Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 506
ในเทือกเขาร้อยทำลาย ที่แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่านไปบนฟ้า พื้นที่แถวนี้เงียบผิดปกติมันไม่เหมือนกับที่ตรงอื่นที่เต็มไปด้วยเสียงร้องของนกและสัตว์
“นายท่าน พวกเราได้ส่งคนไปตรวจสอบแล้วมันมีความเป็นไปได้ที่สัตว์อสูรที่มีพลังระดับครึ่งก้าวราชาพันปีได้ปรากฏออกมา”
กลุ่มคนกว่า 100 คนแต่งกายด้วยชุดสีดำกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่รอบ ๆ แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาของแต่ละคนนั้นเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน ดุดันและโหดร้าย
ในขณะเดียวกันชายชุดคลุมสีดำคนหนึ่งคุกเข่าและรายงานต่อหน้าชายคนหนึ่ง
“น่าสนใจ เป็นเพียงสัตว์อสูรชั้นต่ำอย่างกระต่ายนักเลงแต่กลับให้กำเนิดตัวที่มีพลังถึงครึ่งก้าวราชาพันปีขึ้นมาได้”
ชายคนนี้สูงผอม มือขวาของเขาดูเหมือนกรงเล็บมังกรสีดำ มันมีควันจาง ๆ ลอยออกมาจากมือของเขา
ชุยยุนเทียนยิ้มจาง ๆ พร้อมกับดวงตาเปล่งประกาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาเคยได้ยินถึงชื่อเสียงของกระต่ายนักเลงไม่น้อย และนี้เป็นครั้งแรกที่มีการปรากฏตัวขึ้นของตัวที่มีพลังถึงครึ่งก้าวราชาพันปี มันยากที่จะบอกว่าเขาไม่ได้สนใจมัน
ชุยยุนเทียนพูดเบา ๆ “จงฟัง ฆ่าพวกมันทั้งหมดด้วยพลังเต็มที่” เขาพูดเบา ๆ น้ำเสียงของเขาช่างอบอุ่นและเป็นมิตรกับรอบข้าง
“รับทราบ !”
หลังจากรับคำสั่ง เงาสีดำจำนวนมากก็หายเข้าไปในป่า
“คิกคิก น่าตื่นเต้นจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะโชคดีเจอสัตว์อสูรชั้นต่ำแต่กลับวิวัฒนาการไปได้ไกลขนาดนี้ได้”
ชุยยุนเทียนหรี่ตา หากมันเป็นแค่กระต่ายนักเลงธรรมดา ๆ เขาจะไม่สนใจมัน แต่นี้มันไม่ใช่ เพราะจำนวนของกระต่ายนักเลงที่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปีในตอนนี้มันมีมากกว่าพันตัว !
ในภูเขา เป่ยเฟิงกำลังหั่นเนื้อสัตว์อสูรและกินพวกมันอย่างหิวโหย
ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมากและนั้นก็ทำให้ความหิวโหยของเขาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขากินสัตว์อสูรขั้นสี่ของร้อยปีอยู่ !
“เอาล่ะ ได้เวลาออกไปจากที่นี่แล้ว” เมื่อกินเสร็จแล้วเป่ยเฟิงก็ยืนขึ้นและมองออกไปไกล
“รับทราบ !” หลี่ปู้และคนอื่น ๆ เองก็เห็นด้วย สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นมากขึ้นเมื่อมองเป่ยเฟิง
การเพิ่มความแข็งแกร่งในระยะเวลาสั้น ๆ ของเป่ยเฟิงในช่วงไม่กี่เดือนมันทำให้พวกเขาชื่นชมจากใจ
เป่ยเฟิงหันหน้าไปอีกทิศและเพ่งมองมันอย่างตั้งใจ ก่อนที่เขาจะพาทุกคนจากไปเขาจะจดจำจุดตรงนี้เอาไว้เพื่อมันคือสถานที่ที่เขาติดตั้งประตูมิติที่ใช้ตกปลาเอาไว้ ดังนั้นเขาจะกลับมาหามันในอนาคต
ตอนนี้เขาแค่มองหาคู่ต่อสู้ที่พอจะทนพลังของเขาได้ ระหว่างทางความเร็วของทุกคนที่วิ่งผ่านต้นไม้นั้นราวกับภูติผี ทิวทัศน์รอบด้านนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“โฮก !”
