Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 510
เทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 2 ทรงพลังเกินกว่าที่พวกกระต่ายจะเทียบได้
เทพเจ้าแห่งดวงดาวหยินยืนเฉย ๆ โดยร่างของเธอถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงจันทร์สีขาวนวล
เธอไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ แต่กระต่ายนักเลงทั้ง 3 ตัวตรงหน้าเธอเริ่มบ้าคลั่ง ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดง หลังจากนั้นมันก็เริ่มสู้กันเอง
หลังจากนั้นไม่นาน กระต่ายนักเลงกว่า 10 ตัวที่เหลือก็ถูกฆ่าไปจนหมด เทพเจ้าแห่งดวงดาวก็หายไปด้วยเช่นกัน
‘พลังต่อสู้นี้มันอะไรกัน ? ร่างจำแลงนั้นมันทรงพลังขนาดไหนกัน’
ดวงตาของหลี่ปู้เกือบหลุดออกจากเบ้า หัวหน้าตระกูลช่างแข็งแกร่งจริง ๆ นอกจากนี้ร่างจำแลงเมื่อครู่อีก 3 ร่างก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน มันไม่มีทางเลยที่ศัตรูที่มีพลังต่ำกว่าระดับราชาพันปีจะกลาเผชิญหน้ากับเขา !
‘ถึงจะปรากฏตัวแค่แปปเดียว แต่พลังดวงดาวที่ข้าเก็บเอาไว้มันถึงกับถูกใช้ไป 1 ใน 4 ดูเหมือนต้องใช้เวลา 3 วันถึงจะฟื้นฟูมันกลับมาได้ ข้อเสียแบบนี้จริงอยู่ที่ว่ามันสูงมาก แต่อย่างน้อยก็ทำให้ข้าปลอดภัยได้’
คิ้วของเป่ยเฟิงขมวดแน่น เทพเจ้าแห่งดวงดาวทั้ง 3 มีพลังอยู่ที่ครึ่งก้าวราชาพันปี เพียงแค่ขั้นสี่ของร้อยปีนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้ง 3
‘ระดับผู้พิทักษ์แห่งดวงดาวนั้นเทียบเท่ากับราชาพันปี และการจะพัฒนาไปจนถึงระดับผู้พิทักษ์แห่งดวงดาวนั้นได้จะต้องทำให้แผนภาพดวงดาวปรากฏขึ้นให้ได้ในพระราชวังแห่งดวงดาว แม้ว่าเทพเจ้าแห่งดวงดาวและพระราชวังแห่งดวงดาวจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ ความเป็นจริงข้าสามารถยืมพลังของเทพเจ้าแห่งดวงดาวได้มากขึ้นเสียด้วยซ้ำ !’
เป่ยเฟิงคำนวณผลได้ผลเสียในตอนนี้ การรวมกันของพระราชวังแห่งดวงดาวและเทพเจ้าแห่งดวงดาวดูเหมือนจะมีประโยชน์และไม่ได้เป็นอันตรายใด ๆ กับเขาเลย
“ไปดูสิว่าเจ้านั้นมันตายหรือยัง ถ้ามันยังไม่ตายก็พามันไปด้วย” เป่ยเฟิงขมวดคิ้วเมื่อสูดกลิ่นเลือดที่หนาแน่นในอากาศ จำนวนสัตว์อสูรในภูเขาร้อยทำลายนั้นมีมากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบไปจากสถานที่แห่งนี้
“ครับท่าน !” หลี่ปู้พยักหน้า ร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ด้วยความพยายามของพวกเขาทำให้สามารถยื้อพวกกระต่ายนักเลงเอาไว้ได้ นอกจากเขาแล้วอีก 9 คนก็ได้รับบาดแผลที่แตกต่างกันออกไป
หลี่ปู้เดินไปตรวจสอบก่อนจะพูดขึ้น “ท่านหัวหน้าตระกูล คนนี้ยังไม่ตาย แต่อาการบาดเจ็บของเขาหนักเกินไป เราจะช่วยเขาจริง ๆ งั้นหรือท่าน ? เขาเป็นคนที่โจมตีเราก่อนหน้านี้นะขอรับ”
“เอาเขาไปด้วยเถอะ” เป่ยเฟิงพยักหน้าไม่ได้อธิบายใด ๆ เพราะเขาเป็นผู้นำในตอนนี้ คนอื่นจึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ภายในถ้ำที่กว้างขวาง กลุ่มของเป่ยเฟิงได้พักอยู่ที่นี่เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ อากาศในถ้ำแห้งและมีกลิ่นแปลก ๆ
เจ้าของเดิมของถ้ำกำลังถูกย่างเหนือเปลวไฟช้า ๆ ทำให้ส่งกลิ่นหอมหวานลอยในถ้ำ
มีหญิงสาว 2 คนคือหลี่ปิงและหลี่ยู่กำลังนั่งไขว่ห้างบนพื้นพร้อมกับแรงกดดันที่ผันผวนไปมา
“ฮ๊า !”
