Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 511
ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ต้องใช้เวลา 27,000 ปีกว่าจะเติบโตเต็มที่และออกผล ระยะเวลาเพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งและบางทีก็เปลี่ยนจากทะเลให้กลายเป็นทะเลทรายได้ !
มีไม่กี่คนที่สามารถรอจนต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ออกผล ถึงอย่างนั้นต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ก็ยังเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างมาก
แต่ถึงมันจะมีผลมหัศจรรย์ที่ล้ำค่า แต่ทว่าแต่ละครั้งที่มันออกผลนั้นมากแค่ไหนกัน ?
เหตุผลที่ว่าทำไมต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ถึงติดอันดับหนึ่งในสิบของสุดยอดสมุนไพรจิตวิญญาณบนดาวเทียนมู่นั่นก็เพราะการเติบโตทุกขั้นของมันจะดูดซับพลังงานระดับสูงยิ่งขึ้น !
หากวัดคุณภาพพลังงานทั้งหมดบนดาวเทียนมู่เป็นอันดับหนึ่ง คุณภาพพลังงานที่อยู่ในต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์เองก็อยู่ที่ลำดับ 10 !
นอกจากนี้ทุกขั้นที่มันเติบโต มันจะทำให้พลังงานที่อยู่ภายในของมันเพิ่มสูงขึ้นอีก 10 เท่า !
พลังงานที่บรรจุภายในเมื่อโตเต็มที่นั้นจะมีคุณภาพสูงจนน่าประหลาดใจ มันมีประโยชน์อย่างมากโดยเฉพาะกับผู้ที่มีพลังขั้นราชาพันปี !
ในที่สุดเป่ยเฟิงก็เข้าใจว่าทำไมสัตว์อสูรระดับต่ำที่อ่อนแอถึงเติบโตได้เร็วขนาดนี้ ! มันเหมือนกับว่าหมูธรรมดาที่วิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรที่มีอำนาจล้นฟ้าเนื่องจากมันอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยพลังงานชั้นสูง !
“ข้าไม่รู้ว่ามีกี่คนที่รู้เรื่องนี้ แต่นอกเหนือจากพวกเราแล้ว ผู้หญิงจากอีกกลุ่มนั่นก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน”
ใบหน้าของลี่เหว่ยยิ้มจาง ๆ เขาคิดถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดและเต็มไปด้วยทะเลศพ เลือดไหลรวมกันราวกับเป็นแม่น้ำ มันทำให้คนที่มองรู้สึกอึ้ง …
“ปัง !”
เป่ยเฟิงยกขาขึ้นแล้วง้างจนสุด จากนั้นเขาก็กระแทกเท้าเข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้น !
เท้าของเขากระทืบเข้ากับหัวจนทำให้หัวแตกเหมือนแตงโม อวัยวะต่าง ๆ ในร่างของเขาไหลออกไปตามร่างกาย ลี่เหว่ยตายโดยไม่รู้ว่าเพราะอะไร
“ไม่สำคัญหรอกว่าแกพูดจริงหรือแค่อยากยื้อชีวิตเอาไว้ แต่ในเมื่อไม่ใช่แกคนเดียวที่รู้เรื่องนี้งั้นแกคิดว่าจะมีชีวิตรอดต่อไปได้งั้นหรอ ?”
เป่ยเฟิงยกเท้าที่ไม่มีเลือดติดเลยขึ้นมา พร้อมกับหัวเราะหยามหยัน จากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไป
เมื่อคิดถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เขาก็อดที่จะส่ายหัวไม่ได้ ‘ดูเหมือนว่าปัญหานี้จะแก้ได้ลำบาก’
‘ข้าละอยากรู้จริง ๆ ว่าต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ตอนนี้มันอยู่ขั้นไหนแล้ว … แต่ขั้นไหนก็ไม่สำคัญหากข่าวนี้มันถูกแพร่กระจายไปโลกภายนอก’
ใบหน้าของเป่ยเฟิงยับยู่ยี่ เมื่อคิดเรื่องไผ่จักรพรรดิสวรรค์ดี ๆ แล้ว ดูเหมือนต้องมีคนรู้เรื่องนี้หลายคนอยู่ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือออกไปจากที่นี่
ตระกูลใหญ่ทั้งหลายจะไม่นิ่งเฉยแน่นอน พวกเขาจะเริ่มต่อสู้กับพวกสัตว์อสูรในหอคอยเชื่อมสวรรค์เพื่อต้นไผ่แน่นอน ในการต่อสู้นั้นผู้ฝึกตนขั้นร้อยปีแทบไม่ต่างอะไรกับอาหารของพวกสัตว์อสูร
เป่ยเฟิงตกอยู่ในความเงียบที่ยากจะตัดสินใจ หลี่ปู้เองก็ตกใจด้วยเช่นกัน เขาไม่คิดเลยว่าไผ่จักรพรรดิสวรรค์จะปรากฏขึ้นมาในที่แห่งนี้ !
