Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 513
ใบหน้าของเป่ยเฟิงเปลี่ยนไปและเขาก็ขมวดคิ้วแน่นในขณะที่ได้ยินเสียงฆ่ากันจากระยะไกล
‘ดูเหมือนมีคนบางกลุ่มเข้ามายุ่งสินะ ? แต่อีกฝ่ายถึงกับมีความมั่นใจมากเลยว่าสามารถฆ่าพวกกระต่ายนักเลงทั้งหมดได้ด้วยตัวเองได้งั้นรึ ?’
เป่ยเฟิงไม่เข้าใจว่าคนเหล่านี้คิดอะไรอยู่ คนหลายร้อยคนในค่ายนั้นส่วนใหญ่มีพลังขั้นสี่ของร้อยปี นอกจากนี้พวกเขายังเป็นหมากตัวสำคัญที่ใช้ในการฆ่าพวกกระต่ายนักเลง แต่ตอนนี้กลับมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่พอใจพวกเขาเลยฆ่าทิ้งทั้งหมดงั้นหรอ ? พวกเขาลืมไปหรือเปล่าว่าคนพวกนี้ยังเป็นอิสระและเหมาะที่จะเอามาใช้ฆ่าพวกกระต่ายนักเลงที่สุด ก่อนที่พวกกระต่ายนักเลงจะถูกฆ่าจนหมดทำไมพวกเขาถึงพยายามฆ่ากันแล้ว นี้มันไม่เร็วไปหน่อยหรือยังไงกัน ?
“การฆ่าคนพวกนี้ทั้งหมดมันทำให้หลาย ๆ เปลี่ยนไปเยอะจริง ๆ …”
จริงอยู่ที่เขาไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยการที่คนหลายร้อยคนถูกฆ่าไปทั้งหมดมันก็ทำให้ปัญหาการตกปลาในแม่น้ำของเขาลดลงไปมาก
ไม่เพียงแค่เป่ยเฟิงเท่านั้น กลุ่ม “นกกระจอก” กลุ่มอื่น ๆ เองก็ได้แต่สบถในใจ คนเหล่านี้ไม่สนว่าใครจะเป็นผู้ชนะพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเอามาเป็นของตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะไม่มีซุปให้ดื่มในตอนสุดท้ายของวัน
มี “นกกระจอก” จำนวนมากกำลังซ่อนตัวอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่รู้สึกได้ถึงความประหลาดของเหตุการณ์นี้จึงมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าสมบัติที่มาตามหานั้นคืออะไร มีเพียงคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่มาที่นี่เพราะรู้ว่าสมบัติอะไรรอพวกเขาอยู่
ค่ำคืนผ่านไป เป่ยเฟิงตื่นขึ้นมาช้า ๆ แล้วยืดตัวก่อนจะตะโกนขึ้น “หลี่ปู้”
“ข้าน้อยมาแล้วขอรับ !” เสียงของหลี่ปู้ดังออกมาจากระยะไกล
เป่ยเฟิงคิดอยู่สักพักและพูดขึ้น “พาคนอื่น ๆ ออกไปจากที่นี่ซะ การต่อสู้ใกล้จะเริ่มแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะมีส่วนร่วมด้วยได้”
ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงหลี่ปู้ที่แข็งแกร่งเล็กน้อย ที่เหลือนั้นอ่อนแอเกินไป พวกเขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติการเป็นอาหารของพวกสัตว์อสูรชั้นสูง
“ท่านหัวหน้าตระกูล !” หลี่ปู้เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ความแข็งแกร่งของพวกเจ้ามันอ่อนแอเกินไป” เป่ยเฟิงส่ายหัว
นี่คือผู้เชี่ยวชาญกลุ่มเดียวที่เขามี มันจะมีปัญหาหากเขามาสูญเสียพวกเขาไปในที่แห่งนี้
“ท่านหัวหน้าตระกูล มันอันตรายเกินไป ให้ข้าน้อยอยู่เคียงข้างท่านเถอะ ! ให้หลี่ปิงและคนอื่น ๆ หนีไปส่วนข้าจะขออยู่ที่นี่กับท่าน !” หลี่ปู้กล่าวอย่างมั่นคง
เป่ยเฟิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปาก “นั่นก็ได้ เอาแบบนั้นแล้วกัน”
“ครับท่าน !”