เสือตัวใหญ่หลากสีอยู่ข้างหน้าพวกเขา มันใช้ร่างกายขนาดใหญ่ของมันบังเอาไว้พร้อมกับคำรามออกมา
“ภัยพิบัติ !”
ทั้งกลุ่มไม่ได้ช้าลงเลย เป่ยเฟิงชี้นิ้วไปที่เสือที่อยู่ห่างออกไปไกล
หมอกสีดำปรากฏด้านหลังเขา จากนั้นดวงตาสีแดงเข้มคู่หนึ่งก็ส่องทะลุผ่านหมอกออกมา มันยากที่จะเห็นว่าร่างที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่หลังหมอกมีลักษณะเป็นอย่างไร
หลังจากที่ชี้นิ้วออกไปแล้ว ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นก็พุ่งลงมาจากฟ้าและห่อหุ้มเสือเงียบ ๆ
“โฮก ?”
หลังจากคลื่นห่อหุ้มมันแล้ว เสือก็กระโดดหนีราวกับรู้สึกได้ถึงอันตราย มันหันไปมองรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับขนในร่างที่ลุกชัน
ความเร็วของเป่ยเฟิงไม่ได้ลดลง และเขาก็ไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อยราวกับว่ามันไม่มีตัวตนอยู่
เสือหลากสีเตรียมที่จะโจมตีพวกเขาอีกครั้ง แม้ว่ามันจะรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้อันตราย แต่มันก็โกรธที่คนเหล่านี้ไม่สนใจคำเตือนของมันและยังกล้าบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของมัน
ร่างของมันโค้งเหมือนคันธนูขนาดใหญ่ กระดูกสันหลังของมันยกขึ้นพร้อมกับพุ่งเข้าไปหากลุ่มของเป่ยเฟิง !
ระยะห่างเพียง 300 เมตรมันกลับสั้นมาก เพียงการกระโดดครั้งเดียวมันก็พุ่งออกไปไกลมาก !
“โฮก !”
แรงกดดันมหาศาลพุ่งออกมาจากร่างของมัน เสือตัวนี้แข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรธรรมดาแน่นอน ในไม่ช้าร่างของมันก็ค่อย ๆ ขยายจนยาวกว่า 8 เมตร จากนั้นมันก็ก้าวลงพื้นจนเกิดหลุมขนาดใหญ่แล้วพุ่งไปในอากาศอีกครั้ง !
เสือในตอนนี้ราวกับกำลังบินอยู่ มันพุ่งเข้าไปหากลุ่มของเป่ยเฟิงโดยไม่มีท่าทีลังเลใด ๆ แรงกดดันมหาศาลของมันทำให้เป่ยเฟิงต้องหันมามองมัน
“แซ่ก !”
ในขณะเดียวกัน กระรอกสีน้ำตาลสูงกว่า 1 เมตรกำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้พร้อมกับกอดลูกโอ๊กขนาดใหญ่พอ ๆ กับหัวมนุษย์เอาไว้ มันกำลังกัดแทะอย่างมีความสุข แต่เพราะเสียงคำรามของเสือทำให้มันต้องกระโดดด้วยความหวาดกลัวจนตกลงมาจากต้นไม้ !