“สู้ ! ข้าถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว !’
เป่ยเฟิงตัดสินใจแน่วแน่ ทุกคนที่นี่ไม่ใช่คนโง่ มีคนไม่มากนักที่จะไม่หลงไหลไปกับการเจอต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ ส่วนตัวเลือกที่ว่าขายข้อมูลโดยไม่พยายามตามหามันก่อนนะหรือ ? เป่ยเฟิงไม่เชื่อว่าจะมีใครทำอย่างนั้น !
หากเขาได้ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์มาอยู่ในมือ เขาก็จะมีรากฐานในการสร้างผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก !
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ กลุ่มผู้ฝึกตนหลายคนตัดสินใจได้แล้ว ไม่มีใครเต็มใจที่จะปล่อยมือจากต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์ให้ไปอยู่ในมือของคนอื่น
ก่อนวันรุ่งขึ้น เป่ยเฟิงส่งหลี่ปู้ออกไปรวบรวมข่าวก่อน เขาไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปในอาณาเขตของพวกกระต่ายนักเลง เคยมีคำพูดที่ว่านักล่าจะยิงนกตัวแรกที่ยื่นหัวออกมา เป่ยเฟิงไม่เต็มใจที่จะเป็นนกตัวนั้น !
“เราจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อม ไม่ใช่เพียงแค่เอาต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์มาไว้ในมือเท่านั้น เราต้องปิดปากทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมันด้วย !”
เป่ยเฟิงตัดสินใจโดยไม่ลังเล เขารู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิดแบบนี้ คนอื่น ๆ ต้องคิดแบบนี้ด้วยเช่นกัน
หากเขาไม่เตรียมตัวให้พร้อม ถึงแม้จะได้ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์มาอยู่ในมือแต่มันก็อาจถูกคนอื่นปล้นชิงไปได้ทันทีที่ออกจากหอคอยเชื่อมสวรรค์ ผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังจำนวนนับไม่ถ้วนจะรุมเข้ามาหาเขาทันทีเหากรู้ว่าต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์อยู่ในมือเขา
‘หากอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจริง ๆ ทางเดียวที่ข้าทำได้นั้นก็คือใช้ค่ายกลโจมตีแห่งดวงดาว’
เป่ยเฟิงขมวดคิ้ว ถึงเขาจะตัองการใช้ค่ายกลแต่ตอนนี้เขายังขาดหินดวงดาว
หินดวงดาวเป็นวัตถุดิบหลักในการตั้งค่ายกล มันไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนมันได้เลย นอกจากนี้หินดวงดาวหายากมากเพราะมันไม่เหมือนอุกกาบาตที่หล่นลงมาจากฟ้า
หินดวงดาวมันคือหินที่เกิดจากการรวมกันของนิวเครียสของดวงดาวเข้ากับหลิงฉีของสวรรค์และโลก จากนั้นก็จุดระเบิดกลายเป็นหินดวงดาวซึ้งมันหาได้ยากมาก
การหาหินดวงดาวในเวลาสั้น ๆ มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเป่ยเฟิง
3 วันต่อมา ตอนนี้พวกเขาใจเย็นขึ้นมาก ในตอนที่หลี่ปู้ไปสังเกตพวกกระต่ายก็ไม่ได้มีท่าทีแปลก ๆ อย่างใดราวกับมีเพียงเป่ยเฟิงที่รู้เกี่ยวกับไผ่จักรพรรดิสวรรค์
อย่างไรก็ตามเป่ยเฟิงสัมผัสได้ถึงกระแสพลังงานที่เชี่ยวกราก ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเป่ยเฟิงทำความคุ้นเคยกับค่ายกลโจมตีดวงดาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังทำความเข้าใจศิลปะแห่งดวงดาวอย่างอื่น ๆ ได้ดีขึ้นเช่นกัน
แม้ว่าเขายังไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญ แต่เขาก็สามารถใช้ศิลปะแห่งดวงดาวเพื่อเอาชัยชนะมาให้เขาได้ !