เสียงของหลี่ปิงดังขึ้นพร้อมกับเสื้อคลุมบนร่างสั่นไหวไปมาโดยไร้ลมพัด หลิงฉีจำนวนมากจากทุกทิศไหลเข้าไปในร่างของเธอ
ข้าง ๆ เธอ หลี่ยู่เองก็มีการพัฒนาแบบเดียวกันกับหลี่ปิง !
ทั้ง 2 ติดอยู่ที่ขั้นสามระดับสูงสุดมาเป็นเวลานาน หลังจากผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบาก ในที่สุดทั้งคู่ก็ฝ่าฟันมันมาได้
เป่ยเฟิงเงยหน้าขึ้นและพูดเบา ๆ “หลี่ปู้ ไปเอาสัตว์อสูรอีกซัก 2 ตัวมาสิ”
“ขอรับ !” หลี่ปู้พยักหน้าและเดินออกไป เขาเข้าใจดีว่าหลี่ปิงและหลี่ยู่นั้นต้องการอาหารจำนวนมหาศาลหลังจากตัดผ่านระดับมาได้
‘กระต่ายนักเลง น่าสนใจ !’ แววตาของเป่ยเฟิงส่องประกาย ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ลี่เหว่ยนอนอยู่บนพื้น หากไม่ใช่เพราะหน้าอกที่พองแล้วยุบ คนที่เห็นคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว
ลี่เหว่ยถูกรักษาด้วยเม็ดยาฟื้นฟูและพ้นขีดอันตรายมาแล้ว คำถามเดียวก็คือเมื่อไหร่เขาจะตื่น
เป่ยเฟิงมั่นใจว่าคน ๆ นี้จะต้องรู้ข้อมูลแน่นอน ยกตัวอย่างเช่นการปรากฏตัวของกระต่ายนักเลงในตอนนี้ …
ความคิดชั่วร้ายปรากฏขึ้นในหัวเขาเพียงครู่เดียว จากนั้นเขาก็สงบจิตใจและเริ่มศึกษามรดกของหยินหยาง
นอกเหนือจากศิลปะแห่งดวงดาวที่เคยปรากฏในตอนแรก 3 ดวง ในตอนนี้มันปรากฏออกมาอีก 7 ดวง
สำหรับวิชาศิลปะแห่งดวงดาวนั้นมีวิชาสนับสนุน 2 วิชา หนึ่งคือศิลปะดวงดาวแห่งแสง ซึ้งใช้เพื่อเพิ่มความเร็วของตัวเองและอีกหนึ่งคือศิลปะวงแหวนดวงดาว มันเป็นการยึดเหนี่ยวเพื่อลดความเร็วของศัตรู นอกจากนี้มันยังมีวิชาในรูปแบบป้องกันที่ใช้โจมตีได้เช่นดวงดาวสะท้อนกลับ ดวงดาวระเบิดภัยพิบัติและดวงดาวระเบิดจักรวาล ! หากเขาสามารถเข้าใจและปลดล็อคการก่อตัวของดวงดาวได้ทั้งหมด การใช้ดวงดาวในการโจมตีมันจะเป็นเรื่องง่ายมาก นอกจากนี้เขายังสามารถวางค่ายกลเพื่อทำเป็นตาข่ายขนาดใหญ่เพื่อไม่ให้ศัตรูหลบหนีและถูกฆ่าลงในตอนท้ายได้ !
ความแข็งแกร่งของวิชาสนับสนุนและโจมตีของศิลปะแห่งดวงดาวนั้นทรงพลังอย่างมาก นอกจากนี้ค่ายกลแห่งดวงดาวเองก็เป็นสุดยอดเทคนิคในการสังหาร !
ศิลปะแห่งดวงดาวนั้นเป่ยเฟิงต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจแล้วตำลองรูปแบบซ้ำไปซ้ำมาลงในพระราชวังแห่งดวงดาว โชคดีที่เขามีดวงวิญญาณที่ทรงพลังทำให้เขาสามารถเข้าใจมันได้เร็วขึ้น ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเข้าใจความลึกลับของวิชาศิลปะแห่งดวงดาวได้มากแค่ไหน
การก่อตัวของดวงดาวไม่จำเป็นต้องประทับมันลงบนดวงดาว การก่อตัวของดวงดาวนั้นต้องอาศัยพลังงานดวงดาวจำนวนมากเพื่อจับคู่กัน ยิ่งระดับสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้พลังและรูปแบบที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
“สิ่งที่ยากที่สุดในการก่อตัวของดวงดาวคือการรับความสอดคล้องของพลังงานดวงดาวเข้ากับการก่อตัวของดวงดาว แต่หลังจากที่ก่อตัวได้แล้วแม้แต่ราชาพันปีก็ต้องคุกเข่าต่อหน้ามัน” นี้คือสิ่งที่ทำให้เป่ยเฟิงมีความสุขมาก
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะตื่นเต้นเกินไป เพราะพลังนี้มันทำให้เขาสามารถฆ่าศัตรูที่มีพลังมากกว่าเขาได้ !
