Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 440
ภายใต้ดวงอาทิตย์สีแดง ชายชราคนหนึ่งแบกเด็กตัวเล็ก ๆ ไว้บนหลังและเดินไปตามทะเลโครงกระดูกพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า ภาพที่แตกต่างกันนี้ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกตกใจอย่างมาก !
แต่ฉากแปลก ๆ ในไม่ช้าก็หายไป บรรดาผู้ที่มาที่นี่ส่วนใหญ่แล้วคือคนที่อยู่ระดับชนช่ำที่ต่ำที่สุด ทุกคนกังวลเกี่ยวกับการหาเลี้ยงตัวเอง ไม่มีใครว่างพอที่จะไปใส่ใจปัญหาของคนอื่น
“ตาแก่มู่ ดูรอยยิ้มของแกสิ ดูเหมือนแกจะเก็บเกี่ยวได้เยี่ยมเลยนี้วันนี้ ! พวกเราทำงานอย่างหนักมาครึ่งวันแล้ว จะเป็นอะไรไหมถ้าพวกเราจะขอแบ่งปันจากแกซักหน่อย ?”
ชาย 3 คนเดินออกมาจากต้นไม้ขวางหน้าชายชรา คนนำหน้ามีรอยแผลที่น่ากลัวอยู่บนใบหน้าทำให้ใบหน้าของเขาถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
มีดขนาดเท่าฝ่ามือส่องประกายอยู่ในมือของเขา
“หยูหลี่ ! แกจะทำอะไร ?”
รอยยิ้มของชายชราหายไปพร้อมกับวางสาวน้อยลง ในเวลาเดียวกันเขาก็กำจอบในมือแน่น
มีขนมบิสกิตชิ้นเล็ก ๆ อยู่ข้าง ๆ ตะกร้าไม่กี่ชิ้น เด็กหญิงตัวน้อยนั่งอยู่บนพื้นพร้อมกับหยิบมันขึ้นมากินด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“ง่าย ๆ เราขอแค่ผนึกซักอันก็พอ”
ริมฝีปากของหยูหลี่โค้งขึ้น เด็กหญิงตัวน้อยจากที่ไม่ได้ร้องไห้เมื่อเห็นภูเขาโครงกระดูกในตอนนี้ก็เริ่มร้องไห้ทันที
“หยูหลี่ ! ข้าเฝ้ามองแกเติบโตมาตั้งแต่ยังเด็ก กลับไปซะ ไม่มีอาหารให้บ้านแกหรอก ! ข้าแบ่งปันอาหารที่มีให้กับบ้านของแกหมดแล้ว ตอนนี้มันถึงเวลาที่แกจะไปหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว !”
ชายชราชี้หน้าหยูหลี่พร้อมกับดุด่าด้วยความกังวล เขามองชายหนุ่มพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
สมัยก่อนหยูหลี่เป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก แต่สุดท้ายเขาก็เติบโตมากลายเป็นอันธพาลในหมู่บ้าน เขาเคยได้ยินชื่อเสียงไม่ดีของหยูหลี่มานาน แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้หยูหลี่จะเดินมาหาตัวเขา !
“ตาแก่ ข้าเคยคุกเข่าขอร้องให้แกแบ่งปันอาหารให้บ้านข้าตอนไหน ? ถือซะว่าข้าเมตตาแกละกัน ถ้าเป็นคนอื่นข้าคงเอาไป 2 คริสตัลแต่กับแกขอเป็นแค่เม็ดเดียวก็พอ” หยูหลี่พูดด้วยเสียงเย็นชาราวกับที่เขาทำไม่มีอะไรไม่ถูก
“แก … แก !”
มู่ฉิงโกรธจนตัวสั่น เขาชี้หน้าด่าไปเกือบครึ่งวัน แต่มันกลับตอบกลับมาไม่กี่คำเท่านั้น
“ตาแก่ อย่าตื่นเต้นไป แกต้องระวังตัวดี ๆ ไม่อย่างนั้นแกจะตายเพราะขาดอากาศหายใจได้”
ชายหนุ่มอีก 2 คนที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มด้วยความโหดเหี้ยมและกล่าวต่อ “ฮ่าฮ่า พี่ใหญ่ เลิกคุยเรื่องไร้สาระดีกว่า ปล่อยพวกเราจัดการเอง ในเมื่อมันไม่ยอมให้งั้นพวกเราก็จะไปเอามาเอง !”