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะเร็วกว่าเขาเล็กน้อย แต่หากเขาใช้ศิลปะแห่งดวงดาวเพิ่มความเร็วให้ตัวเองและใช้วงแหวนดวงดาวลดความเร็วของคู่ต่อสู้ มันก็จะทำให้เขาเร็วกว่ามาก !
อย่างที่เคยกล่าวเอาไว้ ไม่มีทักษะหรือวิชาใด ๆ คือขยะ มีแต่คนใช้เท่านั้นที่เป็นขยะ !
ทันใดนั้นร่างของหลี่ปู้ก็ปรากฏในถ้ำ เขารายงานด้วยความเคารพ “ท่านหัวหน้าตระกูล มีการเคลื่อนไหวบางอย่าง มี 4 ทีมเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้”
“พวกเขามีกี่คน ?”
ใบหน้าของเป่ยเฟิงยังคงสงบ เห็นได้ชัดว่าทั้ง 4 ทีมนั้นทนไม่ไหวหลังจากได้ยินข่าวไผ่จักรพรรดิสวรรค์ นอกจากนี้มันยังมีอีกหลายคนที่อยู่ในเงามืดรอคอยเป็นขมิ้นจ้องมองตั้กแตน
“พวกเขามีอย่างน้อยหนึ่งพันคน ส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ของร้อยปี กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดมีอย่างน้อย 500 คน ทั้ง 4 กลุ่มกระจายกันออกไป 4 ทิศและเริ่มไล่ล่าพวกกระต่ายนักเลง”
ใบหน้าของหลี่ปู้เคร่งขรึมในขณะรายงานเรื่องนี้ ความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้มันมากเกินไป มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเป็นขมิ้นได้
บนยอดเขาสูงหลายร้อยกิโลเมตรจากรังกระต่ายนักเลง มีกลุ่มคนสวมชุดดำกำลังสำรวจสถานการณ์อย่างสงบ แขนเสื้อของพวกเขากระพือเบา ๆ ไปตามสายลม
กลุ่มคนหนึ่งร้อยคนปลดปล่องแรงกดดันที่น่ากลัวราวกับกองทัพที่แข็งแกร่งหนึ่งพัน ไม่สิ หนึ่งแสนคนออกมา หากใครที่กำลังหลับตาอยู่จะรู้สึกได้ถึงสิ่งเดียวจากพวกเขานั้นก็คือความหวาดกลัว ! มันราวกับคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอสุราที่ออกมาจากขุมนรก !
“นายน้อย พวกเราจะไม่ไปร่วมด้วยงั้นหรือ ?” ชายชุดดำคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงแหบห้าวในขณะคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเด็กหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีฟ้า
“หึ พวกมันก็แค่ตัวตลกที่กำลังเรียกร้องความสนใจเท่านั้น รอให้พวกมันเจอไผ่จักรพรรดิสวรรค์ก่อนแล้วพวกเราค่อยเคลื่อนไหวทีหลังก็ยังได้ ข้าเอาเวลาที่พวกมันค้นหาอยู่นั้นมาเดินเล่นสบาย ๆ ดีกว่า”
ชุยหยุนเทียนมองกลุ่มที่สู้กับกระต่ายนักเลงด้วยท่าทางเหยียดหยาม
“ปล่อยให้พวกมันจัดการเส้นทางให้พวกเรา เหล็กที่ดีต้องเก็บเอาไว้สร้างใบมีด เรารอให้พวกใจร้อนนั้นลงมือก่อนแล้วเราค่อยลงมือทีหลัง”
ชุยหยุนเทียนกล่าวสบาย ๆ
บริเวณรอบ ๆ แถวนี้ได้กลายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่คนธรรมดาจะอยู่ห่างจาก “น้ำ” ให้มากที่สุด ไม่ใช่เพียงแค่เป่ยเฟิงและชุยหยุนเทียนเท่านั้นที่รอตกปลาในสระน้ำที่มืดมนนี้ มีกลุ่มอื่น ๆ ที่รอคอยอย่างอดทนด้วยเช่นกัน
ทั้ง 4 กลุ่มราวกับดาบที่ทรงพลัง พวกเขาไล่ล่าพวกกระต่ายนักเลงไม่หยุดหย่อน ทุก ๆ วินาทีจะมีกระต่ายนักเลงจำนวนมากล้มตายลงไป
สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดคือคนที่ถูกผลักลงไปโดยกระต่ายนักเลงจะถูกพวกมันข่มขืนตรงนั้นทันที ฉากนี้มันน่าหวาดกลัวจนคนที่มองเห็นต้องสั่นสะท้านและหลั่งน้ำตาออกมาเงียบ ๆ
ใครก็ตามที่มองเห็นฉากผู้ฝึกตนเพียงคนเดียวถูกลุมล้อมไปด้วยกระต่ายนักเลงหลายตัวนั้น … พวกเขาจะต้องขมิบดอกเบญจมาศของพวกเขาโดยไม่รู้ตัว
“บัดซบ ! ไผ่จักรพรรดิสวรรค์ถูกปล้นไปได้ แต่พวกกระต่ายนักเลงพวกนี้ต้องตาย !”
