชื่อใจกันหรอกนะ แค่มาพูดจาดูถูกในขณะที่ฉันพูดความจริงก็แย่พออยู่แล้ว…”
วาห์นเดินต่อในขณะที่เอวานเจลีนรู้สึกกังวลและไม่สบายใจเมื่อเห็นเขาเดินออกไปเรื่อยๆ
ในตอนที่เขาพูดออกมาตอนแรกนั้น เธอก็มองออกว่าเขาเชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดอย่างสนิทใจ
เธอแค่ไม่เชื่อว่าบุคคลที่เขาพูดถึงนั้นจะเป็นเทพจริงๆ และลืมไปว่าพวกเขามาจากโลกที่ต่างกัน
ในโลกที่วาห์นอยู่นั้นอาจจะมีเทพเจ้าอยู่จริงๆ ก็เป็นได้ แต่เธอก็ดันพูดออกไปโดยใช้ความเข้าใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง
เธออยากจะหยุดเขาและกล่าวขอโทษแต่ก็ไม่อาจละทิ้งศักดิ์ศรีให้กับคนที่ควรจะพยายามขอให้เธอรับเป็นลูกศิษย์ได้อีกเป็นครั้งที่สอง
สีหน้าที่เขาใช้กับเธอนั้นแทงทะลุหัวใจเข้าอย่างจัง แต่เธอก็ยังพูดอะไรไม่ออกเพราะศักดิ์ศรีของเธอในฐานะที่เป็น ‘ราชินีแห่งความมืด’
ตอนนี้เธอก็เลยได้แต่ฮึ่มฮั่มอย่างไม่พอใจและดังมากพอที่วาห์นจะได้ยินก่อนจะหายตัวเข้าไปในความว่างเปล่า
เอวานเจลีนเชื่อว่าหลังจากที่วาห์นเย็นลงแล้ว เขาก็จะยอมแพ้และกลับมาง้อให้เธอรับเป็นลูกศิษย์เอง
เธอยังวางแผนที่จะทรมานเขาสักเล็กน้อยเพื่อสั่งสอนเสียหน่อย ก่อนที่จะได้เริ่มบทเรียนกันจริงๆ
วาห์นไม่ได้มองตอนที่เอวานเจลีนหายตัวไป และความคิดที่จะเรียนรู้เวทมนตร์ของเธอนั้นได้หายไปจากสมองของเขาหมดแล้ว
แม้จะอยากเรียน ‘มาเกียเอเรเบีย’ แต่เขาก็คิดที่จะใช้มิตินี้เพื่อทำสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่านั้นแทน
พื้นสีขาวนั้นกระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และวาห์นก็เดินออกไปเกือบชั่วโมงก่อนที่จะหยุดลงหลังพบจุดที่เหมาะสม
เขาเริ่มนำไอเท็มมากมายออกมาจากช่องเก็บของ และใช้ระบบร้านค้าเพื่อซื้อโต๊ะทำงาน เครื่องมือต่างๆ และแม้แต่เตาหลอม
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง พื้นที่ 10 ลูกบาศก์เมตรก็ถูกแปลงเป็นห้องทำงานที่อยู่ภายในพื้นที่สีขาวอันสุดลูกหูลูกตา
เขาเริ่มปล่อย ‘เพลิงนิรันดร์’ ออกมาและนำมันไปใส่ไว้ในเตาหลอมที่เพิ่งซื้อมาในราคา 40,000 OP
แม้ว่าเขาจะใช้ ‘เพลิงนิรันดร์’ ผ่านค้อนได้ แต่วาห์นอยากเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับวิธีการหลอมแบบปกติแทนการควบคุมเพลิงด้วยตัวเอง
จากความว่างเปล่าที่อยู่นอกเหนือจากการรับรู้ของวาห์น เอวานเจลีนก็กำลังเฝ้ามองเขาด้วยความสับสนและอยากรู้อยากเห็น
เธอเดินตามขณะที่วาห์นเดินจากไปเพราะสงสัยว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะเริ่มนำไอเท็มออกมาและตั้งห้องทำงานอย่างเต็มรูปแบบ
แม้เวทคลังเก็บของจะไม่ได้เป็นอะไรใหม่สำหรับเธอ แต่การเก็บของเอาไว้ได้มากมายขนาดนี้นั้นไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ และเธอสัมผัสไม่ได้เลยว่าวาห์นใช้เวทมนตร์ออกมาตอนไหน