เวลาผ่านไปช้า ๆ แสงดาวจำนวนมากหมุนรอบปลายนิ้วของเป่ยเฟิงอย่างอ่อนโยน
นี่คือศิลปะวงแหวนดาว มันเป็นทักษะที่ใช้ลดความเร็วของศัตรูที่เป่ยเฟิงเพิ่งเข้าใจมัน เขายังไม่ค่อยคุ้นเคยกับมันนักทำให้ต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันเพื่อทำความเข้าใจ นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ดีถึงความสามารถในการทำความเข้าใจของเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น หลี่ปิงและหลี่ยู่เองก็พัฒนาขึ้นมาก เลือดและฉีที่ทรงพลังของทั้งคู่กระจายออกมาจากร่างกว้างกว่า 100 เมตรได้
สัตว์อสูรที่เหมือนหมีที่มีขนหนาสีน้ำตาลทองวางอยู่บนหลุมที่ส่งกลิ่นหอมของบาร์บีคิวออกมา เครื่องปรุงและส่วนผสมหลายอย่างถูกเทลงบนเนื้อหมีเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ยังมีน้ำผึ้งจากสัตว์อสูรผึ้งถูกทาไปหลายครั้ง
เป่ยเฟิงเลียริมฝีปากหลังจากได้ชิมเนื้อของมัน เนื้อของมันมีประโยชน์กับมนุษย์อย่างมาก ในไม่ช้าผู้คุ้มกันของเขาก็เริ่มลงมือบ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน แรงกดดันของหลี่ปิงและหลี่ยู่ก็ค่อย ๆ หายไป ดูเหมือนว่าพวกเธอจะพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์ไม่มีปัญหา
การกลั่นฉีจากแก่นแท้ของฉีมันช่วยทำให้คน ๆ นั้นพัฒนาขีดจำกีดของตัวเองได้ ยิ่งกลั่นฉีเข้าไปในเลือดได้มากเท่าไหร่ ความต้องการของสารอาหารที่อยู่ในร่างเองก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
หากพวกเธอไม่เติมเต็มพลังงานให้เพียงพอมันจะทำให้พลังที่เพิ่มขึ้นมาเมื่อครู่หดหายลงไป ดังนั้นทั้ง 2 จึงกินอย่างมูมมามโดยไม่สนใบหน้าของตัวเอง ส่วนแรงกดดันของทั้งคู่ก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
นี่คือเหตุผลว่าทำไมทุกครั้งที่ผู้ฝึกตนตัดผ่านระดับได้ถึงหิวโหย นั้นก็เพราะเพื่อที่พวกเขาจะพัฒนาได้เร็วยิ่งขึ้น
เมื่อใครก็ตามตัดผ่านระดับได้ นั้นหมายถึงคน ๆ นั้นดึงพลังงานทั้งหมดในร่างออกมา แต่เดิมแล้วในร่างกายของพวกเขาก็มีพลังงานไม่เพียงพอนัก และเมื่อถูกดึงพลังงานออกไปจำนวนมากพวกเขาก็ต้องการพลังงานมาเติมเต็มและพัฒนาตัวเองด้วย
“พวกเธอใช้ประโยชน์ได้ดีมากในการใช้โชคร้ายที่เผชิญมาในการตัดผ่านระดับไปยังขั้นสี่ของร้อยปี แต่ทว่าพวกเธอยังอ่อนแอเกินไป ดูเหมือนว่าข้าคงต้องมอบเเคล็ดการฝึกฝนบางอย่างให้ หลังจากนี้พลังระดับร้อยปีจะไม่ใช้ขีดจำกัดของพวกเธออีกต่อไป !” เป่ยเฟิงพูดเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคำพูดของเป่ยเฟิง ดวงตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความอิจฉา ส่วนหลี่ปิงและหลี่ยู่เองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นในอนาคตของตัวเอง
ผู้ที่อ่อนแอส่วนใหญ่จะฝึกฝนเคล็ดการฝึกฝนตามท้องตลาดที่มีราคาถูกทำให้มันมีจุดขีดจำกัดอยู่ แตกต่างจากชนชั้นสูงและตระกูลชั้นสูงที่มีเคล็ดการฝึกฝนระดับสูงอยู่
คนทั่วไปส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสได้ไปถึงราชาพันปี มูลค่าของเคล็ดการฝึกฝนเองก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้สมบูรณ์เช่นกัน
“เราขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อท่านหัวหน้าตระกูล !” นอกจากทั้ง 2 แล้วหลี่ปู้และคนอื่น ๆ ก็คุกเข่าลงพร้อมกับดวงตาที่ร้อนแรงด้วยความลุ่มหลง
“ลุกขึ้น !” เป่ยเฟิงพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรมาก ยิ่งฝ่ายเขาแข็งแกร่งมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้น ทรัพยากรใด ๆ ที่เขาต้องการจะถูกส่งมอบให้กับเขาหากผู้ติดตามของเขาแข็งแกร่งมากพอ
แสงจันทร์ทอดลงมาบนพื้นดิน ป่าทืบแห่งนี้ได้รับแสงจันทร์เพียงเล็กน้อย มีเสียงคำรามของสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในป่า
“แค่ก แค่ก !”
