Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 546
เทือกเขาสูงของภูเขาร้อยทำลายนั้นทอดยาวไปไกลหลายพันลี้ สัตว์อสูรระดับราชามีไม่มากนัก แต่ถึงอย่างนั้นผ่านมานานหลายปีคนของดาวเทียนมู่ก็ยังไม่ลดละการสำรวจภูเขาแห่งนี้ แต่ทว่าความพยายามของพวกเขากลับไร้ค่า
แม้ว่าจะผ่านมานานหลายปี เทิอกเขาร้อยทำลายเสมือนกำแพงที่ไม่สามารถก้าวผ่านไปได้แม้ว่าจะใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
ไม่เคยมีผู้ฝึกตนคนใดฝ่าทะลุเทือกเขาร้อยทำลายไปได้ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในส่วนลึก
ใกล้กับจุดศูนย์กลางของเทิอกเขาร้อยทำลาย มันถูกล้อมรอบไปด้วยหุบเขาสูง
เป่ยเฟิงตอนนี้ไม่มีความหวังใด ๆ ที่จะควบคุมสัตว์อสูรระดับราชาพันปีอีกแล้ว มันดูเหมือนเขาไม่มีทางจะควบคุมพวกมันได้ในตอนนี้
มันไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่มีพลังขั้นร้อยปี พวกมันไม่มีค่านักที่จะใช้ในการควบคุมพวกสัตว์อสูรธรรมดา สำหรับผู้ฝึกตนนั้นพวกเขามีความสามารถในการเพิ่มพลังที่รวดเร็ว ทันทีที่พวกเขามีพลังขั้นราชาพันปีพวกเขาก็จะทำลายการควบคุมของเขาได้ นั่นเป็นเพราะการบรรลุระดับราชาพันปีหมายถึงการยกระดับชีวิต มันไม่เกินจริงแม้แต่น้อยหากจะกล่าวว่าเมื่อใดก็ตามที่บรรลุระดับราชาพันปี แม้แต่เซลล์เลือดและกระดูกของพวกเขาก็จะเปลี่ยนไปจากเดิม !
ซึ้งการเปลี่ยนแปลงนั้นจะชำระล้างสิ่งสกปรกที่อยู่ในกระดูก เซลล์ทุกอย่าง และนั่นก็รวมไปถึงสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในร่างกาย
‘ระดับนักตกปลาของข้ามาถึงระดับ 4 และตอนนี้ข้าก็มีแต้มประสบการณ์มากกว่า 11 ล้านแต้ม มันน่าจะเพียงพอที่จะอัพเกรดมันแล้ว’ เป่ยเฟิงพึมพำ แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป
‘ยิ่งระดับนักตกปลาของข้าสูงเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้สมบัติระดับสูงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น – ถ้ามันแข็งแกร่งเกินไปมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เบ็ดยับยั้งพลังของมัน ดูเหมือนถ้าจะอัพเกรดระดับนักตกปลาข้าจะต้องมีพลังขั้นราชาพันปีเสียก่อน’
เป่ยเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่เขาตัดสินใจ ส่วนอีกเหตุผลก็คือการเปลี่ยนแปลงในขณะอัพเกรดระดับนักตกปลามันยิ่งใหญ่เกินไป ต่อให้คนที่อยู่ห่างออกไปไกลหลายหมื่นลี้ก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
ย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่บนโลก หลิงฉีนับพันลี้ถูกดูดเข้ามาเพื่อใช้ในการอัพเกรดระดับนักตกปลาของเขา
และในครั้งนี้มันจะต้องยิ่งใหญ่กว่านั้นแน่นอน สิ่งที่แตกต่างไปคือนี่ไม่ใช่โลกใบเดิม ! ราชาพันปีมีอยู่ทุกหนแห่ง พวกมันมีความแข็งแกร่งเกินไป มีความเป็นไปได้ที่เขาจะตกอยู่ในอันตรายจากพวกมัน !
สำหรับตัวเขา มันไม่ใช่เรื่องยากหากอีกฝ่ายมีพลังเพียงขั้นร้อยปีหรือราชาพันปีธรรมดา ๆ
ส่วนความสงสัยที่มีกับระบบในตอนนี้ เขาแทบจะไม่คิดถึงมัน
อย่าลืมว่าระบบเคยช่วยชีวิตเขามาก่อน หากปราศจากมันเขาคงตายไปแล้ว
มันถึงเวลาที่ต้องกลับไปเมืองแล้ว เป่ยเฟิงคิดกับตัวเองในขณะฝึกฝนเคล็ดปลดปล่อยกายาเพื่อชำระล้างพลังจำนวนมากที่หลงเหลือในร่าง
มันไม่ใช่แค่พลังจากสมุนไพรเท่านั้น มันยังมีกระทั่งสิ่งสกปรกจำนวนมากเช่นกัน แม้ว่าร่างกายของเป่ยเฟิงจะปราศจากสิ่งสกปรก แต่นั่นก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเขาจะไม่ได้เอามันเข้าไป ตราบใดที่เขากินสมุนไพรจิตวิญญาณและเนื้อสัตว์อสูร มันก็ยังคงมีสิ่งสกปรกหลงเหลืออยู่ภายในร่างของเขา
และหากสิ่งสกปรกเหล่านี้ไม่ถูกขับออกมาจากร่างโดยเร็ว มันจะส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อร่างกาย ดังคำกล่าวที่ว่าทั้งหมดของยานั้นมีถึงหนึ่งในสามที่เป็นพิษ
“อัก !”
