Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 384
เป่ยเฟิงหยิบกล่องเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยหินวิญญาณออกมา หินวิญญาณจำนวนมากทำให้ฉินจีวูวู่และคนอื่น ๆ เบิกตากว้าง
ชายชราคนหนึ่งยืนขึ้นและเดินไปข้างหลัง จากนั้นเขาก็ออกมาพร้อมกับกล่องยาที่เต็มไปด้วยเม็ดยามังกรเสือ 50 เม็ด
ชายชราที่ใส่ชุดเต๋าลายเมฆมอบกล่องให้กับเป่ยเฟิงและเตือนเขา “สหายเต๋า ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะรู้เกี่ยวกับผลกระทบของเม็ดยามังกรเสือดี โปรดคิดให้ดีก่อนจะใช้มัน”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว เม็ดยามังกรเสือนี้เป็นเพียงสิ่งที่ใช้ทำตามสัญญาของฉันเท่านั้นเอง”
เป่ยเฟิงพยักหน้า หากมันเป็นเม็ดยามังกรเสือระดังสูงสุด มันน่าจะเพียงพอที่จะใช้เป็นของตอบแทนของเขา
แต่หากมันเป็นเม็ดยาระดับต่ำ มันไม่มีค่าเลยสำหรับเขา หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะเกิดผลกระทบมากเกินไปเขาอาจจะใช้พวกมันมากลั่นเพื่อบุกเบิกเส้นทางการกลั่นยาของเขา
ฉินจีวูวู่ลูบเคราของเขาของเบา ๆ ด้วยกรงเล็บ จากนั้นมองเป่ยเฟิงและถามอย่างใจเย็น “สหายเต๋า อีก 10 ปีต่อจากนี้ทุกคนจะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายที่อาจถึงตาย จะเป็นอะไรหรือไม่หากเราจะมาเป็นพันธมิตรกัน ?”
“แน่นอน ความแข็งแกร่งของคน ๆ เดียวนั้นมีขีดจำกัด แต่หากเป็นของคนทั้งประเทศ ใครจะกล้าขัดขวางเรา ?” เป่ยเฟิงตอบตกลงโดยไม่ลังเล แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็เผยความกังวลออกมาเล็กน้อย
ฉินจีวูวู่ยิ้มเบา ๆ และไม่ได้ถามที่เขากังวล “ฮ่าฮ่า สหายเต๋าคิดอย่างไรกับสถานะปัจจุบันของโลกใบนี้ ?”
เป่ยเฟิงไม่จำเป็นต้องคิด “มันราวกับโซ่ที่ขังพวกเราไว้ในกรง ! จนกว่าเราจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอเราจะถึงทำลายแล้วออกเดินทางต่อได้ ! แต่ว่ามันไม่ใช่แค่พวกเราฝ่ายเดียวที่อยากจะออกไป ใช่ไหม ? มันต้องมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกันใช่ไหม ?”
เป่ยเฟิงพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาคิดออกไป เพราะว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะ
“ใช่แล้ว ! แม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนอาศัยอยู่ในประเทศอื่น ๆ นอกเหนือจากเรา แต่ก็ใช่ว่าพวกเราจะทำอะไรก็ได้หากปราศจากหลิงฉี และทั่วโลกมีเพียงเราที่มีโอกาสเล็กน้อยในการหาทางออกไปจากโลกใบนี้ ดังนั้นเพื่อมีส่วนได้ผลประโยชน์ ทุกประเทศจึงเฝ้ารอคอยโอกาศนี้จากพวกเรา !”
ฉินจีวูวู่พยักหน้ายืนยัน
“หรือกล่าวอีกอย่างก็คือ ใครก็ตามที่ต้องการเดินทางไปกับเราได้ พวกมันจะต้องตาย !”
เป่ยเฟิงพยักหน้า เขาไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย ในบางครั้งพลังทำลายล้างของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่เกินไป หากผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ของประเทศหายไปทั้งหมด ประเทศนั้นจะถูกผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอื่นรุกรานทันที
“ข้าอายุมากแล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถทิ้งบาปเอาไว้ได้ ดังนั้นพวกเราจะไม่สามารถออกไปได้ตราบใดที่ยังไม่สามารถฆ่าสิ่งมีชีวิตบางอย่างได้ นั่นก็คือแวมไพร์ !” ฉินจีวูวู่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ แต่ทันทีที่คำว่าแวมไพร์ถูกเอ่ยออกมา จิตสังหารของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้า !
“แวมไพร์มีจริงงั้นหรอ ?”
เป่ยเฟิงเงยหน้าด้วยความตกใจ สิ่งมีชีวิตแบบนั้นมีจริง ?