เสียงไอดังเบา ๆ จากความคิด
หลี่ปู้เดินไปข้างหน้าเพื่อตรวจสอบ จากนั้นเขาก็เทน้ำอุ่นผสมยาลงไปในปากของลี่เหว่ย
“แค่ก แค่ก ข้า … ข้ายังไม่ตาย ?” ลี่เหว่ยลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
เป่ยเฟิงเดินไปหาลี่เหว่ยช้า ๆ และพูดขึ้น “เจ้ายังไม่ตาย แต่ชีวิตของเจ้ามาพร้อมกับราคาเช่นกัน”
“กระต่ายนักเลงพวกนั้นอยู่ดี ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสนามรบ จะมีซักกี่คนกันที่โชคดีไม่รู้ว่ามีอะไรรอพวกเขาอยู่ ?”
ลี่เหว่ยยิ้มเบา ๆ หน้าอกของเขาขยับเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเขาก็ทำให้เขาอ่อนล้าและเจ็บปวดอย่างมาก
“ข้าสงสัยบางอย่าง ถ้าไม่มีปัญหา เจ้าตอบบางอย่างให้ข้ารู้ได้หรือเปล่า ?” เป่ยเฟิงสงสัยมาก อะไรเป็นสาเหตุทำให้สัตว์อสูรที่อ่อนแอถึงเติบโตได้ในพริบตา ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่ารู้ไปก็ไม่ได้อะไร แต่อย่างน้อยก็รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้
“แค่ก แค่ก รู้หรือเปล่าว่าไผ่จักรพรรดิสวรรค์คืออะไร ?” ลี่เหว่ยถาม
“ซู๊ด !” ใบหน้าของเป่ยเฟิงเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของลี่เหว่ย แม้แต่หลี่ปู้เองก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
“แค่ก แค่ก เหมือนเจ้าจะรู้อยู่แล้ว ฮ่าฮ่า ! หากคนจากโลกภายนอกรู้ว่าสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาในครั้งนี้คือไผ่จักรพรรดิสวรรค์ ข้าละอยากรู้จริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางทีแม้แต่ระดับราชาพันปีก็ต้านทานมันไม่ได้เช่นกัน !”
ลีเหว่ยไอและหัวเราะออกมาในเวลาเดียวกัน
เป่ยเฟิงสงบจิตใจและถามต่อ “นอกจากเจ้าแล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีก ?”
ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้เขาต้องกังวลล มันคือไผ่จักรพรรดิสวรรค์ ! ครั้งสุดท้ายที่มันปรากฏคือเมื่อหนึ่งพันปีก่อน !
ในเวลานั้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ 9 ต้นได้ปรากฏตัวขึ้นในสามนิกายและอีกหนึ่งตระกูล ก่อนหน้านี้ทั้งสามนิกายและหนึ่งตระกูลมีพลังขั้นกลางเท่านั้น แต่วันนี้พวกเขาเป็นมหาอำนาจที่มีพลังเทียบเท่าเจ็ดนิกายและ 5 กลุ่มพันธมิตรนักสู้ !
มันเต็มไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ พวกเขามีหอเชื่อมสวรรค์ของตัวเอง นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับราชาพันปีของพวกเขาก็มีไม่น้อย !
ร้อยละ 80 ของความสำเร็จของพวกเขาที่สามารถแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วนั้นเป็นเพราะไผ่จักรพรรดิสวรรค์ !
ไผ่จักรพรรดิสวรรค์ใช้เวลา 3,000 ปีในการปลูก ใช้เวลาอีก 3,000 ปีในการงอกจากพื้น ใช้เวลาอีก 3,000 ปีในการเติบโตเป็นไม้ไผ่และใช้เวลาอีก 9,000 ปีเพื่อเกิดผล จากนั้นก็ใช้เวลาอีก 9,000 ปีเพื่อที่ผลจะสุก !
นับตั้งแต่ปลูกจนเติบโตออกผล มันต้องใช้เวลาทั้งหมด 27,000 ปี !