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจที่สุดก็คือเปลวเพลิงสีทองและแดงที่โผล่ขึ้นมาจากมือของเด็กหนุ่มและถูกนำมาวางไว้ในเตาหลอม
เนื่องจากธาตุที่ตนถนัดคือความมืดและน้ำแข็ง เธอรู้สึกไม่ค่อยอยากเข้าใกล้เปลวไฟนั่นเท่าไหร่
วาห์นเริ่มทำการแปรรูปวัตถุดิบและประหลาดใจไปกับความคิดปราดเปรื่องของตัวเอง
แม้ว่าร่างกายจะเป็นแค่วิญญาณเมื่อมาอยู่ในนี้ แต่เขาก็ยังสามารถใช้ระบบจาก ‘เดอะพาธ’ ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด
นั่นทำให้เขาสามารถนำสิ่งของเข้ามาในลูกแก้วได้ และตอนนี้เขาก็สามารถฝึกฝนการสร้างไอเท็มได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาของโลกภายนอก
ด้วยความช่วยเหลือของพี่สาว วาห์นคำนวณได้ว่าถ้าเขาใช้เวลาทุกวันในช่วงบ่ายจนถึงเย็นภายในลูกแก้ว เขาจะมีเวลามากถึง 57 ปีเพื่อฝึกฝนทักษะ
นั่นเป็นเวลาที่คำนวณโดยนับจากเดนาตัสครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในอีกประมาณ 70 วัน
เขาเริ่มแปลงวัตถุดิบที่นำเข้ามาให้อยู่ในรูปแบบที่เอาไปต่อยอดได้อย่างรวดเร็ว
นี่คือแผนส่วนที่สองของวาห์นและเป็นเหตุผลที่เขาใช้ OP เป็นจำนวนมากไปกับห้องทำงานนี้
เมื่อสกิลในการตีเหล็กของเขาเพิ่มขึ้น แม้จะไม่ได้ขายอุปกรณ์คืนให้กับระบบ เขาก็จะยังได้รับ OP จำนวนมากจากการตั้งชื่อไอเท็มที่สร้างขึ้นใหม่
จากนั้นเขาก็จะใช้ OP ที่ได้มาซื้อวัตถุดิบเพิ่มจากระบบร้านค้าและสร้างไอเท็มวนกันไปเรื่อยๆ ซึ่งเท่ากับว่าเขาจะได้ทั้ง OP และวัตถุดิบอีกมากมาย
เอวานเจลีนยังคงเฝ้าดูทุกการกระทำของวาห์นจากความว่างเปล่า และเธอก็อยากจะถามเหลือเกินว่าเขาเข้ามาในลูกแก้วของเธอเพื่อฝึกสร้างไอเท็มเท่านั้นเองเหรอ?
เธอรู้ว่าเขาคงอยากจะใช้ประโยชน์จากกระแสเวลาของลูกแก้ว แต่เธอไม่อาจเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องเสียเวลาในการทำวัตถุดิบและสร้างอุปกรณ์ที่ไม่สามารถเอาออกไปข้างนอกได้
แม้อาจจะได้รับประสบการณ์กับความรู้ แต่เขาก็ยังต้องเสียเวลากับการทำงานที่ไร้ความหมายเพราะวัตถุที่เขาสร้างขึ้นมานั้นเป็นเพียงแค่โครงสร้างทางวิญญาณ
แย่หน่อยสำหรับเอวานเจลีนที่เธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไอเท็มที่วาห์นผลิตออกมานั้นเป็นไอเท็มจริงๆ ที่เขาสามารถเอาออกจากมิตินี้ได้แบบสบายๆ
สิ่งที่เรียกว่า ‘เดอะพาธ’ อยู่เหนือความเข้าใจของแวมไพร์สาวแม้เธอจะมีดวงวิญญาณระดับ 5 และมีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม
เธอแค่เฝ้ามองเขาต่อไปเพื่อแก้เบื่อขณะพูดวิจารณ์ออกมาในแบบที่ตัวเองได้ยินคนเดียว
วาห์นจัดการวัตถุดิบต่อไปเรื่อยๆ เป็นเวลาเกือบสามวันจนกระทั่งร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด
เขาหยุดพักไประยะหนึ่ง และรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะรู้สึกเหนื่อยเพราะตนมีอัตราการฟื้นฟูที่สูงมาก
พอเวลาผ่านไปเกือบ 72 ชั่วโมง วาห์นและ ‘เพลิงนิรันดร์’ ในเตาหลอมก็เริ่มสลายไปและเขาก็ตระหนักว่ากำลังถูกบังคับให้ออกจากมิติ
