Fishing in the Myriad Heavens - ตอนที่ 548
เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เดินผ่านป่าอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นโดยรอบอย่างต่อเนื่อง
ภูเขาร้อยทำลายมีขนาดใหญ่เกินไป มันมีสัตว์อสูรจำนวนมาก แต่ทว่าคนที่มาทิ้งชีวิตที่นี่ก็มีมากขึ้นทุกวันเช่นกัน !
มนุษย์ต้องการทรัพยากรในภูเขาร้อยทำลาย พวกเขาออกล่าสัตว์อสูร ค้นหาสมุนไพรจิตวิญญาณและแร่ธาตุล้ำค่า
ในขณะเดียวกันสัตว์อสูรก็ต้องการล่ามนุษย์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเช่นกัน
“ตาย !” หลี่ปู้ชี้นิ้วออกไป จากนั้นเลือดฉีของเขาก็พุ่งออกมาและสังหารสัตว์อสูรที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบจั้ง
กลุ่มของพวกเขาอยู่ในป่ามาหลายวัน แม้ว่านี่จะเป็นเขตนอกของภูเขาร้อยทำลาย แต่มันก็ยังมีสัตว์อสูรขั้นครึ่งก้าวราชาพันปีปรากฎที่นี่
นอกเหนือจากมนุษย์และสัตว์อสูรแล้ว ยังมีกลุ่มผู้ฝึกตนที่รออยู่แถวรอบนอกเพื่อรอล่านักล่าคนอื่นที่กำลังเดินทางกลับจากภูเขาร้อยทำลาย
เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เจอพวกโจรหลายครั้งในการเดินทางของพวกเขา แต่สุดท้ายก็จบลงที่การทำลายกลุ่มและมอบชะตากรรมให้พวกโจรเหล่านั้น
หลี่ปู้ขุดแกนสัตว์อสูรออกมาแล้วกลับไปรายงาน “ท่านหัวหน้าตระกูล อีกครึ่งวันน่าจะถึงเมือง”
ส่วนอื่น ๆ ของสัตว์อสูรไม่มีใครสนใจมากนัก
พวกเขาเก็บเกี่ยวมาจำนวนมากในหลายวันมานี้ แหวนมิติของพวกเขาเกือบเต็มแล้ว ในเวลานี้มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใส่สัตว์อสูรตัวใหญ่ลงไปในแหวน
“อืม รีบไปกันเถอะ” เป่ยเฟิงพยักหน้าเบา ๆ เมื่อมองดูซากสัตว์อสูรขนาดใหญ่ตรงหน้า เขารู้สึกเสียดาย ในเวลานี้มันทำให้เขาคิดถึงแหวนมิติวงเดิมจากโลกเก่าของเขา
แม้ว่าพื้นที่เก็บของในแหวนวงปัจจุบันจะไม่เล็ก แต่มันก็ไม่ได้ใหญ่ พื้นที่เก็บของมันมีจำกัด
แม้แต่แหวนมิติที่ใช้เก็บของที่ใหญ่ที่สุดในมือของเขามันกว้างเพียงหนึ่งร้อยลูกบาศก์เมตรเท่านั้น และนี่เป็นแหวนที่เขาได้มาจากซู่หยุนจง
มูลค่าของแหวนมิติวงนี้ไม่น้อยไปกว่าหินจิตวิญญาระดับสูง 10000 ก้อน !