“แวมไพร์เป็นชื่อที่พวกเราเรียกกัน พวกมันเรียกตัวเองว่าเผ่าพันธุ์อมตะ ถึงแม้แวมไพร์เหล่านี้จะไม่มีความสามารถในการแปลงร่างเป็นค้างคาว แต่พวกมันก็ไม่ใช่มนุษย์บริสุทธิ์ ในอดีตพวกมันมีเพียงไม่กี่ตน แต่ตอนนี้พวกมันกลับแพร่พันธุ์จนมีมากมาย !”
“หรือจะพูดให้ถูกก็คือพวกมันเป็นลูกหลานของมนุษย์และสัตว์อสูร พวกมันชอบที่จะกินเลือดมนุษย์ การฝึกฝนของพวกมันไม่ใช่การดูดซับหลิงฉี พวกมันใช้เลือดในการฝึกฝน ! พวกมันอันตรายอย่างมากและพวกมันปฏิเสธที่จะออกจากโลกใบนี้ ดังนั้นพวกมันจะต้องถูกกำจัด !”
ดวงตาของฉินจีวูวู่เต็มไปด้วยความเย็นชา การใช้เลือดสด ๆ มาเป็นพลังงานฝึกฝนถือว่าเป็นวิถีชั่วร้ายที่มีเฉพาะพวกปีศาจเท่านั้นถึงจะทำ !
เป่ยเฟิงพยักหน้าเบา ๆ ตอนนี้การปรากฏตัวของผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ถือว่าเป็นการป้องกันไม่ให้พวกแวมไพร์ทำตามอำเภอใจ พวกมันทำได้เพียงไล่ล่านิกายเล็ก ๆ หรือคนปกติเท่านั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสวรรค์ได้จากไปทั้งหมด เมื่อถึงตอนนั้นสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะกลายเป็นอิสระสามารถทำอะไรก็ได้ !
“แม้ว่าจะมีเวลาอีก 10 ปี แต่พวกเราจะต้องเริ่มต้นแผนการใน 3 ปีนี้ และเป้าหมายแรกที่พวกเราต้องจัดการก็คือพวกครึ่งปีศาจที่อาศัยอยู่ในจักรวรรดิไร้แสงอาทิตย์ !”
หลังจากพูดอีกหลายประโยค เป่ยเฟิงก็เดินจากไป หัวใจของเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความโล่งอก แต่มันคือความหนักใจแทน
อย่าว่าแต่ปีศาจภายใต้ภูเขามังกรเสือ เพียงแค่ศพปีศาจหยินก็ทำให้เขาปวดหัวมากแล้ว !
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้เว้นเสียแต่เขาสามารถแข็งแกร่งจนกำราบได้ทุกอย่าง เมื่อถึงตอนนั้นเขาถึงจะสบายใจ
สำหรับความสามารถในการเพิ่มความแข็งแกร่งนั้น เป่ยเฟิงรู้สึกว่าหากเขาพัฒนาไปถึงระดับสวรรค์ไม่ได้ภายใน 10 ปีเขาคงไม่สามารถทำอะไรได้เว้นเสียแต่จะเดินตามคนส่วนใหญ่ไป ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะกลายเป็น 1 ในเป้าหมายที่จะถูกกำจัด !
เป่ยเฟิงพักอยู่ในภูเขาหลายวัน เมื่อเขาเบื่อเขาก็จะไปหาตานเจียซีเพื่อดื่มชา ตรงกันข้ามกับลึกลับที่ 1 และ 3 ที่ทำตัวน่าเบื่อย่ำแย่มาก
ในวันที่ 3 มีกลุ่มคนจำนวนมากมาที่ภูเขามังกรเสืออย่างรีบร้อน นั้นคือหวังฮงและสมาชิกในตระกูลของพวกเขา ประกอบไปด้วยระดับเซียนเทียน 13 คน และระดับวิวัฒนาการอีก 50 คน
เป่ยเฟิงไม่อยากยุ่งกับตระกูลหวังอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงมอบเม็ดยามังกรเสือ 50 เม็ดให้กับพวกเขาแล้วเดินทางกลับ
****
ในเวลาเดียวกัน ไป๋เซียงกำลังยืนอยู่บนหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน
“ฉันหลงทาง ?” ไป๋เซียงพึมพำกับตัวเอง นี่ไม่ใช่สถานที่ตั้งของคฤหาสน์บรรพบุรุษของตระกูลเนี่ยงั้นหรอ ? ทำไมมันถึงมีหลุมขนาดใหญ่พร้อมกับคนงานจำนวนมากขนาดนี้ ?