ดวงตาของกระรอกมองลูกโอ๊กด้วยสายตาอาลัยอาวร มันไม่เต็มใจที่จะปล่อยลูกโอ๊กนี้ไป แต่เพราะใกล้จะถึงพื้นแล้วดังนั้นมันจึงตัดสินใจปล่อยลูกโอ๊กแล้วจากนั้นก็ร่อนขึ้นราวกับค้างคาวแล้วลอยตัวไปมา
ลูกโอ๊กล่วงลงไปที่หลังเสือ น้ำหนักนี้แน่นอนว่าไม่สามารถทำอะไรเสือได้ เสือแค่มองลูกโอ๊กด้วยท่าทีเหยียดหยามจากนั้นก็ไม่สนใจ ความสนใจของมันคือเป้าหมายตรงหน้าพร้อมกับการปรับสภาพที่อยู่กลางอากาศของมัน
ในขณะที่เสือลอยไปในอากาศ เส้นทางของกระรอกบินก็มาประจบเข้ากับเส้นทางลอยตัวของเสือพอดี ทั้งสองไม่สามารถหยุดร่างกายกลางอากาศได้ร่างของทั้งคู่จะต้องชนกันแน่นอน !
หัวใจของกระรอกแทบจะระเบิดด้วยความตกใจเมื่อเห็นเสือตัวใหญ่ตรงหน้ามัน มันจำได้ว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างล่างเมื่อหลายวินาทีก่อนหน้านี้ แต่ทันใดนั้นเสือที่น่าเกลียดก็มาอยู่ตรงหน้ามัน ! สวรรค์ช่างรังแกเด็กน้อยคนนี้จนเกือบต้องตายเพราะความกลัว ! ในช่วงเวลาแห่งความตกใจนี้กระรอกได้กวัดแกว่งกรงเล็บที่แสนคมของมันไปที่หน้าเสือ !
กรงเล็บฟันเข้าไปที่จมูกนุ่ม ๆ ของเสือจนทำให้มันบาดแผลที่เพิ่งหายดีก่อนหน้านี้ต้องเปิดขึ้นมาอีกครั้ง !
“โฮก !”
เสือตัวใหญ่ที่เก่งกาจก่อนหน้านี้ไม่สนใจกระรอกน่ารำคาญตัวนี้แม้แต่น้อย แต่ตอนนี้มันต้องเกือบจะร้องไห้ออกมาเนื่องจากความเจ็บปวดที่กระจอกโง่ ๆ มันทำไว้กับจมูกของมัน !
กลุ่มของเป่ยเฟิงเองก็เต็มไปด้วยความสับสน ความสนใจของพวกเขามุ่งเน้นไปที่เสือทั้งหมดแล้วพวกเขาจะไปรู้ได้ยังไงกันว่ามีกระรอกตกลงมาจากท้องฟ้า ? ก่อนหน้านี้ก็เป็นลูกโอ๊ก ? แล้วตอนนี้ก็เป็นกระจอก !
“ปัง !”
เสือหลากสีสูญเสียเป้าหมายของมัน เนื่องจากจมูกเป็นหนึ่งในจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของมัน มันไวต่อจิตสัมผัสของมันมาก ความเจ็บปวดและความรู้สึกใด ๆ จะไวกว่าส่วนอื่นในร่างมาก ในไม่ช้าเสือก็พุ่งชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่พร้อมกับลำตัวของมันที่ติดอยู่บนกิ่งไม้ ! ในขณะเดียวกันกระรอกเองก็วิ่งหนีออกไปแล้ว
หลังจากนั้นเถาวัลย์ขนาดใหญ่ก็เคลื่อนที่ไปรอบ ๆ ต้นไม้ หลังจากนั้นเถาวัลย์ท่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนก็แทงเข้าไปในร่างของเสือแล้วฉีดของเหลวสีเขียวเข้าไปข้างใน !