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ร่างของเมืองก็ปรากฎจากระยะไกล มันมีขนาดใหญ่และน่าเกรงขาม แม้ว่าจะเป็นเมืองแต่มันก็เป็นป้อมปราการป้องกันไปในตัว
เป่ยเฟิงหันไปพูดกับสัตว์อสูรทั้งสาม “เรามาถึงเมืองกันแล้ว พวกเจ้าลดขนาดตัวลงซะ”
“กี้ กี้ !” กู่ฉีพยักหน้าแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เจ้ากระต่ายตัวนี้มันสูงเพียง 2 เมตรแต่แรกแล้ว
ฮานกุยและเจ้าตัวนิ่มก็พยักหน้าและร่างของพวกมันก็หดตัวลงจนสูงเพียงสองเมตร ออร่าของพวกมันก็หดลง ดวงตาของพวกมันเปล่งประกายด้วยความคาดหวัง
ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าเมือง ร้านค้าจำนวนนับไม่ถ้วนเรียงรายอยู่สองข้างทางของถนนที่กว้างขวาง ถนนเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนที่ทรงพลังและอ่อนแอ
สัตว์อสูรบินได้ สัตว์อสูรหน้าตาแปลกประหลาด ตึกสูงและมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันมันทำให้เมืองนี้ราวกับเมืองที่ไม่น่าจะมีได้
“นายท่าน ขอเวลาสักครู่ !” ผู้ชายแต่งตัวในชุดสีเขียวเดินเข้าหากลุ่มเป่ยเฟิงพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้า หากมีหางเขาคงส่ายหางไปด้วย
หลี่ปู้และคนอื่น ๆ จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับจิตสังหารที่ปะทุออกมา พวกเขาล้อมรอบเป่ยเฟิงเพื่อปกป้องเขา พวกเขาอาศัยอยู่ในภูเขาร้อยทำลายเป็นเวลานานมันจึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิตจำนวนมาก มันจึงไม่แปลกที่จิตสังหารของพวกเขาจะรุนแรงมาก
หลู่จี้รู้สึกอึดอัดอย่างมากภายใต้การข่มขู่ของหลี่ปู้และคนอื่น ๆ คนพวกนี้แข็งแกร่งมาก ! แต่เขาก็มุ่งมั่นที่จะเดินมาหาให้ได้ เขาเดินมาโดยที่ก้มหัวอยู่ตลอดเวลาและพูดขึ้น “นายท่าน ข้าไม่มีเจตนาร้าย ข้าเป็นคนของหอการค้าชิงโจว ข้าแค่ต้องการซื้อสมุนไพรจิตวิญญาณและสัตว์อสูรจากพวกท่าน”
“ปล่อยเขาเข้ามา” เสียงของเป่ยเฟิงดังขึ้นเล็กน้อยและมันก็ทำให้หลู่จี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ขอรับ !”
หลี่ปู่และคนอื่น ๆ ก้าวออกไปข้าง ๆ และปล่อยให้หลู่จี้เข้าไปหาเป่ยเฟิง อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงจับตามองหลู่จี้ไม่ห่าง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าท่านหัวหน้าตระกูลจะแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับทุกอย่าง แต่พวกเขาก็ต้องการทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันตามภารกิจของพวกเขา
“นายท่าน ข้ามาจากหอการค้าเล็ก ๆ นามว่าชิงโจว” หลู่จี้มองเป่ยเฟิงและโค้งคำนับพร้อมกับแนะนำตัวเอง
เป่ยเฟิงพยักหน้าและถามขึ้น “แล้วหอการค้าของเจ้าอยู่ไหน ?”
เมื่อต้องเจอแรงกดดันจำนวนมาก หลู่จี้เช็ดเหงื่อบนคิ้วของเขาและตอบเป่ยเฟิง “นายท่าน หอการค้าของเราอยู่ที่ใจกลางเมือง รากฐานของเราแข็งแกร่งมากท่านจึงไม่ต้องกังวล ถ้าหากท่านไม่อยากจัดการเอง ข้ายินดีจะจัดการแทนท่านได้”
หลู่จี้กล่าวราวกับเขากำลังทำการค้าขายในนามของหอการค้าชิงโจว แต่หากใครมาเจอเขา คน ๆ นั้นคงมองเขาด้วยความเหยียดหยามเพราะที่จริงแล้วเขาเป็นเพียงตัวแทนขายตัวเล็ก ๆ ที่มีพลังเพียงขั้นสามของร้อยปีเท่านั้น ทุกครั้งที่มีการซื้อหรือขายสมุนไพรจิตวิญญาณหรือแกนสัตว์อสูร เขาจะได้ค่าคอมมิชชั่นด้วยนั่นเอง
“นำทาง” เป่ยเฟิงพยักหน้าและยิ้มให้หลู่จี้
เป่ยเฟิงมีการเก็บเกี่ยวที่ดีมากในหลายวันนี้ แต่มันก็มีหลายอย่างที่เขาไม่ได้ใช้ด้วยเช่นกัน แทนที่จะเก็บเอาไว้เขาเลือกที่จะขายบางอย่างที่ไม่จำเป็นไปดีกว่า
เพราะเหตุนี้เขาจึงเลือกที่จะปฏิเสธที่จะให้หลู่จี้จัดการ วัตถุดิบสัตว์อสูร แร่ธาตุและสมุนไพรจิตวิญญาณระดับต่ำบางชนิดนั้นมันไม่มีประโยชน์สำหรับเป่ยเฟิงนัก
“ขอรับ ทางนี้เลยขอรับ” ใบหน้าของหลู่จี้สว่างด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับนำทาง เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้จะสนใจทำการค้าขายกับเขา
“หอการค้าชิงโจว ไม่เลวจริง ๆ” เป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ ล้วนเป็นผู้ฝึกตน ความเร็วของพวกเขาจึงเร็วมาก เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงใจกลางเมือง อาคารสูงกว่า 500 เมตรปรากฎตรงหน้าพวกเขา
สภาพแวดล้อมที่นี่ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นจุดศูนย์กลางของจัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างกว่าสิบกิโลเมตร จริง ๆ แล้วมันเป็นพื้นที่ใช้ลงจอดของเรือสงคราม ดังนั้นพื้นที่โดยรอบจึงเป็นอาคารของหอการค้าที่ทรงพลังที่สุด
หอการค้าชิงโจวถือได้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าหอการค้ารอบ ๆ ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนเดินเข้าหอประตูอย่างต่อเนื่อง ฉากตรงหน้ามันดูคึกคักอย่างมาก
หลังจากนำเป่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เข้ามาแล้ว หลู่จี้ก็รีบรายงานความต้องการกับแผนกต้อนรับทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินนำไปยังคลังเก็บของขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของอาคาร
“มันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่นอนที่ท่านเลือกจะทำการค้าขายกับทางเรา พวกเรามีนักประเมินมืออาชีพที่สามารถประเมินมูลค่าของสินค้าของท่านได้อย่างรวดเร็ว” หลู่จี้กล่าวกับเป่ยเฟิงและถามขึ้น “ใช่แล้ว นายท่านต้องการขายอะไรหรือขอรับ ?”