แรงกดดันมหาศาลบีบอัดทุกด้านใส่เขา มันไม่มีช่องว่างใด ๆ หลงเหลือแม้แต่น้อย มันราวกับค้อนสวรรค์กำลังทุบตีและปรับสภาพร่างกายของเป่ยเฟิง !
ใบหน้าของเขาไร้ความสุขหรือความเจ็บปวด ของเหลวที่เป็นสิ่งสกปรกจำนวนมากถูกขับออกมาราวกับสายน้ำ มันมีทั้งสีดำและสีม่วงที่ถูกขับออกมาจากผิวหนังของเขา !
“ปุ๊ !” สิ่งสกปรกที่ปะปนอยู่ในเลือดราวกับลูกธนู มันพุ่งออกมาจนทะลุพื้นกลายเป็นรูจำนวนมากบนพื้นหญ้าสีเขียว จากนั้นมันก็เปลี่ยนหญ้าเหล่านั้นให้เป็นสีเหลืองอย่างรวดเร็ว และส่วนใดก็ตามที่สัมผัสกับเลือดมันก็จะล่วงโรยไปในพริบตา
สามารถจินตนาการได้เลยว่าพิษที่เจือปนอยู่ในร่างของเขานั้นอันตรายแค่ไหน เพียงแค่มองจากภายนอกก็สามารถบอกได้เลยว่ามันสร้างความเสียหายได้มากแค่ไหนหากอยู่ในร่างกายของเป่ยเฟิง !
“ป๊อก !”
“ตุ้บ !”
เสียงราวกับเส้นเอ็นถูกดึงดังออกมาจากร่างของเป่ยเฟิง กล้ามเนื้อและมวลเนื้อของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากและเลือดฉีของเขาในตอนนี้ก็เปี่ยมไปด้วยพลัง !
เป่ยเฟิงลืมตาขึ้น พลังของสมุนไพรจำนวนมากในร่างถูกกลั่นแต่ยังคงหลงเหลืออยู่ เขาเพียงแค่ใช้เคล็ดปลดปล่อยกายาอีกไม่กี่ครั้ง พลังเหล่านั้นน่าจะถูกกลั่นโดยสมบูรณ์
หากคนอื่นได้เห็นความเร็วที่เป่ยเฟิงใช้ดูดซับและกลั่นพลัง มันคงกลายเป็นความโกลาหลครั้งใหญ่ !
ศิษย์ของนิกายและสำนักใหญ่จำนวนมากเกิดมาพร้อมกับช้อนเงินช้อนทอง แม้ว่าจะไม่ได้พูดถึงพรสวรรค์ แต่ความเร็วของพวกเขาก็ยังเร็วกว่าการฝึกฝนของคนปกติหลายเท่า
นั่นเป็นเพราะพวกเขามีทรัพยากรจำนวนมากให้พวกเขาใช้ มันจึงไม่แปลกที่จะก้าวหน้าได้เร็วกว่าคนธรรมดา !
แต่ทุกครั้งที่กลืนสมุนไพรจิตวิญญาณไป พวกเขาจะต้องใช้เวลาจำนวนมากเพื่อขับไล่สิ่งสกปรกที่ดูดซับออกมาจากตัวยาจนสมบูรณ์ !
หากทุกคนสามารถเพิกเฉยต่อพิษของยา เด็กที่เกิดมาร่ำรวยทุกคนคงได้รับการสนับสนุนจำนวนมากแล้วคงพัฒนาได้เร็วจนทุกคนที่พบต้องสิ้นหวัง !
แม้ว่าจะมีกำแพงที่คอยกั้นไว้ในแต่ละขั้น แต่ความเร็วของพวกเขาก็ยังเร็วกว่าคนธรรมดาอยู่ดี !