หลี่ปู้พยักหน้าและออกไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านหัวหน้าตระกูลบอกอะไรมา” หลี่ปิงเดินมาหาหลี่ปู้ทันทีที่เห็นเขาวิ่งเข้ามา
“ข้าจะอยู่ที่นี่ หลี่ปิงและคนอื่น ๆ ออกไปจากที่นี่ซะ” หลี่ปู้ออกคำสั่งโดยไม่รีรอ
“ข้าต้องการอยู่ที่นี่ด้วย !”
“ใช่ พวกเราต้องการติดตามท่านหัวหน้าตระกูล แม้ว่าจะเป็นหนทางสู่ความตายก็ตาม !”
พวกเขารีบคัดค้านทันที พวกเขาเต็มไปด้วยความกล้าหาญและไม่กลัวตาย
หลี่ปิงไม่ได้พูดอะไร แต่เธอจับดาบในมือของเธอไว้แน่น
เมื่อได้ยินเสียงคัดค้านของทุกคน หลี่ปู้ขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชา “ฮึ่ม ! พวกแกทุกคนอ่อนแอเกินไป ! เขาก็แค่ขอให้พวกแกออกไปเท่านั้น ! มันไม่เป็นไรหากพวกแกตาย แต่พวกแกต้องการลากท่านหัวหน้าตระกูลไปด้วยงั้นรึ ?”
“บูม !”
เหมือนฟ้าร้องในวันที่อากาศแจ่มใส เสียงดังเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้นในหัวของคนที่ไม่พอใจทุกคน
‘มันคือความจริง หากไม่ใช่เพราะเราอ่อนแอเกินไปมันจะมีสถานที่แบบใดกันที่เราไม่สามารถติดตามท่านหัวหน้าตระกูลไปได้ ?’
คนอื่น ๆ ก้มหัวลงทันที หัวหน้าของพวกเขาพูดถูกแล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หากพวกเขาตาย แต่เป็นไปได้ไหมว่าท่านหัวหน้าตระกูลจะปกป้องพวกเขาแทนแล้วตายเอง ?
“พวกแกกลับไปแล้วฝึกฝนให้หนักกว่าเดิมซะ ! เมื่อข้าและท่านหัวหน้าตระกูลกลับไปคงหวังว่าจะได้เห็นทุกคนมีพลังขั้นสี่ของร้อยปี !” หลี่ปู้พูดต่อ เขาไม่รอฟังคำพูดของใคร เขาหันหลังและเดินจากไปทันที
ข้างในป่าที่ตั้งของค่าย แต่เดิมมีคนหลายร้อยคนอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้พื้นที่รอบ ๆ มันเต็มไปด้วยฉากรกร้างและหลุมขนาดใหญ่ ต้นไม้แตกหักและร่องรอยการต่อสู้จำนวนมาก สัตว์อสูรขั้นสองของร้อยปีที่ถูกนำมาด้วยก็ถูกฆ่าหมด
เงาจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบ ๆ ค่าย เงาเหล่านี้เหมือนมนุษย์ แต่พวกเขามีพลังที่แตกต่างกัน พวกเขาทำเพียงยืนนิ่ง ๆ และไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ
“ท่านหัวหน้าตระกูล ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะพ่ายแพ้ไปแล้ว” ใบหน้าของหลี่ปู้ซีดขาว แต่เดิมค่ายแห่งนี้มีคนกว่า 500 คน อา ! สุดท้ายลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาก็ถูกทิ้งเอาไว้เมื่อคืน
“อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก แต่ว่าด้วยชัยชนะครั้งนี้มันคือการใช้พลังทั้งหมดของพวกเขาจริง ๆ หรือเปล่า ?” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเองในขณะมองไปยังร่างที่บิดเบี้ยวบนพื้น ไม่ว่าจะมองยังไงพวกเขาก็ดูไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไป
มนุษย์ทั้งกลุ่มหายตัวไปราวกับพวกเขาไม่เคยอยู่ที่นั่นมาก่อน
“คิก คิก มีหนูเยอะจริง ๆ เดียวค่อยจัดการพวกมันทั้งหมดในทีเดียวละกัน คืนนี้พวกเราจะจัดการพวกกระต่ายนักเลงซะ !” ชุยหยุนเทียนยิ้มในขณะมองค่ายที่รกร้าง
กลุ่มชายชุดดำด้านหลังชุยหยุนเทียนคุกเข่าและตะโกนขึ้น “ขอรับ !”