ทั้ง 3 คนมาจากคนละหมู่บ้าน พวกเขาเป็นอันธพาลที่หนีออกมาจากหมู่บ้านของตัวเองเพราะทนความยากลำบากไม่ไหว ตอนแรกพวกเขาทำไปเพราะความสนุก แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ในไม่ช้าก็เปลี่ยนจากความสนุกมาเป็นการเพื่ออยู่รอดโดยการเริ่มออกปล้นคนอื่น
กฏของจักรวรรดิดูเหมือนไร้ค่าในที่แห่งนี้ ที่นี่ไม่ว่าอาชญากรจะยิ่งใหญ่แค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรเขาหากพวกเขาไม่ได้โจมตีหรือฆ่าใครบางคนจากกองกำลังจักรวรรดิ ตราบใดที่ไม่ได้ยุ่งกับพวกเขา เหล่าอาชญกรทั้งหลายก็ไม่มีใครไปยุ่งด้วย
ทั้ง 3 หลังจากลิ้มรสกับความสำเร็จมาหลายครั้งก็ทำให้ไม่สามารถหยุดได้อีกต่อไป พวกเขาระมัดระวังและจะเลือกเฉพาะเป้าหมายที่อ่อนแอ เนื่องจากพวกเขาอ่อนแอเกินไปดังนั้นหากออกปล้นผู้แข็งแกร่งกว่าจะเป็นพวกเขาเองที่ตาย
“ข้าคงมอบคริสตัลดาบนี้ให้ไม่ได้หรอก ยกเว้นจะข้ามศพข้าไปก่อน !”
ชายชรากำจอบแน่น คริสตัลดาบนั้นหายากมาก โดยปกติแล้วเขาจะต้องใช้ความพยายามตั้งแต่ 10 ถึง 15 วันกว่าจะหาได้ซักเม็ด และตอนนี้เสบียงอาหารในบ้านก็หมดแล้วทำให้คริสตัลดาบเม็ดนี้มีค่าเทียบเท่ากับฟางเส้นสุดท้ายของทั้งครอบครัวของเขา !
“อุก !”
“ไอ้แก่บัดซบ !”
หลังจากต่อสู้สั้น ๆ มีดก็ได้ปักที่หน้าอกของชายชรา เด็กหนุ่มเสื้อแดงเดินไปหาเขาก่อนจะดึงมีดออกมา
ทั้ง 3 ลงมืออย่างไร้ความปราณี จากนั้นพวกเขาก็ค้นหาใบไม้คริสตัลในแขนเสื้อของชายชรา หลังจากนั้นก็สบถและถ่มน้ำลายลงพื้นเมื่อได้คริสตัลมาแล้วก่อนจะเดินจากไป
เด็กสาวตัวน้อยนั่งข้าง ๆ ชายชราและร้องไห้อย่างหนัก แร้งหลายตัวบินอยู่บนท้องฟ้าและมีบางตัวที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้รอบ ๆ พร้อมกับจ้องมองลงไปข้างล่างอย่างเย็นชาราวกับเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงของพวกมัน
“ไปกันเถอะ รอบนี้เก็บใบมีดคริสตัลมาได้ 28 เม็ด ไม่มีความจำเป็นต้องไปขุดแบบพวกโง่นั่นเลยซักนิด พวกเราแค่รออยู่ที่นี่แล้วปล้นพวกมันในตอนสุดท้าย ง่ายจริง ๆ”
หยูหลี่เดินไปพร้อมรอยยิ้มเย็นชาบนหน้า โดยมีเพื่อนของเขาเดินตามข้างหลัง
“พี่ใหญ่สุดยอด ! ต้องขอบใจไอ้พวกที่เอาแต่ขุดหน้าโง่เหล่านี้ สุดท้ายพวกมันก็ทำงานหนักเพื่อเราทั้งนั้น” เด็กหนุ่มที่ถือมีดกล่าวชมในขณะทำความสะอาดมีด
“ยังไงก็เถอะ พวกเราน่าจะรีบเข้าเมือง ข้าได้ยินมาว่าจักรวรรดิกำลังเตรียมพร้อมจะทำสงครามกับชนเผ่าดาบ” เด็กหนุ่มอีกคนกล่าวด้วยความกังวล
“มันไม่ได้มีสงครามมานานกว่า 20 ปีแล้วใช่ไหม ? แล้วทำไมอยู่ดี ๆ สงครามถึงเกิดขึ้นได้ ?” เด็กหนุ่มอีกคนถามด้วยความสับสน
หยูหลี่พูดด้วยเสียงเย็นชา “ชนเผ่าดาบเป็นเพียงแกะที่ถูกเลี้ยงไว้สำหรับจักรวรรดิ หลังจากผ่านมา 20 ปีขนที่ไม่เคยถูกตัดตอนนี้ก็ได้เวลาที่ต้องตัดแล้ว หลังจากนั้นก็กลับไปทำเหมือนเดิมอีกครั้ง”
ด้วยขนาดและความสามารถของจักรวรรดิ ชนเผ่าดาบก็เหมือนมดตัวเล็ก ๆ ที่พร้อมจะถูกบดขยี้ได้ทุกเมื่อ
อย่างไรก็ตามคริสตัลดาบที่ชนเผ่าดาบสร้างขึ้นได้รับความนิยมอย่างมากในจักรวรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเชือดแกะตัวนี้ได้โดยตรง แต่หากแค่ตัดขนมันเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ถือว่ายังทำได้
ชนเผ่าดาบอาศัยอยู่นอกอาณาเขตของจักรวรรดิ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยสนใจมากและทำเพียงส่งทหารใหม่ทั้งหมดออกมา ทหารใหม่เหล่านี้จะถูกนำโดยทหารเก่าเพื่อใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ในสงครามครั้งนี้ !
