Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 501
สัตว์อสูรยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ความยากที่จะสืบทอดสายพันธุ์ยิ่งยากขึ้น เช่นเดียวกับงูตัวนี้ มันมีพลังมหาศาลจนสั่นสะเทือนสวรรค์ แต่มันกลับไม่สามารถทำให้ไข่ทุกใบฟักลูกงูออกมาได้
ธรรมชาติช่างยุติธรรม ยิ่งความแข็งแกร่งมากแค่ไหนการมีลูกยิ่งยากขึ้น งูยักษ์ตัวนี้ฟักลูกน้อยออกมาได้น้อยกว่า 10 ตัวเท่านั้นในรอบหลายร้อยล้านปี !
ความจริงแล้วการที่มันสามารถฟักลูกงูออกมาได้ถึง 3 ตัวนั้นถือว่าเป็นปาฏิหารณ์
เป่ยเฟิงทุ่มเทความพยายามในการขโมยไข่มาก
“ไข่นี้มันหนักจริง ๆ !”
เหงื่อขนาดเท่าลูกปัดปรากฏบนหน้าผากของเป่ยเฟิง น้ำหนักของไข่ใบนี้มันหนักจนราวกับภูเขาลูกหนึ่ง
หลังจากผ่านไปหลายนาที เป่ยเฟิงก็เริ่มกังวลแล้วว่าไข่มันจะลอดประตูมิติได้หรือไม่
แต่เมื่อประตูมิติปรากฏออกมา เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ยังไม่ได้ดึงมันขึ้นมา
ไข่ค่อย ๆ หดเล็กลงกว่าเดิมหลายพันเท่าจนมีขนาดพอดีกับหลุมมิติ
และเมื่อเขาดึงมันออกมายังโลกที่เขาอาศัยอยู่เขาก็ปล่อยมันเอาไว้ ไข่มันราวกับไร้น้ำหนัก เห็นได้จากการที่มันลอยอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบ แม้ว่าเขาจะถือคันเบ็ดเอาไว้แต่มันก็ไม่ได้ถูกลากลงไปในน้ำอีกแล้ว
เป่ยเฟิงหยิบผลไม้จิตวิญญาณออกมาจากแหวนจำนวนมากแล้วเริ่มกินมันทันที
เขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากสายตาของงู นอกจากเลือดและฉีที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว พลังจิตของเขาก็บาดเจ็บด้วยเช่นกัน
พระราชวังดวงดาวในจิตสำนึกของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยรอยร้าวราวกับมันพร้อมจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อหากมีอะไรมากระทบมันเพียงนิดเดียว
เป่ยเฟิงรู้สึกกลัวมาก หากไม่ได้พระราชวังดวงดาวช่วยเอาไว้ เขาอาจจะบาดเจ็บหนักกว่านี้ก็ได้ บางทีมันอาจจะถึงขั้นบาดเจ็บลึกเข้าไปยังจิตวิญญาณและทำให้จิตใจของเขาแหลกสลายไป !
เป่ยเฟิงเริ่มใช้วิชาก่อเกิดดวงดาวและดูดพลังดวงดาวเข้าไปในดวงดาวของเขา แสงดาวจำนวนมากค่อย ๆ ไหลเข้ามาในตัวเขา
ทุกดวงดาวจะส่องแสงออกมาเพียงลำแสงเดียวเท่านั้น แต่ทั้งกาแลคซีแห่งนี้มันเต็มไปด้วยดวงดาวและดาวฤกษ์ที่มีพลังงานหลากหลายชนิด !
แสงดาวจำนวนมากไหลเข้ามาในร่างของเป่ยเฟิงและเริ่มไหลไปที่พระราชวังดวงดาวของเขา
เมื่อพระราชวังดวงดาวเริ่มดูดซับแสงดาว จากที่เต็มไปด้วยรอยร้าวมันก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว เป่ยเฟิงถอนหายใจอย่างช้า ๆ พระราชวังดวงดาวของเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพย่ำแย่มาก แต่ก็ดีที่มันไม่ได้พังทลายลงไป
ตกดึกร่างกายของเป่ยเฟิงห่อหุ้มด้วยแสงหลากสี
ยุงจำนวนมากบินเข้ามาหาเป่ยเฟิง แต่ก่อนที่มันจะได้สัมผัสกับเขามันก็ถูกเผาจนกลายเป็นฝุ่นโดยแสงที่ครอบคลุมตัวเขา !