แต่ละคนจะมีสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนมนุษย์ติดตาม
มีชายชุดดำกว่าร้อยคนและแต่ละคนก็มีสัตว์อสูรเหมือนมนุษย์ที่สูง 3 เมตรยืนอยู่ข้าง ๆ สัตว์อสูรเหล่านี้มีน้ำลายหยดลงมาออกจากปากและดวงตาของแต่ละตัวก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม !
กลุ่มชายชุดดำหลังรับคำสั่งมาแล้วพวกเขาก็วิ่งนำสัตว์อสูรของพวกเขาเข้าไปในป่าทันที
“ผงฟอสฟอรัสแดงนี้มีประโยชน์ในบางครั้งดีจริง แต่ใครจะไปคิดกันว่าจางผงฟอสฟอรัสทั้งหมด 3,600 เม็ด เพียงแค่แกตัวเดียวกลับดูดซับมันได้ถึง 3,000 เม็ด แกนี้มันน่าเหลือเชื่อจริง ๆ” ปากของชุยหยุนเทียนกระตุกในขณะเดินเข้าไปหาสัตว์อสูรร่างมนุษย์ที่มีเขายาวสีทองจาง ๆ บนหัว
“พวกนั้นลงมือแล้ว !”
“เป็นพวกมันงั้นรึ ?”
“พวกมันมีเพียงแค่ 200 คน แต่ถึงอย่างนั่นกลับต้องการฆ่าพวกกระต่ายนักเลงทั้งหมดด้วยฝ่ายเดียว ?”
ผู้ฝึกตนที่ซ่อนตัวอยู่มองฉากตรงหน้าด้วยความตกใจ อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะปิดบังตัวเอง ในขณะเดียวกันดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งไปยังรังของพวกกระต่ายนักเลง
“คนเหล่านี้แข็งแกร่งมาก พวกเขาต้องเป็นนักรบที่ผ่านการต่อสู้มาไม่น้อยกว่าร้อยครั้ง !” หลี่ปู้พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แรงกดดันแต่ละคนที่เล็ดลอดออกมามันทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างมาก !
‘ถึงข้าจะมีพลังขั้นสูงสุดของร้อยปี แต่ก็ไม่สามารถปะทะกับอีกฝ่ายได้ตรง ๆ ต่อให้เป็นการปะทะกันแบบหนึ่งต่อหนึ่งแต่โอกาสที่จะชนะก็อยู่ที่ 30 % เท่านั้น !’ หลี่ปู้ประเมินพวกเขาเงียบ ๆ
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มีพลังที่น่าตกใจ เมื่อมองจากระยะไกล ท้องฟ้าดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความมืดมิดและเสียงร่ำไห้ของวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วน
คนปกติไม่มีความกล้าแม้แต่จะยกมือต่อต้านผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้
ร่างที่ดูไม่ค่อยชัด 2 ร่างค่อย ๆ สลายไป ไม่มีใครสามารถมองเห็นร่างที่แท้จริงของพวกเขาได้
กลุ่มคน 200 คนราวกับเทพเจ้าแห่งความตายที่หนีออกมาจากนรก ไม่มีสัตว์อสูรตัวใดสามารถหยุดพวกเขาได้
ในเวลาเพียง 10 นาที กลุ่มกระต่ายนักเลงหลายร้อยตัวก็ถูกฆ่า แต่พวกเขาไม่ได้หยุดพักใด ๆ พวกเขาไล่ฆ่าพวกกระต่ายนักเลงในรังอย่างรวดเร็ว !