ตอนแรกกระต่ายนักเลงไม่ใช่สิ่งที่จะคุกคามผู้ฝึกตนได้ มีเพียงผู้ที่อ่อนแอกว่าขั้นหนึ่งของร้อยปีเท่านั้นที่จะถูกมันจัดการ แต่ตอนนี้พวกมันกลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นสี่ของร้อยปีก็ไม่สามารถเอาตัวรอดได้
กระต่ายนักเลงเหล่านี้เป็นเหมือนมะเร็งในภูเขาร้อยทำลาย ผู้ฝึกตนรีบฆ่าพวกมันด้วยความโกรธ
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ข่าวของไผ่จักรพรรดิสวรรค์ คนส่วนใหญ่มาที่นี่โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสู้เพื่ออะไร
กระต่ายนักเลงล้มลงตัวแล้วตัวเล่า แม้ว่าพวกมันจะได้เปรียบเรื่องจำนวน แต่ความแข็งแกร่งของพวกมันเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป มันจึงไม่สามารถใช้ความสามารถอออกมาได้อย่างเต็มที่
กับมนุษย์ที่รวมตัวกันเป็นค่ายกลแล้ว กระต่ายค่อย ๆ เสียเปรียบเรื่อย ๆ
ทุกคนต่อสู้ด้วยความสามารถทั้งหมด กระต่ายนักเลงเหล่านี้น่ากลัวเกินไป ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคนโชคร้ายที่ถูกมันขี่ ไฟแห่งความโกรธก็ลุกในใจพวกเขาเพราะพวกเขากลัวว่าคนต่อไปที่จะโดนแบบนั้นคือพวกเขา ! การโจมตีทุกครั้งของพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร มันไม่มีความเมตตาใด ๆ แม้แต่น้อย !
“แซ่ก แซ่ก !”
เสียงบางอย่างดังขึ้นจากนั้นสนามรบทั้งหมดก็เงียบลงในทันที
“บูม !”
กระต่ายนักเลงสูงกว่า 5 เมตกระโดดเข้าไปในสนามรบ ดวงตาของพวกมันโหดร้ายและแท่งที่อยู่หว่างขาของพวกมันก็แกว่งไปมา ร่างของพวกมันเต็มไปด้วยมัดกล้ามและแรงกดดันของมันก็น่ากลัวมาก
“นี้มันเรื่องตลกแบบไหนกัน ! กระต่ายนักเลงทุกตัวมีพลังขั้นสูงสุดของร้อยปี !”
กลุ่มผู้ฝึกตนจ้องมองพวกมันด้วยความตกใจ แม้ว่ายังไม่ทันได้สู้แต่หัวใจของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นี่มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ดีเลย ถ้าเราสู้แล้วชนะก็ดีไป แต่ถ้าพวกเราแพ้ละก็ …” ผู้ฝึกตนคนหนึ่งพึมพำพร้อมกับเหงื่อที่ไหลลงมาที่คอของเขา
มองไปที่ระหว่างขานั้น ทั้งความใหญ่และยาวแล้วนำมาเทียบกับของพวกเขาเอง ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว
เห็นได้ชัดว่าทุกคนเข้าใจคำพูดของเขา หนังหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความด้านชาและระหว่างขาของพวกเขาก็ขมิบเล็กน้อย
“ฆ่า ! แกนของสัตว์อสูรขั้นสี่ของร้อยปีมันจะเป็นรางวัลของทุกคนที่ฆ่ากระต่ายนักเลงได้ !”