กลุ่มตระกูลเนี่ยยังคงปักหลักอยู่ที่นี่ ในขณะเดียวกันตระกูลเนี่ยดูเคร่งเครียดอย่างมาก นี่คือบ้านบรรพบุรุษของตระกูลเนี่ย อ๊า ! ตอนนี้แผ่นจาลึกทุกแผ่นของตระกูลเนี่ยได้หายไปหมดแล้ว
ทุกปีพวกเขาจะนำสมาชิกหลักของตระกูลมาทำความเคารพที่นี่ ในอดีตพวกเขาจะทำมันทุก ๆ 5 ปี แต่ตอนนี้แผ่นบรรพบุรุษได้ถูกทำลายหมดแล้ว ตระกูลเนี่ยรู้สึกว่าพวกเขาล้มเหลวในฐานะคนรุ่นหลังอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนมาทำความเคารพทุกปีแทน
ไป๋เซียงมองพวกเขาพร้อมกับความสุขในสายตา เมื่อเห็นว่าพวกเขาทำพิธีเสร็จแล้ว ไป๋เซียงก็เดินไปข้างหน้าและไปปรากฏต่อหน้าพวกเขาทันที
“แกเป็นใคร ?”
ใบหน้าของคนตระกูลเนี่ยเปลี่ยนไปกระทันหัน พวกเขาหันไปมองคนตรงหน้าด้วยความระมัดระวัง เพราะคนตรงหน้ารวดเร็วอย่างมาก !
“แกรู้ไหมว่าคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก่อนหน้านี้ไปไหน ?” ไป๋เซียงถามด้วยความหงุดหงิด
“ไม่รู้ !”
คนของตระกูลเนี่ยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงไป๋เซียง พวกเขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทรงพลังแค่ไหนแต่กลับกล้าพูดแบบนี้กับพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงตอบกลับด้วยความหงุดหงิด
“คิดดี ๆ ฉันพูดถึงคนที่อาศัยอยู่ที่นี่เมื่อ 3 ปีก่อน”
ไป๋เซียงรู้สึกรำคาญจากนั้นเขาก็ใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่โบกมือให้กับคนตรงหน้า ดูเหมือนคนเหล่านี้จะมองเขาด้วยความไม่เป็นมิตร
“แกจะทุบตีฉันงั้นรึ ?”
คนของตระกูลเนี่ยสบถด้วยความไม่พอใจ เขาไม่เกรงกลัวเช่นกัน ใน 3 ปีที่ผ่านมาเขามาถึงระดับเซียนเทียนขั้นกลางระดับสูงสุด แม้ว่าอายุของเขาจะค่อนข้างเยอะแต่เขายังเต็มไปด้วยความเลือดร้อนราวกับตัวเองเป็นวัยรุ่น !
ไป๋เซียงหรี่ตามองและพูดขึ้น “หมัดของฉันสามารถทุบตีได้ทุกอย่างในรัศมี 100 ก้าว ฉันต่อให้นายวิ่งไปก่อนเลย 90 ก้าว !”
คนของตระกูลเนี่ยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป พวกเขาหัวเราะเสียงดังออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เซียง ไอ้ยักนี้น่าขันซะจริง !
แต่เมื่อเห็นคนอื่น ๆ มองมา พวกเขาก็รีบหุบปากทันที
“กึก !”
มันนานแล้วที่ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาแบบนี้ ! เขาไม่ลังเลที่จะปล่อยอีกฝ่ายไป เสื้อของเขาค่อย ๆ ขาดเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับกล้ามเนื้อที่ค่อย ๆ พองออกมาพร้อมกับรอยแผลจำนวนมากบนร่าง !
รอยแผลเหล่านี้คือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกได้ว่าเขาผ่านการต่อสู้มามากแค่ไหนในช่วงวัยรุ่น มันราวกับมีไส้เดือนขนาดใหญ่จำนวนมากคลานไปทั่วร่างของเขา !
“มันจะอะไรกันนักหนา ? คงไม่ใช่ว่ารอยแผลเหล่านี้มาจากการที่แกบาดเจ็บมาจากคนอื่นเพราะแกอ่อนแอกว่าพวกเขาหรอกนะ ?”
2 นาทีต่อมาคนของตระกูลเนี่ยก็อยู่ใต้ฝ่าเท้าของไป๋เซียงราวกับสุนัขที่ตายแล้ว ในเวลาเดียวกันเขารู้สึกปวดใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดไร้เดียงสาของไป๋เซียง
หลังจากผ่านไป 3 ปี ไป๋เซียงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน เพราะตาแก่นั้นไม่เคยบอกเขาว่าความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับไหนในตอนนี้
“แก … ไอ้นรกเลือดเอ้ย …”
คนของตระกูลเนี่ยรู้สึกเสียใจอย่างมากในขณะที่นอนอยู่บนพื้น เขาไม่รู้ว่าไอ้บ้านี้โผล่มาจากไหน มันราวกับตัวมันเองเป็นแสงอาทิตย์ที่สามารถลอยไปมาในอากาศได้ จากนั้นก็ปรากฏรอยฟกช้ำขนาดใหญ่บนหัวของพวกเขา มันทำให้พวกเขารู้สึกปวดใจอย่างมาก