“ค่อยมาคุยกันต่อหลังจากนักประเมินของเจ้ามาแล้วกัน” เป่ยเฟิงยิ้มจาง ๆ การเก็บเกี่ยวของเขายอดเยี่ยมมาก มันยอดเยี่ยมขนาดที่แหวนเก็บของ 40-50 วงถูกเก็บจนเต็ม
และนั่นเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเป่ยเฟิงยังมีแหวนมิติของผู้ฝึกตนหลายร้อยคนอีก ซึ้งของทั้งหมดนั้นถูกแบ่งและคัดแยกโดยหลี่ปู้และคนอื่น ๆ ในตอนที่ว่าง
เป่ยเฟิงนั่งอยู่ด้านนอกคลังเก็บของ เขาพูดคุยกับหลู่จี้ไปเรื่อย ๆ พร้อมกับดมชาไปในตัว
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ คิ้วของเป่ยเฟิงยิ่งขมวดมากขึ้น
“นายท่าน โปรดรอซักครู่ ข้าจะไปดูให้” เมื่อเห็นว่าคิ้วของเป่ยเฟิงขมวดและหน้าผากเริ่มมีรอยย่น เขารีบลุกขึ้นแล้วออกไปทันที
เวลาผ่านไปสิบนาที ชาเริ่มเย็น เป่ยเฟิงลุกและจากไปพร้อมกับหลี่ปู้และคนอื่น ๆ
หลู่จี้ยิ้มให้กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งในขณะเดินไปด้วย “ท่านอาจารย์หยาน เขาคือลูกค้ารายใหญ่ ! ลูกค้าท่านนี้รอท่านมานานแล้ว …”
“อะไร ? ข้าเพิ่งประเมินของสำคัญให้นายท่านไปและตอนนี้ข้าก็เหนื่อย ข้าต้องการพักผ่อน”
เด็กหนุ่มสวมชุดคลุมสีม่วงนอนขึ้เกียจอยู่บนโซฟาโดยมีข้ารับใช้สองคนปอกเปลือกองุ่นให้เขากินด้วยความอดทน หยานฮั่วไม่สนใจหลู่จี้แม้แต่น้อย ครั้งสุดท้ายที่เจ้านี่บอกว่า “ลูกค้ารายใหญ่” สุดท้ายมันก็เป็นสิ่งของที่มีมูลค่าเพียงแกนอสูร 100 แกนเท่านั้น
“น่าสนใจ หลู่จี้ ใช่ไหม ? ข้าให้โอกาสพวกเจ้าและคิดจะมอบของขวัญให้ทีหลัง แต่นี้คือสิ่งที่พวกเจ้าทำกับข้า ?” เสียงเย็นชาดังขึ้น หยานฮั่วและหลู่จี้ต่างก็ตกใจ พวกเขามองไปรอบ ๆ และเห็นชายหนุ่มผิวขาวยืนอยู่ที่ประตู
ใบหน้าของหยานฮั่วเย็นชาและตะโกนขึ้น “แกเป็นใคร ?”