ชายชุดดำเหล่านี้ไม่ได้เคลื่อนไหวมากเกินไป พวกเขาเคลื่อนไหวให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด !
การใช้ดาบของพวกเขาดูไม่ค่อยน่าดูนัก มันขาดความยิ่งใหญ่ในการออกท่า แต่ทว่าทุก ๆ จังหวะมันกลับเต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระจายโดยไม่คำนึกว่าจะเป็นเพื่อนหรือศัตรู !
ดาบแต่ละอันราวกับถูกใช้มานับไม่ถ้วน การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งราวกับถูกจดจำเอาไว้ในกระดูกของพวกเขา ไม่มีการเคลื่อนไหวมากเกินไปแม้แต่น้อย มันราวกับมันคือวิชาดาบสังหาร !
แต่หากได้เข้าไปใกล้ ๆ จะรู้ได้ทันทีว่าผู้เชี่ยวชาญหลายร้อยคนที่สวมชุดดำนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่มันคือสัตว์อสูรรูปร่างมนุษย์ ! พวกมันโหดร้ายเกินไป พวกมันไม่มีแม้แต่อารมณ์หรือสติปัญญาใด ๆ !
พลังป้องกันของพวกมันน่ากลัวมาก ร่างกายของพวกมันแข็งแกร่งเป็นพิเศษและความเร็วก็เร็วจนน่าเหลือเชื่อ ทั้งหมดนี้เมื่อนำมารวมกันกลายเป็นว่าพวกมันคือเครื่องจักรสังหารที่ทรงพลังมาก !
“พวกมันเป็นสัตว์อสูรอะไรกัน ทำไมพวกมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ !”
“จริงอยู่ที่สัตว์อสูรพวกนั้นดูน่ากลัว แต่ดูนั้น ผู้ฝึกตนกว่า 100 คนตรงนั้นน่ากลัวกว่าสัตว์อสูรพวกนี้ซะอีก !”
“ใครกันที่สามารถเลี้ยงดูผู้ฝึกตนที่น่ากลัวได้มากมายขนาดนี้ พวกเรายังมีโอกาสอยู่จริง ๆ งั้นรึ ?”
ผู้เชี่ยวชาญที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ ๆ อ้าปากค้างในขณะมองการสังหารฝ่ายเดียว
เป่ยเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ต้นไผ่จักรพรรดิสวรรค์จะตกอยู่ในมือของพวกเขาแน่นอน
กลุ่มคน 200 คนราวกับหุ่นยนต์ที่ไม่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้า
ผ่านไป 16 ชั่วโมงและท้องฟ้าก็มืดมน ใน 1 วันมี 72 ชั่วโมง และคนกลุ่มนี้ก็ต่อสู้มาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเป็นเวลา 16 ชั่วโมง ไม่มีใครทราบเช่นกันว่ามีกระต่ายนักเลงกี่ตัวที่จบด้วยน้ำมือของคนเหล่านี้
อากาศเต็มไปด้วยเลือดหนา ๆ อย่างไรก็ตามไม่มีสัตว์อสูรตัวใดกล้ามาถึงบริเวณนี้แม้แต่น้อย พวกมันถอยห่างจากจุดนี้ให้ไกลมากที่สุด
กลิ่นเลือดของสัตว์อสูรเพียงหนึ่งหรือสองตัวอาจจะดึงดูดสัตว์อสูรเข้ามาใกล้ได้ อย่างไรก็สัตว์อสูรที่ตายไปนั้นคือกระต่ายนักเลงจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตายในเพียงเวลาสั้น ๆ และส่วนใหญ่ก็มีขั้นสามของร้อยปี นอกจากนี้มันยังมีขั้นสี่ของร้อยปีอยู่ด้วย มันจึงไม่แปลกที่สัตว์อสูรตัวใดก็ตามที่ได้กลิ่นเลือดที่ทรงพลังจะไม่กล้าเข้ามาใกล้ !