ยุงเหล่านี้ไม่ถือว่าเป็นสัตว์อสูร มันแข็งแกร่งกว่ายุงธรรมดาเพียงเล็กน้อย ยุงบางตัวแข็งค้างกลางอากาศ บางตัวถูกเผาและบางตัวถูกทำให้เน่าเปื่อย
ทั้งหมดนี้เกิดจากพลังดวงดาวที่แตกต่างกันที่หมุนรอบตัวเป่ยเฟิง แม้ว่าพลังดวงดาวเหล่านี้จะอ่อนแอมากแต่มันก็สามารถใช้แสงของมันฆ่าสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอได้
‘โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บหนักเกินไป ดูเหมือนต้องใช้เวลาหลายวันกว่าเลือดและฉีจะฟื้นฟูกลับมาได้ นอกจากนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพระราชวังดวงดาวเองก็ต้องใช้เวลาอีกมากถึงจะฟื้นฟูมันได้’
เป่ยเฟิงถอนหายใจออกช้า ๆ เขารู้สึกแย่มากที่พระราชวังดวงดาวใช้เวลาฟื้นฟูนานเกินไป เขาจำเป็นต้องดูดซับพลังดวงดาวอีกจำนวนมากไม่อย่างนั้นเขาก็จะฟื้นฟูพระราชวังดวงดาวไม่ได้
เป่ยเฟิงหันไปมองรอบตัว จุดที่เขายืนรายล้อมไปด้วยหุบเขา 2 ด้าน เขาจึงตัดสินใจที่จะดึงไข่ขึ้นมา
“บูม !”
เสียงกระแทกบางอย่างดังขึ้นในหุบเขา
“ท่านหัวหน้าตระกูลทำอะไรแปลก ๆ อีกแล้ว ทำไมเขาชอบสร้างความวุ่นวายนัก” หลี่ปู้พึมพำกับตัวเอง
“การเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าตระกูลมันกระทันหันเกินไป มันเหมือนไม่ใช่หัวหน้าตระกูลคนเดิมเมื่อ 3 ปีที่แล้ว”
หลี่ปิงตอบกลับ
“เส้นแบ่งระหว่างความเป็นและความตายมันน่ากลัวมาก มันสามารถกระตุ้นความคิดของคน ๆ หนึ่งได้ ดูเหมือนท่านหัวหน้าตระกูลจะถูกกระตุ้นในตอนนั้นและหนีพ้นความตายมาได้ หลังจากนั้นพลังของเขาก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่ามันเร็วเกินไป”
หลี่ปู้ส่ายหัว เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนขยันแล้ว แต่เมื่อเห็นหัวหน้าตระกูลฝึกฝนด้วยตัวเองเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาก็ค้นพบแล้วว่าตัวเองยังอ่อนด้อยเกินไป
ในหุบเขา เป่ยเฟิงอ้าปากค้างพร้อมกับมองไข่ตรงหน้า เขารู้ว่าไข่นี้มันหนักมาก แต่ไม่คิดว่ามันจะหนักขนาดนี้ !
สองในสามของไข่จมลงไปในพื้น เหลือแต่เพียงด้านข้างที่โผล่พ้นออกมาประมาณ 300 เมตรเท่านั้น
แต่อย่างน้อยก็ทำให้ความสูงของไข่ใบนี้ลดลงอย่างมาก ตอนนี้มันดูเตี้ยกว่าหุบเขาที่อยู่รอบ ๆ อย่างน้อยมันก็ไม่ถูกเจอได้ง่าย ๆ
“ดิ๊ง ! สมบัติจันทราระดับ 7 ไข่ของงูแห่งความวุ่นวายแรกเริ่มสายเลือดผสม ! (งูแห่งความวุ่นวายสายเลือดบริสุทธิ์คือสัตว์อสูรที่มีอาหารเป็นดวงดาวและดาวฤทธ์ มันเป็นเจ้าเหนือหัวของสัตว์อสูรชั้นสูง ! ไข่ใบนี้ถูกวางไข่โดยงูแห่งความวุ่นวายแรกเริ่มสายเลือดผสม งูแห่งความวุ่นวายแรกเริ่มสายเลือดผสมไม่สามารถฟักไข่ใบนี้ได้สำเร็จเนื่องจากขาดพลังงานมหาศาลที่จะใช้ฟักลูกงูแห่งความวุ่นวายแรกเริ่ม) ประสบการณ์ที่ได้รับ : 8,000,000 แต้ม ! “
เป่ยเฟิงมองด้วยความตกตะลึงและจากนั้นหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสาร
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าสัตว์อสูรตัวนั้นทำไมถึงจากไปโดยไม่สนใจไข่ใบนี้ นั่นก็เพราะไข่ใบนี้คือตัวแทนของความล้มเหลวและมันไม่สามารถฟักออกมาเป็นลูกงูได้
เดิมทีเป่ยเฟิงคิดจะฟักไข่ใบนี้มาเพื่อเป็นสัตว์อสูรของเขา จากนั้นก็จะทำให้มันกลายเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งของเขาในอนาคต แต่น่าเสียดายที่ไข่มันตายไปแล้ว
“ถึงอย่างนั้น มันก็ยังถูกประเมินระดับสูงโดยระบบ ดูเหมือนพลังงานในไข่จะต้องมีสูงมากจนเทียบเท่ากับมหาสมุทรแห่งพลังงาน คำถามเดียวก็คือพลังมันเหมาะกับฉันหรือเปล่า ?”