“ใครจะไปคิดกันว่าเคล็ดปลดปล่อยกายาที่ข้าสร้างขึ้นโดยบังเอิญมันจะเป็นประโยชน์ได้ดีขนาดนี้” เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ นี่ก็ถือว่าเป็นชะตากรรมที่ถูกกำหนดเอาไว้เช่นกัน
“มันถึงเวลาที่จะต้องหยุดฝึกฝนแล้ว พลังของข้าในตอนนี้มาถึงขั้นสูงสุดของสี่ร้อยปีและเป้าหมายต่อไปคือทำลายกำแพงของราชาพันปี มันไม่สามารถวิ่งได้และข้ายังต้องทำให้รากฐานมั่นคงเสียก่อน จากนั้นถึงค่อยทำลายคอขวดในครั้งเดียว !”
สายตาของเป่ยเฟิงไม่ได้มองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เขารู้ดีว่ารากฐานที่มั่นคั่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ความจริงแล้วการแบ่งขั้นพลังนั้นไม่มีสิ่งที่เรียกว่าครึ่งก้าวราชาพันปี เหตุผลเดียวที่ถูกเรียกแบบนี้ก็เพราะนี้คือคนที่ล้มเหลวการทำลายคอขวดไปยังขั้นราชาพันปี
แต่ถึงแม้พวกเขาจะล้มเหลว แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยังคงเหนือกว่าระดับร้อยปี นั่นก็เพราะพวกเขาถือได้ว่าอีกครึ่งทางพวกเขาก็จะทำสำเร็จในการบรรลุราชาพันปี !
เป่ยเฟิงไม่ได้มีความต้องการที่จะอวดอ้างว่าเขาสามารถบรรลุขั้นราชาพันปีได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาทำลอยคอขวด
เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ “ข้าตั้งตารอคอยที่จะก้าวไปยังระดับราชาพันปีแล้วในตอนนี้ !”
ตอนนี้ไม่ว่าจะร่างกายหรือเลือดฉีของเขาทั้งหมดเข้าใกล้ขั้นราชาพันปีได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพียงแค่ความแข็งแกร่งของร่างกายมันก็เพียงพอที่จะสู้กับครึ่งก้าวราชาพันปีที่อ่อนแอบางคน !
เช่นเดียวกันกับเลือดฉีของเขา มันมาถึงจุดสูงสุดของร้อยปีแล้ว มันบริสุทธิ์จนหาที่เปรียบไม่ได้ ปริมาณของเลือดฉีของเขานั้นมากกว่าคนที่มีพลังระดับเดียวกันถึง 10 เท่า และมันก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคนที่มีพลังครึ่งก้าวราชาพันปี !
แม้แต่เป่ยเฟิงเองก็ไม่รู้ว่าเขาในตอนนี้แข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน บางทีแม้ว่าจะเอาชนะราชาพันปีที่อ่อนแอบางคนไม่ได้ แต่เขาก็สามารถหลบหนีได้อย่างง่ายดาย !
ตอนนี้เขาต้องพักฟื้นและเหลือพื้นที่สำหรับเลือดฉีที่กำลังกลั่น หลังจากผ่านไประยะหนึ่งเขาถึงจะควบคุมพลังทั้งหมดของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อใดก็ตามที่เลือดฉีของเขาถึงขีดสูงสุดที่จะรับได้ นั่นจะเป็นวันที่เขาก้าวไปยังระดับราชาพันปี !
เมื่อร่างกายและเลือดฉีของเขาอยู่ในระดับราชาพันปี นั่นหมายความว่าอย่างน้อยเป่ยเฟิงจะมีพลังจิตวิญญาณถึง 2 แบบ และเมื่อเคล็ดบัญญัติกฏสวรรค์ของเขาบรรลุถึงขั้นสี่ เขาก็จะมีพลังจิตวิญญาณเพิ่มอีกหนึ่ง !
“หลี่ปู้ !” เป่ยเฟิงตะโกนชึ้นเมื่อยืนขึ้น เขาแต่งตัวด้วยชุดคลุมสีขาวโดยมีหยกสีเขียวห้อยอยู่ที่เอว ผมของเขาถูกมัดไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย เขาดูสง่างามราวกับตัวตนนิรันดร์ !
“ข้าน้อยอยู่นี่แล้ว !” ร่างของหลี่ปู้สูงขึ้นอีกขั้น เขาในตอนนี้สูงกว่า 1.9 เมตร ใบหน้าของเขาแน่วแน่และมั่นใจ ร่างของเขาเปล่งประกายความต้องการสู้ออกมาอย่างดุเดือดราวกับเขาคือเสือโคร่ง !
“เรียกทุกคนมา เราต้องกลับกันแล้ว !”
เสียงของเป่ยเฟิงดังขึ้นและนั้นทำให้หลี่ปู้รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
“ขอรับ !” หลี่ปู้พยักหน้าตอบกลับ
พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน ถึงมันจะดีสำหรับเขา แต่ผู้คุ้มกันบางคนนั้นมีครอบครัวรออยู่ข้างนอก เขายังต้องคำนึงถึงความรู้สึกของพวกเขาด้วย ในไม่ช้าร่างของเขาก็ค่อย ๆ หายไป
“โฮก !”