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเคืองๆ เพราะคิดว่าเอวานเจลีนคงส่งเขาออกไปเนื่องจากรำคาญที่เขาไม่สนใจเธอ
เมื่อร่างของเด็กสาวปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าและมาอยู่ตรงหน้าวาห์น เขาก็ได้แต่กัดฟันอย่างไม่พอใจ
เอวานเจลีนเห็นสีหน้าของเขาจึงขมวดคิ้วและอธิบายให้ฟัง
“ไม่ต้องมามองแบบนี้เลยนะ ได้เด็กงี่เง่า
จิตของนายจะอยู่ที่นี่ได้ไม่เกินสามวันก่อนที่ลูกแก้วจะส่งนายออกไป
นายต้องรออีกยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนที่จะกลับเข้ามาใหม่ได้ แต่ครั้งหน้าต้องเตรียมพร้อมให้ดีล่ะ
รอบนี้ฉันอาจปล่อยให้นายทำตามใจชอบ แต่อย่าคิดนะว่าฉันจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ”
วาห์นพอบอกได้ว่าเธอกำลังพูดความจริง ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจก่อนที่จะพูดบ้าง
“ฉันไม่ต้องฝึกวิชาของเธอแล้วล่ะ เอวานเจลีน
ฉันอยากใช้เวลาในการฝึกสร้างไอเท็มมากกว่าต้องมาทนรับอารมณ์ของเธอ
แล้วเจอกันนะ…”
พอพูดจบ วาห์นก็สลายหายไปเป็นอนุภาคเล็กๆ ที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
เอวานเจลีนมองตามละอองนั่นไปด้วยสีหน้าที่คิ้วขมวดสุดๆ
การที่วาห์นต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากมิติเพื่อความสะดวกของตัวเองนั้นทำให้เธออารมณ์เสียมากและเริ่มอยากจะอัดเด็กหนุ่มไร้มารยาทอีกสักยก
มันอาจจะสะดวกที่เขามีเวลามากกว่าคนทั่วไปถึงสามวัน แต่สำหรับเวลาที่เหลืออีก 23 ชั่วโมงและ 54 นาทีนั้น เธอจะต้องติดอยู่ในมิตินี้ไปอีก 4 ปี…
แวมไพร์สาวเริ่มหันไปมองสิ่งของต่างๆ ที่วาห์นทิ้งเอาไว้เมื่อถูกขับออกไปจากมิติโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
เอวานเจลีนอดไม่ได้ที่จะหยิบเครื่องมือขึ้นมาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไอเท็มพวกนี้ควรจะหายไปเมื่อวาห์นออกไปแล้ว แต่ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมจนเธอเริ่มสับสน
พอสัมผัสได้ถึงน้ำหนักของค้อนในมือ เอวานเจลีนก็อดคิดไม่ได้ว่าค้อนนี่มันเป็นของจริง ไม่ใช่โครงสร้างทางวิญญาณ
เธอตระหนักว่าวาห์นยังมีความลับอีกมากมายที่เธอไม่รู้ แต่ตอนนี้ก็คงยากหน่อยที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพวกมันหากดูจากทัศนคติที่เขามีต่อเธอ
เธอถอนหายใจยาวๆ และวางค้อนลง ก่อนที่จะกลับเข้าไปในความว่างเปล่าเพื่อรักษาพลังเวท
เธอขดตัวเป็นลูกบอลและเริ่มเข้าสู่สภาวะจำศีลพร้อมกับสาปแช่งเด็กหนุ่มที่ไม่มาสนใจกันบ้างเลย
เอวานเจลีนรู้สึกว่าเขาไม่สนใจที่จะเป็นศิษย์ของเธอเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้เกิดคำถามว่าทำไมเธอถึงต้องปล่อยให้เขาเข้ามาอีก
หากเขาไม่เปลี่ยนทัศนคติในเร็ววัน เธอก็จะวางแผนไม่ให้เขาเข้ามาใช้ที่นี้ได้อีกเป็นครั้งที่สอง