เป่ยเฟิงสัมผัสผิวของไข่ด้วยความสงสัย
“วิ้ง วิ้ง !”
ร่างกายของเป่ยเฟิงแข็งค้างพร้อมกับเทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 ปรากฏตัวหมุนไปรอบ ๆ ตัวเขา !
เป่ยเฟิงรู้สึกได้ถึงความกระหาย ความกระวนกระวายในขณะที่พวกมันมองไข่ !
ยังไม่ทันได้คิดจะทำอะไร ทันใดนั้นจุดรับแสงที่เกิดจากจิตวิญญาณของจิ้งจอกน้อยก็ตื่นขึ้น พลังแห่งความชั่วร้ายกำลังสั่นไปมาด้วยความตื่นเต้น !
ระฆังในพระราชวังดวงดาวก็สั่นขึ้น เป่ยเฟิงมองมันด้วยสายตาและปากที่เปิดกว้าง เขามองพระราชวังดวงดาวที่กำลังสั่นไปมาราวกับมันต้องการหนีไปจากทะเลจิตสำนึกของเขา !
“เป็นไปได้ไหมว่าพลังงานที่อยู่ในนี้มันไม่ใช่แค่พลังดวงดาว ?”
เป่ยเฟิงสับสน มันน่าจะเป็นพลังงานเลือดและฉีสิที่ใช้ในการฟักไข่ ไม่ใช่งั้นรึ ?
‘ถึงข้าจะอยู่ในภูเขาร้อยทำลาย จริงอยู่ที่มันยากที่จะมีคนมาเจอที่แห่งนี้ แต่ข้าน่าจะรีบดูดซับพลังงานในไข่นี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงจะดูดซับมันได้ไม่หมดแต่ก็ให้หลี่ปู้และคนอื่น ๆ มาดูดซับมันได้’
เป่ยเฟิงตัดสินใจแล้ว เขายอมเล่นแบบปลอดภัยดีกว่าเสี่ยงอันตราย !
ไข่ใบนี้ใหญ่มาก เปลือกของมันก็หนาด้วยเช่นกัน เป่ยเฟิงไม่ได้ใช้อาวุธใด ๆ แต่เขาใช้ตะขอฟันมัน !
คลื่นพลังฉีไหลเข้าไปในคันเบ็ดจนทำให้เส้นเอ็นเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนผลึกเรืองแสง นอกเหนือจากตะขอแหลม ๆ แล้วเป่ยเฟิงก็ไม่มีอาวุธอื่นที่ทำอะไรกับไข่ใบนี้ได้
ภายใต้การควบคุมของเขา สายเอ็นยาวกว่า 100 เมตรว่ายไปในอากาศราวกับงูที่กำลังบินอยู่
“แก๊ง !”
สายเบ็ดที่ดูเหมือนคมมากแต่กลับไม่สามารถทำอะไรกับไข่ได้ เมื่อมันกระทบไข่มันกลับเกิดเสียงเหมือนปะทะกับเหล็ก !
เสียงมันดังฟังชัดมาก เมื่อไปดูที่ปลายตะขอจะเห็นได้ว่าด้านคมของมันเจาะเข้าไปในเปลือกไข่แล้ว เป่ยเฟิงรีบดึงมันขึ้นแล้วให้มันพลิกไปอีกด้าน !
เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะหากจะฟันเข้าไปทั้ง ๆ แบบนี้มันจะยากเกินไป เขาจึงทำให้มันอยู่ในแนวนอนเพื่อที่จะฟันเข้าไปได้ไม่ลำบาก !
เป่ยเฟิงอธิษฐานให้ไข่ใบนี้เปลือกไม่หนาเกินไป แต่เมื่อเห็นขนาดจริง ๆ เขาไม่เชื่อว่ามันจะไม่หนา
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ ความพยายามตลอดทั้งคืนของเป่ยเฟิงทำได้เพียงเส้นเดียว และมันลึกเพียง 5 ซม. เท่านั้น ไข่ใบนี้เปลือกมันหนากว่าที่เขาคิดไว้มาก
แต่เมื่อฟันไปเรื่อย ๆ เป่ยเฟิงก็นึกอะไรได้ หลังจากนั้นเขาก็รีบใช้เคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ทันที !