คนที่อยู่ตรงประตูคือเป่ยเฟิง เขากำลังพาหลี่ปู้่และคนอื่น ๆ จากไป แต่เขากลับได้ยินการสนทนากับทั้งสองก่อน
“ท่านอาจารย์หยานระงับความโกรธก่อน ท่านนี้คือลูกค้าที่ข้าบอกว่า…”
“ลูกค้า ? จากลักษณะของเจ้านี่มันเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นร้อยปีเท่านั้น ลูกค้ารายใหญ่ยังไง ? ไม่เป็นไร ในเมื่อเจ้ามาแล้วข้าจะประเมินให้ !” หยานฮั่วเหยียดหยาม เขาไม่ซ่อนความคิดของเขาแม้แต่น้อย เขาไม่รอให้หลี่จู้ได้ทันตั้งตัวเขาก็หันไปพูดกับเป่ยเฟิงโดยใช้ถ้อยคำหยิ่งยโส
หยานฮั่วมีสิทธิ์ที่จะหยิ่ง เขาได้เป็นนักประเมินตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากนี้ผู้อาวุโสของเขายังเป็นผู้บริหารระดับสูงของหอการค้าชิงโจว มันจึงไม่แปลกที่เขาจะไม่เห็นค่าเป่ยเฟิงในสายตา
อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเป็นขั้นร้อยปีระดับไหน หยานฮั่วไม่สนใจแม้แต่น้อย
“โอ้ ข้าตัดสินใจจะไม่ขายที่นี่อีกแล้ว หลู่จี้ เจ้ามีความกล้าที่ดี ข้าจะมอบโอกาสให้จ้า เจ้าสนใจหรือไม่ ?” เป่ยเฟิงมองหยานฮั่วชั่วครู่และหันกลับมามองหลู่จี้
“ข้าไม่แน่ใจว่าโอกาสที่นายท่านหมายถึงมันคือ … ?” หลี่จู้ถามด้วยความสับสน
“ฮึ่ม ! ไม่ขาย ? แกเล่นตลอดอะไรกับข้า ? แกรู้ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในเมื่อกล้าล้อเล่นกับข้า !” หยานฮั่วเริ่มโกรธเมื่อเห็นเป่ยเฟิงเหยียดหยามเขา
“โอ้ ? แล้วจะทำไม ? ข้าอยากจะรู้” เป่ยเฟิงถามด้วยความสนใจ อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง
หยานฮั่วกดปุ่มและตะโกนขึ้น “เด็ก ๆ มีคนมาสร้างปัญหาที่นี่”
หลังจากนั้นเขาก็กอดอกและยิ้มเย็นชาใส่เป่ยเฟิง
เป่ยเฟิงยิ้มและมองหลู่จี้ “โอกาสที่ขอมอบให้ก็ง่าย ๆ เจ้าลาออกจากที่นี่แล้วพาข้าไปอีกหอการค้า จากนั้นข้าจะขายของที่ข้ามีผ่านเจ้า เป็นข้อตกลงที่ดีว่าไหม”
เพียงชั่วเวลาสั้น ๆ เป่ยเฟิงประทับใจหลู่จี้ไม่น้อย
“นี่มัน … ขอบคุณมากสำหรับโอกาสที่นายท่านมอบให้” หลู่จี้มีใบหน้าที่ขัดแย้งไปมา แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะปฏิเสธ จากมุมมองของเขา หากปราศจากหยานฮั่ว เขาไม่รู้ว่าค่าคอมมิชชิ่นที่จะได้นั้นคุ้มหรือไม่
เป่ยเฟิงส่ายหัวเบา ๆ เมื่อได้ยินคำตอบ เขาให้โอกาสอีกฝ่ายไปแล้ว แต่สุดท้ายก็เป็นโชคชะตาของเขาที่ไม่ต้องการมัน
“หลี่ปู้ ตบปากเจ้านั่น จำไว้ว่าอย่าฆ่ามัน การฆ่าคนในเมืองมันจะทำให้เราลำบาก” คำพูดของเป่ยเฟิงก้องกังวานเบา ๆ จากนั้นเขาก็เดินจากไป
“ขอรับ !”
หลี่ปู้พยักหน้าและร่างของเขาก็ปรากฏตรงหน้าหยานฮั่ว เขาเหยียดมือออกไปและจับไหล่เขา จากนั้นเลือดฉีของเขาก็เปลี่ยนเป็นฝ่ามือแล้วตบไปที่ใบหน้าของหยานฮั่ว
“เพี๊ยะ !”
“อ๊ากกก !”
แม้ว่าหลี่ปู้จะยับยั้งพลังเอาไว้ แต่การตบเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หยานฮั่วกรีดร้องเหมือนหมู ฟันของเขาหลุดไปเกือบครึ่ง !
“แกกล้าตบข้า ? พวกแกทุกคนต้องตาย ! แกไม่มีวันได้ออกไปจากตึกนี้แบบมีชีวิต !” หยานฮั่วจับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากปาก เขาดูน่าเวทนาอย่างมากในตอนนี้
“น่ารำคาญ !” หลี่ปู้ขมวดคิ้วและตบหน้าเขาอีกครั้ง !
ถึงแม้หยานฮั่วจะดูมีความสามารถพอตัว แต่เขาจะต่อกรกับหลี่ปู้ได้ยังไงกัน ? เขาในตอนนี้ราวกับไก่ที่ถูกผูกติดกับเสาและถูกทรมานโดยไม่สามารถตอบโต้ได้