ไม่กี่นาทีต่อมาเถาวัลย์ก็เริ่มดูด จากนั้นของเหลวสีแดงแกมเขียวจำนวนมากก็ไหลเข้าไปในเถาวัลย์อย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยเสือที่ค่อย ๆ แห้งเหี่ยวลงจนเหลือแต่เพียงหนังของมัน
“นี่คือความสามารถของจิ้งจอกหายนะของมนุษย์และธรรมชาติ ? ข้าควบคุมพลังของมันได้แค่ภัยพิบัติระดับ 3 แต่แค่นี้ก็ทำให้สัตว์อสูรขั้นสามของร้อยปีถึงกับต้องตายแล้ว ?”
กลุ่มที่อยู่ด้านหลังของเป่ยเฟิงเองก็มองจากระยะไกลและรู้สึกขนหัวลุก การตายแบบนี้มันน่าอัศจรรย์และบังเอิญเกินไปแล้ว !
“ความสามารถนี้มันคืออะไรกัน ? มันไม่มีทั้งการปลดปล่อยพลังเลือด ฉีหรือพลังจิต เขาแค่ชี้นิ้วสัตว์อสูรตัวนั้นก็ตายแล้ว !” หัวใจของหลี่ปู้เต็มไปด้วยความตกใจ
พลังของเขาในตอนนี้อยู่ที่ขั้นสี่ของร้อยปี แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าท่านหัวหน้าตระกูลใช้วิชาอะไรในการฆ่าสัตว์อสูรตัวนั้น !
คนอื่น ๆ เองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นราวกับเรื่องบังเอิญและมันอธิบายไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าถามเป่ยเฟิงในเรื่องนี้ ทุกคนรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การโชคดีเล็ก ๆ อย่าลืมสิ่งที่น่าตกใจที่สุดของตัวเป่ยเฟิงเอง
‘จิ้งจอกน้อย …’ เป่ยเฟิงไม่ได้หันไปพูดกับใครเพราะจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหนักหน่วง ความสามารถนี้คือภัยพิบัติระดับ 3 ที่ได้มาจากเทวรูปจำแลงของจิ้งจอกหายนะของมนุษย์และธรรมชาติ !
ภัยพิบัติที่ว่ามันไม่เหมือนวิชาหรือทักษะใด ๆ มันไม่ใช่พลังงาน พลังฉีหรือพลังจิต มันเป็นแค่การเชื่อมสวรรค์เข้ากับพลังที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้จากนั้นก็ฆ่าเป้าหมายนั้นทิ้ง !
นี่คือพลังต้องสาปของจิ้งจอกน้อย !
‘นี้มันเหมือนกฏบางอย่าง เสือนั้นต้องการฆ่าข้า และนั้นก็ทำให้ข้าใช้พลังนี้ได้’
เป่ยเฟิงรู้สึกว่าม่านตาของเขาปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกที่ทำให้เขามองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
หลังจากที่วิญญาณของจิ้งจอกน้อยเข้ามาอยู่ในร่างแล้วเขาก็สามารถใช้พลังได้ตามใจชอบ ตราบใดที่สิ่งนั้นแสดงถึงเจตนาร้ายต่อเขา เขาก็สามารถกระตุ้นพลังทำให้อีกฝ่ายเป็นปฏิปักษ์และต้องทุกข์ทรมานแทน
มันไม่เหมือนกับความสามารถของจิ้งจอกน้อยที่จะส่งผลกับบางสิ่งที่เข้ามาสัมผัส นอกจากนี้ทักษะนี้ก็ไม่ได้เสถียรและมันก็สุ่มเหมือนจิ้งจอกน้อย
นอกจากนี้มันยังมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้งานภัยพิบัติตั้งแต่ขั้น 1 จนไปถึงขั้น 9 แล้วแต่โชค !
อย่างไรก็ตามเป่ยเฟิงสามารถควบคุมปลดปล่อยออกมาได้ดั่งใจจนถึงแค่ขั้น 3 เท่านั้น ข้อดีของมันคือเขาควบคุมได้ตามต้องการและเขาจะไม่มีการบาดเจ็บหรือตายเพราะอุบัติเหตุ
แต่ข้อเสียคือมันไม่ได้แข็งแกร่งมากเมื่ออยู่ในมือของเขา มันอาจจะส่งผลน้อยลงเหลือเพียง 1 ใน 10 ด้วยซ้ำเมื่อเทียบกับตอนที่จิ้งจอกน้อยใช้มัน !