“โฮก !”
หมียักษืสีเงินขาวขนาดใหญ่กว่าร้อยเมตรปรากฏด้านหลังเขา จากนั้นมันก็ใช้อุ้งเท้าของมันทุบไปที่หุบเขารอบ ๆ !
“บูม !”
หินรอบ ๆ ค่อย ๆ กลิ้งลงมา หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงเสียงของหินกลิ้งก็หายไป
หินจำนวนมากกลิ้งลงมาจากภูเขาและฝังไข่ยักษ์เอาไว้ข้างใน !
ไข่ใบนี้มันใหญ่เกินไป น้ำหนักของมันก็น่ากลัวมากเช่นกัน อย่างน้อยเป่ยเฟิงก็ยังไม่สามารถยกมันขึ้นมาได้ด้วยตัวคนเดียว
เขาเลือกที่จะฝังมันเอาไว้ในหินก่อน แม้แต่คนโง่ก็บอกได้ว่าไข่นี้ไม่ธรรมดา แต่ในทางกลับกันใครละจะให้ความสำคัญกับกองหิน
เป่ยเฟิงเดินออกมาจากหุบเขาและสั่งให้หลี่ปู้และคนอื่น ๆ ยืนเฝ้าหุบเขาตลอดเวลาไม่ให้ใครเข้าไปได้ ส่วนเป่ยเฟิงเขาออกไปกับหลี่ปิงและอีกหลายคนเพื่อล่าสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ !
สัตว์อสูรจำนวนมากถูกฆ่าและนำกลับมากินที่กองภูเขาขนาดเล็ก
***
มีผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในภูเขาร้อยทำลาย แต่ส่วนมากพวกเขาจะอยู่เพียงขอบด้านนอก คนจำนวนมากไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้ใจกลางภูเขานัก
มีเพียงกลุ่มที่มีราชาพันปีอยู่ด้วยเท่านั้นถึงจะกล้าเข้าไปยังใจกลางภูเขา สัตว์อสูรจำนวนมากที่หาพบได้ยากจะอยู่จุดนั้น เช่นเดียวกัน สัตว์อสูรที่มีพลังราชาพันปีก็มีตัวตนอยู่ในใจกลางภูเขาด้วยเหมือนกัน มันจึงบอกได้เลยว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยสมบัติธรรมชาติจำนวนมาก
แน่นอนว่าหากกลุ่มผู้ฝึกตนล่าเป็นกลุ่มย่อมปลอดภัย ตราบใดที่พวกเขาไม่ไปพบเจอกับกลุ่มสัตว์อสูรฝูงใหญ่มันก็จะไม่มีปัญหาใด ๆ
แต่แม้ว่าจะมีผู้ฝึกตนที่มีพลังราชาพันปีอยู่ในกลุ่มก็ใช่ว่าจะมีชีวิตรอด มีหลายต่อหลายครั้งที่กลุ่มที่มีราชาพันปีอยู่ด้วยก็ยังไม่พ้นถูกฆ่าอยู่ใจกลางภูเขา
ดังนั้นมันจึงกล่าวได้ว่าสัตว์อสูรในภูเขาร้อยทำลายนั้นดูเหมือนจะมีพลังไร้ขีดจำกัด แม้ว่าตัวที่เคยฆ่าราชาพันปีไปหลายคนจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมานาน แต่ก็ไม่มีใครที่ลืมไปว่าเคยมีมัน
“ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรแถวนี้จะเริ่มน้อยลง เกิดอะไรขึ้น ?”
“ใช่ ทำไมพื้นที่ตรงนี้มันถึงไม่มีอะไรเลย ?”
“ทำไมถึงมีแต่กระต่ายนักเลงบัดซบพวกนี้ นี้มันห่วยแตกสิ้นดี มันเป็นแค่สิ่งมีชีวิตขยะชัด ๆ ทำไมถึงมีมันเยอะขนาดนี้ !”
กลุ่มผู้ฝึกตนหลายร้อยคนบ่นในขณะเดินอยู่ขอบภูเขา นี่เป็นทีมที่เต็มไปด้วยนักล่าชั้นสูง พวกเขามีผู้ฝึกตนขั้นสี่ของร้อยปีอยู่ 10 คน และมีผู้ฝึกตนขั้นสามของร้อยปีอีกประมาณ 100 คน ความแข็งแกร่งของกลุ่มนี้ถือว่าอยู่ในทีมนักล่าชั้นสูง
พวกเขาเดินผ่านป่าไปด้วยบ่นไปด้วย ในขณะเดียวกันก็มีคนในกลุ่นยกมือขึ้นจากนั้นก็ฆ่ากระต่ายนักเลง 2 ตัวภายในการโจมตีครั้งเดียว