สำหรับทหารที่ไม่ตายหลังจากผ่านสงครามครั้งนี้มาได้ พวกเขาจะถูกโอนไปยังสนามรบที่ใหญ่และโหดร้ายกว่านี้
ชนเผ่าดาบถูกมองว่าเป็นสมบัติส่วนตัวของจักรวรรดิ ใครก็ตามที่กล้ารุกรานชนเผ่าดาบในขณะที่พวกเขากำลังอ่อนแอ นั่นหมายถึงการสร้างความโกรธให้จักรวรรดิ !
สถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ที่อยู่ลึกที่สุดของที่ราบ เดิมบริเวณนี้เป็นหุบเขาขนาดใหญ่ที่ไม่มีอะไร มันทำหน้าที่เป็นพรมเชื่อมระหว่างดินแดนทั้ง 2 แต่หลังจากผ่านไปนานหลายปีพื้นที่แห่งนี้ก็กลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยซากศพของทั้ง 2 ฝ่าย
ในขณะเดียวกัน คริสตัลจะถูกสร้างขึ้นมาจากร่างนักรบชนเผ่าดาบ และทุกครั้งที่สิ้นสุดสงครามกองทัพมักจะนำคริสตัลดาบกลับไปในทันที อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาไปทั้งหมด มันจึงมีเศษบางส่วนที่หลงเหลือเอาไว้
ดังนั้นคนที่มาที่นี่เพื่อแสวงหาโชค และที่แห่งนี้ต้องเดินเป็นเวลา 2 วันกว่าจะถึงขอบชายแดน
ทั้ง 3 เร่งรีบที่จะเดินไปยังชายแดน
“บู้ม !’
“ปึง ปึง !”
พื้นดินสั่นสะเทือนพร้อมกับเสียงกลองดังขึ้น !
ใบหน้าของทั้ง 3 ซีดลงทันที นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหว แต่มันคือเสียงกองทัพขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งมาทางนี้ !
ข้างหลังพวกเขาคือต้นไม้เก่าแก่ที่สูงเสียดฟ้า ไม่มีใบไม้ซักใบบนต้นและดูเหมือนพวกมันจะเหี่ยวเฉามานานมากแล้ว แต่เมื่อลดสายตาลงมาจะเป็นได้ว่าต้นไม้โบราณนี้ดูเหมือนมีชีวิตชีวามาก
ต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากกำลังวิ่งมาทางนี้ ใบหน้าของทั้ง 3 เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่มองอีกมุมหนึ่งที่มีสัตว์ขนาดใหญ่กว่า 10 จางปรากฏตัว สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีร่างเหมือนคริสตัลสีม่วง แรงกดดันมหาศาลแผ่ออกมาจากร่างของมันตลอดเวลา
“ทหารระดับสูงของชนเผ่าดาบ ! วิ่ง !”
ทั้ง 3 หันหน้าหนีแล้วรีบวิ่งทันที ชนเผ่าดาบได้ประชิดชายแดนโดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้อย่างไรกัน ! ก่อนหน้านี้พวกเขาเองก็ไม่เห็นเช่นเดียวกัน แต่กว่าพวกเขาจะรู้ตัวก็มีเสียงกลองที่ดังเข้ามาในหูของพวกเขา !
นี่มันแปลกมาก ! กองทัพขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยทหารร่างกายขนาดใหญ่โตเช่นนี้ กลับไม่มีใครสังเกตเห็น !
ทหารของชนเผ่าดาบอยู่ห่างพวกเขาไม่ถึง 1,000 เมตร นอกจากนี้เสียงที่เปล่งออกมาแต่ละครั้งมันมีบางอย่างแปลก ๆ
ในเวลาเดียวกัน หยูหลี่ราวกับรู้บางอย่าง เขารู้ว่าแม้จะวิ่งสุดชีวิตยังไงก็ไม่มีทางหนีไปได้ !