หลังจากหลี่ปู้จากไป เสียงคำรามก็ดังขึ้น มันดังราวกับฟ้าผ่า แรงกดดันมหาศาลพุ่งทะยานจนทำให้ทุกคนในหุบเขารู้สึกอึดอัด
“อย่าอวดดีให้มากนัก !” เสียงของหลี่ปู้ดังขึ้นและจากนั้นง้าวขนาดใหญ่ก็หล่นลงมาท้องฟ้าราวกับภูเขาลูกใหญ่ !
“แก๊ง !”
กรงเล็บสีดำพุ่งออกมา มันฉีกกระชากเมฆปะทะเข้ากับง้าว
“อัก !” เลือดไหลออกมาจากปากของหลี่ปู้ เขาก้าวถอยหลังหลายก้าว มือขวาของเขาสั่นสะเทือนอย่างแรง ฝ่ามือของเขาฉีกขาดจนเลือดไหลออกมาหยดลงพื้น
“ไร้คู่ต่อกร บดขยี้จันทรา !”
ดวงตาของหลี่ปู้ส่องประกาย เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของเขา เขาลอยขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกัยง้าวในมือ เขาในตอนนี้ราวกับเทพเจ้าสงครามที่พร้อมจะกวาดล้างทุกสรรพสิ่ง !
“ดูนั่น ! นั่นมันดวงจันทร์ !”
“เป็นไปได้ยังไงกัน นี้มันตอนกลางวันนะ !”
“มันคือท่าไม้ตายของหลี่ปู้ เขาแข็งแกร่งมาก … ระยะห่างของพวกเราในตอนนี้แตกต่างกับเขามากแค่ไหนกัน ?” บางคนพูดพร้อมกับถอดหายใจในขณะกำมือแน่น
“แรงกดดันของเจ้านั่นมาจากไหนกัน ? ท่านกู่ฉีอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ มันไม่น่าจะมีสัตว์อสูรตาบอดเดินเข้ามาในที่แห่งนี้ได้ไม่ใช่หรือยังไงกัน ?” ผู้คุ้มกันอีกคนตะโกนออกมาในขณะมองเห็นกรงเล็บสีดำขนาดใหญ่
“นั่นต้องเป็นสัตว์อสูรที่ท่านกู่ฉีพามาแน่ ๆ ! อย่างที่คิด สัตว์อสูรมันก็ยังเป็นแค่สัตว์อสูร นอกจากจะไม่ขอบคุณแล้วมันยังแว้งกัดพวกเรา ! ถ้ารู้ยังงี้เราน่าจะฆ่ามันซะตั้งแต่ตอนแรก !” อีกคนพูดด้วยความโกรธ
เมื่อเขาพูด เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ากู่ฉีและลูกน้องทั้งสองหันมามองเขาด้วยสายตาเฉยชา …
“โฮก ! พลังจิตวิญญาณ กวาดล้างมังกรทอง !” เสียงดังขึ้นจากนั้นแสงสีทองก็พุ่งออกมาจากห้องหินตัดผ่านหน้าผาจนเกิดรอยลึกพร้อมกับปลดปล่อยแสงจาง ๆ ลอยค้างอยู่บนท้องฟ้า !
ดวงจันทร์ที่สว่างไสวขนาดเท่ารถม้าค่อย ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ลอยมาอยู่ด้านหลังหลี่ปู้ ดวงจันทร์เต็มไปด้วยรอยบุบและมันดูราวกับเป็นดวงจันทร์จริง ๆ มันส่องประกายแสงจันทร์ลงมาและเปลี่ยนพื้นที่กว่าพันเมตรให้ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง !
“บูม !” ทันใดนั้นพื้นดินก็เกิดแรงสั่นสะเทือน รอยแตกค่อย ๆ ปรากฏบนพื้นราวกับไม่สามารถรองรับแรงกดดันได้ไหว พื้นค่อย ๆ แตกอย่างรวดเร็วจากการปะทะกันของแสงจันทร์และแสงสีทอง มันปะทะกันจนเกิดการระเบิดกระจายออกไปทุกทิศทาง !
ระเบิดแสงสีเงินและทองกระจายออกไปทุกทิศทาง
เมื่อแสงสีเงินตัดผ่านภูเขาขนาดเล็ก มันทำให้ภูเขาลูกนั่นเอียงเงียบ ๆ ก่อนจะถล่มลงมา !
เมื่อแสงสีทองตัดผ่านภูเขา มันได้กลายเป็นช่องว่างราวกับหน้าผาขนาดใหญ่กว่าพันเมตร จากนั้นพื้นภูเขาที่ถูกตัดก็ถล่มลงมา !