หากเป็นจิ้งจอกน้อย เมื่อใดก็ตามที่เปิดใช้งานภัยพิบัติระดับ 9 นั้นจะส่งผลกระทบได้ถึงมังกรที่แท้จริงและสัตว์อสูรระดับพระเจ้า ! แต่หากเป็นเป่ยเฟิง หากเขาใช้พลังขั้น 9 เขาก็ทำได้เพียงทำร้ายสิ่งมีชีวิตลึกลับเท่านั้น
‘ภัยพิบัติระดับ 3 มันส่งผลเล็กน้อยกับผู้ที่มีพลังระดับราชาพันปี นอกจากนี้การควบคุมของข้าก็ยังแตกต่างจากตอนของจิ้งจอกน้อย ! กฏของมันคือต้องใช้พลังวิญญาณเข้าช่วย ซึ้งจิ้งจอกน้อยนั้นเป็นแหล่งกำเนิดและสามารถใช้มันได้ แต่ของข้ามันเหมือนกับการยืมพลังมา มันไม่ใช่ของข้าที่แท้จริงซึ้งแตกต่างจากจิ้งจอกน้อยที่เข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ! ความแข็งแกร่งที่ถูกจิ้งจอกน้อยควบคุมมันเหนือกว่ากฏที่ใช้ควบคุมมันซะอีก !’ จิตวิญญาณของเป่ยเฟิงนั้นแข็งแกร่งมากเขาจึงเข้าใจมันได้ดี เขาคิดเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจถึงความแตกต่างของเขากับจิ้งจอกน้อย
เป่ยเฟิงไม่ได้ดูถูกความสามารถนี้ มันอาจจะไม่มีประโยชน์กับตัวตนที่ทรงพลังในตอนนี้ แต่เมื่อเขาพัฒนามันได้อย่างต่อเนื่อง ความช่วยเหลือที่ได้จากมันต้องยอดเยี่ยมมากแน่นอน !
สำหรับกฏในการใช้มันนั้นเป่ยเฟิงยังไม่ค่อยเข้าใจมันากเท่าไหร่ มันซับซ้อนเกินไปสำหรับเขาในตอนนี้
หากความสามารถนี้ถูกนำไปใช้ในการต่อสู้ที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีพลังเท่าเทียมกัน ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของฝ่ายตรงข้ามนั้นหมายถึงความพ่ายแพ้ !
‘ตอนนี้ข้ามีเทวรูปจำแลงหมียักษ์ เทวรูปจำแลงมังกรและก็เทวรูปจำแลงของจิ้งจอกหายนะของมนุษย์และธรรมชาติ ต่อไปก็คืออินทรี ! ถ้าข้าได้เทวรูปจำแลงของอินทรีมาแล้วใช้คู่กับเทวรูปจำแลงหมียักษ์ นั่นจะทำให้พลังในการโจมตีของข้าเพิ่มมากขึ้น !’ เป่ยเฟิงคิดชั่วครู่ในขณะวิ่งนำหน้ากลุ่มอยู่
ตลอดทางมีสัตว์อสูรที่ขวางทางต้องตกอยู่ในความโชคร้ายครั้งใหญ่ เป่ยเฟิงทดลองคำสาปใส่สัตว์อสูรทีละตัว และส่วนมากพวกมันก็จะตายด้วยสถานการณ์แปลก ๆ หลายอย่าง
ในขณะที่เขาได้ทดลอง เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาสามารถใช้คำสาประดับ 3 ได้เพียง 3 ครั้งต่อวัน แม้กระทั่งสัตว์อสูรขั้นสี่ของร้อยปีก็ต้องตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเมื่อโดนคำสาประดับ 3 !