หัวหน้ากลุ่มของทั้ง 4 กลุ่มรู้สึกย่ำแย่มาก หากพวกเขาไม่ทำอะไรซักอย่างและสุดท้ายจบลงด้วยการพ่ายแพ้จากนั้นพวกเขาก็จะถูกกระต่ายข่มขืน … พวกเขาอยากจะแขวนคอตัวเองตายมากกว่า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ลังเลที่จะเพิ่มรางวัล !
“แกนของสัตว์อสูรขั้นสี่ !”
“หัวหน้าช่างมีน้ำใจนัก !”
“ฆ่า ! แกนสัตว์อสูรขั้นสี่ของร้อยปีมันคือรางวัลชั้นยอดที่ได้จากเจ้าพวกกระต่ายหน้าโง่พวกนี้ ฆ่ามันเพื่อเอารางวัลมา !”
ทุกคนหอบเหมือนวัวที่กำลังบ้าคลั่ง พวกเขาเหวี่ยงอาวุธไปมาด้วยความหึกเหิม
แรงจูงใจนี้ทำให้ทุกคนที่กำลังลังเลและกำลังถอยก่อนหน้านี้เปลี่ยนไป อย่างน้อยก็มีคนอยู่ที่นี่จำนวนมาก คนที่โชคร้ายนั้นจะต้องไม่เป็นเขาแน่นอน
แสงดาบและทักษะ วิชาจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมา
น่าเสียดายที่ความจริงแล้วคนเหล่านี้มัน … เป็นคนที่โชคร้าย ! ทันทีที่กลุ่มผู้ฝึกตนปะทะเข้ากับพวกกระต่าย พวกเขาก็พ่ายแพ้ทันที !
พลังของกระต่ายนักเลงมาถึงขั้นสูงสุดของร้อยปีแล้ว กล้ามเนื้อของพวกมันแข็งแกร่งจนสามารถจัดการผู้ฝึกตนเหล่านี้ได้สบาย ๆ
พวกมันเพียงแค่โจมตีออกไปไม่กี่ครั้ง จากนั้นก็ต่อยออกไปสบาย ๆ แล้วทุบหนึ่งในนั้นลงกับพื้นแล้วลากไปด้านข้างเพื่อรับความเพลิดเพลิน
มีผู้ฝึกตนจำนวนมากมีพลังขั้นสูงสุดของขั้นสี่ แต่ทว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของพวกกระต่ายนักเลงได้
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้ถูกลากออกไป ใบหน้าของทุกคนก็ซีดลงทันที พวกเขาจะต่อสู้กับพวกมันได้ยังไงกัน !
ทั้ง 4 กลุ่มรีบถอยหลังออกไปโดยทิ้งคนหลายร้อยคนที่กำลังทรมานอยู่บนพื้น
“น้องข้า ไม่ใช่ว่าพี่ใหญ่ไม่อยากช่วยเจ้า แต่ว่ามันเกินความสามารถของข้า !”
“กระต่ายนักเลงพวกนี้มันต้องตาย !”
“ถ้าข้ามีชีวิตรอดไปได้ ข้าสัญญาว่าจะฆ่ากระต่ายนักเลงพวกนี้จนกว่าพวกมันจะสูญพันธุ์ !”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ฝึกตนหลายคนรู้สึกว่าความตายคือสิ่งที่ดีและเรียบง่าย พี่น้องของพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่เลวร้ายกว่าความตายนั่นก็คือการถูกทรมานแบบนั้น !
เป่ยเฟิงฟังอยู่เงียบ ๆ จากระยะไกล เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจำนวนมาก ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวและซีดลงเล็กน้อย กระต่ายนักเลงพวกนี้มันทำให้เขานึกถึงพุดเดิ้ลตัวผู้ที่เป็นบ้าบนโลกใบเดิม !
“ถ้าเปลี่ยนพุดเดิ้ลเป็นสัตว์อสูรพวกนี้ ข้าแน่ใจเลยว่าคนพวกนี้จะต้องเข้าใจคำว่าสิ้นหวังอย่างแท้จริง” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง
เพียงแค่นึกภาพมันก็ทำให้เขาต้องสั่นเล็กน้อยแล้ว