กลิ่นเหม็นของเลือดมันหนาจนไม่สามารถแยกแยะใด ๆ ได้ หากมีใครหายใจเข้าลึก ๆ ก็จะรู้สึกได้ถึงหมอกเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไหลเข้าไปในรูจมูก
มีเพียงกลุ่มคนน้อยกว่า 200 คนเท่านั้นที่ยืนอยู่กลางทะเลสาบเลือด !
หลังจากฆ่าสัตว์อสูรไปจำนวนมาก พวกเขาสูญเสียสัตว์อสูรในร่างมนุษย์ไปแล้ว 70 กว่าตัว นอกจากนี้ยังเสียคนในชุดคลุมไปอีก 3 คน การสูญเสียนี้มันทำให้ทุกคนต้องหวาดกลัว !
“นี่ละโอกาสที่ดีที่สุด !”
“หัวหน้า พวกเราควรใช้โอกาสนี้เคลื่อนไหวเลยหรือไม่ ?”
“หลังจากที่ต่อสู้มาเป็นเวลานาน คนพวกนี้น่าจะถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว บางทีพวกเราอาจจะฆ่าพวกเขาได้ก็ได้ !”
“ถ้าเราไม่รีบเคลื่อนไหวในตอนนี้ เมื่อคนพวกนี้ฟื้นคืนความแข็งแกร่งได้ พวกเราก็จะไม่มีแม้แต่ความหวังที่จะเอาสมบัติมาได้ !”
กลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่นั้นมีความคิดแบบเดียวกัน ตอนนี้จึงเกิดเป็นบรรยากาศแปลก ๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตราบใดที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขยับ ทุกคนก็ไม่ลังเลที่จะพุ่งออกไปเช่นกัน !
แรงกดดันที่คนเหล่านี้สร้างขึ้นมามันยิ่งใหญ่เกินไป หากคนเหล่านี้ไม่ถูกสังหารไปละก็ โอกาสที่พวกเขาจะได้สมบัตินั้นคงราวกับการปีนขึ้นไปบนสวรรค์ !
โอกาสแบบนี้หายากมาก – หลังจากผ่านการต่อสู้มายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือพลังจิตของพวกเขาจะต้องถึงขีดจำกัดแน่นอน พวกเขาทั้งหมดก็เหมือนฟางที่พร้อมจะแตกสลายเมื่อต้องสู้อีกครั้ง !
“ท่านหัวหน้าตระกูล พวกเราจะเคลื่อนไหวหรือไม่ ?” หลี่ปู้ถาม
“ไม่ มันไม่ได้แตกต่างกันเลยไม่ว่าเราจะเข้าร่วมกับคนพวกนั้นหรือเปล่า ข้ารู้สึกได้ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น”
ใบหน้าของเป่ยเฟิงเปลี่ยนไปมา คนกลุ่มนี้มันเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ หลังจากต่อสู้มานานกว่า 10 ชั่วโมงพวกเขาก็ยังคงสามารถกวาดล้างศัตรูที่มีมากกว่า 10 เท่าของจำนวนพวกเขาได้สบาย ๆ
ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตามมา อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงดูไม่กังวลแม้แต่น้อยเกี่ยวกับกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่
“ข้าเข้าใจแล้ว” หลี่ปู้พยักหน้าและเงียบไป
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่ามีกี่คนที่ซ่อนอยู่ในเงามืด มันไม่มีความแตกต่างแม้แต่น้อยที่คน 2 คนจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่
‘ปัง ปัง !”
ในขณะที่กลุ่มที่ซ่อนตัวกำลังวางแผนกันอยู่ ทันใดนั้นเสียงก้าวเดินก็ดังขึ้นก่อนจะกระจายไปไกลหลายกิโลเมตร !
หลังจากนั้นไม่นาน ร่าง 2 ร่างก็ค่อย ๆ ปรากฏตัว !